เดลินิวส์ 29/8/2542
คอลเลกชั่น"ไชยบูลย์"ใส่"เสื้อยืด"ห่มจีวร!!!
ฮือหือ..มันจะเพี้ยนกันไปถึงไหน ???
เป็นเสียงครางด้วยความปวดใจของชาวพุทธที่เห็นภาพ นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกายนุ่งห่มแบบแหกธรรมเนียมพระสงฆ์เถรวาทของไทย เมื่อคราวไปให้มอบตัวกับตำรวจ นั่นคือการใส่เสื้อถักสีเหลืองแขนยาวถึงข้อมือ และห่มจีวรทับ อะร้าอร่ามตาจริงพ่อคุณ พฤติกรรมแบบนี้พระไทยไม่ทำ เพราะสมบัติหลักติดตัวของพระสงฆ์จะมีผ้า 3 ชิ้นเท่านั้น สบง คือ ผ้านุ่ง, จีวร คือ ผ้าห่มคลุม และสังฆาฏิผ้าพาดบ่า รวมถึงใช้แทนจีวรได้หากผ้าจีวรเปียก นอกจากนั้น การเดินทางออกจากวัดของพระเมืองไทย ก็มีหลักว่าจะต้องนุ่มห่มเป็นปริมณฑล หรือแปลง่าย ๆ คือ นุ่งห่มให้มิดชิด กระฉับกระเฉง ถ้าเป็นพระธรรมยุติก็จะไม่เปิดไหล่ คลุมทับทั้ง 2 ข้าง ถ้าเป็นมหานิกายจะเปิดไหล่ข้างหนึ่ง อีกข้างจะมีผ้าสังฆาฏิพาด และใช้ผ้ารัดลำตัวให้แน่นหนา แต่นี่ ไชยบูลย์มาเลย เสื้อยืดแขนยาวเหลืองอ๋อย... คำอธิบายอย่างแรกที่พอฟังได้ก็คือสำหรับพระแล้วเกิดอาพาธเจ็บป่วยขึ้นมา ก็สามารถห่มทับเสื้อผ้าหลายชั้นและเอาจีวรทับคลุมได้ เหมือนกับเวลาพระไทยไปต่างประเทศก็มักจะมีเสื้อกั๊กห่มทับอยู่ข้างใน หรือมีเสื้อไหมพรมทักใส่ไว้กันหนาว นายไชยบูลย์จึงอาจเป็นไข้ และคงหนักอาจถึงขั้นจับไข้หัวโกร๋น ...แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นและเป็นข้อขัดแย้งกับคำอธิบายว่า นายไชยบูลย์ป่วยก็คือระหว่างการสอบสวน เมื่อถูกตำรวจซักมาก ๆ ทำไมถึงต้องปาดเหงื่อที่ออกมาเต็มหัว อืม..เป็นไข้แล้วทำไมเหงื่อถึงหยดติ๋ง ๆ !!! หากไม่มีการเจ็บป่วย ความน่าจะเป็นอีกประการก็คือพฤติกรรมและพฤติเหตุแวดล้อมบ่งบอกว่านายไชยบูลย์ไปแต่งกายเหมือน พระมหา ยาน ที่มีอิทธิพลแถบไต้หวัน ฮ่องกง หรือญี่ปุ่น ที่ใส่เสื้อทักไหมพรมถึงแขน และก็ใส่กางเกงเหมือนพระจีน ธรรมกายเองก็กระเดียดไปทางมหายานอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการสั่งสอนให้คนยึดถือในโอวาทของอาจารย์มากกว่าจะยึดพระไตรปิฎก โดยอ้างพระไตรปิฎกผิดเพี้ยน,สอนให้ไปถึงนิพพานที่เป็นสถานที่ เดินเข้าเดินออกได้ เหมือนแดนสุขาวดี นอกจากนั้น วัดพระธรรมกายเองยังไปลงนามกับ วัดฝอกวงซานแห่งประเทศไต้หวันเป็นวัดพี่-วัดน้อง และได้มีพฤติกรรมหลายอย่างที่ออกไปทางนั้น อาทิ การให้มีการบวชสามเณรี ที่โกนหัวห่มจีวรสีเทาเหมือนแม่ชีไต้หวัน, การนำแม่ชีวัดฝอกวงซานมาฝึกวิชาธรรมกายที่เชียงใหม่ฯ แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว นายไชยบูลย์คงไม่ใช่พระมหานิกายเพราะถ้าอยากเป็นพระมหายานต้องสึกและไปบวชใหม่ และถึงจะสึกก็ไม่แน่ว่าวัดมหายานในเมืองไทยจะรับเข้าสังกัดหรือเปล่า เพราะคำสอนสำนักนี้เป็นมหานิกายนอกคอกผิดเพี้ยนไป จากแก่นแท้แห่งธรรมของมหานิกาย โดยจีนนิกาย และญวนนิกายซึ่งเป็นพระมหายานในไทยต่างก็ส่ายหน้า สรุปแล้วการแต่งกายเพราะคิดจะเป็นมหายานคงไม่ใช่ โดยเฉพาะอย่างถ้าพิจารณาถึงความเป็นตัวตนของนายไชยบูลย์นั้นคงไม่ยอมไปประจำลัทธิใด เพราะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ขนาดเป็นต้นธาตุ-ต้นธรรม เป็นหัวหน้าพระพุทธเจ้าเอาคนไปละลายสลายเป็นธาตุได้ เหลืออีกประเด็นเดียวที่เป็นได้เช่นกันสำหรับคอลเลกชั่นใหม่ สไตล์นี้ ลองนึก...นึกให้ดี หรือถ้านึกไม่ออกลองเพ่งลูกแก้วดูก็ได้ว่า นายไชยบูลย์ใส่เสื้อแขนยาวนั้น เหมือนอะไร ???? ถ้านึกไม่ออก โน่น...ให้เอา "พระธรรมกายประจำตัว" ที่นาย ไชยบูลย์ออกแบบ และผลิตขึ้นมาเองเพื่อเซ็งลี้ขายบุญมาเทียบเคียง นั่น...รับรองถึงบางอ้อเพราะ "พระธรรมกายประจำตัว" ที่หล่อขึ้นมานั้น ก็ใส่เสื้อยืดคอกลม ยาวถึงข้อมือเหมือนกัน !!! ในอดีตนายไชยบูลย์ก็เคยถูกโจมตีอย่างหนัก คราวที่ปั้นรูปพระประธานขนาดใหญ่ของวัด เพราะ หน้าตาพระพุทธรูปบังเอิญเหมือนกับหน้านายไชยบูลย์เปี๊ยบ แต่พระองค์นั้นได้สูญหายถูกทำลายไปแล้ว แต่ยังมีรูปเป็นประจักษ์พยานให้เห็น โดยครั้งนั้นวัดพระธรรมกายอ้างว่าพระพุทธรูปถูกทำลาย ด้วยฝีมือของชาวนาที่มีเรื่องกับวัด และเรื่องนี้ทำให้บุญบารมีของ แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ด่างพร้อยลงไป เพราะขนาดเล่าลือกันว่าเหาะปัดระเบิดปรมาณูที่ทิ้งลงไทยไปตกที่ญี่ปุ่นได้ กะแค่ชาวนาบุกเข้ามาในวัด ทำไมถึงไม่รู้เนื้อรู้ตัว คราวนี้กลับมาที่พระธรรมกายประจำตัว พระรุ่นนี้กระทรวงศึกษาเคยตั้งคณะทำงานพิจารณา และพบว่าแหกคอกทางด้านพุทธศิลป์ มีทั้งใส่เสื้อยืด ใส่กางเกงขายาวกรอมถึงข้อเท้า แถมยังไว้ผมจุกอีกต่างหาก แต่ก็อีกแหละนายไชยบูลย์มาอธิบายว่า พระธรรมกายประจำตัวเป็นการออกแบบจีวรให้แนบเนื้อ เพื่อให้เห็นลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการที่ชัดเจนนะจ๊ะ และมีเฉพาะของธรรมกายที่เดียวที่คิดออก เพราะเพ่งฐาน 7 เล็งเข้าไปละเอียดขึ้น ละเอียดขึ้นจนปรากฏพระใส่เสื้อยืดผุดขึ้นมา และที่นายไชยบูลย์ใส่เสื้อยืดคอกลม ยาวถึงข้อมือ นี่ก็คงหวังเน้นลักษณะมหาบุรุษของตัวเองเช่นกัน เวลาจะออกศึกพบกับตำรวจ เพราะฉะนั้นคงเลิกสงสัยกันได้ และต่อไปถ้านายไชยบูลย์จะมีอะไรผิดแปลกออกมา อาทิ ใส่กางเกงกรอมเท้าแต่ไปเหมือนพระธรรมกายประจำตัวอีกก็คงเข้าใจกันว่ามาจากสาเหตุใด
เขาเป็นของเขาอย่างนี้มานานแล้ว นึกถึงคำโบราณไว้อย่าไปถือเขาเลย !!.