เดลินิวส์ 28/8/2542
ประกัน"ไชยบูลย์"หรือขอโทษงานนี้ไม่จบนะจ๊ะ!!
ถึงแม้ว่าพนักงานสอบสวนนำโดย พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช. สง.ก.ตร. จะให้นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกายประกันตัวไปแล้ว ตามคำสั่งตรงจากรัฐบาล เพื่อกลบกระแสปัญหามวลชน แต่ทว่างานนี้ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของกระบวนการทั้งหมด
สาเหตุเพราะขั้นตอนการดำเนินงานสะสางเสี้ยนศาสนา ยังดำเนินต่อไปอีก ภายใต้เส้นทางเดิน 3 สายหลัก ๆ สายแรกคือการดำเนินการทางสงฆ์ ชาวพุทธยังอุ่นใจได้ว่า ขั้นตอนทางสงฆ์ยังดำเนินต่อไปได้ เพราะมี นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็น รมว.ศึกษาธิการ และยังมีพระดีอย่าง สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลางแห่งวัดชนะสงครามเป็นหลักอยู่
ประเด็นสำคัญสำหรับกระบวนการทางสงฆ์ก็คือการที่มหาเถรสมาคม (มส.) มีมติให้พระพรหมโมลีรายงานอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรถึงสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรณีที่ชี้ขาดชาวบ้านไม่มีสิทธิฟ้องร้องกล่าวหานายไชยบูลย์ ตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม ทำให้กระบวนการพิจารณาเอาผิดนายไชยบูลย์ทางสงฆ์ต้องคว่ำคะมำหงาย
ภายในสัปดาห์นี้คือกำหนดที่พระพรหมโมลีต้องทำเรื่องถึงพระมหาธีราจารย์ ในฐานะพระผู้ปกครองสูงสุดในสายนี้ หลังจากนั้นพระมหาธีราจารย์จะทำเรื่องเสนอมหาเถรฯ โดยความหวังอยู่ตรงที่ว่า ถ้ามีมติให้ฆราวาสฟ้องได้แล้ว กระบวนการตามกฎนิคหกรรมจะดำเนินการต่อไป
แต่กระบวนการทางสงฆ์ต้องทำใจเอาไว้ว่า งานนี้มีมหกรรมอุ้มสม กันเกิดขึ้น ทั้งจากสมเด็จป๋า หลวงตาเตี่ย หลวงอาขาเฉียดคุก ฯลฯ ทั้งขวางไม่ให้กระบวนการทางสงฆ์ พุ่งเข้าไปปลดจีวรนายไชยบูลย์ได้
สายที่ 2 คือจากกลุ่มองค์กรพุทธหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็น ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย, คณะสงฆ์ทั้งสายธรรมยุต สายมหานิกายที่ต้องการสะสางปัญหาธรรมกายให้ยุติ, สมาคมนิสิตเก่ามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ,กรรมาธิการการศาสนาฯสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงกลุ่มชาวพุทธอื่น ๆ ที่ยังเคลื่อนตัวไม่หยุดนิ่งเพื่อเล่นงานพระปลอมตามลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช
ถึงแม้ทางสงฆ์จะหยุดนิ่ง แต่ทางชาวบ้านในฐานะอุบาสกที่เป็น 1 ในพุทธบริษัทที่พระพุทธมอบให้ดูแลพระศาสนา จะเดินหน้าต่อไปอีก และทำให้นายไชยบูลย์อยู่ไม่สุข
สายที่ 3 คือตำรวจ โดยเฉพาะทีมงานสอบสวนของ พล.ต.ท. วาสนา
ถึงแม้ตำรวจจะให้ประกันตัวนายไชยบูลย์ไปแล้ว แต่ขั้นตอนทั้งหมด ยังอีกยาว เอาแค่ 2 คดีแรกก่อน ได้แก่ การฉ้อโกงและการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กระบวนการดำเนินคดียังต้องมีอีกมาก นับตั้งแต่ตำรวจสามารถเรียกสอบปากคำนายไชยบูลย์เพิ่มเติม กระบวนการส่งฟ้องของอัยการ ฯลฯ
ที่สำคัญก็คือ คดีความที่มีอยู่ในมือกองปราบปรามและจะทำให้นายไชยบูลย์ตกเป็นผู้ต้องหายังมีอยู่ในลิ้นชักหลายคดี อาทิ การนำเสนอให้นำกฎหมายฟอกเงินที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา มาตรวจสอบกระบวนการทางการเงินของวัดพระธรรมกาย และนายไชยบูลย์ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535
หรือล่าสุดคือข้อมูลที่กรมการศาสนาเสนอเป็นข้อมูล "ลับ" เกี่ยวกับ การโอ้อวดปาฏิหาริย์ในหนังสือพระมหาสิริราชธาตุหรือพระดูดทรัพย์ ที่อวดอภินิหารเกินความเป็นจริง ส่อในทางที่ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดได้ อาทิ ในหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ เล่มที่ 31 ได้มีการอ้างถึงพระรุ่นดูดทรัพย์มีอิทธิฤทธิ์ด้านคงกระพัน และยังรักษาอาการป่วยไข้จากโรคร้ายโดยไม่ต้องพึ่งพาแพทย์แผนปัจจุบัน หรือไม่ต้องกินยาขนานใด ๆ ก็หายจากโรคร้ายได้ เพียงแขวนพระรุ่นดังกล่าวติดตัวไว้
นอกจากนั้นวัตถุที่สร้างพระดูดทรัพย์ นายไชยบูลย์ได้อ้างว่า เป็นวัตถุอันเกิดจากแร่ที่เทวดาเฝ้ารักษาไว้ให้นานถึง 2,000 ปี ประกอบด้วยมวลสารของธาตุ 3 ชนิดมาประชุมรวมกัน คือพญาเหล็กเพชรดำ ที่มีคุณสมบัติในการเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง คำแก้วมณี ที่เป็นธาตุช่วยในการดูดทรัพย์ และสิทธิธาตุ เป็นธาตุที่จะดลบันดาลให้ประสบสิ่งที่ต้องการตามที่ปรารถนา ก็เข้าข่ายเชิญนายไชยบูลย์มาพิมพ์ลายนิ้วมือได้อีก
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าจากกรมศุลกากรพบว่า วัตถุที่ใช้ในการสลักพระดูดทรัพย์เป็นหินใส หรือพลอยเนื้ออ่อนที่ไร้ราคา โดยซื้อมาจากทวีปแอฟริกา ผ่านทางนายหน้าชาวไทย
และยังพบด้วยว่าในการจัดซื้อครั้งนี้ได้มีการทำบัญชีลวงขึ้น โดยมีการเพิ่มราคาสินค้าให้สูงขึ้นกว่าสิบเท่าตัว และยังได้นำผลกำไรจากส่วนต่างที่ได้แบ่งกัน !!!
ที่สำคัญยังมีคดีความอื่นที่ไปแจ้งความไว้นอกเหนือ จากการดำเนินการของกองปราบปราม เช่น กรณี พ.ต.อ.บรรจบ สุตใจ อดีตผู้กำกับคนดัง แจ้งความดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์ไว้ที่กองปราบปราม ในข้อหาหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน และยังคาอยู่
ทั้งหมดจะทำให้นายไชยบูลย์ต้องเทียวไล้เทียวขื่อ เจอหน้าพนักงานสอบสวนกันนานอาจเป็นแรมเดือน แรมปี กว่ากระบวนการทั้งหมดจะสิ้นสุดลง
ทำใจไว้เถอะต้องเหงื่อตกอีกหลายยกนะจ๊ะ !!.