เดลินิวส์ 27/8/2542
บันทึกเพื่อนเก่า"ไชยบูลย์" จุดกำเนิด-สิ้นสุดธรรมกาย
พระอดิศักดิ์ วิริยสักโก คืออดีตนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ร่วมก่อตั้งวัดพระธรรมกาย และเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสและเหรัญญิกวัดพระธรรมกายมาแล้ว แต่สุดท้ายพระอดิศักดิ์ต้องแยกตัวออกมาเนื่องจากมีปัญหากับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย
บันทึกชิ้นนี้ เป็นของพระอดิศักดิ์ ที่เล่าถึงความหลัง จุดกำเนิดและจุดสิ้นสุดของธรรมกาย และมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง ทั้งหมดคือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าธรรมกายคืออะไร และทำไมถึงเข้าสู่จุดเสื่อมได้ในขณะนี้ นับย้อนหลังไปในปี 2509-2510 สมัยนั้นอาตมา (พระอดิศักดิ์) เป็นนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กำลังทำวิทยานิพนธ์เพื่อจบและเป็นปีสุดท้าย ได้ตัดสินใจไปศึกษาธรรมและฝึกสมาธิที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ได้พบกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล และ นายเผด็จ ผ่องสวัสดิ์ นิสิตร่วมสถาบัน ที่มาฝึกอยู่แล้วกับแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ทั้งสองได้แนะนำให้ไปฝึกด้วย พร้อมกับให้คำรับรองว่า แม่ชีจันทร์เป็นผู้ได้รับการฝึกอบรมและถ่ายทอดวิชชาธรรมกายโดยตรงจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ เป็นศิษย์ก้นกุฏิที่เก่งที่สุดไม่มีใครเทียมได้ ไชยบูลย์บอกว่าตัวเองนั้นมีสมาธิสูง สามารถรู้เห็นสิ่งแปลก ๆ นอกเหนือจากมนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย อาทิ สามารถเห็นเทวดา เห็นนรก เห็นสวรรค์หรือแม้กระทั่งเป็นพระพุทธเจ้าและสามารถพูดจาจับมือถือแขนได้ ในที่สุดเราก็ตกลงกันว่าจะบวชอุทิศชีวิตแก่พระศาสนา ช่วยกันสร้างวัดที่เป็นวัดไม่เหมือนกันสภาวะวัดในสายตาที่เราเห็นว่าพระไม่ได้ช่วยชาวบ้านอย่างแท้จริง เราเห็นกันที่พระเลือกปฏิบัติคือการต้อนรับเฉพาะคนรวย มีแต่การแสวงหาผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน เราตกลงกันว่า เราจะต้อนรับประชาชนคนรวยคนจนอย่างเสมอภาค ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ จะมักน้อยสันโดษ ไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ กิจการใดที่เกิดขึ้นจะปรึกษากันโดยเหตุและผล ใช้ธรรมาธิปไตย หากจะมีการเสนอให้ยศจากทางบ้านเมืองหรือจากพระผู้ใหญ่ก็ดี จะไม่รับยศ นั้น ๆ จะยอมเหนื่อยเต็มที่โดยเร่งสร้างวัดด้วยการทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และชีวิต เพื่อสร้างวัด เราหาเงินประมาณ 100 ล้านบาทไว้เป็นทุนในการส่งเสริมการปฏิบัติธรรมแก่ตนเองและมหาชนโดยไม่ต้องเรี่ยไรบอกบุญอีกเลย เราได้ที่ดิน 196 ไร่เศษ จากการบริจาคของคุณหญิงประหยัด แพทยพงศาวิสุทธาธิบดี มารดาของ อาจารย์วรณี สุนทรเวช ในตอนนั้นไชยบูลย์บอกว่าที่ดินตั้ง 196 ไร่เศษนั้นมากเกินไป จริง ๆ แล้วได้เพียง 50 ไร่ก็พอ แต่พญามารสอดแทรกเข้ามาทำให้ได้ที่ดินที่มากเกินความจำเป็น ครั้นพอสร้างวัดจนเสร็จ มีเงิน 100 ล้านบาทตามที่ตั้งใจไว้ในราวปี 2524 คำพูดก็มาเปลี่ยนไป เป้าหมายก็เปลี่ยนไปด้วย เงิน 100 ล้านชักไม่พอเสียแล้ว จะต้องเป็น 500 ล้านบาท ที่ดินซึ่งเดิมบอกว่า 196 ไร่เศษนั้นมากไป กลับกลายเป็นว่า เราจะต้องมีที่ดินเป็นพัน ๆ หรือหมื่น ๆ ไร่ แต่พามารแกล้งตัดทอน ฉะนั้นเราต้องต่อสู้เอาที่ดินของเราคืนมาให้ได้ มีการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ได้มาทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะทำให้ใครเดือดร้อนก็ตาม เป้าหมายจากเดิม 500 ล้านบาท ก็เปลี่ยนเป็น 1,000 ล้านบาท และไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อได้เงินสนับสนุนมาก ๆ แล้วก็เปลี่ยนโครงการไปเรื่อย ๆ ไม่เคยทำตามสัญญาเลย โครงการเหล่านั้นก็กลายเป็นวิมานในฝันไปจากเดิมที่เราจะสร้างวัดที่เป็นวัดที่สงบสุข มักน้อย สันโดษ ก็กลายเป็นสร้างวัดที่ประกอบด้วยความมักมาก ไม่มีที่สิ้นสุด สับสนวุ่นวาย ธุรกิจมากมายนับไม่ถ้วน มีฉากกำบังธุรกิจและความประพฤติทั้งหมด ไชยบูลย์เป็นบุคคลที่ลึกลับ บางครั้งอยู่วัดเดือนละ 2 วัน ในวันอาทิตย์ต้นเดือนและวันงาน แล้วก็หลบหน้าหายไปบริหารธุรกิจนับไม่ถ้วน แสวงหาขุมทรัพย์ ทำเหมืองทอง แร่ และเหมืองอัญมณี เดิมเราเชื่อกันอย่างสนิทใจว่า ไชยบูลย์เป็นผู้มีคุณธรรม มีสมาธิสูงสามารถรู้เห็นในสิ่งที่ผู้อื่นไม่เห็นได้ แต่การคลุกคลีกันหลายปีกลับพบว่าเป็นคำโกหกทั้งสิ้น ไชยบูลย์ได้อาศัยเด็ก ๆ ไร้เดียงสามานั่งสมาธิแล้วเห็นนิมิตต่าง ๆ แล้วก็ใช้เด็กเหล่านั้นเป็นเครื่องมือทำให้คนหลงศรัทธาโดยไม่มีการพิสูจน์ เวลามีญาติโยมที่รวย ๆ มาให้ดูทางใน ไชยบูลย์จะขอวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากพร้อมนัดวันมารับฟังผลในวันต่อไป จากนั้นจะเอาวันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก ไปให้หมอดูช่วยทำนาย พร้อมกับให้สาวกผู้ใกล้ชิดไปสืบประวัติและรายละเอียดต่าง ๆ ครั้นพบญาติโยมในวันต่อมาก็จะบอกว่า ได้นั่งดูทางในให้แล้ว พร้อมกับทำนายตามที่หมอดูได้ทำนายไว้ และการสอบประวัติจากหลายแง่มุมมาประกอบเหตุผล ก็ได้ผลถึงกับงมงายทุกราย และ ณ วัดพระธรรมกายแห่งนี้ เมื่อมีผู้มาถามถึงคุณวิเศษที่มีอยู่หรือไม่ แรก ๆ ก็คิดว่าเลี่ยงบาลี แต่ว่าเจตนาในการหลอกให้เข้าใจผิดนั้นมีอยู่ ในที่สุดก็เลี่ยงไม่พ้นเพราะชอบอวดอยู่บ่อย ๆ กลายเป็นโกหก แล้วก็เลยไป หลอกลวงต่อไปเป็นอาจิณเสียเลย จะได้ไม่ต้องปั้นจิ้มปั้นเจ๋อหลบ ๆ เลี่ยง ๆ อีกต่อไป การสอนธรรมะจะอ้างถึงการเข้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นอาจิณ จนในที่สุดไชยบูลย์ถึงกับรับสมอ้างว่า เป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด และไม่ใช่พระพุทธเจ้าธรรมดา แต่เป็นถึงต้นธาตุต้นธรรม คือเป็นหัวหน้าและผู้ให้กำเนิดพระพุทธเจ้าทั้งหมด มีอำนาจสิทธิ์ขาดที่จะลงโทษใครโดยการนำเอากายมนุษย์ละเอียดและสรรพบารมีที่ได้สร้างสมไว้ เอามาละลายทำลายทิ้ง ถ้าผู้นั้นไม่เป็นที่ถูกใจ แม้กระทั่งพระพุทธเจ้าบางองค์ทำไม่ถูกใจก็ไม่เว้น ไชยบูลย์เล่าให้สาวกฟังว่า ตนเองมีการเวียนว่ายตายเกิด เริ่มตั้งแต่เป็นปฐมพุทธเจ้า (PRIMARY BUDDHA) เป็นปฐมบุรุษก่อนมีสรรพสิ่ง ก่อนมีโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ จนกระทั่งเข้าสู่โลกปัจจุบัน ไชยบูลย์อ้างว่าไม่เคยให้กำเนิดเป็นสัตว์เลย ทุกชาติแห่งการเวียนว่ายตายเกิดจะเกิดเป็นบุรุษ ไม่เคยเสพกาม และบวชในพุทธศาสนาทุกชาติจนสิ้นอายุขัย แม้ในชาตินี้ก็ไม่เคยมีเป็นพรหมเลยจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันไชยบูลย์ก็ยังอวดอ้างความบริสุทธิ์ ความเป็นชายพรหมจรรย์ตนเองให้กับสีกาที่สนิท ๆ ฟังเป็นประจำ ถึงขนาดที่สีกาคนสนิทออกมาประกาศว่า ขอรับประกันว่าไชยบูลย์เป็นผู้ที่สะอาดบริสุทธิ์จริง ๆ เกิดมาเพื่อซื่อสัตย์ต่อตนเองจริง ๆ
แม้กระทั่งตนเองยังเกิดมาเพื่อเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของไชยบูลย์เลย