เดลินิวส์ 14/8/2542
เจ้าคณะปทุมฯแฉ พรหมโมลีพลิกนิคหกรรม
กระบวนการสงฆ์เสื่อมหนัก ชาวบ้านถูกพระโกหกแน่ ๆ พระพรหมโมลี จีวรพลิ้วบอกฆราวาส ฟ้องตาม กฎนิคหกรรม ได้หลังจาก รมช.ศึกษาธิการบุกถึงวัดถามต่อหน้าจะตีความอุ้ม "ไชยบูลย์" เข้าเอว กันอีกหรืออย่างไร บอกข่าวที่ออกไป เป็นเรื่องเข้าใจผิด เจ้าคณะจังหวัด ปทุมฯ สวนควัน ปืนสู้ตาย ยันทำไมกลับคำพูดง่าย ๆ ถกกันครั้งก่อนมีพระเป็นพยาน 4 รูป กำหนดชัด หมด สิทธิฟ้อง แถม พระเลขาฯ ยังโทรฯมาด่า "สมศักดิ์"คำรามถ้ายังอยู่ในตำแหน่งไม่มีมวยล้ม กองปราบฯงัด ไม้แข็งเล่นงาน สาวกลัทธิ เจดีย์จานบิน ถ้าไม่มาให้ปากคำ 3 ครั้งเจอหมายจับ ประเดิม "ผู้ช่วย เจ้าอาวาส"กับพระฝ่ายการเงิน
เมื่อวันที่ 13 ส.ค. เวลา 9.30น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ เรียกนายพิภพ กาญจนะ อธิบดี กรมการศาสนา,นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา ,นายสำรวย สารัตถ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน เลขาธิการมหาเถรสมาคม และนิติกรกรมการศาสนามาประชุม หารือหลังจากที่มีกระแสข่าวพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ตีความกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม แล้วว่าฆราวาสไม่มีสิทธิฟ้องพระ ทำให้การฟ้องร้องนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายทางสงฆ์ต้องล้มไปหมด
นายวิชัยกล่าวว่าที่ประชุมได้พูดถึง กฎนิคหกรรมว่ามีช่องโหว่ตรงไหน เท่าที่ดูไม่มี เพราะประเด็น สำคัญ และหัวข้อหลักอยู่ที่ข้อ 4(8) ข. ที่ระบุคุณสมบัติของคฤหัสถ์ว่าสามารถกล่าวโทษพระภิกษุได้ ส่วนข้อที่ 15 ซึ่งมีการ วิพากษ์วิจารณ์กันมากถือเป็นประเด็นรอง ไม่มีน้ำหนัก ขณะเดียวกันนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ เดินทางเข้ามาร่วมประชุมด้วยในภายหลัง และนายสมศักดิ์กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบ ไปยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีพบว่าไม่เป็นความจริง ในเรื่องที่มีการตีความ กฎมหาเถรสมาคมแล้ว เป็นเพียง กระแสข่าวเท่านั้น เพื่อให้เกิดความกระจ่างจึงให้นายวิชัย ไปกราบนมัสการเจ้าคณะภาค 1 เพื่อสอบถามความจริง
"ผมสั่งการ กับนายวิชัยว่าเวลาไปกราบนมัสการเจ้าคณะภาค 1 ขอให้บอกท่านว่าอย่าเพิ่งไปบอกสังคมว่าตีความอย่างไร อยากให้ มหาเถรฯเป็นผู้ชี้แจง เพราะเป็นห่วง สถานภาพของสมเด็จพระสังฆราช และของมหาเถรฯ การสึกพระที่ทำผิดไม่ใช่เพิ่งเคยทำกันมา การตีความอะไรต้องละเอียดรอบคอบ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า งานนี้จะเป็นมวยล้มหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า"สมศักดิ์อยู่ตรงนี้ จะล้มได้ หรือและเมื่อสมศักดิ์จับมือ กับวิชัยมวยล้มไม่มีแน่นอน" และขอให้นายวิชัยไปพบพระพรหมโมลีก่อน ทางออกยังมีอีกมาก อย่าไปวิตกหรือกังวลเพราะ จะทำให ้เกิดความสับสน มหาเถรฯต้องมีทางออก นอกจากนี้ ยังสั่งการ ให้นายวิชัยและนายพิภพไปสอบถาม เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ถึงการนัดหมายนายไชยบูลย์ และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสมารับทราบข้อกล่าวหาที่ต้องกำหนดชัดเจน และหากครั้งนี้ไม่มากอีกต้องมีเหตุผลฟังขึ้น
จากนั้นเมื่อเวลา 16.00น.ที่วัดยานนาวา นายวิชัย ,นายพิภพ และนายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้า ฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา เดินทางเข้าพบ พระพระพรหมโมลี เพื่อสอบถามถึงกรณีเจ้าคณะภาค 1 แสดงความเห็นฆราวาสฟ้องพระไม่ได้ หลังการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง นายวิชัย กล่าวว่าพระพรหมโมลี ชี้แจงว่ามติมหาเถรฯไม่ได้บอกให้ตีความกฎนิคหกรรมเลย แต่ให้คณะผู้พิจารณาชั้นต้นโดยด่วน และคณะผู้พิจารณา ที่มีพระพรหมโมลีเป็นประธาน รองเจ้าคณะภาค 1 และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ก็พิจารณาไปบางส่วนแต่ไม่มีการตีความ และที่บอกว่าฆราวาสฟ้องไม่ได้นั้น ในความเห็นของ พระพรหมโมลีบอกว่าฟ้องได้ เป็นเรื่องเข้าใจผิด
ส่วนหนังสือทัดทานคำฟ้องจากธรรมกายจะมีผลหรือไม่นายวิชัยกล่าวว่า เป็นความเห็นของฝ่ายที่ยื่นมา และจะไม่มีการตีความ ส่วนจะเรียก ตัวผู้ถูกกล่าวหามารับคำฟ้องร้องอีก เมื่อใดก็แล้วแต่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ซึ่งพระพรหมโมลีสั่งการ ไปแล้วให้ดำเนินการต่อไป หากไม่มาก็เป็นเรื่องที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีต้องวินิจฉัย
นายพิภพกล่าวว่าสำหรับคำฟ้องของผู้กล่าวหาทั้งหมดรวมทั้งของนายปราจิณ ฐานังกรณ์ ที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ส่งมายังเจ้าคณะภาค 1 ทั้งหมดได้ตอบไปแล้วทุกคำถาม โดยเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีจะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป โดยตนเป็นผู้ประสานงาน
หลังจากนั้นนายพิภพได้โทรศัพท์ติดต่อพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อสอบถามถึงผลการประชุม คณะผู้พิจารณา ชั้นต้นและทำให้พระสุเมธาภรณ์งุนงงอย่างมากที่พระพรหมโมลียืนยันเช่นนี้
สุดท้ายพระสุเมธาภรณ์ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ว่าถ้าพระพรหมโมลีบอกกับรมช.ศึกษาธิการว่า ไม่ได้เป็น คนพูด เรื่องฆราวาสฟ้องไม่ได้ ทำให้รู้สึกแปลกใจทำไมจึงกลับคำ พูดง่าย ๆ เพราะในที่ประชุมคณะผู้พิจารณา เบื้องต้นเมื่อวันที่ 11 ส.ค.มีพระผู้ร่วมประชุม 5 รูปคือพระพรหมโมลี,รองเจ้าคณะภาค 1 ,พระเลขาเจ้าคณะภาค 1 ,อาตมาและเลขานุการของอาตมา โดยได้ข้อสรุปเป็นที่สิ้นสุดในวันนั้นจากเจ้าคณะภาค 1 ว่าฆราวาสไม่มีสิทธิฟ้องสงฆ์ และให้ผลการพิจารณาจากมหาเถรฯ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนี้ขอเวลาติดต่อสอบถามหรือเข้านมัสการพระพรหมโมลีอีกครั้ง เพื่อให้แน่ชัดว่าฆราวาส สามารถฟ้องสงฆ์ได้หรือไม่ ที่สำคัญควรทำหนังสืออย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในผลการวินิจฉัย และมีคำสั่งให้ดำเนินการต่อไป โดยจะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาเป็นครั้งที่ 2 และให้ระบุชัดในหนังสือ เรียกด้วยว่า หากยังมีข้อขัดข้องก็ให้รีบตอบกลับมาโดยด่วน "เรื่องทั้งหมดต้องรอคำตอบจากพระพรหมโมลีก่อน แต่ อาตมา ยืนยันความเห็นส่วนตัวหราวาสฟ้องได้ เพราะเนื้อหากฎนิคหกรรมหากให้สิทธิสงฆ์ฟ้องสงฆ์ได้เท่านั้น ทำไม ต้องเน้น การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ฟ้องว่านับถือศาสนาพุทธหรือไม่ ถ้าให้แต่เฉพาะพระฟ้องก็ไม่ต้องตรวจสอบข้อนี้"
พระสุเมธาภรณ์กล่าวอีกว่า ในวันนี้อธิบดีกรมการศาสนาได้โทรศัพท์ มาสอบถามเรื่องการ ประชุม คณะผู้พิจารณาชั้นต้นร่วมกับพระพรหมโมลีเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ว่ามีรายละเอียดอย่างไร ขณะเดียวกัน ได้เล่า เหต ุการณ์เมื่อเข้าพบพระพรหมโมลีร่วมกับรมช.ศึกษาธิการในช่วงเย็นของวันนี้ว่า พระพรหมโมลีไม่ได้ให้ข้อมูลใด ๆ และไม่อนุญาตให้ดูเอกสารสรุปผลการประชุมคณะผู้พิจารณาชั้นต้น แต่บอกให้มาขอดูจากอาตมา อย่างไรก็ตามอธิบดีกรมการศาสนายังไม่ได้กำหนดวันที่จะเดินทางมาพบ
"อาตมารู้สึกแปลกใจ เหตุใดเมื่ออธิบดีกรมการศาสนาและรมช.ศึกษาธิการเข้ากราบนมัสการพระพรหมโมล ีแต่เหตุใด พระพรหมโมลีถึงไม่ได้ชี้แจงอะไร และไม่ให้ข้อมูล อาตมาจึงขอติดต่อสอบถามเจ้าคณะภาค 1 ก่อนเพื่อความชัดเจน"
พระสุเมธาภรณ์กล่าวต่อไป อีกว่าหลังจากอาตมา ออกมาให้ข่าวเรื่องพระพรหมโมลี ตีความกฎนิคห กรรมว่าฆราวาสฟ้องไม่ได้ ในวันนี้ได้มีเลขาฯคือพระครูปลัดภิรมย์ ได้โทรศัพท์ด่าอาตมาอย่างรุนแรง ซึ่งครั้งต่อไปถ้าเจ้าคณะภาค 1 ให้ดำเนินการต่อ ก็ต้องทำหนังสืออย่างเป็นทางการ ถ้าจะให้อาตมาไปส่งหนังสือหรือพระเลขาฯไปส่งหนังสือไม่เอาอีกแล้ว เพราะเกรงว่า เหมือนครั้งที่แล้ว ที่บอกว่ายังไม่ได้รับหนังสืออีก ส่วนตัวอาตมาอยากให้มีการตีความในมหาเถรฯ เพื่อความกระจ่างจัด
อย่างไรก็ตามสำหรับการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้รับฟังข้อกล่าวหาอีกครั้งก็จะเรียกไปทางลับ โดยไม่ให้ใครรู้เพื่อฝ่ายนั้น จะได้ไม่มีข้ออ้าง
นายพิภพกล่าวอีกครั้งว่าตนประสานงานไปยังพระสุเมธาภรณ์ แล้วเรื่องกำหนดวันเรียกผู้ถูกกล่าวหา มารับฟัองข้อกล่าวหาอีกครั้ง แต่พระสุเมธาภรณ์ขอเวลาเตรียมการเียกตัวก่อน และจะแจ้งมาอย่างเป็นทางการ
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวว่าเรื่องของสฆ์คงยุ่งไม่ได้ ส่วน ถ้า เกี่ยว ข้อกฎหมายมีการทำผด ก็สามารถดำเนินการได้ เหมือนประชาชนทั่วไป ตำรวจทำตามอำนาจเต็มที่ และไม่มีอะไรกดดัน ถ้าผิดก็ว่ากันไป
พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สนง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย กล่าวว่า กระบวนการทางสงฆ์ไม่มีผลกับ คดีทางโลกที่กองปราบปรามดำเนินการอยู่ ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งสรุปสำนวนทั้ง พยานเอกสารพยานบุคคลให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
สำหรับกรณีที่ได้มีการเรียกพยานบุคคลฝ่ายวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะพระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วย เจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย และพระวิษณุ ปัญญธิโป พระที่ดูแลการเงินของวัด แต่ไม่ได้รับ ความร่วมมือทั้งๆ ที่ติดต่อไปถึง 3 ครั้งนั้น คงจะไม่ติดต่อไปเพื่อสอบปากคำอีกแล้ว ขณะที่นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ศิษย์ใกล้ชิดนายไชยบูลย์ ในฐานะที่เป็นผู้ที่ซื้อที่ดินและยื่นคำร้องรับรองว่าเป็นที่ดินที่ซื้อถวายเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งต้องเรียกมาสอบ ข้อเท็จจริงในวันที่ 17 ส.ค.นี้ ขณะนี้เรียกไป 2 ครั้งแล้วก็ยังไม่ยอมมาเช่นกัน รวมถึงพยานคนอื่นๆด้วย
เรื่องดังกล่าวทางพนักงานสอบสวนได้ลงความเห็นกันแล้วว่า จากนี้ไปการเรียก ตัวพยานในคดีนี้ รายใดหากออกหมายเรียกไปถึง 3 ครั้งแล้วยังไม่ให้ความร่วมมือก็จะต้องมีการออกหมายจับทันที และจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคความหวังใหม่ ได้เปิดแถลงเรียกร้องให้รัฐบาล จัดการปัญหาธรรมกายอย่างจริงจัง
"ขณะนี้ประชาชนกำลังรอคำตอบ อนาคตพระพุทธศาสนาวังเวงเต็มที รัฐบาลนี้จะไม่ดูแล เหมือนที่ผ่านมาไม่ได้อีกแล้ว ฝ่ายค้านคงยอมไม่ได้ วันนี้ถ้าฝ่ายค้านไม่รุกอย่าง จริงจังเหมือนเรื่องอื่นๆหลายๆเรื่อง รัฐบาลจะปล่อยให้เป็น ไปตามยถากรรม ขนาดรัฐมนตรีคนใดรับผิดชอบเรื่องนี้ก็ยังไม่ชัดเจน"
ด้านนายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติกล่าวว่า หากพระพรหมโมลีตีความ ฆราวาสฟ้องไม่ได้ก็เหมือนกับเป็นการช่วยเหลือกันชัด ๆ อุ้มกันเห็น ๆ และต้องเร่งแก้ กฎหมายสงฆ์เพราะมีข้อบกพร่องโดยให้มีพระวินัยธรที่มีความรู้ด้านกฎหมายเข้ามาดูแล ตนรู้สึกเศร้าใจมาก และผิดหวังอย่างมากที่กระบวนการพิจารณาทางสงฆ์เป็นเช่นนี้
พระมหาบุญถึง ชุตินธโร ประธานกลุ่มสงฆ์ 19 จังหวัดภาคอีสาน กล่าวว่าหากพระพรหมโมลี ตีความ ออกมาฆราวาสฟ้องไม่ได้ จะทำให้พุทธศาสนาช็อกอยู่กับที่ ถึงแม้มีการนำเรื่องเข้ามหาเถรฯ ก็อาจจะ ออกมาเหมือนเดิมเพราะพร้อมจะอุ้มชูกันตลอด รวมถึงจะเกิดความวุ่นวาย ตามมาได้ในกรณียันตระและนิกร ที่ถูกจับสึกเพราะฆราวาสกล่าวหา หาก 2 คนนี้ย้อนกลับมาทวงสิทธิจะทำอย่างไร
เหตุการณ์นี้ จะทำให้สงฆ์ระดับล่างออกมาเคลื่อนไหวเรื่องหลัก การปกครองสงฆ์ แต่ยังห่วงการที่เข้าคณะภาคต่าง ๆ 18 ภาค ได้รับคำสั่งจากมหาเถรฯว่าห้ามพระสงฆ์ออกมาวิจารณ์เรื่องธรรมกาย ห้ามพระ ระดับ สังฆาธิการให้ ความร่วมมือ กับประชาชนและพระที่คัดค้านเรื่องนี้ แม้แต่ร่างพ.ร.บ.การปกครอง คณะสงฆ์ฉบับใหม ่และร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพระศาสนา ก็มีคำสั่งห้ามพระสงฆ์ทั้งหมดให้ความร่วมมือ และให้ปฏิเสธร่างทั้ง 2 ฉบับ เมื่อเป็น เช่นนี้พระสงฆ์ระดับล่างหลายฝ่าย ก็กลัวพระผู้ใหญ่ เนื่องจากจะมีผลต่อการพิจารณาสมณศักดิ์ แต่เชื่อว่า พระสงฆ์ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและหวงแหนพระศาสนามากกว่าตั้งแต่วันนี้จะร่วมกัน ปกป้องรักษาพระศาสนา