เดลินิวส์ 6/9/2542
รวบ 12 สาวก'ไชยบูลย์'ยักยอกทรัพย์
คดีธรรมกายบาน เตรียมออกหมายจับอีก 12 สาวกสนิทนะจ๊ะ "ไชยบูลย์" ฐานร่วมกันยักยอกเงินวัด และปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ถูกหวยวันนี้ 2 คน"ม. กับ ช." ตำรวจมั่นใจ เอกสารแน่นหนาดิ้นไม่หลุดทั้งกระบิ ประกาศลั่นไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง วัดฉาวออกโปรเจคท์ใหม่"เดอะไลท์ออฟฟิซ" เปิดจองบัตรสัปดาห์หน้า เรียกร้องให้ญาติโยมมาร่วมกันทำบุญจุดแสงสว่าง 2 แสนคนอ้างเพื่อสันติภาพโลก"ไชยบูลย์" ออกหน้าเองปลุกระดมคนเรียกร้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญโวยถูกรังแกรอบด้าน
ที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง ปทุม-ธานี เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 5 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้เดินทางมาปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ต้นเดือน ทางวัดจะมีกิจกรรมที่เรียกว่า พิธีถวายข้าว พระพุทธเจ้า อัน เป็นพิธีที่นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายเคยระบุอยู่เสมอว่า ได้เข้าเฝ้าถวายข้าวพระพุทธเจ้า และมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ทำได้คือนายไชยบูลย์กับยายชีจันทร์ ขนนกยูง
พิธีเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. โดยนายไชยบูลย์ได้ออกมา เป็นประธานในพิธีและนำผู้มาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ จากนั้น ได้กล่าวแก่ผู้มาปฏิบัติธรรมทั้งหลายว่า วันนี้เป็นวันบูชาข้าวพระที่ยึดถือต่อเนื่องมากกว่า 1,000 ปี การบูชาข้าวพระคือการที่พระระลึกถึงพระพุทธเจ้าในสมัยดำรงชีพ พระองค์ทรงบิณฑบาต หลังจากที่พระองค์ทรงดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว จึงอยากใส่บาตรพระองค์ท่าน ต้องหาพุทธปฏิมากรเป็นตัวแทน จัดอาหารตั้งไว้ที่โต๊ะหมู่บูชาถวายเป็นพุทธบูชา เป็นการบูชาแบบขอถึง เมื่อหลวงพ่อวัดปากน้ำค้นพบวิชชาธรรมกายจึงสามารถที่จะนำอาหารไปบูชาแบบเข้าถึงพระพุทธเจ้าได้
นายไชยบูลย์กล่าวต่อไปว่า เสร็จพิธีแล้วอย่าเพิ่งกลับบ้านกันนะลูกนะ จะมีรายการพิเศษตอนภาคบ่าย นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความของวัดพระธรรมกายจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญให้ฟัง จะพูดความในใจ เกี่ยวกับเรื่องการที่ได้ร่วมลงชื่อเพื่อเรียกร้องสิทธิอันควรได้ เพื่อให้กฎหมายรัฐธรรมนูญนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น จะได้เอามาใช้ เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย จะได้รับความรู้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้นายผ่อง เล่งอี้ จะมากล่าวความในใจที่จะเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประเทศชาติบ้านเมือง กระทั่งต่อโลก
"อีกเรื่องหนึ่งเป็นข่าวดีสำหรับลูกทุกคนจำเป็นต้องแจ้งให้ทราบ เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากคือ มูลนิธิธรรมกาย ในฐานะเอ็นจีโอแห่งองค์การสหประชาชาติ ได้ร่วมกับองค์กรเอ็นจีโอแห่งสหประชาชาติอีกกว่า 300 แห่งทั่วโลกและสภาสหัสวรรษ จัดงานเฉลิมฉลองการเข้าสู่สหัสวรรษแห่งสันติภาพในวันที่ 31 ธ.ค. 2542-2 ม.ค. 2543 โดยเราจะร่วมกันจุดแสงสว่างแห่งสันติภาพหรือที่เรียกว่าเดอะไลท์ออฟฟิซ ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. เวลา 23.59 น. พร้อมกันทั่วโลก"
นายไชยบูลย์กล่าวต่อไปว่า โครงการนี้จะมีการถ่ายทอดไปทั่วโลก โดยผ่านดาวเทียมเคเบิลทีวี ขอเชิญทุกท่านล่วงหน้าให้มาร่วมกันเฉลิมฉลองการเข้าสู่สหัสวรรษแห่งสันติภาพ มาร่วม กันจุดแสงสว่างแห่งสันติภาพไม่มีการแบ่งเชื่อชาติศาสนา ธุดงค์ สวดมนตร์ นั่งสมาธิ ฟังธรรม ใส่บาตร แผ่เมตตาจิตนำบุญกุศลที่ได้รับมาแผ่ไปยังพี่น้องทั่วโลกให้ได้พบสันติสุข ในวันนั้นจะจุดกันรอบมหาธรรมกายเจดีย์ แต่ที่บริเวณนั้นมีจำกัดจำเป็นต้องมีการจองกันล่วงหน้า คาดว่าจะสามารถบรรจุได้ราว 200,000 คน จะเปิดให้จองสัปดาห์หน้าต้องรอให้บัตรเสร็จก่อน ต่อไปนี้อีก 1,000 ปี ทุกคนจะเข้าถึงรัตนภายในและภายนอกจะสมบูรณ์ด้วยความสุขความบันเทิงทั้งหลาย บัตรที่แจกให้หลังจากลงชื่อจองนั้นต้องเก็บไว้ให้ดี เพราะมีของขวัญมอบให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พิธีกรรมในช่วงเช้าดำเนินการเสร็จ โทรทัศน์วงจรปิดภายในวัดได้แพร่ภาพเทป บันทึกรายการ"กรองสถาน การณ์" ของสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ โดยระบุว่ารายการดังกล่าวนี้และรายการตามหาแก่นธรรมนั้น ได้ใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่น จาบจ้วงพระเถรานุระชั้นผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการตอบโต้กันระหว่างนาย สุลักษณ์ ศิวรักษ์หรือ ส.ศิวรักษ์ นักวิชาการชื่อดังกับพระธรรมราชานุวัตร รองเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือหลวงเตี่ย
ในช่วงที่แพร่นั้นได้มีการตัดต่อรายการดังกล่าวในช่วงที่ ส.ศิวรักษ์ เก็บอารมณ์ไม่อยู่ถึงขั้นชี้หน้าพระธรรมราชานุวัตร ซึ่งได้มีเสียงบรรยายว่า การคุกคามทำลายพระพุทธศาสนาในรูปแบบของสื่อต่าง ๆ ขอให้มีวิจารณญาณในการบริโภคข่าวสาร รวมทั้งได้ขอให้ร่วมกันออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา และเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบโดยเฉพาะกรมประชาสัมพันธ์ สื่อวิทยุ โทรทัศน์และสื่อหนังสือสือพิมพ์เสนอข่าวสารที่เป็นกลางและเที่ยงตรงด้วย ทำให้ผู้ที่มาร่วมในงานวิพากษ์ วิจารณ์สื่อมวลชนอย่างมากมาย
ต่อมาเวลา 14.45 น. บริเวณสภาธรรม กายสากลทางวัดได้จัดเสวนา"กล้าตะวัน" ขึ้นโดยมีวิทยากรคือ นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ สาวกคนสำคัญวัดพระธรรมกาย นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความวัด พระธรรมราชานุวัตร รองเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มีนายมานิตย์ รัตนสุวรรณ สาวกและประธานที่ปรึกษามูลนิธิธรรมกาย เป็นผู้ดำเนินรายการ
นายผ่อง กล่าวว่า ได้ยึดมั่นในหลายสิ่งเช่นประการแรก หนึ่งสู้ดีกว่าล้านถอย ประการที่สอง ถูกหนึ่งส่วนดีกว่าล้านส่วนที่ผิด ประการสุดท้าย ตำแหน่งและทรัพย์สมบัติในทางโลกมีไว้สำหรับสร้างบารมี ซึ่งยึดมั่นในการทำงานสร้างบารมีให้นายไชยบูลย์และแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง เหตุการณ์เกือบ 1 ปี ที่เกิดกับวัดพระธรรมกายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เป็นโอกาสสร้างบารมี เป็นการทดสอบว่าทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ เราพร้อมที่จะพิสูจน์ ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นถูกต้องแล้ว สิ่งที่ภูมิใจมากที่สุดในชีวิตคือได้มีโอกาสมาเป็นลูกนายไชยบูลย์ มาเป็นหลานแม่ชีจันทร์ที่วัดพระธรรมกาย
"ผมเคยปวารณาตัวว่าจะถวายชีวิตนี้ให้หลวงพ่อที่ดอยสุเทพ นอกจากนี้ลูกคนไหนที่หลวงพ่อเห็นว่าเหมาะสมผมก็ถวายด้วย ซึ่งผมก็ได้ทำไปแล้ว และเมื่อได้มีโอกาสไปออกรายการโทรทัศน์แล้วถูกถามว่ารักหลวงพ่อมากไหม ผมก็บอกว่าผมรักยิ่งกว่าพ่อ ผมสามารถสู้จนตัวตาย ไม่ใช่ฆ่าตัวตาย ผมบอกว่าผมยอมตายเพื่อหลวงพ่อได้ แต่ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ จะฆ่าตัวตายเหมือนบางลัทธิ"
นายผ่องกล่าวอีกว่า วัดพระธรรมกายตั้งขึ้นมาตามหลักพุทธศาสนา พระธรรมวินัยและตามกฎหมายทุกประการ ไม่คิดที่จะแยกนิกายโดยเด็ดขาดและไม่มีวันนั้น ฝากไปถึง รมว.ศึกษาฯเพราะฟังให้สัมภาษณ์แล้วรู้สึกคล้าย ๆ กับว่าอยากจะไล่พวกเราให้ไปพ้น ๆ เพื่อจะได้มาริบทรัพย์ สมบัติของพวกเราที่มีมาทั้งหมด มันจะไม่เป็นการทำร้ายจิตใจเรามากไปหรือ และก่อนที่ท่านจะมาเอาทรัพย์สมบัติเรา เอาทรัพย์สินที่เราสร้างมาด้วยจิตและวิญญาณเกือบ 30 ปี ลืมไปได้เลย อย่าฝันไปเลย นอกจากนี้นายผ่องกล่าวต่อไปอีกว่า คนที่อยู่ในตำแหน่งต้องเอาตำแหน่งหน้าที่ไปทำความดี ไม่ใช่เอาไปกลั่นแกล้งผู้อื่น และอย่าใช้อำนาจหน้าที่ของรัฐมาข่มขู่ทำลายหรือยุแยงให้แตกความสามัคคี เพราะนอกจาก ไม่เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามจรรยาบรรณของข้าราชการแล้ว ยังขัดรัฐธรรม นูญหลายมาตราด้วย ส่วนกรณีที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ไม่รับคำร้องของวัดพระธรรมกายไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่รับก็ต้อง มีเหตุผลชี้แจงและถึงแม้ไม่รับก็ใช่ว่าเราจะหมดหนทาง รัฐธรรมนูญยังมีช่องทางที่เราสามารถทำได้อีกหลายประการ แต่ยืนยันจะไม่ใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหาเด็ดขาด
นายสนธยา โพธิ์แดง กล่าวว่า ทราบว่ามีการข่มขู่หากใครร่วมลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้ตนไปยื่นร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องถูกออกจากราชการ ออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องถูกสอบสวน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการรอนสิทธิ ซึ่งการรอนสิทธิที่เราถูกกระทำมากที่สุดคือการดำเนินคดีนายไชยบูลย์ จึงเป็นเหตุให้เราต้องเรียกร้อง ให้รัฐเข้ามาปกป้องคุ้มครองและที่ไม่เลือกที่จะฟ้องศาล ไม่แจ้งความดำเนินคดีกับสื่อมวลชน ตำรวจ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาฯ เพราะเราเป็นวัด ไม่อยากให้ทางโลกกับทางธรรมยุ่งเกี่ยวกัน ถ้าทางโลกมองว่าทางธรรมไม่ดีก็ขอให้พวกเราถือเสียว่าพวกเขาไม่มีศาสนาก็แล้วกัน
ทนายความวัดพระธรรมกายกล่าวต่อไปว่า ขอให้มีการชี้แจงว่าคำสอนวัดพระธรรมกายผิดหลักธรรมวินัยตรงไหน สอนผิดและผิดธรรมวินัยข้อไหน ศาสนาพุทธยังมีหินยานและมหายาน ในมหายานยังมีธรรมยุตและมหานิกาย ในมหานิกายยังแยกออกเป็นร้อยเรื่องพันเรื่อง ทำไมต้องเอาวัดพระธรรมกายไปเปรียบกับวัดอื่น
"มีคนถามว่าตอนนี้ผมต้องการรายชื่อศิษย์ธรรมกายทั้งหมดเท่าไหร่ ผมบอกได้เลยว่าผมต้องการ 1 ล้านคนเดี๋ยวนี้ เพื่อที่จะบอกรัฐบาลและชาวโลกให้รับรู้ว่าปัญหาเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และรัฐบาลต้องออกมาปกป้องสิทธิของเรา เพราะแนวทางของวัดพระธรรมกายเป็นแนวทางที่ถูก ใครก็ตามที่ถูกข่มขู่หากมาลงรายชื่อให้วัดแล้วจะต้องออกจากงาน ขอให้มาแจ้งที่ผม เพื่อที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่ข่มขู่"
ด้านพระธรรมราชานุวัตรได้ขึ้นธรรมาสน เทศนาสนับสนุนแนวทางวัดพระธรรมกายโดยตอนหนึ่งได้ระบุว่า ที่มาวันนี้เพราะเป็นวันครบรอบ 1 ปีอัศจรรย์ตะวันแก้ว มาวันนี้ไม่ผิดหวังเลย แม้จะไม่ได้เห็นอัศจรรย์ตะวันแก้วแต่ก็ได้พบ กัลยาณมิตรแก้ว และยังได้พบกัลยาณมิตรยอดแก้วคือนายผ่อง นายสนธยา นายมานิตย์ ที่ปวารณาตัวว่าจะตายก่อนท่านทั้งหลาย ดังนั้นมีอะไรเกิดขึ้นก็ยุให้ทั้ง 3 คนขึ้นหน้าไปก่อน ตามหลังพวกนี้เราไม่ผิดหรอก ให้ 3 คนนี้ตายก่อนแล้วเราค่อยนิมนต์พระมาบังสุกุล
ที่เป็นเช่นนี้เพราะสื่อมวลชนไม่เข้าใจ หรืออาจจะเป็นเพราะรัฐธรรมนูญใหม่ให้เสรีภาพอย่างกว้างขวาง แต่ต้องอยู่ในขอบเขต วัดพระธรรมกายมีสิทธิที่จะฟ้องสื่อมวลชนได้ กฎหมายให้อำนาจไว้ แต่ไม่ได้ฟ้องด้วยความโกรธ ฟ้องอย่างมีอุเบกขา เป็นการให้คุณเขา ไม่ให้เขาใช้สิทธิเสรีภาพมากเกินไป
พระธรรมราชานุวัตรกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาสังเกตได้ว่าคนที่ฟ้องร้องวัดพระธรรมกายว่านำเงินไปก่อสร้างวัตถุใหญ่โตไม่ตรงตามวัตถุ ประสงค์ที่ให้วัดนั้นไม่ได้เป็นคนบริจาคให้วัด คนที่บริจาคไม่ได้ฟ้อง จะมีบ้างเล็กน้อยที่ถูกยุยงอย่างไรก็ตามขอให้ญาติโยมยึดถือนายไชยบูลย์ พระทัตตชีโวเป็นที่พึ่งตลอดไป
พระทัตตชีโว ได้ออกมากล่าวขอบคุณผู้ที่มาร่วมกิจกรรมของวัดพระธรรมกาย โดยระบุว่า รู้สึกยินดีที่พระคุณเจ้าทุกรูปเสียสละเวลาอันมีค่าเพื่อประโยชน์สูงสุดของศาสนา ร่วมกันปกป้องพุทธศาสนา กล้าหาญทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคเหนือกระแสข่าวใด ๆ เพราะมีใจบริสุทธิ์สืบทอดคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่สิ่งง่ายที่ใครจะปฏิบัติเช่นนี้ ต้องมีสติปัญญาสว่างไสว มีศรัทธาที่มั่นคงไม่คลอนแคลน การเรียกร้องความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมชาวพุทธ เรื่องสิทธิเสรีภาพในความ เชื่อจึงเป็นสิ่งที่ควรได้รับการคุ้มครองและควรสนับสนุนให้ได้รับความเป็นธรรมจากทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระทัตตชีโวได้ออกมานั่งปฏิธรรมและเทศนากับผู้มาปฏิบัติธรรมเป็นครั้งแรก หลังจากที่เคยกล่าวพาดพิงไปถึง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ผกก.1 ป. เรื่องมีผู้โทรศัพท์แอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์ โดยเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายอ้างว่าช่วงที่ผ่านมามีมารับผิดชอบมากเลยไม่ได้ออกมาร่วมปฏิบัติธรรม
เช้าวันเดียวกัน ที่บริเวณถนนเลียบคลองสอง หมู่ที่ 8 ตำบลคลองสอง อ.คลองหลวง ปทุมธานี ได้มีกลุ่มอดีตชาวบ้านตำบลคลองสอง กว่า 100 คน ซึ่งเคยเป็นคู่พิพาทวัดพระธรรมกาย เรื่องที่ดินได้รวมตัวกันนิมนต์พระวัดคลองสองมาทำบุญเลี้ยงพระ เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชุมชนหลังจากที่เคยต่อสู้ กับวัด พระธรรมกายมาแล้วประสบความพ่ายแพ้ หลังจากเสร็จพิธีนางศิริ คชทอง อายุ 52 ปี และนางสมพร ผันปัญญา อายุ 52 ปี พร้อมด้วยลูกหลานที่เป็นผู้หญิงอีก 6-7 คน ได้นุ่งห่มด้วยเชือกฟางสีสันต่าง ๆ แต่งเป็นชุดฮาวาย เต้นแก้บนตามจังหวะเพลงที่บริเวณหน้าศาลเจ้าแม่ทิพย์ขันทอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านละแวกนั้นให้ความเชื่อถือ
นางศิริกล่าวหลังจากแก้บนเสร็จว่า ที่ชาวบ้านรวมตัวกันมาทำบุญครั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าวัดพระธรรมกายต้องคดีอาญา นายไชยบูลย์เองก็กำลังถูกดำเนินคดี แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาวัดพระธรรมกาย ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องไล่ที่ดินชาวบ้านทำให้เกิดความเดือดร้อนทุกครัวเรือน เคยทำให้สังคมประณามชาวบ้าน แต่วันนี้ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นกับวัดพระธรรมกายและนายไชยบูลย์เอง
ผู้สื่อข่าว"เดลินิวส์"ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า พนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายเตรียม ที่จะออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์ของวัดพระธรรมกายเพิ่มอีก 12 คน โดยทั้งหมดนี้เป็นการยักยอกเงินวัดต่างกรรมต่างวาระกัน อาทิ ในเรื่องของการเบิกเงินไปใช้จ่ายในการจัดทำของที่ระลึกของวัด ในเรื่องของการนำเงินไปใช้ในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบบริษัท รวมทั้งในเรื่องของการปลอมแปลง เอกสารใบอนุโมทนาบัตรบริจาคเงินให้วัดเพื่อจัดซื้อที่ดินด้วย
รายงานระบุว่า ในเช้าวันจันทร์ที่ 6 ก.ย.นี้พนักงานสอบสวนจะมีหนังสือขออนุมัติหมายจับคนสนิทนายไชยบูลย์ก่อน 2 คน โดยทั้ง 2 นี้มีหน้าที่ในการดูแลเรื่องเงิน มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องการเซ็นเช็คสั่งจ่ายเพื่อจัดซื้อที่ดิน คาดว่าทางกระทรวงมหาดไทยคงจะอนุมัติให้ออกหมายจับได้ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอมา
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้อง LT1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีการ เสวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่อง ธรรมกายกับสิทธิเสรีภาพในการตั้งนิกายใหม่ โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนาทั้งสิ้น 4 คน คือ พระศรีปริยัติโมลี รองอธการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นายประมวล เพ็งจันทร์ นายสนิท ศรีสำแดงและนายพนม เอี่ยมประยูร คณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ.
พระศรีปริยัติโมลีกล่าวโดยสรุปว่า การแยกตัวไปตั้งลัทธิใหม่ของวัดพระธรรมกายนั้น ถือเป็นสิทธิที่จะกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 38 แต่ไม่เชื่อว่าวัดพระธรรมกายจะดำเนินการตามนั้น เนื่องจากยังมีความหวั่นไหวในเรื่องของศรัทธา เนื่องจากคนไทยไม่ค่อยศรัทธานิกายมหายาน แต่ที่ออกมาประกาศเวลานี้ก็เนื่องจากต้องการสร้างกระแส และปลุกระดมแสดงพลังมากกว่า
นายพนม กล่าวว่า สังคมไม่ควรให้ความสนใจในเรื่องของการแยกตัวไปตั้งนิกายใหม่ เนื่องจากขั้นตอนยังไม่ถึงเวลานั้น ขณะนี้ควรจับตาดูกระบวนการ ยุติธรรมมากกว่าเพราะกำลังดำเนินและเป็นไปอยู่ ส่วนสาเหต ุที่การแก้ไขปัญหา วัดพระธรรมกายล่าช้านั้นก็เป็นเพราะรัฐบาลไม่กล้าเข้ามาดำเนินการอย่างจริงจัง ยังหวั่นเกรงในเรื่อง ของคะแนนเสียงเพราะใกล้ช่วงที่จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ดังนั้นหากจะเกิดความเสียหายใด ๆ กับ พระพุทธศาสนา จำเลยคนแรกที่ต้องฟ้องก็คือ รัฐบาลนั่นเอง ส่วนวัดพระธรรมกายนั้นคงเป็นเพียงจำเลยที่ 2 เท่านั้น.