เดลินิวส์ 17/8/2542
'มหาเถรฯ'เลิกอุ้ม ฟัน'ไชยบูลย์' ออกหมายจับ 3 คดี
มหาเถรฯลงมติเลิกอุ้มซากพระ ตีความชาวบ้านได้เดินหน้ากฎนิคหกรรมเล่นงาน"ไชยบูลย์" ให้รมว.ศึกษาธิการตั้งคณะทำงานติดตามใกล้ชิด สั่งเจ้า คณะภาค 1 ดูแลธรรมกายให้ปฏิบัติตามกฎมหาเถรฯ รายงานตรงสมเด็จวัดชนะฯ"พรศักดิ์" ระบุเจอหมายจับแน่ 3 ข้อหา
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับนายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ กรณีปัญหาวัดพระธรรมกายว่า พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ได้ชี้แจงออกมาแล้วเกี่ยวกับกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรมว่า คฤหัสถ์สามารถฟ้องร้องพระได้ การประชุมมหาเถรฯในวันนี้คงไม่ต้องให้กรมการศาสนานำเรื่องดังกล่าวเสนอเข้าไป เพราะเชื่อว่าพระพรหมโมลี ต้องรายงานการวินิจฉัยให้ที่ประชุมทราบแน่นอน
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่าตนมอบให้นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ไปประสาน งานกับพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรื่องการออกหนังสือ เรียกนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกายและพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมารับทราบข้อกล่าวหา โดยให้เชิญมาในวันที่ 19 ส.ค.นี้ พร้อมกับให้ นายพิภพยืนยันคำวินิจฉัยของพระพรหมโมลีกับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีด้วย เพราะในวันที่นาย วิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการไปถามเรื่องนี้ กับพระพรหมโมลี นายพิภพก็อยู่ด้วย
"เชื่อว่าเรื่องนี้จะมีเหตุผลเพียงพอที่เจ้า คณะจังหวัดปทุมธานีจะรับฟังได้ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าคณะจังหวัดออกหนังสือเชิญทันที โดยไม่ต้องรอหนังสือ ยืนยันอย่างเป็นทางการกับพระพรหมโมลีอีก และหลังจากออกหนังสือเชิญผู้ถูกกล่าวหาแล้ว วัดคงต้องประสานงานกับตำรวจเพื่อเตรียมการเรื่องความปลอดภัย"
นายสมศักดิ์กล่าวว่าส่วนการที่วัดพระ ธรรมกายจะล่าลายชื่อ 5 หมื่นชื่อเพื่อขับไล่ ตนออกจากตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ ก็เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ทำได้ ตนเป็นประชาชน อยู่ภายใต้กฎ หมายไม่มีสิทธิพิเศษ หากกฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องทำอย่างไรคงต้องปฏิบัติอย่างนั้น
เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ตำหนักเพ็ชร วัด บวรนิเวศวิหาร นายพิภพ ได้แถลงผลการประชุมมหาเถรฯว่า กรมการศาสนานำการตีความกฎนิคห กรรมข้อ 4 (8) เข้าหารือในที่ประชุม เนื่องจากนายไชยบูลย์ทำหนังสือทัดทานมาว่ากฎดังกล่าวคฤหัสถ์ฟ้องพระไม่ได้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติว่าคฤหัสถ์สามารถฟ้องได้ และยังมีมติให้เจ้าคณะภาค 1 ติดตามการปฏิบัติตามมติมหาเถรฯในกรณีวัดพระธรรมกาย ซึ่งก็คือคำแนะนำทั้ง 4 ข้อ ที่พระพรหมโมลีเคยเสนอไว้
ที่ประชุมยังมีมติขอให้รมว.ศึกษาธิการไปพิจาณณาปรับปรุงกฎนิคหกรรม ให้ข้อที่เห็นว่ายังมีความบกพร่องเพื่อให้สมบูรณ์และเกิดผลในทางปฏิบัติ รวมทั้งให้ตั้งคณะทำงานติดตามประสานงานกรณีปัญหาวัดพระธรรมกายอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้มีการติดตามอารักขาและอำนวยความสะดวก ตามกระบวนการนิคหกรรม
จากมติดังกล่าวเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ออกหนังสือเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับข้อกล่าวหาได้เลยเพราะมหาเถรฯมีมติชัดแล้ว รวมทั้งเจ้าคณะ ภาค 1 รายงานต่อที่ประชุมว่าได้ประสานงานกับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีไปเรียบร้อย ภายในวันสองวันนี้คงดำเนินการได้ ส่วนการที่พนักงาน สอบสวน จะขอความร่วมมือตรวจสอบหนังสือโฆษณาพระดูดทรัพย์เข้าข่ายหลอกลวงประชาชนเพื่อเพิ่มข้อหา เรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์
ผู้สื่อข่าว รายงานด้วยเวลา 14.30 น. พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผกก.3ป., พ.ต.ต.ภีฆเดช จุมพล สวส.แผนก 3 กอง 1 เดินทางมาสอบปากคำนายพิภพ และประสานงานให้ตรวจสอบหนังสือพระดูดทรัพย์ด้วย
นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่านายพิภพรายงานมติมหาเถรฯให้ตนทราบแล้ว โดยมติที่ให้รมว.ศึกษาธิการไปพิจารณาการดำเนินงานตามมติทั้งหมด ตนในฐานะที่ดูแลกรมการศาสนาก็คงเข้าไปรับผิดชอบร่วมด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกครั้งภายหลังรับทราบ มติมหาเถรฯว่าจะถามว่าตนพอใจหรือไม่นั้น คงตอบไม่ได้ แต่คิดว่าน่าจะเป็นแบบแผน ที่จะใช้ยึดถือ เป็นบรรทัดฐานในอนาคต เพื่อไม่ให้มีการตีความเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างไรก็ตามตนได้มอบหมายให้อธิบดีกรมการศาสนา ไปพบเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อแจ้งมติและจะได้กำหนดวันนัดหมายที่ชัดเจนให้มารับข้อกล่าวหาต่อไป เพราะก่อนหน้านี้เจ้าคณะจังหวัดทำงาน เหมือนไม่มีพนักพิง แต่เมื่อมส.มีมติ ออกมาแล้วก็น่าจะมีความมั่นใจมากขึ้น
"มีคนตั้งคำถามกับผมมากว่าออกมาทำเรื่องนี้ทำไมไม่กลัวกระทบฐานเสียง ซึ่งผมก็ตอบไปว่า ถ้าเป็นนักการเมืองแล้ว ทำสิ่งที่ถูกต้องแต่ยังกลัว กระทบฐานเสียงก็ขอไม่เป็นนักการเมืองดีกว่า"
พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่าคงต้องรอหนังสืออย่างเป็นทางการและเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับฟังข้อกล่าวหาได้ในวันที่ 28-29 ส.ค. และคงจะเรียก ในวันที่ 19 ส.ค. ไม่ได้เพราะติดกิจนิมนต์ตลอดสัปดาห์ หากเรียกอีกครั้งไม่มาจะมีมาตรการลงโทษทางสงฆ์ สำหรับมติมหาเถรฯในวันนี้มี 5 ข้อ คือ 1.คฤหัสถ์เป็นผู้กล่าวหาได้ตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ 11 ข้อ 4 (8), 2.ผู้พิจารณาหรือคณะผู้พิจารณาให้พิจารณาตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ 11, 3.ให้เจ้าคณะภาค 1 ติดตามการปฏิบัติตามมติมหาเถรฯ และตามกฎนิคหกรรมต่อวัด พระธรรมกายแล้วรายงานต่อเจ้าคณะใหญ่หนกลางพิจารณาในทางปกครอง, 4.ให้รมว.ศึกษา ธิการพิจารณาให้กฎมหาเถรฯมีผลทางปฏิบัติต่อไป และ 5.ให้รมว.ศึกษาธิการ ติดตามการขออารักขาตามกฎมหาเถรฯให้เกิดผลในทางปฏิบัติ โดยให้รมว.ศึกษาธิการตั้งคณะทำงานและประสานงานอย่างใกล้ชิด
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผบ.ตร. เปิดเผยว่าตนเร่งให้พนักงานสอบสวนเจาะลึกลงไปในข้อกล่าวหาที่กรมการศาสนาแจ้งความไว้ 3 ข้อ คือเป็น เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ,แจ้งความเท็จ, เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ซึ่งจะเตรียมหลัก ฐานให้พร้อมเพื่ออนุมัติออกหมายจับ นอกจากนั้น ยังได้รับแจ้งว่า มีหลักฐานมากพอสมควร แต่ยังขาดความสมบูรณ์อีกเล็กน้อย คาดว่าในสัปดาห์นี้พนักงานสอบสวนจะประชุมอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐาน เท่าที่มีอยู่ว่าพอจะออกหมาย จับได้หรือยัง
พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายเปิดเผยว่า อีกไม่นานจะได้ข้อยุติคดีอย่างช้าไม่เกินสิ้นเดือนนี้ ต้องยอมรับว่าหลักฐานมีมากทำให้งานล่าช้า แม้ได้รายงานความคืบหน้าทั้งหมดให้แก่พล.ต.อ.พรศักดิ์ ทราบแล้ว ส่วนกรณีที่วัด ไม่ให้ความร่วมมือนั้น ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถ สรุปประเด็นได้ แต่อยากให้ความเป็นธรรม ถ้า จะเอาจริง ๆ ก็สามารถสรุปได้ทุกข้อหา เมื่อเปิดโอกาสให้แล้วทางวัดไม่ใช้โอกาสนั้น ก็จะมาตำหนิ ภายหลังไม่ได้
"กรณีของพระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายซึ่งมีหมายเรียกถึง 4 ครั้งแล้วว่า คงจะไม่มาให้ปากคำแน่นอน ส่วนเหตุผลที่ชี้แจงว่าไม่มานั้น ระบุว่า ไม่ชอบพนักงานสอบสวน แล้ววันหนึ่งก็จะเห็นเองว่าทำไมจำเป็นต้องมาให้ปากคำ สำหรับการตรวจสอบหนังสือพระมหาสิริราชธาตุนั้น อยู่ระหว่าง การพิจารณา อยู่หากพบว่ามีมูลความผิดหรือมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษคงต้องดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ขณะนี้ได้รวบรวมหลักฐานให้กรมการศาสนาอยู่ คงต้องรอให้ได้ข้อยุติก่อนจึงจะสามารถตอบได้ว่าจะสั่งเก็บหนังสือหรือไม่ และในวันที่ 17 ส.ค. นี้นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม ้และศิษย์คนสนิท ของนายไชยบูลย์จะเดินทางมาให้ปากคำ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าพล.ต.ท. วาสนาเดินทางไปนมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เพื่อขอความรู้เกี่ยวกับหลักพระพุทธศาสนา ในฐานะที่เป็นพระผู้ปกครองโดยตรงของวัดพระธรรม กายและพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1
ขณะเดียวกัน ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ส.ค. นายชัยสิทธิ์ ขันติสิทธิ์ เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี ได้นำหมายศาลมามอบให้ พ.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร สว.ผ5 กก.3ป. เป็นหมาย นัดไต่สวนของศาลจังหวัดพัทลุง ในวันที่ 27 ก.ย. 2542 เวลา 09.00 น. เป็นคดีระหว่างนายผ่อง ที่ฟ้อง ร้องกล่าวหา พนักงานสอบสวนในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร เมื่อต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา.