เดลินิวส์ 3/9/2542
เล่ห์ไชยบูลย์อ้างจู๊ดๆ ไม่ให้ตร.สอบปากคำ
ธรรมกายวางแผนมุดดินไม่ยอมมาให้ปากคำ"ไชยบูลย์" อ้างท้องเสียเอาใบรับรองแพทย์ศูนย์พยาบาล ธรรมกายมาเป็น หลักฐานไม่มาพบกองปราบ"วาสนา" ยอมผ่อนผัน แต่คราวหน้าขอไปดูกับตา ขีดเส้นต้องมาให้สอบอีกครั้งก่อนส่งสำนวนฟ้องให้อัยการใน 2 คดีแรก แถมถ้าจะออกจากวัดต้องแจ้ง ตำรวจล่วงหน้าไม่เช่นนั้นถอนประกัน ขณะเดียว กันเจอแล้ว 4 พระชั้นในกุมความลับเงินวัดฉาว หนีตำรวจไปตั้งหลักที่สุพรรณฯ 3 รูป อีก 1 รูปแอบย่องเข้าวัดกลางดึก
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเพทาย มณีไพโรจน์ นายประกันของนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งขอเลื่อนนัดสอบปากคำ นายไชยบูลย์ตามที่พนักงานสอบสวนนัดหมายไว้ รวมทั้ง เพื่อรับทราบกำหนดการที่พนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนคดี ต่อพนักงานอัยการ และในเวลาไล่เลี่ยกัน นายถาวร พรหมถาวร คนสนิทนายไชยบูลย์ ซึ่งถูกตำรวจ แจ้งข้อหาพร้อมกับนายไชยบูลย์ด้วย ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งภายหลัง เข้าพบพนักงาน สอบสวนเป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมงนายเพทายและนายถาวรได้เดินทางกลับโดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีธรรมกาย เปิดเผยว่า ในวันนี้ (2 ก.ย.) พนักงาน สอบสวน นัดหมาย นายไชยบูลย์มาเพื่อสอบ ปากคำเพิ่มเติมและแจ้งกำหนดการณ์ที่พนักงาน สอบสวนจะสรุป สำนวนเสนอต่ออัยการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปและส่งไปที่อัยการได้ภายในสัปดาห์หน้าทั้ง 3 ข้อกล่าวหาที่กรมการศาสนาได้แจ้งความไว้ในเบื้อนต้น คือ 1.เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ 2.เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 3.แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน แต่ปรากฏว่า นายประกัน ของนายไชยบูลย์ได้นำใบรับรองแพทย์จากศูนย์พยาบาลมูลนิธิธรรมกาย ออกโดย น.พ.พรชัย ภิญญพงษ์ มาขอเลื่อนนัด โดยในใบรับรองแพทย์ระบุว่านายไชยบูลย์ป่วย มีอาการท้องเสีย ท้องอืด และอ่อนเพลียมาก แพทย์ที่ดูแลอาการมีความเห็นให้พักผ่อนตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.-5 ก.ย.
พนักงานสอบสวนได้อนุมัติให้มีการเลื่อนสอบปากคำออกไป แต่ก็ได้แจ้งกับนายประกันว่า ผู้ต้องหาต้องมาพบพนักงานสอบสวนก่อนจะสรุปสำนวนส่งอัยการ และทางพนักงานสอบสวนจะแจ้ง ล่วงหน้าเพื่อขอทราบคำตอบว่านายไชยบูลย์จะพร้อมมาพบพนักงานสอบสวนในวันใด
"หากถึงวันที่ต้องส่งสำนวนแล้วผู้ต้องหายังไม่พร้อม ถ้าอ้างว่าเจ็บป่วยอีก พนักงานสอบสวนคงจะต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าป่วยจริง เพราะเราต้องส่งสำนวนในคดีถึงมืออัยการพร้อมกับตัวผู้ต้องหาด้วย"
พล.ต.ท.วาสนากล่าวอีกว่า นอกจากนี้พนักงานสอบสวนยังได้ทำสัญญากับนายประกัน นายไชยบูลย์ด้วยว่าในระหว่างนี้หากผู้ต้องหาทั้ง 2 จะย้ายที่อยู่อาศัย หรือจะเดินทางไปต่างประเทศ ทางนายประกันจะต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบทันที และหากถึงวันที่ต้องส่ง สำนวนแล้วผู้ต้องหายังไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนนายประกันจะต้องรับผิดชอบ
ในส่วนของพยานในคดีฝ่ายธรรมกายทั้ง 5 ปากที่ไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวนตามที่นัดไว้เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น หากในที่สุดแล้วทั้ง 5 ยังไม่มาให้ปากคำอีกเราก็คงจะไม่รอ จะสรุปสำนวนส่งอัยการเลย และขอย้ำว่าไม่เป็นผลดีต่อนายไชยบูลย์เลย
สำหรับกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพนักงานสอบสวนทำงานภายใต้ความกดดันจากฝ่ายการเมืองนั้น พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่า เรื่องนี้ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และยืนยันได้ว่าคดีนี้ไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง ผู้บังคับบัญชาก็เพียงกำชับว่าให้ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมาตามปกติ ผิดก็ว่าตามผิดถูกก็ว่าตามถูก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเพทาย มณีไพโรจน์ นายประกันของนายไชยบูลย์ เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทสว่าง เอ็กซ์ปอร์ต 1 ในกลุ่มผู้ส่งออก อัญมณีรายใหญ่ของเมืองไทย
ทางด้านนายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความของวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า กรณีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ระบุว่าการจะส่งเรื่องที่วัดพระธรรมกายร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องดูว่าเข้าข่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 66 หรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่ถูกใช้อย่างจริงจัง องค์กรตามรัฐธรรมนูญก็ยังสับสน ดังนั้นต้องให้ นักกฎหมายระดับประเทศพิจารณาเรื่องนี้ และถ้าประธานรัฐสภาบอกว่าไม่สามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ ก็ต้องบอกมาว่าจะให้ทำอย่างไร
การดำเนินการของวัดพระธรรมกายไม่ได้มุ่งหวังว่าประธานรัฐสภาต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ การทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการลองผิดลองถูกในเมื่อกฎหมายเปิดช่องไว้ เชื่อว่าเมื่อส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ววินิจฉัยออกมาทุกอย่างจะยุติได้อย่างสันติ แต่ขณะนี้ไม่ทราบว่าทางศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญได้รับรองสิทธิเสรีภาพของบุคคลไว้หลายมาตรา แต่หากถูกริดรอน สิทธิเสรีภาพแล้วไม่มีองค์กรมารองรับเพื่อให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ก็แสดงว่ารัฐธรรมนูญใช้ไม่ได้ ดังนั้นตนหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้พิจารณา
นายสนธยากล่าวอีกว่า กรณีที่พนักงานสอบสวนระบุว่าทางวัดพระธรรมกาย ไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวนนั้น วัดพระธรรมกายถูกกล่าวหามาตลอด ตนดีใจที่พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบวัดพระธรรมกายในฐานะผู้ต้องหา ถือว่าให้ความเป็นธรรม แต่คดีอาญาจำเป็นต้องสอบผู้กล่าวหาก่อนว่ามีมูลหรือไม่แล้วจึงมาสอบผู้ถูกกล่าวหา กรณีนี้ กรมการศาสนาเป็นผู้กล่าวหาพนักงานสอบสวนก็ต้องไปสอบให้ถ่องแท้เสียก่อนว่ามีมูลคดีอาญาหรือไม่ และวัดพระธรรมกายในฐานะผู้ถูกกล่าวหาก็มีสิทธิ์ให้ความร่วมมือเพียงใดก็ได้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีความจำเป็นต้องสอบนายไชยบูลย์เพราะทุกคนก็เป็นพยานให้อยู่แล้วว่าไม่ผิด อย่างนี้จะฟ้องร้องได้หรือ ทั้งนี้ ในการออกหมายเรียกนั้นนายไชยบูลย์จะไปหรือไม่ไปให้ปากคำก็ได้ แต่คิดว่าพนักงานสอบสวน ต้องการสอบปากคำก็เพราะอยากจะรู้ว่านอกจากเรื่องที่ทำอยู่แล้วจะมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า
นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า กรมการศาสนารายงานให้ทราบ ถึงการปรับปรุงกฎมหาเถรสมาคมฯฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม ว่ากรมการศาสนาเปลี่ยนแปลงบางเรื่องให้เหมาะสมและรวดเร็วขึ้น โดยในส่วนขั้นตอน การปฏิบัติงานของพระสังฆาธิการนั้น ให้ลดลงจาก 65 ขั้นตอนเหลือเพียง 32 ขั้นตอน ส่วนเรื่องการสอบสวนส่วนพระที่ถูกกล่วหาว่าทำผิดให้มีเพียง 2 ขั้นคือขั้นผู้พิจารณาชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์เท่านั้น และเพิ่มพระผู้พิจารณาจาก 3 รูป เป็น 5 รูป รวมถึงวิธีการปฏิบัติจะไม่ยุ่งยากเพียงแต่มีผู้กล่าวหา เป็นใครก็ได้ ก็ให้ส่งเรื่องไปให้ผู้พิจารณาชั้นต้นทันที ไม่ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน
ที่สำคัญยังมีการกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาแต่ละขั้นตอนไม่เกิน 90 วัน จากเดิมไม่กำหนด ทำให้เกิดปัญหา และสามารถต่อรองขอเลื่อนเวลาในการพิจารณาออกไปหากมีเหตุผลจำเป็นที่ฟังขึ้น ดีกว่าการไม่กำหนดเวลา
นอกจากนี้ในส่วนมหาเถรฯจะเป็นองค์กรสูงสุดทำหน้าที่กำหนดนโยบายเท่านั้น ส่วนการปฎิบัติ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่อยู่ระดับล่าง ซึ่งประเด็นการเปลี่นแปลงทั้งหมด จะเสนอให้คณะกรรมการ ติดตามแก้ไขกฎมหาเถรฯฉบับที่ 11 ที่มีนายไพบูลย์ เสียงก้อง รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน พิจารณาอีกครั้ง
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผบ.ตร. กล่าวว่า คดีธรรมกาย ที่จะสอบเพิ่ม มีเกี่ยวกับกรณีพ.ต.อ.บรรจบ สุดใจ แจ้งความคดีฉ้อโกง ที่ดำเนินการไปแล้วส่วนหนึ่ง และคดีที่เสร็จแล้วมี 2 ข้อหาคือเป็นเจ้าพนักงานยักยอทกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
"การยักยอกทรัพย์เฉพาะกรณีที่จ.พิจิตร และอีกแห่งหนึ่ง ส่วนที่อื่นหากปรากฎหลักฐานชัดเจน ก็สามารถเพิ่มข้อหาได้ สามารถแยกสำนวนดำเนินคดีไปเรื่อย ๆ ส่วนเรื่องการที่พระที่ดูแลรายรับรายจ่ายทางการเงิน ของวัดไม่ยอมให้ปากคำ ตามหลักการถ้าไม่มาต้องออกหมายเรียก หากไม่มาอีกต้องออกหมายจับ และจะ เร่งรัดอีกที และหากไม่จำเป็นต้องสอบพยานรายนี้ก็จะให้ตัดออกไป แล้วรีบสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลทันที"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.อชิระ สมแก้ว ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สายสืบกองกำกับการจังหวัดปทุมธานีร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบคลองหลวง ออกสืบหา ข่าวภายในวัดพระธรรมกายว่า พระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พระวิษณุ ปัญญาทีโป ผู้ดูแลการเงินของวัด พระสุวิทย์ สุวิชาโภ และพระสุวิทย์ วิเทศโก ซึ่งพนักงาน สอบสวนกองปราบปรามในคดีธรรมกายได้ออกหมายเรียกเพื่อสอบปากคำแต่ไม่รับความร่วมมือ ยังคงอยู่ภายในวัดพระธรรมกายหรือไม่ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าพระปลัดสุธรรม ยังอยู่ที่วัด โดยกลับเข้าวัดเมื่อคืนวันที่ 1 ส.ค. ส่วนพระที่เหลืออีก 3 รูปซึ่งเดินทางออกจากวัดไปไม่ได้กลับมาที่วัดอีกเลย ซึ่งทางตำรวจกำลังสืบอยู่ว่าเดินทางไปอยู่ที่ใด
ในช่วงบ่ายผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปสังเกตุการณ์ภายในวัดพระธรรมกาย และพบว่าที่สำนักงาน มูลนิธิธรรมกาย มีการประชุมผู้นำบุญ และมีการขนเอกสารบางอย่างมาไว้ที่รถยนต์เลคซัส สีทอง ทะเบียน พห 6672 ซึ่งเป็นรถ ประจำตัวของนายไชยบูลย์ ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังสังเกตุการณ์อยู่นั้นเจ้าหน้าที่ รปภ. ของทางวัด ได้เข้ามาสอบถาม เมื่อ ทราบว่า เป็นสื่อมวลชน ก็ได้ขับไล่ให้ออกจากวัดทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อรถของผู้สื่อข่าวมาถึงประตูทางออกเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้น เอาไว้ไม่ยอมให้ออก และคาดคั้น สอบถามอย่างหนักว่าเข้าไปในวัดทำไม ในที่สุดผู้สื่อข่าวต้องตัดสินใจนำรถวิ่งย้อนศรออกจากวัด
รายงานข่าวแจ้งว่า พระลูกวัด 3 รูปที่พนักงานสอบสวนกองปราบปรามออกหมายเรียก ไปสอบปากคำในคดีนายไชยบูลย์ แต่ไม่ยอมไปนั้น มีข่าวว่าขณะนี้ไปอาศัยจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งที่ จ.สุพรรณบุรี
ขณะเดียวกันคณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา(ศพพ.) จะจัดเสวนาในหัวข้อ "ธรรมกายกับสิทธิเสรีภาพในการตั้งนิกายใหม่" ในวันอาทิตย์ที่ 5 ก.ย. ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์