เดลินิวส์ 1/9/2542
มหาเถรฯ ไม่ถกแก้ ธรรมกาย ตามเคย
ประชุมมหาเถรฯไม่มีอะไรในกอไผ่ ปัญหาวัดพระธรรมกายไม่บรรจุวาระพิจารณา ศิษย์ธรรมกาย เดินหน้า ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพฤติกรรมองค์กรรัฐขัดมาตรา 38 ผ่านประธานรัฐสภาแล้ว สาวก เริ่มสับสน"ผ่อง เล่งอี้"ยืนยันไม่มีการตั้งลัทธิใหม่ "วิชัย"ไล่ส่งไม่นับถือศาสนาพุทธ ไปตั้งลัทธิใหม่ ก็เชิญ แต่อย่าหวังกวาดสมบัติชาติไปด้วยไม่มีทาง นายกฯสั่งทำ รายงาน ด่วน!ใครเสนอแก้กฎหมายสงฆ์ ตำรวจเดินหน้าตรวจสอบธาตุที่นำมาผลิตพระดูดทรัพย์ เชื่อไม่ตรงกับโฆษณาในหนังสือ
บรรดาสาวกธรรมกายออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เพื่อปกป้อง"นายไชยบูลย์ สุทธิผล" เจ้าลัทธิธรรมกาย โดยรวบรวมรายชื่อ 5 หมื่นคนเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการดำเนินการ ทั้งหมดผิดรัฐธรรมนูญ โดย ประกาศว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่เป็นไปตามนี้จะแยกตัวออก จากพุทธศาสนาและตั้งลัทธิใหม่นั้น
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 31 ส.ค. นายวิชัย ตันศิริ รมช.กระทรวงศึกษาธิการกล่าวถึงกรณีที่สาวกวัดพระธรรมกายประกาศแยกตัวตั้งลัทธิใหม่ว่า ขณะนี้ต้องถือว่ายังอยู่ภายใต้พ.ร.บ.คณะสงฆ์และยังถือว่าเป็นนิกายเถรวาท แต่หากต้องการแยกลัทธิก็ทำได้ แต่ถ้าแยกออกไปก็ไม่ใช่พระในศาสนาพุทธอย่างที่เข้าใจหรือพ.ร.บ.คณะสงฆ์จะคุ้มครองได้
"ถ้าเขาไม่เป็นพุทธอย่างเราก็เป็นอย่างอื่นไป แต่เรื่องของทรัพย์สมบัติสถานที่ตั้งวัดซึ่งอยู่ในกรอบของพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ถือว่าเป็นของพุทธศาสนาต้องปรึกษานักกฎหมายจะทำอย่างไร เนื่องจากการตั้งวัดอยู่ในนามของ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ก็ต้องเป็นของชาวพุทธ ในรัฐธรรมนูญถึงแม้ให้เสรีภาพ แต่ถ้าผิดศีลธรรมก็ต้องผิด เพราะมี ข้อกำหนดว่าการตั้งลัทธิใดต้องไม่ผิดศีลธรรมและรัฐธรรมนูญของไทย จะแต่งกายเหมือนกับพระสงฆ์ไม่ได้"
เมื่อเวลา 10.15 น.นายผ่อง เล่งอี้ ศิษย์ คนสนิท,นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความ และสาวก วัดพระธรรมกายกว่า 100 คน เดินทางมายื่นหนังสือให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการ กรมการศาสนา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการต่อนายไชยบูลย์และการปฏิบัติของวัด โดยกลุ่มนี้ต้องการให้ตีความว่า เป็นการ ริดรอนสิทธิในการปฏิบัติศาสนกิจขัดต่อรัฐธรรมนูญม.38 หรือไม่ หนังสือดังกล่าวมีสาวกลงชื่อ 5 หมื่นคนลงนาม
นายสนธยาแถลงว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การทำของรัฐ เช่นกระทรวงศึกษาธิการไม่เป็นการรอนสิทธิไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้ว วัดจะปล่อยให้การพิจารณา คดีเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป แต่หากวิ นิจฉัยว่าเป็นการริดรอนสิทธิ วัดจะนิมนต์พระทุกวัดทั่วประเทศมารับผ้าป่า เหตุที่ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพราะถือว่าเป็นสิทธิเบื้องต้น โดยไม่ได้นำรัฐธรรมนูญ ม. 67 ที่กำหนดไว้ว่าบุคคลมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายมายื่นให้ตีความด้วย เพราะถือว่ารัฐต้องให้การรับรองสิทธิเบื้องต้นก่อนที่จะบังคับให้ประชาชนปฏิบัติ
นายสนธยากล่าวถึงแนวทางการว่าความให้นายไชยบูลย์ว่า ไม่มีความหนักใจถึงจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มก็ไม่มีปัญหา เชื่อว่าเมื่อถึงระยะหนึ่ง ความเข้าใจผิดวัดพระธรรมกายจะหายไปเอง ส่วนการที่ตำรวจออกหมายจับ หมายค้นนั้น เป็นขบวน การสอบสวนของพนักงานสอบสวน ซึ่งก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร แต่คดีนี้จะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอัยการ
ส่วนนายผ่องกล่าวว่า วัดไม่เคยคิดจะแยกตัวไปเป็นอีกลัทธิ ยังยึดมั่นในพระธรรมวินัยต่อไป เพราะเห็นว่าที่ทำมาถูกต้องแล้ว ไม่คิดจะแยกนิกาย
พระมหาปัญญา ขันติธัมโม เจัาคณะอำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี กล่าวว่าการที่จะพัก ตำแหน่งนายไชยบูลย์ต้องรอให้เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งเสนอมาและเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ทราบเพียงว่ายังไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป เพราะต้องรอให้ทางกฎหมายโลกดำเนินการชัดเจนก่อน คืออัยการประทับรับฟ้องเพราะหากมีคำสั่งตอนนี้เกิดอัยการยกฟ้องก็จะเกิดความเสียหาย ส่วนกรณีแจ้งความดำเนินคดีกับพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 และคณะผู้พิจารณาชั้นต้นก็ทำได้ ไม่มีปัญหา ทางสงฆ์หากมีคำสั่งจากพระผู้ใหญ่ต้องทำตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่วัดพระธรรมกายค่อนข้างเงียบเหงามีเพียงเจ้าหน้าที่ ของ มูลนิธิธรรมกายจำนวนหนึ่ง ทำงานภายในสำนักงานมูลนิธิฯ และยังมีการ ตรวจตรารถเข้าออกอย่างเข้มงวด โดยนำเอาแผงเหล็กเกือบ 100 อันมากั้นบริเวณทางเข้าออก ป้องกันไม่ให้รถของสื่อมวลชนจอดได้อย่างสะดวกตลอดแนว
นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่เสนอศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความว่า สามารถ ทำได้แต่ปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้หรือไม่ การเข้าชื่อให้ได้ตามจำนวนนี้มีสิทธิ์เพียง 2 กรณีคือ ยื่นถอด ถอน ตำแหน่ง สำคัญทางการเมืองและเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพ ของประชาชนและแนวนโยบายเท่านั้น การไปยื่นผ่านประธานรัฐสภามีประเด็นที่ว่าประธานรัฐสภา จะยื่นได้ก็ต่อเมื่อเป็นปัญหาเกี่ยวกับงานของรัฐสภา วัดทราบดีแต่ต้องการใช้ประธานรัฐสภาเป็นเครื่องมือ นายวันนอร์เป็นมุสลิมถ้าไม่รับไปยื่นศาลรัฐธรรม นูญจะเกิดผลอะไร ก่อนหน้านี้นายเด่น โต๊ะมีนา ประธานกมธ.ศาสนาซึ่งเป็นมุสลิม ก็เคยถูกต่อว่าโจมตีมาตลอด
"สิ่งที่หนักใจก็คือกลัวประชาชนจะตกเป็นเครื่องมือ ตรงนี้อาจเป็นการให้ข้อมูลที่ผิดกับประชาชน อาจเกิดความเข้าใจผิดว่าทำไมศาลรัฐธรรมนูญไม่ตีความให้ตามที่ต้องการ จะทำให้เกิดความไม่สงบ เกิดความขัดแย้ง เกิดความไม่พอใจ ซึ่งขณะนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว"
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภากล่าวถึงกรณีให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในเรื่องของการนับถือศาสนาว่า ยังไม่ทราบเพราะว่ายังไม่เห็นรายชื่อ ถ้ายื่นมาก็ต้องดำเนินการตามกม. แต่ยังไม่ทราบว่าจะยื่นเรื่องอะไร อย่างไรก็ตามเรามีกฎข้อบังคับ ถ้าจะเสนอมาก็มีระเบียบของสภาอยู่ ส่วนกรณีที่เสนอรายชื่อมาไม่ครบหรือรายชื่อมีปัญหาก็คงดำเนินการตามกม.ไม่ได้
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯและรมว.มหาดไทยกล่าวถึงความคืบหน้าในการ ดำเนินคดีวัดพระธรรมกายว่า ทางตำรวจ ได้ทำรายงานสรุปเหตุการณ์รวมๆให้ แต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด แต่ถ้าสอบพบว่าทางวัดมีความผิดก้ต้องดำเนินคดี นายไชยบูลย์ก็ ต้องต่อสู้คดีและมีหน้าที่ต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวน โดยไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ส่วนที่มีการประกาสว่าจะมีการตั้งลัทธิใหม่ก็ไม่เป็นไร เมื่อไม่นับถือก็ไม่ต้องอยู่ในพุทธศาสนา และการตั้งลัทธิใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆคิดว่านายไชยบูลย์ไม่ทำแน่ อาจจะปรับเปลี่ยนอะไรให้เข้ากับมหานิกายก็จบ
บ่ายวันเดียวกัน ที่ตำหนักเพ็ชร์ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้มีการประชุมมหาเถรสมาคมตามปกติ โดยก่อนหน้านี้นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ระบุว่าจะเสนอเรื่องของวัดพระธรรมกายโดยเฉพาะกระเด็น การคืนคำฟ้องของนายมาณพ พลไพรินทร์และนายสมพร เทพสิทธาให้มีการพิจารณาทบทวนใหม่อีกครั้ง โดยใช้เวลาทั้งสิ้นนานกว่า 2 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นลงนายอุดม สุขสุวรรณ รองอธิบดีกรมการศาสนา ได้แถลงผลการประชุมมหาเถรฯว่า ในการประชุมที่ประชุมไม่ได้มีการหยิบยกหรือหารือปัญหาวัดพระธรรมกายแต่อย่างใด แม้แต่ราย งานการประชุมเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีมติเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมอยู่ด้วยก็ไม่ได้มีการเสนอให้มีการรับรองการประชุมด้วย เนื่องจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศทักท้วง อ้างว่าใช้ถ้อยคำฟุ่มเฟือยให้กลับไปเรียบเรียงมาใหม่ รวมทั้งไม่มีการรายงานใดๆจากพระพรหมโมลีต่อที่ประชุม มีเพียงรายงานที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งสมเด็จพระมหาธีราจารย์ได้ให้กลับไปทำอย่างเป็นทางการ ซึ่งในที่ประชุมนั้นพระพรหมโมลียืนยันว่า จะดำเนินการเรื่องวัดพระธรรมกายต่อเมื่อมีการรับรองการประชุมครั้งที่ผ่านมาก่อน
นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังการประชุมครม.ว่า เมื่อ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้สั่งการให้นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาฯกลับไปตรวจสอบว่าใครเป็นผู้เสนอแก้ไขพ.ร.บ.สงฆ์ โดยให้ทำรายงานเสนอมา ซึ่งต้องขอดูรายงานนี้ก่อน เนื่องจากการแก้ไขครั้งนี้ไม่ได้ผ่านทางพรรคประชาธิปัตย์และทางรัฐบาลก็ไม่เคยคิด เพราะตามขั้นตอนแล้วหากส.ส.จะเสนอแก้ไขกฎหมายจะต้องผ่านพรรคต้นสังกัดก่อน
เมื่อเวลา 15.45 น. ที่กองปราบปรามฯ พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายเปิดเผยถึงการตรวจค้นวัดเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้กำลังอยุ่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารที่ตรวจค้นมาจากในวัด โดยเฉพาะในเรื่องของ พระมหา สิริราชธาตุหรือพระดูดทรัพย์นั้น ได้สั่งให้ผู้ชำนาญด้านการตรวจสอบแร่ธาตุดำเนินการอยู่ เพื่อหาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับส่วนประกอบของพระดูดทรัพย์ว่าทำมาแร่ธาตุทั้ง 3 ชนิดตามที่กล่าวอ้างในหนังสือหรือไม่ ส่วนการ ตรวจสอบ บัญชีรายรับรายจ่าย ของวัดยังต้องสอบสวนกรณีอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ขณะนี้มีความชัดเจนว่า เงินในบัญชีส่วนใด เป็นเงินวัด และส่วนใดเป็นของนายไชยบูลย์ ซึ่งทั้งหมดมีมูลค่าสูงพอสมควร ส่วนรายละเอียด รวมทั้งในอนุโมทนาบัตรยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนข้อหาฉ้อโกงประชาชนนั้น คดีนี้มีผู้เสียหายมาแจ้งเพิ่มเติม หากพนักงานสอบสวนเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอก็เข้าข่ายคดีฉ้อโกงประชาชนได้
"ในการ สอบปากคำพระทัตตชีโวนั้นได้รับ ความร่วมมือเป็นอย่างดี รวมทั้งได้แนะนำให้สอบพระรูปอื่นด้วย ตอนนี้ได้นัดสอบปากคำพระปลัดสุธรรม สุธัมโม พระวิษณุ ปัญญาทีโป พระครูสมุห์สุวิทย์ สุวิชชาโภ ซึ่งทั้งหมดเคยดูแลบัญชีวัดมาแล้วทั้งสิ้น รวมทั้งนัดสิบปากคำนายไมยฤทธิ์ ปิตวณิช ซึ่งเป็นผู้นำเช็คเงินสดของนายไชยบูลย์ไปโอนเงินเข้าบัญชีของบุคคลต่างๆ โดยจะสอบปากคำทั้งหมดในวันที่ 1 ก.ย.นี้"
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในการเข้าไปตรวจค้น วัดพระธรรมกายเมื่อวันที่ 30 ส.ค.นั้น ได้มีภริยา นักการเมืองชื่อดัง พร้อมด้วย ภริยานายตำรวจ ระดับสูงมานั่งรอพนักงานสอบสวนก่อนหน้าแล้ว พยายามกดดันพนักงานสอบสวนระหว่างปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ แล้วในการตรวจค้น ตู้เอกสาร พนักงานสอบสวนถึงกับอึ้งเมื่อปรากฎว่าทางวัดได้มีการจัดแฟ้ม ประวัตินายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ นักการเมืองชื่อดัง และนายทหารอย่างละเอียด เตรียมไว้ให้สำหรับผุ้นำบุญไปชักจูงโน้มน้าวให้เลื่อมใสนายไชยบูลย์และวัดพระธรรมกาย เมื่อบุคคล เหล่านี้ยอมมาที่วัดก็จะได้ถ่าย ภาพร่วมกับนายไชยบูลย์ด้วย อันเป็นการเพิ่ม ความน่าเชื่อถือให้แก่นายไชยบูลย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปสอบปากคำพยานปากสำคัญรายหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด โดยเคยเป็นผู้ทำบัญชีให้กับวัดพระธรรมกาย และจากการสอบปากคำครั้งนี้พบว่า วัดไม่ได้มีการจัดทำบัญชีจริง การใช้เงินไม่เคยมีการลงรายการหลักฐานในบัญชีแต่อย่างใด