เดลินิวส์ 15/8/2542
งัดกฎหมายฉะไชยบูลย์องค์กรอาญากรรม
กองปราบฯตั้งต้นแล้ว งัดกฎหมายปราบปรามเจ้าพ่อเล่นงาน"ไชยบูลย์"เข้า ข่ายองค์กร อาชญา กรรมต้มตุ๋น อ้างบุญ ปาฏิหาริย์ ดูดทรัพย์สาวก พบมีการ ผ่องถ่ายเงิน เข้าบัญชีคนสนิทกว่า 20 คน อ้างพระดูดทรัพย์ ทำจากธาตุวิเศษ แต่แท้ที่จริง นำเข้าเศษ พลอยจากแอฟริกา ตามเงินหายปริศนา พันล้าน "สมศักดิ์" ประกาศให้กรม ศาสนาส่งเรื่องเข้ามหาเถรฯ ตีความกฎนิคหกรรมให้แน่ชัดอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่าใน วันที่ 16 ส.ค.นี้ จะให้กรมการศาสนาเสนอมหาเถรสมาคม (มส.) กฎนิคหกรรมอีกครั้งให้เป็นบรรทัดฐานฆราวาส สามารถ ฟ้องร้อง ในฐานะผู้กล่าวหาได้หรือไม่ เพราะในอนาคตไม่อาจทราบว่าจะเกิดปัญหาในวงการสงฆ์ เพื่อปัญหายุติ ป้องกันไม่ให้ใครนำจุดนี้มาตีความเป็น "ศรีธนญชัย" จนเป็นข้ออ้างได้อีก
"ผมอยากขอความชัดเจน แม้ว่าขณะนี้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 จะตีความว่าฆราวาสสามารถฟ้องร้องพระสงฆ์ได้ก็ตาม"
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนสั่งการกรมการศาสนาแล้วว่าให้ประสานงานกับทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ให้ท่านดำเนินการต่อไปได้เลย อย่างไรก็ตามในฐานะ รมว.ศึกษาธิการ ขอให้กำลังใจเจ้าคณะจังหวัด ให้ทำสิ่งที่เป็นสาระของข้อกฎหมายต่อไป และให้เรียกผู้ถูกกล่าวหามารับฟัองข้อกล่าวหาอีกครั้ง การนัดหมายครั้งใหม่ในวันที่ 18-19 ส.ค. นี้ถ้ายังหาเหตุไม่มาอีกก็ต้องมีเหตุผลชัดเจน ไม่ใช่บอกว่า หวั่นเกรงเรื่องความปลอดภัยหรือการตีความกฎนิคหกรรม เพราะคณะสงฆ์ได้สรุปออกมาแล้ว และจะส่งมหาเถรฯตีความเป็นบรรทัดฐานด้วย
"กระทรวงศึกษาธิการจะทำเรื่องดังกล่าวให้เสร็จโดยเร็ว เพราะต้องการทำความจริงให้ปรากฏ เป็นไปตามกระบวนการของสงฆ์ ยิ่งปล่อยนานออกไปก็ไม่เกิดผลดีต่อสถาบันพระศาสนา และไม่เคยปรักปรำหรือพิพากษาก่อน หรือจ้องจะจับถอดผ้าเหลือง" นอกจากนั้นจะมีการประสาน งานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรื่องคดี ล่าสุดตำรวจเตรียมหลักฐานไว้พร้อมที่จะแจ้งข้อกล่าวหา ในเรื่องการแจ้งความเท็จและเป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนประเด็นการยักยอกทรัพย์ ที่ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ส่วนเรื่องกฎหมายฟอกเงินยังมาไม่ถึง
ปัญหาธรรมกายตั้งแต่ต้นจนถึงขณะนี้ทำให้เห็นข้อบกพร่องในวงการสงฆ์หลายเรื่อง โดยเฉพาะประเด็น เกี่ยวกับ กฎนิคหกรรม และกระบวนการพิจารณาความผิดของสงฆ์ ที่ต้องเร่งแก้ไขและทำความเข้าใจกับคณะสงฆ์ให้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะสงฆ์ที่จะมาเป็นคณะผู้พิจารณา แต่ต้องยอมรับว่าแต่ละรูปมีระดับการศึกษาแตกต่างกัน ต้องจัดคณะสงฆ์ที่จะเป็นผู้พิจารณากฎให้ตายตัว ต้องเป็นองค์กรที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
พ.อ.(พิเศษ)ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์ เลขาธิการสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย กล่าวแสดงความเห็นกรณีพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ตีความกลับไปกลับมาจนเจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานีเกิดความสับสนว่า เรื่องนี้ให้รู้สึกเห็นใจพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี หากได้มีที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายเก่ง การส่งประเด็นทัดทานตีความก็ไม่มีความจำเป็น โดยอำนาจหน้าที่แล้วพระสุเมธาภรณ์สามารถตัดสินใจได้เองตามตัวบทกฎหมาย ความสับสนที่เกิดขึ้นนี้ อาจเป็นเรื่องของการให้ความช่วยเหลือกัน โดยการปล่อยให้เวลายืดเยื้อออกไปให้นานที่สุด แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ไปไม่รอด
"เรื่องนี้ประชาชนไม่ได้เบื่อหน่ายข่าวนายไชยบูลย์ แต่เป็นความเบื่อหน่ายที่เกิดจากความล่าช้าของศาลสงฆ์ พระออกมาปกป้องกันเองอย่างน่าเกลียด จนประชาชนหมดความหวังกับศาลสงฆ์ แต่ก็เป็นโชคดี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเข้มแข็ง และกลายมาเป็นความหวังของประชาชนเสียแล้ว"
พระพิศาลพัฒนาธร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวราราม กล่าวถึงเรื่องการตีความกฎนิคหกรรม ว่า คงจะพูดจากันได้ ต้องพยายามให้คนกับพระเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อย่าไปแยกโยมออกจากพระ ขณะเดียวกันก็อย่าแยกพระออกจากโยม ขอให้ทุกคนมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน
"อาตมา กราบขอพรไปยังเจ้าคณะภาค 1 ซึ่งเป็นผู้ที่อาตมาให้ความเคารพ อยาก จะขอพรกับท่านว่า ที่มีข่าวว่า ท่านตีความ เรื่องกฎนิคหกรรมที่ว่าฆราวาสฟ้องสงฆ์ไม่ได้ หากเป็นความจริงก็ขอให้ท่านพูดแค่ครั้งเดียว หรือเป็นเสียงเดียว จะได้ไม่สับสน"
พระพิศาลพัฒนาธร กล่าวว่า ญาติโยมปัจจุบันเข้าใจศาสนามากขึ้น คิดว่าอีกไม่ช้าจะมีแนวร่วม เข้ามาช่วยดูแล พระพุทธศาสนา ขบวนการทั้งหลายจะลุล่วงไปด้วยดี หากเจ้าคณะจังหวัดเอาจริงก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยเมื่อไหร่ถ้าประชาชนไม่ติดตามหรือไม่ลงข่าวเรื่องก็จะจบลงเมื่อนั้น
"คิดว่า เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเอาจริง ขอให้เชื่อว่าพระดีในเมืองไทยมีอีกมาก ได้จับตามองอยู่และ พร้อมให้การสนับสนุนเพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในคณะสงฆ์และของสังคม ถ้าอาตมาเป็น เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ต้องมีผู้ถูกจับถอดผ้าเหลืองไปนานแล้ว เพราะอำนาจในสายปกครอง อยู่ที่เจ้า คณะจังหวัด ซึ่งตรงนี้ไม่เกี่ยวกับว่าจะมีสมณศักดิ์เป็นชั้นราช หรือชั้นเทพ เคยจับสึกออกไปตั้งเยอะแล้ว ไม่เห็นมีปัญหา "
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พระครูปลัดภิรมณ์ ซึ่งเป็นเลขานุการของเจ้าคณะภาคที่ 1 ได้โทรศัพท์ไปต่อว่า เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พระพิศาลพัฒนาธร กล่าวว่า จริงๆ ท่านไม่ควรจะทำและไม่ควรเข้ามาก้าวก่าย หลังจากนี้อาตมาจะโทรศัพท์ไปสอบถามเรื่องนี้ในข้อเท็จจริง โดยพระครูปลัดภิรมณ์ เคยเป็นอดีตพระลูก วัดที่วัดปทุมวนารามแต่ต้องออกจากวัดไปเพราะมีปัญหาภายในเล็กน้อย เมื่ออาตมารับทราบเรื่องนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจ
ขณะที่พระศรีปริยัติโมลี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ความจริงเรื่องนี้ไม่ควรจะนำไปตีความอีกเพราะจะล่าช้าและเกิดความวุ่นวาย เพราะมันชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว หากทางเจ้าคณะภาค 1 ตีความเพียงคนเดียวจะไม่เป็นที่ยอมรับ อีกทั้งถ้าเรื่องไปถึงมหาเถรฯ อาจมีคณะกรรมการบางส่วนตีความว่าฆราวาสฟ้องสงฆ์ไม่ได้ก็จะเกิดวิกฤติ จึงอยากให้ทางเจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานีดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป โดยทำหนังสือเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับฟังข้อกล่าวหา และสอบถามว่าจะรับหรือไม่รับ จากนั้นก็บันทึกเรื่องเสนอให้ศาลสงฆ์เป็นผู้ดำเนินการ
"เรื่องนี้ประชาชนติดตามมานานแล้ว อยากจะให้พระผู้ใหญ่ในมหาเถรฯรู้สึกต่อประชาชน ที่จับตามองดูอยากให้คณะสงฆ์ให้ความมั่นใจกับชาวบ้าน เพราะปัจจุบันความเชื่อมั่นและศรัทธาลดลง แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังกำหนดพระวินิจฉัยออกมาและยังฟังคำติเตียนพระสงฆ์จากชาวบ้าน"
ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าว เดินทางไปสังเกต การณ์ การจัดงานทำบุญที่บ้านศึกษาธรรม ซึ่งเป็นสถานปฏิบัติที่มีลูกศิษย์วัดพระธรรมกายก่อตั้งขึ้นมา บนถนนห้วยแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ติดกับศูนย์การค้ากาดสวนแก้ว ซึ่งก่อนที่จะมีการจัดงาน ทางบ้านศึกษาธรรมมีการทำใบ เชิญจำนวนกว่าหลายหมื่นใบแจกจ่ายผู้ที่เคยมีรายชื่อในการบริจาคเงินเข้าวัด
กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 06.30 น. มีการเชิญพระภิกษุจำนวน 108 รูปทำบุญซึ่งก็มีนักศึกษาและประชาชนทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชราที่เป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย มาร่วมบิณฑบาตกันไม่ค่อยมาก ทั้งที่เจ้าภาพได้มีการกางเต็นท์เกือบ 10 หลัง แต่แทบนับคนได้ ต่อมาหลังจากเสร็จการทำบุญตักบาตรแล้วก็เชิญชวนบรรดาผู้ที่บิณฑบาต เข้ารับการบรรยาย ธรรมเรื่องนิพพานอีกด้วย
ส่วนสภาพทั่วไปของบ้านศึกษาธรรมนั้น ตั้งอยู่ติดถนนห้วยแก้ว มีรั้วสูงล้อมรอบมีทางเข้าด้วยกันทั้งหมด 3 ทาง ข้างในปลูกต้นไม้ และประกอบด้วยอาคาร 2 หลัง เป็นอาคารไม้ และอาคารปูน โดยอาคาร ปูนจะมีชั้นเดียวยกสูงใช้สำหรับเป็นที่ปฏิบัติธรรม ส่วนอาคารไม้จะใช้สำหรับติดป้ายเชิญชวน ให้มา เป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายและเชิญชวนให้ทุกคนบริจาคเงินเพื่อที่จะสร้างธรรมกายเจดีย์ให้เสร็จโดยเร็ว และทำบุญกับวัดพระธรรมกายเยอะๆ และยังมีตู้รับบริจาคเพื่อบำรุงบ้านศึกษาธรรมอีกด้วย
ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ หัวหน้าชุดคณะกรรมการพนักงานสืบสวนกรณีปัญหา วัดพระธรรมกาย ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.1 ป แจ้งความคืบหน้ากรณีการสรุปสำนวนของพนักงาน สอบสวนชุดดังกล่าว โดยมี พ.ต.ท.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ รอง ผกก.สสก. พ.ต.ท.ประกร สุชีวะกุล สวส.สภ.อ.คลองหลวง และ พ.ต.ท.สราวุฒิ บุญสิริโยธิน สวส.สภ.อ.วังทองหลาง รวบรวมหลักฐานทั้งหมดมาประกอบการพิจารณา เพื่อเสนอ นำแจ้งตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดภายในสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับหลักฐานที่ได้มีการรวบรวมมานั้น มีตั้งแต่เรื่องของการหาเงินเข้าวัดสมัยที่เริ่ม ก่อตั้งวัดพระธรรมกาย ซึ่งพบว่าบางส่วนได้ใช้เรื่องเกินจริง ที่อิงกับหลักศาสนามาประกอบ เช่น ในเรื่องของการสะกดจิต การรักษาโรครวมถึงการทำวัตถุมงคลออกมาหลอกขาย อาทิ พระมหาสิริราชธาตุ ที่นายไชยบูลย์ได้อ้างว่า เป็นวัตถุอันเกิดจากแร่ที่เทวดาเฝ้ารักษาไว้ให้นานถึง 2,000 ปี ประกอบด้วยมวลสารของธาตุ 3 ชนิดมาประชุมรวมกัน คือพญาเหล็กเพชรดำ ที่มีคุณสมบัติในการเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง คำแก้วมณี ที่เป็นธาตุช่วยในการดูดทรัพย์ และสิทธิธาตุ เป็นธาตุที่จะดลบันดาลให้ประสบสิ่งที่ต้องการตามที่ปรารถนา
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าจากกรมศุลกากรพบว่า วัตถุที่ใช้ในการสลักพระดูดทรัพย์เป็นหินใส หรือพลอยเนื้ออ่อนที่ไร้ราคา โดยซื้อมาจากทวีปแอฟริกา ผ่านทางนายหน้าชาวไทย และยังพบด้วยว่า ในการจัดซื้อครั้งนี้ได้มีการทำบัญชีลวงขึ้น โดยมีการเพิ่มราคาสินค้าให้สูงขึ้นกว่าสิบเท่าตัว และยังได้นำผลกำไรจากส่วนต่างที่ได้แบ่งกัน
นอกจากนี้หลักฐานที่พบอีกชิ้นหนึ่ง โดยพนักงานสอบสวนจะได้เร่งสรุปและส่งเรื่องให้กรมการศาสนาภายในวันจันทร์ 16 ส.ค. ที่จะถึงนี้ อาทิ หนังสือคำสอนต่าง ๆ ของวัดพระธรรมกายที่ได้อวดอภินิหารเกินความเป็นจริง ส่อในทางที่ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดได้ และในหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ เล่มที่ 31 ได้มีการ อ้างถึงพระรุ่นดูดทรัพย์มีอิทธิฤทธิ์ด้านคงกะพัน และยังรักษาอาการป่วยไข้จากโรคร้าย โดยไม่ต้อง พึ่งพา แพทย์แผนปัจจุบัน หรือไม่ต้องกินยาขนานใด ๆ ก็หายจากโรคร้ายได้ เพียงแขวนพระรุ่นดังกล่าวติดตัวไว้ โดยพนักงานสอบสวนจะได้ส่งหนังสือทั้งหมดมอบให้กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ให้ช่วยวิเคราะห์ว่าหนังสือดังกล่าวเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่
สำหรับเรื่องสุดท้ายที่เป็นประเด็นสำคัญต่อการสอบสวน เป็นเรื่องของการใช้จ่ายเงินของวัดซึ่งบริจาค โดยประชาชนที่ศรัทธาต่อพระศาสนา พบว่าได้มีการยักยอกออกมาบางส่วน และนำไปซุกซ่อนในบัญชีธนาคารของคนสนิทคนหนึ่งของนายไชยบูลย์เพิ่มเติมอีก 20 บัญชี ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังเฝ้าติดตามตรวจสอบว่าเงินที่โอนไปทั้ง 20 บัญชีนั้น เป็นเงินที่ยักยอกมาจากการจัดจ้างสร้างพระธรรมกายประจำตัวหรือไม่ โดยเบื้องต้นพบว่า มีการยักยอกเงินทำบุญสร้างพระสาบสูญไปกว่า 100,000 องค์ คิดเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ได้ตรวจพบการทำหลักฐานเท็จในการเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายของวัด อย่างไรก็ตาม กรณีของวัดพระธรรมกายที่เกิดขึ้นคล้ายเป็นองค์กรอาชญากรรม ที่ต้องประสานความร่วมมือ กับฝ่ายกฎหมายกรมสรรพากร เพื่อใช้กฎหมายปราบผู้มีอิทธิพลใช้กับนายไชยบูลย์ คาดว่าในวันจันทร์ 16 ส.ค. ที่จะถึงนี้จะสามารถสรุปสำนวนส่งให้กรมการศาสนาได้.
เวลา 15.00 น. ที่วัดญาณเวศกวัน จ.นคร ปฐม นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เข้ากราบนมัสการพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) พระนัก ปราชญ์ของเมืองไทย เพื่อสอบถามอาการอาพาธ โดยพระธรรมปิฎกขอให้นายชวนอดทน ต่อการแก้ไขปัญหาของชาติ ขณะเดียวกันขอให้แก้ไขปัญหาพระศาสนาด้วย ผู้สื่อข่าวรายงาน อีกว่าปัญหา ธรรมกายได้ลุกลามเข้ารั้วมหาวิทยาลัยแล้ว โดยในหนังสือ พิมพ์ภายในของภาควิชาวารสารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ฉบับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รายงานปัญหาความแตกแยกในชมรมพุทธของมหาวิทยาลัย เนื่องจากชมรมพุทธดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับธรรมกายมากเกินไป จนสมาชิกไม่พอใจ และแตกแยกกัน และฝ่ายกิจการนักศึกษาของสถาบันขอให้ยุติกิจกรรมเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายด้วย ขณะที่นายกัญจน์เอนก วงษ์โกวิท ประธานชมรมพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัย รังสิต ปฏิเสธข่าวทั้งหมด