เดลินิวส์ 30/8/2542
'พระสังฆราช'เตือนสติ เงินคืองูพิษ
สมเด็จพระสังฆราชประทานพระวรธรรมคติ แนะสงฆ์ให้ศึกษากม.พระสงฆ์รัชกาลที่ 1 เน้นการฟัง ธรรมให้ธรรมมากกว่าอามิสทาน ผลบุญสูงส่งกว่า ศิษย์วัดฉาวระดมพลยื่นหนังสือถึงศาลรัฐ ธรรมนูญ ร้องถูกองค์กรรัฐจับมือสื่อมวลชนย่ำยี ขอวินิจฉัยส่งการให้สื่อเสนอข่าวอีก ปลาไหลสุดๆ อ้าง"ไชยบูลย์"ใจกว้างไม่ฟ้องกลับทุกฝ่าย หมวดปมศิษย์ธรรมกายฟ้องช่วยไม่ได้ ระบุเหตุ พระปลอม สวมเสื้อยืดแขนยาวใต้จีวร อ้างหมอสั่งเอาไว้แก้โรคภูมิแพ้ หมดละอายโฆษณาพระดูดทรัพย์ขมังค์ อานุภาพสุดบรรยาย ชี้เรื่องที่ลงตีพิมพ์ในหนังสือล้วนของจริง แฉรายละเอียดคำให้การอดีตเหรัญญิกวัด พบเหตุ ตุก ติกบัญชีวัด หลังสีกา-นักธุรกิจเข้ามามีบทบาทในวัด ดิ้นไม่หลุดเสนอสินบนเบนซ์ 1 คันเงิน 3 ล้านบาทปิดปาก
ที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง ปทุมธานี เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาญาติโยมและผู้ศรัทธานายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายจำนวนกว่า 2,000 คนเดินทางมาปฏิบัติธรรมตามปกติ โดยในครั้งนี้จะมีการฉลองครบรอบบวช 30 พรรษาของนายไชยบูลย์ด้วยทำให้บรรยากาศค่อนข้างครึกครื้นพอสมควร รวมทั้งจะมีการจัดแถลงข่าวตอบโต้ข้อกล่าวหาวัดพระธรรมกายด้วย ใส่เสื้อยืดอ้างแพทย์แนะนำ
ต่อมา เวลา 11.30 น. นายศุภชัย ศรศุภอักษร ไวยาวัจกร วัดพระธรรมกาย ได้เปิดแถลงข่าวตือสื่อมวลชนว่า กรณี ที่มี ข่าวว่า ศิษย์วัด พระธรรมกายมาชุมนุมกันที่วัดเป็นจำนวนมากเพื่อป้องกันการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ไม่ เป็นความจริง เพราะที่สานุศิษย์เดินทางมาเนื่องในโอกาสที่นายไชยบูลย์เข้าสู่สมณเพศครบ 30 ปี ทางวัด ขอให้สื่อมวลชนตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อนนำเสนอด้วยเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดของสาธารณชน
สำหรับกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายไชยบูลย์สวมเสื้อยืดแขนยาวสีเหลืองแล้วห่มจีวรทับในวันไปมอบตัวกับตำรวจนั้น เรื่องนี้แพทย์ ประจำมูลนิธิธรรมกายยืนยันว่า สาเหตุมาจากนายไชยบูลย์มีโรคประจำตัวคือโรคภูมิแพ้ ร่างกาย ต้อง การความอบอุ่นอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามนายไชยบูลย์จะห่มจีวรตามปกติเมื่อมีการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ไม่ได้มีการสวมเสื้อยืดแต่อย่างใด
อานุภาพพระดูดทรัพย์มีจริง
ในส่วนของหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุที่มีการกล่าวถึงเรื่องอิทธิปาฏิหารย์นั้น นายศุภชัยกล่าวว่า เป็นบันทึก เรื่องราวของผู้ที่ประสบเหตุการณ์จริงจากอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุ มีชื่อและรูปภาพของบุคคลนั้นๆ สามารถ ตรวจสอบได้ตลอดเวลา การบันทึกเรื่องราวไว้ก็เพื่อง่ายต่อการติดตามและเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ตั้งใจทำความดี ทั้งนี้ผู้ที่ปรากฏ ชื่อในหนังสือบางคนก็เคยถูกสื่อมวลชนสัมภาษณ์และยืนยันว่าประสบมาจริงๆ ไวยาวัจกรวัดพระธรรมกายยังกล่าวอีกว่า ตามที่เป็นข่าวว่าพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะ ตำบลคลองหนึ่งอยู่ภายใต้การบงการของวัดพระธรรมกายนั้นไม่เป็นความจริง ท่านเป็นพระเถระผู้ใหญ่ เป็นเจ้าคณะตำบล สื่อมวลชนและพุทธศาสนิกชนควรต้องให้ความ เคารพมากกว่าจะมาวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ไม่เหมาะสม ส่วนพระชัยยะ เลขานุการ เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งซึ่งเป็นพระวัดพระธรรมกายนั้น การไปเป็นพระเลขาก็ไปด้วย ความสมัครใจ ของพระชัยยะเองที่ต้องการออกไปสร้างบารมี ทางวัดพระธรรมกายไม่ได้ส่งไป แนะศิษย์ธรรมกายฟ้องสื่อฯ
ต่อข้อถามที่ว่า ทางวัดมีการเตรียมการสู้คดีของนายไชยบูลย์อย่างไรบ้าง นายศุภัยกล่าวว่า เราเชื่อมั่น ในขบวนการยุติธรรมและเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ คงไม่เตรียมตัวอะไรมาก แต่ได้เตรียมทนาย ความไว้พร้อมแล้ว หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกตัวนายไชยบูลย์ไปสอบปากคำอีกครั้งก็จะปฏิบัติตาม ขอยืนยันว่า นายไชยบูลย์จะไม่ฟ้องสื่อมวลชนที่เสนอข่าวโจมตีวัดแน่นอน แต่หากลูกศิษย์จะฟ้องเป็นการส่วนตัวนั้นไม่ทราบ
ส่วนเรื่องคัดค้านพ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับใหม่และร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา นายศุภชัยกล่าวว่า วัด พระธรรมกาย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เนื่องจากไม่มีเวลาสนใจหรือศึกษา เพราะมัว แต่ยุ่งกับปัญหาของวัดที่โดนโจมตี โดยเฉพาะการจัดเสวนาที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
อวดอ้างวิเศษพระตามเคย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงเจ้าหน้าที่วัดได้นำเทปรายการเสวนา "วิถีพุทธไทยต้องมีพ.ร.บ.สงฆ์ฉบับใหม่หรือไม่" จัดโดย ชมรมชาวพุทธสากลแห่งประเทศไทย ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มาเปิดเผยแพร่ทางโทรทัศน์วงจรปิด ในช่วงที่พระธรรมราชานุวัตร หรือหลวงเตี่ย รองเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ กล่าวโจมตีพ.ร.บ.คณะสงฆ์และสื่อมวลชน สาวกวัดพระธรรมกายต่างส่งเสียงเฮอย่างชอบอกชอบใจ
ในช่วงต่อจากนั้น บนเวทีของสภาธรรมกายสากลทางวัด ได้ให้ผู้ที่อ้างว่าเคย ประสบปาฏิหารย์พระมหาสิริราชธาตุขึ้นมาเล่าถึงสิ่งที่เจอมา ซึ่งมีทั้งผู้ที่อ้างว่ารอดตายจากอุบัติเหตุ ร่ำรวยเพราะพระมหาสิริราชธาตุ และในจำนวนนี้มี น.ส.นภารัตน์ เสือจงพู นักวิ่งผลัด 4 X 100 ม. ทีมชาติไทย 1 ในนักกีฬาที่ได้เหรียญทองจากกีฬาซีเกมส์ที่บรูไนขึ้นมาเล่าด้วย
น.ส.นภารัตน์ ระบุในทำนองที่ว่าประสบความสำเร็จ ได้เหรียญทองเพราะเข้าวัดพระธรรมกายและมีพระมหาสิริราชธาตุ สำหรับเงินรางวัลที่ได้รับจะนำมาทำบุญทอดผ้าป่าที่วัดพระธรรมกาย
ปลุกระดมศิษย์สู้ศึก
พระสมชาย ฐานวุฒโฑ ผอ.สำนักเผยแผ่วัดพระธรรมกายกล่าวว่า เวลานี้เข้าตำราคนดีจะหนีเข้าป่า คนพสลจะครองเมือง คนที่ไม่ถือศีลกลับมาชี้หน่าด่าพระเถระชั้นผู้ใหญ่ออกโทรทัศน์ ฉะนั้นสิ่งที่เราทำควรให้เกิดความถูกต้องชอบธรรมในสังคม เรามาทำความดีใครจะมาย่ำยีเราไม่ได้ จะเป็นสื่อมวลชนหรือองค์กรของรัฐ ตอนนี้ไม่ใช่แค่วัดพระธรรมกายอย่างเดียว พระเถระก็ถูกต่อว่าไปด้วย พอศาลสงฆ์ยุติมีคนไปฟ้องศาลทางโลก ทั้งที่ประธานศาลสงฆ์ มีระดับ เป็นพระเถระระดับรองสมเด็จ ตำรวจก็รับลูกตั้งกรรมการสอบ มีบางคนพยายามที่จะพลิกกฎหมายมาสึกพระให้ได้ ไม่ได้ต้องดูความถูกต้อง แต่เป็นการหาข้อผิดจะหาเรื่องสึกกันให้ได้ แบบนี้ไม่ใช่ความเป็นธรรมแล้วเป็นการเอาแพ้เอาชนะกัน หากทำแบบนี้พระทั้งประเทศคงจะถูกจับสึกกันหมด
อ้อนขอญาติโยมใช้ นะจ๊ะ !
ต่อมาเมื่อเวลา 14.20 น. ได้มีพิธีกรรมรอบบ่ายตามปกติ โดยนายไชยบูลย์ ได้กล่าว แก่ผู้มาปฏิบัติธรรมระหว่างการเททองหล่อพระธรรมกายประจำตัวว่า หลังจากเสร็จพิธีแล้วอย่าเพิ่งกลับบ้านกัน ขอให้อยู่ต่อขอให้ละทิ้งความกังวลเรื่องครอบครัวและการงาน เพราะมีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกับทุกๆคน ต่อพระพุทธศาสนาและโลก ต่อไปนี้คงไม่มีโอกาสพูดคำว่า"ใส"แล้ว ไม่รู้ว่า"ใส"มันไม่ดีตรงไหน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายไชยบูลย์พูดถึงตรงนี้ บรรดาศิษย์ธรรมกายต่างเปล่งเสียงพร้อมกันว่า "ดีจ้ะ" นายไชยบูลย์จึงพูดต่อว่าคำว่า"ใส"ไม่รู้ไม่ดีตรงไหน ที่ต้องพูดคำนี้เพราะไม่มีคำที่เหมาะสมกับองค์พระที่อยู่ในตัว มันใสกว่าเพชรที่โดนแสงหลายๆเท่า ถ้าพูดว่าใสที่สุดในโลกมันไม่ได้ความรู้สึก แต่ถ้า"ใส"มันใสมากไม่รู้จะบอกอย่างไร มันใสจริงๆจึงต้องพูดคำนี้นะจ๊ะ ขออนุญาตพูดคำนี้ เพราะมีคนที่จอบดอกเตอร์เค้าห้ามพูด แล้วคำว่า "นะจ๊ะ" ตกลงญาติโยมจะให้ใช้หรือไม่ มันติดปาก ทำให้บรรดาญาติโยมตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ใช้ได้ นายไชยบูลย์จึงบอกว่าอนุญาตให้ใช้ได้นะจ๊ะ
ระดมแสนชื่อยื่นศาลรธน.
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากเสร็จพิธีกรรมแล้วเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายได้นำเอกสาร ออกมาแจกจ่ายให้แก่ญาติโยมที่อยู่ร่วมในพิธี โดยเอกสารดังกล่าวระบุหัวข้อเรื่องว่าแนวทาง การแก้ปัญหาโดยอาศัยศาลรัฐธรรมนูญ มีความยาวทั้งสิ้น 2 หน้ากระดาษ ทั้งนี้เอกสารดังกล่าวอ้างว่า มีความพยายามที่จะเหยียบย่ำคนที่ตั้งใจทำความดี ปฏิบัติตามหลักศาสนา จึงจำเป็น ต้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นธรรม แล้วสั่งให้ผู้ที่กำลังกระทำการละเมิดสิทธิอยู่นี้ หยุด การกระทำดังกล่าว อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 38 ในเรื่องเสรีภาพในการนับถือศาสนาและมาตราอื่นๆอีกหลายมาตรา นอกจากนี้ยังมีหนังสือที่จะยื่นเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยด้วย โดยมีพระอารักษ์ ญาณารักโข ผู้อำนวยการสำนักกัลยาณมิตร เป็นผู้อ่านหนังสือดังกล่าว ซึ่งลงชื่อโดยนายไชยบูลย์ ในการนี้ ได้มีการระบุว่ากำลังเคลื่อนไหวให้กัลยาณมิตรร่วมลงนามโดยนายผ่อง เล่งอี้ ศิษย์คนสำคัญเป็นผู้ดำเนินการ เป้าหมายแรกนั้นคาดว่าจะใช้ประมาณ 50,000 ชื่อ แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่โดยพยายามให้มีการลงนามทั้งสิ้น 100,000 ชื่อ ทั้งระบุว่าผู้ที่พยายามกระทำล้มล้างวัดพระธรรมกายได้แก่ องค์กรของรัฐและสื่อมวลชน ถือเป็นการคุกคามที่รุนแรงเป็นภัยร้ายแรง ถือเป็นงานใหญ่ของพวกเราที่ต้องปกป้องคนพาล ปกป้องวัดและปกป้องนายไชยบูลย์
พระอารักษ์ยืนยันว่า การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องช่วยกัน เพราะมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์หรือทุ่มเทสร้างสภาธรรมกายสากล และสร้างวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ การดำ เนินการครั้งนี้จะต้องดำเนินการผ่านองค์กรรัฐ 5 แห่ง โดยแห่งแรกจะลงชื่อโดยวัดพระธรรมกาย แห่งต่อไปกำลังพิจารณาอยู่ ให้สินบนเบนซ์คันเงิน3ล.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานแจ้งว่า การให้ปากคำของพระอดิศักดิ์ วิริยสักโก อดีตพระลูกวัดที่ก่อตั้งวัดพระธรรมกายมาพร้อมๆกับนายไชยบูลย์และพระเผด็จ ทัตตชีโวนั้นเป็นประโยชน์ต่อคดียักยอกทรัพย์มาก โดยพนักงานสอบสวน ได้พยายามสอบถาม ในเรื่องของบัญชีวัดพระธรรมกาย ซึ่งระยะแรกจะมีชื่อของนายไชยบูลย์ พระทัตตชีโวและพระอดิศักดิ์
รายงานข่าวแจ้งว่า พระอดิศักดิ์ให้การว่า ในช่วงแรกต้องมีการลงลายมือชื่อทั้ง 3 คนถึงจะสามารถ นำเงินออกจากบัญชีมาใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆได้ ประมาณปลายปี 2530 ก็มีการเปลี่ยนแปลง เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินในบัญชี เนื่องจากมีฆราวาสทั้งหญิงและชายเข้ามามีบทบาทในวัดเพิ่มมากขึ้น ต่อมาไม่นานนายไชยบูลย์ก็มาบอกกับทุกคนว่าตอนนี้เงินในบัญชีจะหมดแล้วจะทำอย่างไรกันต่อไป ทำให้เกิดความสงสัยเรื่องการเบิกจ่ายเงินในบัญชีเนื่องจากที่ผ่านมานั้นวัดมีแต่รายรับ จึงเริ่มสอบถามกรรมการของวัดหลายคนทำให้รู้ว่าเกิดการตุกติกเรื่องบัญชี
"พระอดิศักดิ์บอกกับพนักงานสอบสวนว่า เป็นคนที่ค่อนข้างช่างสังเกต เวลาเบิกจ่ายเงินระยะหลังก็พยา ยามสอบถามนายไชยบูลย์ตลอด ทำให้เกิดความไม่พอใจกับอีกฝ่ายมาก แล้วทั้ง 3 รูปก็มานั่งพูดคุยกันในเรื่องนี้ พระอดิศักดิ์จึงบอกกับนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวว่า จะขอลาออกจากการเป็นเหรัญญิกและผู้ช่วยเจ้าอาวาส เพราะไม่อยากรับรู้เรื่องการใช้จ่ายเงินในทางที่ผิดด้านนายไชยบูลย์ก็เห็นด้วยโดยไม่มีการทัดทาน แต่ขอให้พระอดิศักดิ์อยู่เงียบๆไม่ต้องไปพูดเรื่องนี้กับใคร โดยเสนอว่าจะให้รถเบนซ์ 1 คัน เงินสดอีก 3 ล้านบาท แต่พระอดิศักดิ์ก็ตอบปฏิเสธและประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมต่อไป"
จวกตำรวจเส้นตื้นสอบจภ.1
ในคำให้การของพระอดิศักดิ์นั้น ระบุด้วยว่า ช่วงที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เริ่มมีธุรกิจหลายอย่าง นักธุรกิจหลายคนเริ่มเข้ามายุ่งเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังบอกว่าไปรู้ความลับเขามากไป ถูกสั่งกําจัดอยู่ที่วัดนี้ไม่ได้ จึงถามเขาว่ามีความผิดอะไรถึงจะไล่อาตมาออกจากวัดเขาก็ตอบไม่ได้ อาตมาเป็นคนหนึ่งที่ร่วมสร้างวันมาพอวัดเริ่มมีความเจริญก็จะถีบหัวส่ง อาตมามีสิทธิ์ที่อยู่วัดนี้ อาตมาไม่ต้องการอะไรต้องการจะนั่งสมาธิเท่านั้นไม่ต้องการอะไรนอกจากนี้
ในวันเดียวกันพระราชปริยัติบดี เจ้าอาวาสวัดสามพระยาและรองเจ้าคณะภาค 1 เปิดเผยถึงกรณีที่ถูกกล่าวหาและกองปราบฯได้ตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นมาดำเนินการเรื่องนี้ว่า อยากถามว่าทางพนักงานสอบสวนที่รับคำร้องทุกข์นั้น เป็นกรณีไหนทางสงฆ์หรือทางโลก คณะสงฆ์ผู้พิจารณาชั้นต้นเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทางศาลสงฆ์ แต่มีการนำไปกล่าวหาทางโลกนั้นเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ สิ่งนี้ควรพิจารรษว่า เป็นการปฏิบัติอย่างถุกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะฐานะที่ถูกร้องเรียนนั้นเป็นผู้พิจารณาทางสงฆ์ ที่สำคัญมีที่ไหนบ้างที่ผู้พิพาก ษาได้ตัดสินไปแล้วกลับถูกฟ้องร้องมีแต่อุทธรณ์กันทั้งนั้น
รอง เจ้าคณะภาค 1 กล่าวว่า ตามกระบวนการทางสงฆ์นั้น เรื่องนี้ต้องร้องเรียน ต่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ซึ่งเป็นผู้ปกครองสงฆ์ไม่ใช่ไปร้องต่อกองปราบฯซึ่งจะดำเนินการทางโลก มันคนละประเภทกันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ได้ติดใจในเรื่องนี้แต่อยาก จะเตือนสติตำรวจ เท่านั้นว่าได้ดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ควรจะศึกษากฎหมายสงฆ์ก่อนที่จะดำเนินการอย่างไรไปในเรื่องนี้ ประทานพระวรธรรมคติ
เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันเดียวกันที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกฯ ได้ทรงเสด็จเป็นองค์ประทานการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาสและผู้ช่วยเจ้าอาวาสในเขตปกครองตามมติมหาเถรสมาคม จำนวน 321 รูป ในการนี้ได้ทรงประทานพระวรธรรมคติแก่พระสังฆาธิการที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้
ช่วงหนึ่งของพระวรธรรมคติระบุว่า ทุกวันนี้สถาบัน พระพุทธศาสนา ที่สูงส่งประเสริฐสุดต้องการความหวังดีอย่างจริงใจจากพุทธบริษัท 4 เพราะความหวังดี อย่างจริงใจของพุทธบริษัทนี่แหละที่จะเทิดทูนรักษาพระพุทธศาสนาให้เป็นคุณประโยชน์ต่อไทย และต่อทุกชาติในโลก พูดเช่นนี้มิได้หมายความว่าพระพุทธศาสนาจะหมดสิ้นไปจากโลก แม้ไม่ได้รับน้ำใจหวังดีจากผู้เป็นพุทธบริษัททั้งหลาย พระพุทธศาสนาไม่มีวันจะดับสูญไปจากโลก
บ้านเมืองไทยของเรา อันหมายรวมถึงประเทศชาติไทย พระพุทธศาสนา และพรมหากษัตริย์ 3 สถาบันหลักชีวิตของเราไทยทุกถ้วนหน้า จะตกอยู่ในความมืด ความร้อน ความร้ายแรง หนักขึ้นและหนักขึ้นแน่นอน แม้เราทั้งหลายโดยเฉพาะเราผู้เป็นพระเป็นเณร ผู้มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องทุ่มเทกำลังทั้งปวง ทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา เทิดทูนรักษาพระพุทธศาสนาด้วยความหวังดีจริงใจ มิใช่ด้วยหวังเงินทองสมณศักดิ์ ฟังธรรมให้ธรรมดีกว่าให้เงิน
กฎหมายพระสงฆ์ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงโปรดตราไว้ ข้อที่ 1 ว่า มีพระราชกระแสให้นิยมการฟังธรรมยิ่งกว่าอามิสทาน ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯให้ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้น้อยผู้ใหญ่สมาทานพระไตรสรณคมน์ ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ในสำนักพระสงฆ์ทุกวันทุกเวลา เป็นปฏิบัติบูชา อันเป็นกองมหากุศลวิเศษประเสริฐกว่าอามิสบูชาทั้งปวง ทั้งทรงโปรดให้มีพระธรรมเทศนาเป็นธรรมทาน ให้ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฟัง เป็นกองพระราชมหากุศล อันประมาณผลมิได้ บุคคลผู้ประพฤติเป็นสัมมาคารวะต่อพระธรรมในพระไตรปิฎกจะมีผลประมาณมิได้ เมื่อประพฤติมิได้มีสัมมาคารวะต่อพระธรรมในพระไตรปิฎก ก็จะมีโทษแก่บุคคลผู้นั้น อันเป็นโทษใหญ่หลวงนักหนา
พระเณรยุคนี้น่าจะพยายามทำความนิยมให้ตรงกับที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงตราเป็นกฎหมายพระสงฆ์ ดังกล่าวมาคือนิยมการฟังธรรม การให้ธรรม ยิ่งกว่าอามิสทานเถิด อามิส ทานที่เป็นเงินเป็นทองนั้น อย่าลืมว่าสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทางกล่าวไว้ว่าเป็นงูพิษ และพิษของงูคือสิ่งที่จะทำลายชีวิตได้อย่างแน่นอน ที่ควรกลัวอย่างยิ่งคือ พิษของงูพิษนั้นทำลายชีวิต แต่พิษของเงินทองนั้นทำลายได้สิ้นทั้งชีวิต ทั้งชื่อเสียงเกียรติยศ พิษของเงินทองจึงน่ากลัวยิ่งกว่าพิษของงูพิษมากมายเกินกว่าจะประมาณได้ ยิ่งเป็นพระเณรก็ยิ่งควรกลัวพิษเงินทองให้มากเป็นพิเศษ วงการสงฆ์วุ่นเพราะพระ
นอกจากพระวรธรรมคติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระสังฆราชทางประทานพระวรธรรมคติอีกฉบับหนึ่ง ทั้งนี้รายละเอียดในพระวรธรรมคติเป็นเรื่องของคำว่า พระ โดยมีสาระโดยสรุปว่า พระ แปลว่า ผู้ประเสริฐ ควรเป็นที่ภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับทุกรูปที่เป็นพระ การจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐนั้นมิใช่จะเป็นไปได้ง่ายสำหรับคนทั่วไป พวกเรา ผู้เป็นพระได้รับมอบหมายแล้วโดยอัตโนมัติแสดงถึงความเชื่อถือว่าเราเป็นผู้ประเสริฐ แน่นอนแล้ว เมื่อถือเพศสมณะ เป็นพระ
ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า มี่ความวุ่นวายเกิดขึ้นมากมายในวงการพระสงฆ์ ซึ่งจะโทษว่าเป็นใครอื่นที่มิใช่พระมิใช่สงฆ์มาทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ ไม่ถูก ต้องยอมรับความจริงว่า พระสงฆ์ทำกันเอง คิดความวุ่นวายขึ้นเอง วงการของพระของสงฆ์ทุกวันนี้จึงวุ่นดังเป็นที่รู้ที่เห็น ที่ห่วงใยกันอยู่เป็นอย่างยิ่ง เราเป็นพระในพระพุทธศาสนาที่สุดประเสริฐ สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้ทรงเป็นสมเด็จพระบรมครูของเรา มีพระพุทธดำรัสไว้ว่า ผลย่อมเกิดแต่เหตุ ดับเหตุได้ย่อมดับผลได้ ทำเหตุใดย่อมได้ผลนั้น นั่นก็คือเพราะทุกวันนี้เราก่อเหตุวุ่นวาย ผลจึงวุ่นวาย ปรากฎให้เห็นอยู่ชัดเจน
เราทุกคนต้องตาย และเมื่อถึงเวลานั้น อำนาจก็ตาม ความใหญ่ก็ตาม ความดังก็ตาม สมบัติ มหา สมบัติก็ตามหาติดตามเราไปได้ไม่ ที่น่ากลัวอย่างยิ่งก็คือชาติหน้าของทุกคนอยู่ติดกับชาตินี้ วินาทีเดียว ก็อาจไปถึงชาติหน้าได้ จะนำชีวิตไปถึงชาติหน้าอย่างงดงามพรั่งพร้อม หรือชาติหน้าที่เป็นนรกอเวจีก็เลือกเถิด