เดลินิวส์ 25/8/2542
เผ่นเข้าวัดสระเกศ ไชยบูลย์ มอบตัวกองปราบ
ปลาไหล"ไชยบูลย์"ยอมศิโรราบแล้ว เดินคอตก มอบตัว 10 โมงวันนี้ที่วัดสระเกศ หลังตำรวจเจรจากว่า 15 ชั่วโมง จึงสัมฤทธิผล เผยสมเด็จพระพุฒาจารย์รับตัวไปตั้งแต่ คืนวันที่ออกหมายจับแล้ว ทุก ฝ่ายโล่งอก หลีกเลี่ยงเผชิญหน้าสำเร็จ"ชวน" ยึดหลักการ ประกาศกร้าวไม่รับเงื่อนไขศิษย์ธรรมกาย กรณีการันตีให้ประกันหลังมอบตัวสู้คดี ตำรวจมั่นใจหลักฐานความ ผิดชัดเจนสาวก เจ้าเล่ห์ออกแถลงการณ์สร้างความสับสน อ้างมหาดไทยไม่มีอำนาจออกหมายจับ เหตุโอนย้ายตำรวจไปขึ้นตรงนายกฯแล้ว
ภายหลังจากที่กระทรวงมหาดไทย โดยนายเกษม ชัยสิทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯลงนามอนุมัติในหมายจับกุม นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายและนายถาวร พรหมถาวร คนสนิท โดยมีผลตั้งแต่บ่ายวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่าน มา และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ดำเนินการเตรียมการจับกุมตั้งแต่เมื่อคืนวันเดียวกันนั้น
อ้างหมายจับไม่ชอบเป็นโมฆะ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง ปทุมธานีว่า ตลอดทั้งคืนวันที่ 23 ส.ค. บรรยากาศ ยังเต็มไปด้วยความตึงเครียด เนื่อง จากมีการกระทบกระทั่งกันตลอดเวลาระหว่างศิษย์วัดพระธรรมกาย กับสื่อมวลชนที่มาเฝ้าทำข่าวการจับกุมตัว ขณะเดียวกันก็มีสานุศิษย์ ของนายไชยบูลย์ทยอย เดินทางเข้าไปในวัดอย่างต่อเนื่องหลายพันคน บริเวณด้านหน้าวัดนั้นเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย ได้นำแผงเหล็กมากั้นการจราจรเข้าออกและจะมีการตรวจสอบรถยนต์ทุกคันอย่างละเอียด แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะผ่านเข้าไปในบริเวณวัดก็ต้องได้รับอนุญาตก่อน
ต่อมาตอนเช้าวันที่ 24 ส.ค. เจ้าหน้าที่ วัดพระธรรมกายได้ออกมาแจกจ่ายแถลงการณ์ของวัด โดยมีสาระสำคัญคัดค้านหมายจับดังกล่าวว่าเป็นโมฆะ โดยอ้างว่ากรมตำรวจ ถูกแปรสภาพเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และย้ายการกำกับดูแล จากกระทรวงมหาดไทยเป็นสำนักนายก รัฐมนตรี ดังนั้นหากจะมีการลงนามในหมายจับ จะต้องเป็นการลงนามโดยนายกรัฐมนตรีเท่านั้น รวมทั้ง ระบุด้วยว่าการเดินทางมาของญาติโยม ครั้งนี้มาเพื่อเป็นกำลังใจและมีความห่วงใยในตัวนายไชยบูลย์ ไม่ใช่การระดมคนของทางวัดแต่อย่างใด
"สมศักดิ์-พรศักดิ์" หารือเครียด
ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เมื่อเวลา 08.45 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนขออนุมัติจับกุมนายไชยบูลย์ใน 2 ข้อหาคือ ยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนเรื่องแจ้งความเท็จนั้น ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งนายไชยบูลย์ได้ยืนยันเสมอมาว่า ไม่ได้ทำความผิดแต่อย่างใด หากเป็นเช่นนั้น จริงก็ขอให้ออกมาพบกับพนักงานสอบ สวนเพื่อให้ปากคำและสู้คดี ในชั้นศาลต่อไป กระบวนการยุติธรรมมีถึง 3 ศาล ที่จะให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ตกเป็นจำเลย
ต่อมาในเวลา 09.30 น. พล.ต.อ.พรศักดิ์ รอง ผบ.ตร.ได้เรียกพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายมาร่วมประชุมอาทิ พล.ต.ท.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมชาย วาณิชเสนี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.อนันต์ ภิรมย์แก้ว ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. พล.ต.ต.พิชิต ควรเตชะคุปต์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.อชิระ สมแก้ว ผบก.ภ. จ.ปทุมธานี พล.ต.ต. อัศวิน ขวัญเมือง ผบก.ป. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.1ป. เป็นต้น ในส่วนของรัฐบาลนั้นอาทิ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว. ศึกษาธิการ นายวิชัย ตันศิริ รมช. ศึกษาฯ และนายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาฯ
ภายหลัง เสร็จการประชุมนายสมศักดิ์กล่าวว่า ได้มาประชุมเกี่ยวกับปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยแยกออกเป็น 2 เรื่อง คือ เรื่องคดีทางสงฆ์และคดีทางโลก สำหรับในทางสงฆ์กระทรวงศึกษาฯได้แจ้งให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ทำรายงานเป็น ลายลักษณ์อักษรถึงเจ้าคณะใหญ่ หนกลาง กรณีไม่ฟ้องนิคหกรรม นายไชยบูลย์และเร่งสรุปผลส่งให้พนักงานสอบสวนโดยเร็ว ส่วนทางโลกให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการไปตามขบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ให้ทั้งทางสงฆ์และทางโลก ดำเนินการไปควบคู่กันให้เกิดความยุติธรรมที่สุด
ตำรวจยัน"ไชยบูลย์" ผิดจริง
นอกจากนี้นายสมศักดิ์ กล่าวต่อด้วยว่า รัฐไม่ได้พิพากษาว่านายไชยบูลย์เป็นผู้กระทำผิด แต่หลักฐานที่ทางพนักงานสอบสวนรวบรวมไว้ว่า ทางนายไชยบูลย์กระทำความผิด จึงขอให้ออกมาพิสูจน์ความจริงตามขบวนการยุติธรรม ถ้านายไชยบูลย์มั่นใจว่าตัวเองไม่ผิด ก็ควรจะให้ ความร่วมมือมาพิสูจน์กันในศาล ซึ่งในทางสงฆ์กระทรวงศึกษาฯจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.พรศักดิ์กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องร้องทุกข์จากนายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้านิติกรของกรมการศาสนา และเป็นตัวแทนของกระทรวงศึกษาฯกล่าวโทษนายไชยบูลย์ไว้ 3 ข้อหา คือ 1) แจ้งความเท็จ 2) เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ 3) เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติ โดยมิชอบหรือละเว้นโดยสุจริต ซึ่งพนักงานสอบสวนใช้เวลาในการสืบสวน สอบสวนพอสมควรแล้ว ทางตำรวจ ด้ทำงานอย่างรัดกุมและเร่งรัดการทำงาน เนื่องจากพยานหลักฐานในคดีดังกล่าวกระจายอยู่ทั่วประเทศ
ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนออกมาแล้ว ยืนยันว่านายไชยบูลย์และนายถาวรมีความผิดจริง โดยนายไชยบูลย์กระทำผิด 2 ข้อหา คือ เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ซึ่งมีพยานหลักฐานและพยานบุคคล นำเงิน ที่อยู่ในบัญชีของวัดธรรมกายไปซื้อที่ดินเป็นของตัวเอง และเบียดบังเงินไปโอนให้กับบุคคลที่เป็นคนสนิทนอก จาก นี้ยังเบียด บังที่ดินของวัดไปเป็นของตน ส่วนอีกข้อหาคือฐานเป็น เจ้าพนักงานปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ เนื่องจาก เป็นเจ้าอาวาสจัดการด้านการเงินและทรัพย์สิน นำเงินของวัดไปเข้าบัญชีบริษัทเงินทุน หลักทรัพย์หลายบริษัท โดยไม่แจ้งให้กระทรวงศึกษาธิการทราบ และยังมีการนำเงินเข้าบัญชีเซ็นเช็คสั่งจ่ายในนามของตนโดยมิชอบ
ประกันได้หรือไม่ต้องพิจารณา
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้ดำเนินการตามกรอบและอำนาจของพนักงานสอบสวน โดย ให้เกียรติและปฏิบัติอย่างละมุนละม่อมที่สุด จนกระทั่งได้ครบตามกระบวนการ จึงนำเสนอกระทรวงมหาดไทยขอความเห็นชอบอนุมัติออกหมายจับไปเมื่อวันที่ 23 ส.ค. จนเป็นที่ วิพากษ์วิจารณ์ในฝ่ายกฎหมายของทางวัดพระธรรมกาย และอ้างว่าเป็นการออกหมายจับโดยมิชอบ เนื่อง จากทางสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติไม่ได้ขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย แต่ขึ้นอยู่กับสำนักนายก รัฐมนตรี ดังนั้นหมายจับก็จะต้องให้นายกฯเป็น ผู้เซ็น ไม่ใช่ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้เซ็น ในเรื่องดังกล่าวทางพนักงานสอบสวนมีอำนาจในหน้าที่อยู่แล้ว เหตุที่เสนอไปยังกระ- ทรวงมหาดไทย เนื่องจากต้องการให้มีการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
ต่อข้อถามที่ว่า ขณะนี้นายไชยบูลย์เป็นผู้ต้องหาแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว ตอนนี้อยากให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการปะทะกัน ส่วนการประกันตัว ซึ่งเป็นข้อต่อ รองของนายไชยบูลย์นั้น ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน เพราะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้ประกันหรือไม่ หากให้ประกันผู้ต้องหาแล้วจะหลบหนีหรือข่มขู่พยานหรือไม่ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากัน แต่จะให้ความเป็นธรรมที่สุด
ตร.ย้ำต้องจับกุมเร็วที่สุด
ต่อข้อถามที่ว่า นายไชยบูลย์เป็นผู้ต้อง หาในคดีแล้วจะมีการอายัดทรัพย์สิน เพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเท เรื่องดังกล่าว พล.ต.ท.วาสนา กล่าวแทนว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน คาดว่าไม่กี่วันนี้คงจะทราบผล
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.อชิระ สมแก้ว ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี ได้เดินทางมาที่สภ.อ. คลองหลวง เพื่อประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินการจับกุมนายไชยบูลย์ โดยเปิดเผยก่อนการหารือว่า การจับกุมนั้นจะต้องจับกุมอย่างแน่นอนและให้เร็วที่สุด แต่จะจับแบบไหนนั้นต้องรอดูก่อน เพราะจะต้อง ขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่ายคือฝ่ายนายไชยบูลย์และตำรวจ ที่จะไม่เกิดภาพลักษณ์เสียหายต่อประเทศ การจับกุมนั้นมีหลายวิธีที่จะดำเนินการแต่จะทำให้นิ่มนวลที่สุ
"เสี่ยตือ" รุดรายงาน "ชวน"
ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเวลา 08.30 น. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาฯ พร้อมนายวิชัย ตันศิริ รมช. ศึกษาฯ ได้เข้าพบนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ห้องทำงานชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้น เปิดเผยว่า มารายงานขั้นตอนและวิธีการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งมติของมหาเถรสมาคม ซึ่งนายกฯได้กำชับให้ทุกอย่างดำเนินการไปตามกฎหมาย ส่วนการออกหมายจับเป็นเรื่องของตำรวจ ส่วนการเกณฑ์ประชาชนจากต่างจังหวัดมาชุมนุมที่วัด คงไปปิดกั้นพุทธบริษัทที่ศรัทธาไม่ได้ แต่รัฐบาลอยากให้เรื่องยุติโดยเร็ว เมื่อทำความผิดก็ต้องรับโทษทุกอย่างมีทางออกทั้งนั้น
ด้าน นายชวนกล่าวก่อนประชุม ครม.ว่า ได้แนะนำนายสมศักดิ์และนายวิชัยว่าควรมีการติดต่อประสานงานภายใน ทางที่ดีที่สุดควรเจรจากับนายไชยบูลย์ซึ่งมีสิทธิ์ต่อสู้คดีได้ และได้กำชับให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เจ้าหน้าที่ก็ต้องชี้แจงให้เข้าใจ ฉ ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติม
เมื่อเวลา 12.00น. นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ กรมการศานาได้เข้าพบกับนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา เพื่อให้ลงนามในหนังสือลับส่งถึงพล.ต.ท.วาสนา เกี่ยวกับคดีเพิ่มเติมของวัดพระธรรมกาย โดยนายพิภพกล่าวว่า พร้อมจะให้ความร่วมมือกับกองปราบ ปรามในการดำเนินคดี โดยอาจเป็น ไปได้ที่จะเข้าไปช่วยชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการของตำรวจเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง ส่วนการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมยังต้องจัดการต่อไป
นายสุทัศน์ เงินหมื่น รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า อำนาจการออกหมายจับเป็นอำนาจของพนัก งานสอบสวน ที่ต้อง ขอความ เห็นชอบ จากกระทรวง มหาดไทย เป็นเรื่องของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 58 รวมกับ ระเบียบเกี่ยวกับคดี แม้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี แต่ระเบียบต่าง ๆ ยังไม่มีการแก้ไข จึงถือว่าเป็นการออกหมายจับโดยชอบ ทั้งนี้ตำรวจต้องเร่งดำเนินการเพื่อส่งศาล เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า การจับกุมหรือฝากขังต้องรีบส่งศาลภายใน 48 ชั่วโมง
นายเกษม ชัยสิทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระ-ทรวงมหาดไทย เขต 9 กล่าวว่า เซ็นไปตามเรื่องที่เสนอมา หากไม่เซ็น ก็เป็นการ ละเลยต่อหน้าที่ นิติกรของกระทรวงก็ร่วมพิจารณาด้วย ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้าและหลักฐาน ก่อนหน้านี้ได้ เชิญตัวมาสอบปากคำหลายครั้งแล้ว แต่เมื่อไม่มาจึงต้องออกหมายจับซึ่งดีกว่าออกหมายเรียก ทั้งนี้การออกหมายจับยังไม่ได้ระบุถึงความผิดที่แท้จริง แต่ความผิดจะเกิดขึ้นต่อเมื่อศาลสั่งเท่านั้น ขณะนี้จึงยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ฉ
ดสืบคดีหลอก "ไชยบูลย์" ที่ห้องพิจารณาคดี 302 ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก วันเดียวกัน ศาลโดยนายจักรกฤช เจริญเลิศ นัดสืบพยานโจทก์ปากแรกในคดีที่นายไชยบูลย์ สิทธิผล เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกระทรวงศึกษาธิการ โดยนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษา ธิการ (ในขณะนั้น) พร้อมพวกรวม 7 คนเป็นจำเลยเรื่องละเมิด, กรรมสิทธิ์ พ.ร.บ.คณะสงฆ์และ พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ โดยได้นำคดีมายื่นฟ้องเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 42 สรุปความว่า ระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. 42 จำเลยหลอก ลวงว่า หากโจทก์โอนที่ดินให้เป็นกรรมสิทธิ์ของ วัดแล้ว จะทำให้กระแสต่อต้านโจทก์และมหาเถรสมาคมบรรเทาหรือยุติลงได้ โจทก์หลงเชื่อยอม ทำหนังสือแสดงเจตนาที่จะโอนที่ดินให้ แต่จำเลยที่ 1 ได้ออกหนังสือว่า วัดพระกรรมกาย รับที่ดินและเร่งรัดให้ทำหนังสือตอบรับ พร้อมกล่าวหาว่าโจทก์กระทำความผิดทางอาญาฐานแจ้งความเท็จ ยักยอกทรัพย์และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่รู้ว่าโจทก์มิได้กระทำผิด
อย่างไรก็ตามนายวีระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้า สำนักงานมูลนิธิวัดพระธรรมกาย อ้างเป็นตัวแทน ของนายไชยบูลย์มาเบิกความแทน ส่วนจำเลยมีนายสุวิทย์ ชัยกุล ทนายความของนายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ จำเลยที่ 7 มาศาล สำหรับจำเลยที่ 1-6 มีเพียงเสมียนทนายความมายื่นคำแถลงขอขยายเวลาคำให้การ ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต ให้จำเลยขยายเวลายื่นคำให้การไปภายในวันที่ 2 ก.ย.นี้ และนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 24 ธ.ค. เวลา 09.30 น.
ศิษย์ธรรมกายเผาตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 09.30 น. นายหัสสชัย ไตรโภคสมบัติ ซึ่งระบุตนเองว่าเป็นศิษย์วัด พระธรรมกาย ได้นำใบปลิวจำนวนหนึ่ง ที่ระบุว่าอยากตายเพราะนายชวนและสิ้นหวังกับ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ของรัฐบาลมาวางไว้ที่หน้าห้องรับเรื่องราวร้องทุกข์ จากนั้นได้เดินข้ามถนนไปยังหน้าสำนักงานก.พ. เพื่อเขียน ป้าย กระดาษมาติดริมรั้ว โดยมีข้อความทั้งสิ้น 11 ข้อ บรรยายถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
หลังเขียนป้ายเสร็จก็มาที่รถกระบะมีหลังคา ยี่ห้อโตโยต้า สีเหลือง เลขทะเบียน 1 ฌ-2568 กรุงเทพมหานคร แล้วหยิบน้ำมัน มาราดบนหลังคารถพร้อมทั้งจุดไฟเผารถ โดยนายหัสสชัย เปิดประตูเข้าไปนั่งที่นั่งด้านคนขับ กดล็อกประตู แล้วขับกลับมาที่หน้าประตูทำเนียบฯ สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้พบเห็น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พยายามจะเข้าไปเปิดประตูเอานายหัสสชัย ออกมาแต่ไม่เป็นผล กระทั่งไฟลุกลาม ไปจนถึงเบาะที่นั่งคนขับ นายหัสสชัยทนไม่ไหวจึงเปิดประตูลงมา เจ้าหน้าที่จึงนำเครื่องมือดับเพลิงมาดับ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.ดุสิตได้นำตัวนายหัสสชัยไปดำเนินคดี ในเบื้องต้นตำรวจได้แจ้งความผิด 2 ข้อหาคือ กระทำการวางเพลิงวัตถุใด ๆ แม้จะเป็นของตนเอง อันจะทำให้เกิดอันตราย แก่บุคคลอื่น ตามกฎหมายอาญา มาตรา 220 โทษจำคุก 5 เดือนปรับ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังมีความผิดตามมาตรา 229 คือ กระทำการใด ๆ ที่น่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อการจราจร มีโทษจำคุก 7 เดือน ปรับ 14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับด้วย
"ชวน" ไม่รับเงื่อนไข "พระปลอม"
ต่อมา เมื่อเวลา 16.30 น. หลังประชุม ครม.นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ให้คำแนะนำ รมว.ศึกษาฯไปว่ ควรให้ผู้ใหญ่ไปนมัสการและนิมนต์ให้นายไชยบูลย์มามอบตัว และดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ ต่อสู้และพิสูจน์ความเป็นจริง รวมทั้งได้ความ เป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่วัดพระธรรมกายยื่นเงื่อนไข ให้รับรองว่าจะได้ประกันตัวนั้น เป็นเรื่องที่อยู่ใน อำนาจหน้าที่ ของพนักงานสอบสวน นายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจ และไม่มีสิทธิ์จะไปเซ็นรับรองอะไร เชื่อว่าพนักงาน สอบสวนก็ไม่อยากออกหมายจับเช่นนี้ ดังนั้นขอวิงวอน ให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม จากกระบวนการยุติธรรม เพราะยึดกฎหมายเป็น หลัก
"โดยหลักแล้ว ผู้ต้องหาที่ไม่คิดหนีและ ไม่มีคดีอุกฉรรจ์ส่วนใหญ่จะได้ประกันตัว เชื่อว่าพนักงานสอบสวน จะยึด ถือแนวนี้ ส่วนการดำเนินการตามวินัยสงฆ์ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ถึงแม้ว่าดูแล้วไม่ทันใจประชาชนเท่าใดนัก ส่วนกรณีที่ลูกศิษย์มาชุมนุมกันอยู่นั้น ได้กำชับให้หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าเช่นนี้ขึ้น"
ต่อข้อถามที่ว่า จะต้องมีการสึกก่อนหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า แล้วแต่เหตุการณ์ซึ่งถ้ามีการจับกุมคงต้องสึกก่อน เพราะถ้ามีการจับกุมคงไม่ให้พระสงฆ์ที่อยู่ในจีวรเข้าห้องขัง สำหรับข้อวิพากษ์ วิจารณ์เรื่องเดินสายพบ พระผู้ใหญ่ หลายองค์ได้ขอให้ช่วยพูดหรือไม่นั้น ยืนยันว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เทศกาลเข้าพรรษา นายกฯและรองนายกฯ ต้อง นมัสการพระผู้ใหญ่ 21 วัดในกท.โดยส่วนของนายกฯทำไปแล้ว 2 วัด เหลืออีก 2 วัด เนื่อง จากพระผู้ใหญ่อาพาธอยู่ ยืนยันว่า ยังไม่ได้พบกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร. และยังไม่ได้มีการรายงานเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับธรรมกายเลย
โทรฯขู่อาฆาต "สมศักดิ์"
ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว. ศึกษาฯเปิดเผยว่า ช่วงพักเที่ยงได้เข้าพบนายกฯร่วมกับรมช.ศึกษาฯ โดยรายงานความคืบหน้าในทางปฏิบัติ ให้เป็นไปตามกฎหมายและเข้าสู่ระบบ นายกฯแสดงความเป็นห่วง ถึงการ ดำเนินการ เพราะเกรงจะมีการปะทะกันและทราบข่าวมีธรรมทายาทเดินทางเข้ามา จึงต้องเร่งทำความเข้าใจ โดยมอบ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ชี้แจงว่า ต้องออกหมายจับเพราะอะไร การยักยอกทรัพย์ มีลักษณะอย่างไร รวมทั้งเป็นเจ้าพนักงานประพฤติ มิชอบอย่างไร ให้ประชาชนเห็นภาพรวมว่าไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้ง
นายสมศักดิ์กล่าวว่า พยายามประสานกับหลายฝ่ายรวมทั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่และผู้ใกล้ชิดนายไชยบูลย์ เพื่อขอให้ออกมามอบตัวต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม แต่ถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อขอมอบตัวแต่อย่างใด ส่วนเงื่อนไขให้นายกฯลงนามรับรอง จะให้ประกันตัวและดำเนินคดีไม่รุนแรงนั้น คงเป็นไปไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับโทรศัพท์ลักษณะข่มขู่บ้างหรือไม่ นายสมศักดิ์ยอมรับว่ามี แต่ไม่สนใจ ซึ่งมีทั้งขู่และปลอบหลายรูปแบบ ทั้งในลักษณะไม่มีงานทำแล้วหรือ หรืออยากดังใช่หรือไม่ ให้ระวังตัวไว้ แต่ไม่ติดใจจึงไม่ได้ขอกำลังคุ้มครองเป็นพิเศษ โดยได้เตรียมแนวทางจัดการวัด ไว้แล้ว เป็นวิธีประนีประนอมที่สามารถจัดการ ปัญหาได้ทั้งหมด
จับไชยบูลย์กระฉ่อนทั่วโลก
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการกล่าวว่า ได้บอกนายสมศักดิ์ถึงปัญหาธรรมกายว่า เมื่อกระทรวงดำเนินการทางสงฆ์ไม่เกิดผลก็ให้เป็นเรื่องของฆราวาส หรือตำรวจดำเนินการเอง ถือว่าหมดภาระความรับผิดชอบแล้ว หากตำรวจต้องการข้อมูลก็ให้กรมการศาสนาจัดส่งไปให้ เมื่อตำรวจพบข้อมูลเกี่ยวกับการเงินของวัด จึงต้องดำเนินการให้ชัดเจนถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ต้องประนีประนอมใช้ความรุนแรงไม่ได้
ด้านสำนักข่าว ต่างประเทศ (เอพี, เอเอฟพี และรอยเตอร์) รายงานจากกรุงเทพฯ เผยแพร่ไปทั่วโลกในวันเดียวกันนี้ว่า สานุศิษย์ของ วัดพระธรรมกายประมาณ 1 หมื่นคน ได้ไปชุมนุมกัน ที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อ ขัดขวาง ไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดำเนินการจับกุมนายไชยบูลย์ในข้อหายักยอก ทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนนายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย กล่าวเรียกร้อง ให้อยู่ใน ความสงบและขอให้ยอมมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่โดยดี หลัง จากที่กระทรวงมหาดไทยออกหมายจับ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปตรึงกำลังเพื่อรักษาความสงบ ที่วัดพระธรรมกายด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น หากใช้กำลังเข้าจับกุม
เสธ.มั่นใจมอบตัวแน่
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายก รัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยกล่าวว่า ได้มอบ ให้ตำรวจไปประสานงาน เพราะเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินคดีเนื่องจากมีคนแจ้งความ ซึ่งก็ได้แจ้งให้ทราบก่อนแล้ว คิดว่าคงจะมามอบตัว โดย ที่ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ส่วนเรื่องของกรมการศาสนาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตำรวจจะไม่เข้าไปก้าวก่าย
"ผมคิดว่าท่านต้องมามอบตัว เพราะตำรวจต้องทำตามหน้าที่ และจะต้องใช้วิธีพูดจากันไม่ใช้วิธีรุนแรง เพราะผมย้ำไปกับตำรวจแล้วว่าต้องใช้ความนิ่มนวล ยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมาย นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องของการปะทะกัน และกำชับมาให้ดูแลความเรียบร้อย และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งตำรวจสามารถดูแลได้ โดยไม่ต้องขอกำลังทหารมาช่วยเหลือ"
เวลา 16.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศิษย์วัดพระธรรมกายได้เชิญผู้สื่อข่าวให้ไปรวมกันที่ศูนย์รปภ. ด้านหน้าทางเข้า-ออกวัด เพื่อฟังการให้สัมภาษณของผู้ที่อ้างว่าเป็น ดร.เบ็ญจ์ บาระกุล ผ่านทางอินเตอร์เนต จากลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา และมีการถ่ายทอดเสียงผ่านทางรายการ"ถึงเวลาแล้ว" ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ทอ. 06 เอเอ็ม 1251 กิโลเฮิรตซ์ ระหว่างเวลา 16.00-18.00 น. ด้วย โดย ดร.เบ็ญจ์ระบุว่า การตั้งสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการเพิ่มอำนาจให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ บังคับบัญชา สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ เป็นแค่กองกำลังอิสระ ไม่มีอำนาจออกหมายอาญา หมายจับนายไชยบูลย์จึงเป็นโมฆะ ไม่มีผลตามกฎหมาย
ทางแก้ไขเรื่องนี้ทางตำรวจต้องมาขออภัยนายไชยบูลย์มาขอขมา ตำรวจดียังมีมากแต่อาจมีคนพยายามให้ทำตรงนี้ การออกหมายจับครั้งนี้เป็นการกลั่นแกล้ง เนื่องจากตอนเช้าวันที่ 23 ส.ค. คนของวัดพระธรรมกายได้ฟ้องศาล รัฐธรรมนูญให้ตีความสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอนเย็นก็มีการออกหมายจับเลย
"ผมได้มีโอกาสพบ พล.ต.สนั่น (ขจรประศาสน์ รมว.มหาดไทย) ซึ่งเดินทางมาที่แอลเอ ได้รับประทานอาหารด้วยกัน โดยมีหลายคนรวมอยู่ด้วย ซึ่งขณะนั้นอยู่ระหว่างการตั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมจึงถามท่าน ว่าเหตุที่ต้อง เปลี่ยนให้กรมตำรวจมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพราะอะไร คุณทราบหรือไม่ว่าเขาตอบว่าอย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่ามันช่วยได้สำหรับการเลือกตั้ง จะได้ไม่ต้องถูกจับ เพราะเวลาเขาถูกจับทางอาญา ในเรื่องคุณสมบัติไม่ครบเท่านั้นเอง และถ้าพรรค การเมืองไหนได้เป็น รัฐบาลแล้วมาคุมสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติโดยตรง ไม่ต้องผ่านกระทรวงมหาดไทย นี่คือสิ่งที่เขาพูดมา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างกระจายเสียงสัมภาษณ์บรรดาศิษย์วัดพระธรรมกายที่มาห้อมล้อม สื่อมวลชนอยู่ได้ปรบมือถูกใจเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อมีการกล่าวโต้การออกหมายจับนายไชยบูลย์ ทั้งนี้ จากการ สังเกตการณ์พบว่าผู้ที่เดินทางมาที่วัดตั้งแต่คืนวันที่ 23 ส.ค.ได้เริ่ม ทยอยเดินทางกลับ อย่างไรก็ตาม ทางวัด ได้ขอให้เดินทางมาค้างแรมที่วัดอีก โดยนำลูกหลานมาด้วยให้มากเท่าไหร่ยิ่งดี ส่วนตำรวจ สภ.อ.คลองหลวง ที่จะเข้าไปดูแลความปลอดภัยในวัดได้ถูกรปภ.กันไว้ อ้างว่าผู้ใหญ่สั่งว่าไม่ต้องมาดูแล พวกเราคุ้มครองตัวเองได้
นายคณิน บุญสุวรรณ อดีต สสร. ได้เดินทางมาแจกแถลงการณ์สนับสนุนความคิดของดร.เบ็ญจ์ โดยระบุว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีอำนาจดำเนินคดีนายไชยบูลย์ เป็นหน้าที่ของสงฆ์จะตัดสินกันเอง ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายความว่าธรรมกายเป็นลัทธิใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้คณะสงฆ์ได้มีมติออกมาแล้วว่า วัดพระธรรมกายไม่ได้ปฏิบัติตามศาสนบัญญัติเถรวาท นายคณินตอบว่าไม่ทราบ ไม่ได้มาเพื่ออธิบายเรื่องนี้
มีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า พนักงานสอบสวนนำโดย พล.ต.อ.พรศักดิ์สามารถ เจรจากับนายไชยบูลย์ให้เข้ามอบตัวสู้คดี และให้พนักงานสอบสวนไปรับตัว นายไชยบูลย์ ได้ที่วัดสระเกศ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ เป็นผู้พามามอบตัวให้ในเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ส.ค. ส่วนสาเหตุ ที่ให้ไปรับตัวที่วัดสระเกศนั้นเนื่องจาก นายไชยบูลย์ได้ออกจากวัดมาจำวัดที่วัดสระเกศตั้งแต่เมื่อค่ำวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมาแล้ว