เดลินิวส์ 18/8/2542
ลุยฟันทางโลก ยุติ'ธรรมกาย'
รัฐบาลส่งสัญญาณ สางเสี้ยนศาสนายุติปัญหาธรรมกาย กองปราบสรุปสำนวนวันนี้ ก่อนเสนอ ผู้บังคับบัญชาลุยดำเนินคดี รมว.ศึกษาธิการ ประกาศ ให้รอข่าวดีจากตำรวจ ย้ำประสาน งานข้อมูลใกล้ชิดกับผบ.ตร.ตลอด "ชวน"เข้าเฝ้า 4 สมเด็จ กรรมการมหาเถรฯ ปราวนาตัว ถ้ามี ปัญหา ใดขอให้สั่งการมา "สมศักดิ์"ตั้งกรรมการ 2 ชุดประกบติดกระบวนสงฆ์ ส่งอธิบดี กรมการศาสนาพบเจ้าคณะภาค 1 ขอให้ทำ หนังสือ ยืนยันฆราวาส ฟ้องได้ ให้เจ้าคณะ จังหวัด ปทุมธานี เร่งขั้นตอน จัดการพระปลอม"ไชยบูลย์"
เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาลนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า การดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนัก ธรรม กายตาม กระบวนการสงฆ์นั้น เชื่อว่าพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 จะดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคม(มส.) ซึ่งคงไป ก้าวก่าย หรือ แทรกแซงไม่ได้ ส่วน กระบวนการ ทางโลกคือคดีอาญาก็ได้มีการประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติตลอดเวลา ในเรื่องข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นผลโดยเร็ว และให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย
"ผมได้หารือกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร. ในการปฏิบัติตามกระบวนการทางโลก จะต้องเสร็จสิ้นในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งขอให้สื่อมวลชนรอฟังข่าวดี ส่วนกระบวน การสงฆ์ที่จะต้อง ดำเนินการต่อไปคงไม่กล้าไปแทรกแซง แต่เชื่อว่าเจ้าคณะภาค 1 ต้องการเห็นความยุติธรรม และความเคลือบแคลง ในสังคม นี้จบสิ้นไป ผู้ถูกกล่าวหาจะได้มารับทราบข้อกล่าวหา แล้วจะรับหรือปฏิเสธอย่างไรสังคมจะได้รู้ แลก็ต้องรอฟังเหตุผล จะมารับฟังข้อกล่าวหา หรือไม่ อย่างไร หากไม่มา จริงก็ต้องหารือกับเจ้าคณะจังหวัดที่มีอำนาจตามกฎนิคหกรรม"
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการติดตามมติมหาเถรฯภายในวันนี้ โดยจะเป็นข้าราชการของกระทรวง,กรมการศาสนา ผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนคนนอก มี 1-2 คน กระทรวงศึกษาธิการก็ได้ดำเนินการเพื่อให้ตีความกฎมหาเถรฯว่าด้วยการลงนิคหกรรม ให้ชัดเจน ไปแล้วเรื่องการให้ฆราวาส ฟ้องกล่าวหาสงฆ์ได้
ในช่วงบ่ายนายสมศักดิ์ประชุมร่วมกับนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา,นายจรวย หนูคง ผู้ตรวจ ราชการกระทรวงศึกษาธิการ โดยนายสมศักดิ์ กล่าว ภายหลัง การประชุมว่าตามที่มหาเถรฯมีมติให้รมว. ศึกษาธิการช่วยพิจารณาให้กฎมหาเถรฯฉบับที่ 11 เกิดผลดีในทางปฎิบัติต่อไปนั้น นายพิภพ ชี้แจงว่ามหาเถรฯ ต้องการให้ดูข้อบกพร่องในการปฏิบัติ เช่นการไม่ได้กำหนด ขั้นตอนการ ดำเนินงานใน กรณีที่มีผู้กล่าวหาไว้ว่าต้องเสร็จภายในกี่วัน ทั้งเรื่องคุณสมบัติของผู้กล่าวหา และการเชิญมาหา รับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งเพื่อให้มีความชัดเจนจึงได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางส่งเสริม การใช้ กฎนิคหกรรม คณะกรรมการชุดแรกนี้จะมีนายไพบูลย์ เสียงก้อง รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ,นายจรวยเป็นรองประธาน กรรมการ ประกอบ ด้วย นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ,นายจรัล ภักดีธนากุล,นายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์,นายพิภพ,นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์และนายศิริวรรณ จุลโพธิ์ เป็นเลขานุการ โดยมีนายสมศักดิ์และนายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการเป็นที่ปรึกษา
สำหรับ มติมหาเถรฯอีกข้อที่ต้องการให้รมว.ศึกษาธิการมีคณะทำงานเพื่อติดตาม และประสานการ ดำเนินการแก้ปัญหา กรณีวัดพระธรรมกาย อย่างใกล้ชิดนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนได้ตั้ง คณะกรรมการชุดที่ 2 มีนาย ไพบูลย์เป็นประธาน ,พล.ต.ต.พิชิต ควรเตชะคุปต์ รองผู้บัญชาการตำรวจภาค 1 เป็นรองประธาน ,กรรมการประกอบ ด้วยพล.ต.ต.อชิระ สมแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี, นายจรวย,นายเสฐียรพงษ์,นายสุทธิวงศ์ ,นายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้า ฝ่ายนิติการ กรมการศาสนา และนายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ
"ผมจะให้นายพิภพ นำคณะกรรมการ ไปกราบนมัสการพระพรหมโมลี เพื่อประสานให้มีคำสั่ง ไปยังพระสุเมธาภรณ์ เพื่อยืนยันกฎมหาเถรฯฉบับที่ 11 ว่า กฎข้อ 4(8) คฤหัสถ์สามารถ ฟ้องรอ้งได้ เพื่อให้เจ้าคณะจังหวัดเรียกผู้ถูกกล่าวหาเป็นครั้งที่ 2 และหากพระพรหมโมลียืนยันยังไม่ออก หนังสืออย่างเป็นทางการไปถึง เจัาคณะจังหวัดปทุมธานี ผมก็บอกให้นายพิภพ ไปขอให้พระพรหมโมลีเขียนจดหมาย ที่เป็นข้อความเพื่อยืนยัน กฎมหาเถรฯ เพื่อให้ดำเนินการต่อไปได้"
เมื่อเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน วันเดียวกันนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปถวายเครื่องสักการะธูป เทียนแพ เนื่องในโอกาสเข้าพรรษา แด่ สมเด็จพระ มหามังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ณ พระอุโบสถ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ทั้งนี้เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ได้ให้พรแก่นายกรัฐมนตรีว่า ถือเป็น เรื่องดีงาม ที่แสดงถึงความกตัญญู คนที่มีความกตัญญูทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะที่สมเด็จพระมหา มังคลาจารย์ เป็น 1 ในคณะกรรมการ มหาเถรฯ เมื่อมีปัญหา ลำบากใจก็ฝากไปที่รมว.ศึกษาธิการ หรือรมช.ศึกษาธิการ ได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับ เพื่อมา ร่วมประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปถวายเครื่องสักการะแล้วหลายวัด โดยเริ่มจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกฯ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร และพฤหัสฯที่จะถึงนี้ นายชวนมีกำหนดการที่จะไปถวายเครื่องสักการะอีก 3 วัด ในวันเดียวกัน คือ ถวายเครื่องสักการะสมเด็จ พระมหาวีรวงศ์ ณ กุฏิวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม และสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ พระสมเด็จ ทุกรูปนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกรรมการมหาเถรฯโดยตำแหน่ง
ส่วนความคืบหน้า กรณีพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะเรียกนายไชยบูลย์ และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาดำเนินการ ตามกระบวนการสงฆ์ นั้น ล่าสุดพระสุเมธาภรณ์ได้รับทราบมติมหาเถรสมาคมในเรื่องคฤหัสถ์ฟ้องร้องได้แล้ว และรอเพียงหนังสือ จากพระพรหมโมลี เจ้าคณะ ภาค 1 ใน 1-2 วันนี้ ขณะเดียวกันพล.ต.ต.วิทูรย์ ศิริพากษ์ ผช.ผบช. ตำรวจ ภูธรภาค 1 และพล.ต.ต.อชิระ สมแก้ว ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี เดนิทางเข้าพบ เจ้าคณะจังหวัด เพื่อให้กำลังใจ และเตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยหากจะเรียก ผู้ถูกกล่าวหามารับฟ้องข้อกล่าวหา
ที่กองปราบปราม เวลา 14.00น. นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ และศิษย์วัดพระธรรมกายเดินทางมาให้ ปากคำกับพนักงานสอบสวน พร้อมทนายความ 5 คน โดยนายผ่อง ปฏิเสธจะแสดงความเห็นกรณีที่ตัวเองยื่นฟ้องพนักงานสอบสวนที่ศาลพัทลุง โดยกล่าวว่าเป็นมารยาท และต้อง เคารพต่อ กระบวนการ ยุติธรรม และที่ฟ้องศาลพัทลุงเพราะเป็นคนพัทลุง ต้องรออีกระยะถึงจะแจ้งให้ทราบ นายผ่องยืนยันยังรักนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรกมายยิ่งกว่าพ่อ แต่คงไม่ถึงกับฆ่าตัวตายเพื่อปกป้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการตั้งข้อหานายไชยบูลย์นั้นล่าสุดจากการสอบพยานทั้งสิ้น 27 ปาก ในเรื่องการบริหารงานในวัด,การบริหารงาน มูลนิธิ ธรรมกาย,การ บริจาค และการได้มา ซึ่งที่ดินทั้งหมดของนายไชยบูลย์ พนักงายสอบสวนพบว่า การบริจาค ที่ดินได้มีการติดต่อกับผู้มีฐานะทางการเงิน และนำเงินวัด หรือมูลนิธิไปซื้อ
พนักงานสอบสวน มั่นใจการตั้งข้อกล่าวหา 3 ข้อคือเป็นเจ้าพนักงานแจ้งความเท็จ เนื่องจากนายไชยบูลย์แจ้งว่าที่ดินที่ครอบครองมีผู้บริจาค ให้ทั้ง หมด,เป็น เจ้าพนักงาน ยักยอกทรัพย์ ซึ่งพบว่ามีพยานยืนยันยกที่ดินจ.เลย จ.พิจิตร และจ.เพชรบูรณ์ให้วัดพระธรรมกาย ไม่ได้ยกให้นายไชยบูลย์ สุดท้ายข้อหา เป็นเจ้า พนักงาน ปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจากการสอบสวนพบว่านายไชยบูลย์เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย แต่ทำผิดโดย ไม่ตั้งไว ยาวัจกร ดูแลทรัพย์สิน ภายในวัด รวมถึงไม่ได้แจ้ง และจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัด ตามกฏกระทรวงศึกษาธิการ และนำที่ดิน ที่มีผู้บริจาคไปจดทะเบียน เป็นชื่อตัวเอง
จนกระทั่งเวลา 18.30 น.นายผ่องออกมาจากห้องสอบสวน และปฏิเสธจะพูดถึงรายละเอียดการให้ปากคำ และกล่าวว่ากำลังให้ทนายความศึกษา ข้อกฎหมาย และความเป็นไปได้ในการฟ้องร้องหนังสือพิมพ ์และโทรทัศน์บางช่อง ที่เสนอข่าวบิดเบือน
นายผ่องกล่าวว่า ไม่เชื่อกรมการศาสนาทำหนังสือเวียนถึงวัดทั่วประเทศไม่ให้ร่วมกิจกรรม ทอดผ้าป่าที่วัดพระธรรมกายในวันที่ 22 ส.ค.นี้ น่าจะให้การ สนับสนุน มากกว่าเพราะวัดต่าง ๆ กำลัง เดือดร้อนเรื่องการเงิน และใครมาขัดขวางการทำบุญต้องไม่ใช่ชาวพุทธ และปฏิเสธไม่ทราบมติ มหาเถรฯ ที่ให้ฆราวาส ฟ้องร้องกล่าวโทษได้ และไม่เคยห้ามให้ใครไปรับฟัองข้อกล่าวหา นอกจากนั้นยังปฏิเสธ ด้วยว่าไม่เคยปลุกระดมให้ศิษย์วัด พระธรรมกาย ร่วมลงชื่อถอดถอน นายสมศักดิ์ออกจากตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสอบปากคำนายผ่อง ได้เน้นเรื่องการที่มีการรวบรวมรายชื่อศิษย์วัดเสนอต่อพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รมว.มหาดไทยว่า ศิษย์เหล่านี้ รวบรวมเงิน เพื่อซื้อที่ดินให้นายไชยบูลย์
พนักงานสอบสวนยังพบบริษัทไฟแนนซ์อย่างน้อย 5 แห่งมีเงินจากวัดกว่า 5 พันล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ที่บริษัทไฟแนนซ์ จะล้มวัดทราบข่าวล่วงหน้า จึงดึงเงินกลับ ได้บางส่วน และถูกจัดแบ่ง เพื่อนำไปซื้อที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงถ่ายเทไปฝากที่สวิสเซอร์แลนด์
ล่าสุดยังพบมีการโอนเงินจากวัดไปยังบุคคลต่าง ๆ แต่ละรายมีการเปิดบัญชีหลายบัญชี มีการใช้ชื่อแฝงต่าง ๆ รายหนึ่งที่สอบปากคำแล้ว พบว่าเปิด บัญชี กว่า100บัญชี ในธนาคารเดียวกัน หากบุคคล ที่เกี่ยวข้องทำธุรกิจโดยสุจริตจะไม่ใช่วิธีอย่างนี้ ขณะนี้ทราบแล้วมีใครบ้าง กำลังพิจารณาอยู่ จะเรียกมาสอบปากคำ เพิ่มหรือออกหมายจับเลย
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน มีปัญหาในการตรวจสอบบัญชี เพราะสถาบันการเงินหลายแห่งปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ และอาจมีศิษย์ ของธรรมกาย อยู่ใน สถาบันการเงินเหล่านี้ และกาเรปิดบัญชีหลายบัญชี ในนามแฝงของคนๆเดียวกัน ทำให้ยากต่อการตรวจสอบที่มาของเงิน และเส้นทางการถ่ายเทเงิน รวมทั้ง การรวมรวมเม็ดเงินด้วย
ในวันที่ 18 ส.ค.นี้จะมีการประชุมพนักงานสอบสวน เพื่อกลั่นกรองหลักฐานขั้นสุดท้าย จากนั้นจะเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับให้เกิดการปฏิบัติต่อไป ส่วน การ ตรวจสอบ เรื่องการเงิน จะสรุปและเสนอร่างเบื้องต้นได้ในวันที่ 23 ส.ค.