เดลินิวส์ 5/9/2542
ตร.มั่นใจใช้ฤกษ์ดีวันที่ 9 เดือน 9 เล่นงาน'ไชยบูลย์'
ตำรวจถือฤกษ์วันที่ 9 เดือน 9 สรุปสำนวนเล่นงาน"ไชยบูลย์"เสนออัยการ มั่นใจหลักฐานแน่นหนา ขณะเดียวกันแย้มเป็นนัยๆ มีคดี อื่นที่ยังตามกลิ่นอยู่ สาวกธรรมกายประกาศมีแผนสำรองหลัง"วันนอร์"ไม่ยอมส่งเรื่องไปให้ศาล รัฐธรรมนูญตีความการดำเนินงานของกรมศาสนาผิด ย้ำต่อไปรู้เองเรื่องนี้ จะเกี่ยวกับรัฐสภาได้อย่างไร พระพยอมสวดวิ่งติดสินบนล้มคดีไม่ใช่พระแล้ว
เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลา 9.30 น. ที่กองปราบปราม พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนคดีธรรมกาย เรียกประชุมคณะทำงาน เพื่อหารือแนวทางคลี่คลายคดีและสรุปสำนวนการสอบสวนทั้งตรวจสอบความเรียบร้อย ของสำนวนทั้งหมดว่าจะต้องเพิ่มเติมในจุดใด ภายหลังการประชุม 3 ชั่วโมง พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่าได้สรุปสำนวนทั้งหมดและแบ่งหน้าที่ในคณะทำงานว่าใครรับผิดชอบอะไรบ้าง เพื่อให้สำนวนเกิดความสมบูรณ์ที่สุดและรวดเร็วที่สุด คาดว่ากลางเดือนนี้คงเรียบร้อยใน 3 ข้อหาที่กรมการศาสนามาแจ้งกล่าวโทษไว้ซึ่งต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย
พนักงานสอบสวนจะรวบรวมสำนวนส่งให้อัยการภายในวันที่ 9 ก.ย.นี้ โดยอยู่ระหว่างการจัดทำเอกสาร จัดพิมพ์ เรียงเอกสาร และรอเอกสารบางส่วนจากต่างจังหวัด ขณะนี้พูดได้ว่าเสร็จเกินกว่า 90%
ส่วนการที่พระ 4 รูปที่ใกล้ชิดนายไชยบูลย์ไม่ยอมมาให้ปากคำ พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่าไม่ทราบว่าติดต่อกลับมายังพนักงานสอบสวนหรือยัง แต่มอบหมายให้คณะทำงานหาข่าวและติดต่อกับวัดอยู่ วัดแจ้งเพียงว่าไม่อยู่ และการสอบปากคำเพื่อให้เป็นพยานในคดีนี้ ถ้าไม่ยอมมาก็ต้องสรุปสำนวนเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าในคดีแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน จะมีการแจ้งดำเนินคดีพร้อม ๆ กับ 2 ข้อหาแรกคือยักยอกทรัพย์และเป็นเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่เลยหรือไม่ พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่า คงคาดการณ์ไม่ถูก และขึ้นกับดุลพินิจของอัยการ ทุกเรื่องที่ทำเสนอไป ตนมั่นใจไม่เช่นนั้นจะขออนุมัติจับกุมได้อย่างไร โดยพล.ต.ท.วาสนา กล่าวปฏิเสธ ข่าวที่วัดวิ่งเต้นล้มคดีกับนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนาด้วย โดยบอกว่าไม่ทราบรายละเอียดว่าข่าวนี้มีความเป็นมาอย่างไร
เมื่อเวลา 13.30 น.นายวรัญชัย โชคชนะ ได้ไปยื่นหนังสือและให้กำลังใจพล.ต.ท.วาสนา โดยพล.ต.ท.วาสนากล่าวว่าขอบคุณที่สนใจ และจะรีบดำเนินการทุกอย่างภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยหากผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวนอีก ก็ได้เตรียมมาตรการไว้แล้ว ไม่ตอ้งห่วง และอยากให้เรื่องจบเร็ว ๆ แต่ต้องรอบคอบด้วย และมีการสอบปากคำในประเด็นอื่นลึก ๆ ขึ้นไป แต่ไม่สามารถบอกได้
รายงานข่าวจากพนักงานสอบสวนเปิดเผยว่าอย่างไรเสียคดีธรรมกายจะต้องมีคนขึ้นศาลอาญาแน่ และพนักงานสอบสวนอยากให้มหาเถรฯนำเอาสำนวนตำรวจไปพิจารณาดูบ้างจะได้รู้อะไรเป็นอะไร
ส่วนนายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความวัดพระธรรมกายกล่าวถึงกรณีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาพระบุจะไม่ยื่นคำร้องของศิษย์วัดให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 38 เนื่องจากไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องว่า ทั้งหมดจะรอหนังสือตอบอย่างเป็นทางการก่อนมีเหตุผลใด และมีทางออกเตรียมไว้หารือแล้ว และไม่ได้หมายความว่าจะแพ้ เพียงแต่อยากให้หยุดมองศิษย์วัดถูกริดรอนสิทธิในการนับถือวัดพระธรรมกาย
"ถ้าประธานรัฐสภาบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับงานของรัฐสภา ต่อไปก็จะได้ทราบว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับงานของรัฐสภาได้อย่างไร พูดได้เลยว่า แนวทางของเราไม่ใช่แยกลัทธิแน่ และการดำเนินการไม่ได้แอบแฝงว่านายวันนอร์ฯเป็นมุสลิม แต่กฎหมายเปิดช่องไว้ให้ ส่วนที่เป็นมุสลิมเป็นข้อเท็จจริงไม่เกี่ยวกับกฎหมาย"
สำหรับรายชื่อ 5 หมื่นคนของศิษย์วัดพระธรรมกายนายสนธยายืนยันว่าจะไม่ใช้ในการถอดถอนรมว. ศึกษาธิการ ออกจากตำแหน่งเพราะไม่ต้องการเปิดแนวรบเกินไป ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง และต้องรักษาความสงบของบ้านเมือง และยืนยันไม่ทำแน่ โดยศิษย์วัดพระธรรมกาย จะไม่เดินทงไปประท้วงหน้าทำเนียบฯหรือแสดงพลังทางอื่นนอกจากทางกฎหมาย
นายสนธยากล่าวอีกว่ากรณีพระ 4 รูปที่ไม่ให้ปากคำจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้พบพระทั้งหมดเลย และพระ 4 รูปนี้จะเป็นพยานให้ทางวัด การให้ ปากคำไม่เป็นที่ต้องการของพนักงานสอบสวนแน่ เมื่อไม่เป็นที่ต้องการของพนักงานสอบสวนแล้วสุดท้ายต้องเจอกรณีเดียวกับนายถาวร พรหมถาวร
เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ได้มีการจัดสัมมนาเรื่อง "ธรรมะกับนักการเมือง" โดยมีวิทยากรรับเชิญประกอบด้วย พระพิศาลธรรมพาทีหรือพระพยอม กัลยาโณ ประธาน มูลนิธิสวนแก้ว นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ และนายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต ภายหลังการสัมมนา พระพยอมได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจ่ายสินบน เพื่อล้มคดีธรรมกายว่า เรื่องนี้แสดง ให้เห็นแล้วว่า เป็นการเอาตัวรอดของคนธรรมดา เป็นสัญชาติญาณของสัตว์โลกที่ขลาดกลัว กลัวพ่ายแพ้ กลัวความผิดที่กระทำลงไป ที่สำคัญคนธรรมดาที่ไม่ถึงธรรมแต่มาอวดตัวว่าเข้าถึงธรรมชั้นสูง
"กรณีพระติดสินบนเพื่อล้มคดี เป็นเรื่องที่แย่มากถ้าเป็นพระจริงไม่ต้องติดสินบน ที่ติดสินบนเป็นได้แค่คนธรรมดาไม่ใช่พระ คนที่รู้เรื่องนี้ก็จะมองออกว่า ไม่ใช่ความคิดของตัวเอง เป็นความคิดของคนแวดล้อม เสนอทำนั่นทำนี่ สุดท้ายคนแวดล้อมเมื่อเห็นท่าไม่ดี ก็กระโดดหนี้เอาตัวรอดและมีหลายคนแล้วที่กระโดดหนีหวังให้ตัวเองรอดพ้น"
อย่างไรก็ตามเวลานี้ชาวพุทธเริ่มอึดอัดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว นอกจากที่มาบ่นให้อาตมาฟังแล้ว ยังมีการโทรศัพท์ไประบายความอึดอัดในรายการวิทยุอีกเป็นจำนวนมาก ความรู้สึกเช่นนี้เกือบเหมือนเมื่อครั้งสมัยทรราชเลย ก็ให้รู้สึกเห็นใจก็ได้แต่ปลอบไปว่าชาวยังมิได้สิ้นหวังเสียที่เดียว ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นที่พึ่งหลักของพุทธมามกะอยู่ อย่างไรก็ให้ดูทางตำรวจเพราะทำงานคืบหน้าไปมาก ด้านนัก การเมืองก็เช่นกันทั้งนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาฯและนายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ ได้ทำหน้าที่ที่รับผิดชอบได้อย่างน่าชมเชย ไม่เกรงว่าจะกระทบต่อฐานคะแนนเสียงคนอย่างนี้ต้องเลือกมาใช้งานต่อไปอีก
ขณะที่นายเสฐียรพงษ์ กล่าวว่า พลังเงียบนี้เงียบจริงๆและไม่รู้ว่าจะเงียบไปอีกนานแค่ไหน ถึงเวลา ที่ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นกันได้แล้ว คิดอย่างไรเห็นเป็นอย่างไรสมควรถึงเวลาแสดงกันเสียที ศาสนาไม่ใช่ของใครคนเดียว พุทธศาสนาเป็นของชาวพุทธทุกคน ช่วยกันออกมาปกป้องได้แล้ว ออกมาแสดงพลังได้แล้วจะเงียบอยู่ทำไม ความเงียบก็เหมือนกับคนสลบไม่มีสติ
ด้านนายปรีชา กล่าวในโอกาสเดียวกันนี้ว่า กรณีวัดพระธรรมกายตอนนี้เป็นเรื่องของกฏหมาย ซึ่งสามารถ ดำเนินการกับกรณีนี้ได้อย่างเด็ดขาด ถึงศาลสงฆ์อาจทำให้หลายคนผิดหวังหรือหมดหวังก็ตาม แต่เรื่องของกฏหมายสามารถพึ่งได้และสามารถจัดการเรื่องวัดพระธรรมกายได้อย่างเด็ดขาดด้วย
ขณะเดียวกัน ที่จังหวัดสุพรรณบุรี พระธรรมสุวรรณโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร กล่าวถึงกรณีที่พระครูสุวรรณวชิรธรรม เจ้าอาวาสวัดสกุณปักษี ถูกกล่าวหาว่า ติดสินบนเจ้าพนักงานกรมการศาสนา ว่า เรื่องนี้ยังไม่สามารถพูดหรือดำเนินการใดๆได้ ต้องรอดูผลการสอบสวนว่าจะสาวไปถึงเจ้าอาวาสวัดสกุลปักษีหรือไม่ ถ้าผลการสอบสวนระบุชัดเจนว่ามีส่วนในการติดสินบนจริง ก็ต้องจัดการกันไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏผลออกมา .