เดลินิวส์ 12/8/2542
วางแผนจัดการ'ธรรมกาย' ส่งข้อมูลลับผบ.ตร.
ระดมกำลังจัดการ ขั้นแตกหักสิ้นเดือนนี้ต้องรู้ผล "สมศักดิ์"บุกพบผบ.ตร.วางแผนสางเสี้ยนศาสนา ส่งข้อมูล""ลับมาก" ให้ทีมงานสอบสวน กรรมาธิการ ศาสนาฯ ถกร่วมกับ ตำรวจ-กรมที่ดิน-กรม สรรพากร มือกฎหมายรัฐบาลหาช่องเล่นงาน ประกาศลัทธิธรรมกายท้าทายอำนาจรัฐชัดเจน งัด กฎหมาย ฟอกเงิน เล่นงาน ส่งหนังสือถึงวัด ทั่วประเทศ หยุดแผน ตกเขียวพระจ่ายเงินเจ้าอาวาส รูป ละ 1 หมื่น22 ส.ค.นี้ ศาลแรงงานตัดสินอ.อ.ป. แพ้คดีบังคับให้พนักงานไปเพ่งลูกแก้ว พระพรหมโมลี เรียกเจ้าคณะปทุมธานีฯชี้ขาดกฎนิคหกรรม
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมาเวลา 10.30 น. ตัวแทน จากหน่วยราชการต่าง ๆ ประกอบด้วยนายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ,นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา ,พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. หัวหน้าทีมสอบสวนคดีธรรมกาย,ตัวแทนกองบังคับการ สืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ(สศก.),กรมที่ดิน กรมสรรพากร ,นายปรีชา สุวรรณทัต ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วม ประชุมกรรมาธิการการศาสนาฯ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
นายอำนวย กล่าวว่าตัวแทนส่วนราชการต่าง ๆ รายงานความคืบหน้ากรณีธรรมกาย ซึ่งเป็นไปตามที่ได้เป็นข่าวมาแล้ว ส่วนกรรมาธิการฝากนายวิชัย และพล.ต.ท.วาสนาประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่นสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ,ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) เพื่อรวบรวมข้อมูลที่หน่วยงานนั้น ๆ มี อาจเป็นประโยชน์ต่อพนักงานสอบสวน โดยพนักงานสอบสวน ติดตามเฉพาะประเด็นที่กรมการศาสนาฟ้อง 3 ประเด็น และคงต้องขีดกรอบ การทำงานไม่เช่นนั้น จะมีประเด็นมากไป หรืออาจต้องให้ตำรวจส่วนอื่นทำเช่นสันติบาล
การประชุมวันนี้ได้มีการหยิบยกถึงกฎหมายฟอกเงินที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ ซึ่งพล.ต.ท.วาสนารับว่าตำรวจจะเข้าไปดูแล โดยอาจมีคณะทำงานอีกชุด ดูแลเรื่องพฤติกรรม ธรรมกายที่เข้าข่ายกฎหมายฟอกเงิน เพราะมีความผิดต่อเนื่องกันมา
ในส่วนกรมที่ดินรายงานเกี่ยวกับ 49 รายชื่อ ที่ทำหนังสือถึงพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รมว.มหาดไทย ว่าเป็นผู้รวบรวมเงินบริจาคซื้อที่ดินที่เขาบ่อทอง จ.พิจิตร ให้กับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย เป็นการส่วนตัว ไม่ได้ให้วัด ซึ่งกรมที่ดินจะส่งให้ตำรวจ ,กรรมาธิการ ต่อไป กรมที่ดินยังสั่งการให้สำนักงาน ที่ดินจังหวัด ทั่วประเทศรวบรวมรายชื่อของทุกคนที่เกี่ยวพันกับธรรมกาย คาดว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น
ส่วนกรมสรรพากร ชี้แจงการตรวจสอบ ย้อนหลังผู้บริจาคเงินได้หักภาษีหรอืไม่ และตรวจสอบรายได้ ที่ได้รับการบริจาค ซึ่งวัดก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือ และทุก หน่วยงานได้รับการ ปฏิบัติเหมือกัน จึงเห็นควรจะดำเนินการเชิงรุกให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว
"ธรรมกายกำลังท้าทาย อำนาจรัฐแทนที่ใหัความร่วมมือกลับทำให้เกิดปัญหายุ่งยากล่าช้าไม่เป็นผลดี เหไม่ยอมชี้แจง สิ่งที่สังคมเคลือบแคลงสงสัย เล่มเกมจนวุ่นวาย จะตายไปในตัวเหมือนแมลงวันติดใยแมงมุม"
นายอำนวยยังกล่าวถึงการยกร่างพ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับใหม่ ที่บิดเบือนออกข่าวว่าจะให้อำนาจฆราวาสปกครองสงฆ์ ทั้งที่กฎหมายนี้บังคับให้นายกฯ และผู้บริหารท้องถิ่นช่วยกันดูแลพระศาสนา การแสดงความเห็น เรื่องนี้ถ้าทำโดยบริสุทธิใจก็ไม่มีปัญหา แต่ทางตรงกันข้าม อาจทำให้เกิดความแตกร้าายในสังคม จึงขอให้หน่วยงานรัฐทั้งสันติบาล หรือสำนักข่าวกอรงติดตามผู้ดำเนินการด้วย โดยในสัปดาห์หน้า จะประชุมพิจารณาเรื่องนี้ และส่งมติ กรรมาธิการไปชี้แจง มหาเถรสมาคม เพื่อชี้แจงต่อพระสงฆ์โดยทั่วไป
นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กทม.พรรคปชป.กล่าวว่าตนได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรม การทำนิติกรรมสัญญาที่ดิน หรือทรัพย์สินต่าง ๆเข้าข่ายมีเหตุอันควร สงสัยเป็นธุรกรรมที่ผิดปกติตามกฎหมายฟอกเงิน รวมถึงมีความสลับซับซ้อนในเชิงธุรกิจ หากมีความผิดเกี่ยวกับการยักยอก ฉ้อโกงเจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญา จะให้ดำเนินการ ตามกฎหมายฟอกเงินได้ ถึงแม้กฎหมายไม่มีผลย้อนหลังแต่พฤติกรรม ของนายไชยบูลย์กับคณะเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติแน่นอน และยังดำเนินการ อยู่ก็จะเข้าข่ายกฎหมายฟอกเงิน
"คดีธรรมกายอาจเป็นคดีแรกของกฎหมายฟอกเงิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสถาบันการเงิน ที่มีบัญชีเงินฝากของนายไชยบูลย์ก็ต้องรายงาน มายังสำนักงาน คณะกรรมการป้องกันการฟอกเงิน รวมถึงสำนักงานที่ดินด้วย"
นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการเปิดเผยว่าในวันที่ 13 ส.ค. จะเดินทางไปนมัสการพระพรหมโมลี และอยากไปกราบให้กำลังใจเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีด้วย และการที่วัด พระธรรมกาย ไม่ยอมส่งบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดให้กับกรมการศาสนา อำนาจการจัดการน่าจะเป็นคณะสงฆ์ด้วยกัน โดยเจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานีน่าจะมีข้อวินิจฉัย ในเรื่องของวินัย กรมการศาสนา จะไปบังคับก้าวก่ายไม่ได้ ส่วน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับใหม่ เป็นร่างกฎหมายของคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ไม่ใช่ของ กระทรวงศึกษาธิการ และก็เห็นด้วยกับข้อเสนอ ของพระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตโต) ที่ว่า กฎหมายใหม่ต้องสอดคล้องกับภารกิจของสงฆ์ในเรื่องการศึกษา และอีกหลาย ๆ เรื่อง และขอนำกฎหมายทั้งหมดมาพิจารณาก่อน โดยอาจตั้งคณะทำงานของตัวเองขึ้นมา และนิมนต์พระธรรมปิฎกมาปรึกษาบางครั้ง
นายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่า เรื่องคุณสมบัติผู้ฟ้องตามกฎนิคหกรรม ไม่ต้องตีความอีก เพราะฆราวาสเคยฟ้องพระมาแล้วกรณียันตระ นิกร ซึ่งพระพรหมโมลีรับจะไปทำความเข้าใจกับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีด้วยตนเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายอำนวย ได้มีหนังสือลงวันที่ 5 ส.ค. ถึงรมว.ศึกษาธิการ เพื่อขอให้ กรมการศาสนายับยั้งมิให้วัดต่างๆ เดินทางมาร่วมงานทอดผ้าป่า ที่วัดพระธรรมกาย จะจัดขึ้นในวันที่ 22 ส.ค. โดยเรื่องนี้กรมการศาสนาได้นำเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรฯเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา และมหาเถรฯมีมติเห็นชอบให้แจ้งไป ยังวัดต่างๆ ดังนั้นอธิบดีกรมการศาสนา จึงลงนาม ในหนังสือบันทึกข้อความถึงรมว.ศึกษาฯเพื่อแจ้งให้ทราบว่าทางกรมการศาสนาได้ทำหนังสือเวียนถึงวัด ทั่วประเทศ ขอความร่วมมือให้งดเดินทางมาร่วมงานแล้ว
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 13.50 น. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว. ศึกษาธิการ เดินทางมาเข้าพบพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผบ.ตร.(ปก.2),พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. โดยนายสมศักดิ์กล่าวภายหลังการเข้าพบว่า มาติดตามความคืบหน้า ของคดีที่กรมการศาสนา ฟ้องร้องกล่าวโทษนายไชยบูลย์ และพล.ต.อ.ประชา แจ้งว่าการดำเนินงานคืบหน้าไปพอสมควร ตำรวจรวบรวมหลักฐานไว้มากพอสมควร แต่เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้
"ผมยังเร่งให้อธิบดีกรมการศาสนาเร่งรัดพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 แล้วในเรื่องการ ดำเนินการตามกฎนิคหกรรม และการที่จะให้โอกาสเรียก ผู้ถูกกล่าวหามารับฟัอง ข้อกล่าวหา กี่ครั้งก็เป็นสิทธิของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี คงไม่ก้าวล่วงไป เรื่องผิดนัดกี่ครั้งไม่สำคัญเท่ากับเหตุผลที่แจ้งมาว่าทำไมถึงไม่มาตามนัด"
ส่วนข้ออ้างที่ว่าฆราวาสไม่มีอำนาจดำเนินการนายสมศักดิ์กล่วว่าเป็ฯเพียงข้ออ้าง แต่ก็ไม่ควรประมาท โดยในอดีตกรณีอดีตยันตระกับอดีตพระนิกรฆราวาสก็ฟ้องร้องได้ ที่ตนต้องการคืออยากพิสูจน์ควาาจริง ตามกระบวนการและต้องการให้ผู้ถูกกล่าวหามาบอกว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าถูกก็ปฏิบัติธรรมต่อไป แต่หากผิดก็ต้องดำเนินการ ตามกระบวนการที่มีอยู่ตามกระบวนการสงฆ์ ส่วนกระบวนการทางโลกตำรวจก็ดำเนินการไป
ด้านพล.ต.อ.พรศักดิ์กล่าวว่านายสมศักดิ์ปรึกษาหารือว่ากระทรวงศึกษาธิการ กับสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติจะร่วมมือกันได้อย่างไร เพื่อให้การสอบสวนเสร็จสิ้นโดยเร็ว ตำรวจพยายาม เร่งมือแต่หลักฐานมีมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินไปซื้อที่ดิน หรือการเอาเงินของวัดไปดำเนินงานต่าง ๆ ซึ่งกระจัดกระจายไปทั่วประเทศ และการสอบสวนยังไม่ได้รับ ความร่วมมือเท่าที่ควร เชิญพยานมาให้ปาก 2-3 ครั้งก็ไม่ยอมมาให้ปากคำ
สำหรับกรณีที่ในปลายเดือนนี้นายไชยบูลย์ไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวน ตามขั้นตอนตำรวจก็มีอำนาจ แต่ก็พยายามทำให้นิ่มนวล ให้ความเคารพมากสุดเท่าที่จะทำได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือ ก็จะต้องทำตามกฎหมาย และการที่จะขอให้มีการเปลี่ยนแปลงทีมงานสอบสวน โดยอ้างมีการรับเงิน เรื่องนี้เป็นเพียง การกุข่าว ทำลาย ความน่าเชื่อถือ เป็นไปไม่ได้ที่จะไปรับเงินเพราะทีมงาน สอบสวนมีนับสิบคน
"หากคดีนี้พยานขาดไปบ้างก็ดำเนินการต่อไปได้ และสำนวนยังขาดพยานหลักฐานบางประการ ก็ต้องพยายามทำให้แน่นหนา และให้เสร็จภายในเดือนนี้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ได้มอบหมายให้นายสำรวย สารัตถ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการมหาเถรสมาคม เดินทางเข้าพบ พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ตามคำสั่ง ของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ ที่ให้ไปสอบถามความคืบหน้าในการพิจารณาหนังสือทัดทาน ของวัดพระธรรม กาย กรณีคฤหัสถ์กล่าวหาพระภิกษุตามกฎนิคหกรรมไม่ได้ และต่อมาเวลา 15.30 น. นายสมศักดิ์ได้เรียกตัวนายสำรวยเข้าพบเพื่อรายงานผล
นายสมศักดิ์เปิดเผยว่า นายสำรวยรายงานว่าพระพรหมโมลีได้แจ้งว่าในวันที่ 11 ส.ค.หลังลงอุโบสถแล้ว จะเชิญพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และพระปริยัติบดี รองเจ้าคณะภาค 1 มาหารือ แต่ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร ดังนั้นจึงต้องรอให้มีการหารือกันก่อนจึงจะทราบได้ว่าเรื่องดังกล่าวคืบหน้าอย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ตนได้เชิญนายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต ในฐานะที่ปรึกษาด้านศาสนา และนายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ มาหารือขั้นตอน การดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งไม่ว่าผลการพิจารณาของเจ้าคณะภาค 1 ในเรื่องนี้จะออกมาอย่างไรตนก็มีแนวทาง ดำเนินการขั้นต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ขอบอกว่าจะทำอย่างไร
ทางด้านพ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า ตามที่พนักงานสอบสวนคดีนายไชยบูลย์ ได้เรียกตัวนายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ศิษย์ใกล้ชิด นายไชยบูลย์ มาให้ปากคำ ในวันที่ 11 ส.ค. นายผ่องไม่ได้มาให้ปากคำ แต่ได้ส่งทนายความนำหนังสือมาขอเลื่อนการให้ปากคำ ไปช่วงปลายเดือนน ี้โดยอ้างว่าติดภารกิจสำคัญ อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนจะทำหนังสือเรียกตัวนายผ่องให้มาให้ปากคำอีกครั้งในวันที่ 17-18 ส.ค. เนื่องจากนายถาวร พรหมถาวร ผู้กว้านซื้อที่ดินแทนนายไชยบูลย์ ได้ให้ปากคำพาดพิงถึง ส่วนจะเรียกตัวนายไชยบูลย์มารับทราบข้อกล่าวหาได้เมื่อใดนั้น ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ซึ่งใกล้จะเสร็จสมบูรณ์เร็วๆนี้
สำหรับกรณีที่พนักงานสอบสวนได้นิมนต์พระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และพระวิษณุ ปัญญาธิโป พระเจ้าหน้าที่ด้านการเงินวัดพระธรรมกาย มาให้ปากคำ ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวณ ชายแดนในวันที่ 11 ส.ค. ปรากฏว่ามีผู้แทนของพระทั้ง 2 รูปส่งหนังสือมาที่กองปราบปรามระบุว่า พระทั้ง 2 รูปไม่ยินดีจะให้ปากคำ ใดๆเกี่ยวกับ วัดพระธรรมกาย ซึ่งถือเป็นหนังสือยืนยัน ไม่ให้ปากคำครั้งที่ 2 แล้ว
วันเดียวกัน นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆาธิการ กรมการศาสนา ได้นำเอกสาร "ลับและด่วนมาก" มาส่งให้พล.ต.ท.วาสนา โดย พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนจึงรับไว้แทน และเปิดเผยว่าเป็นเอกสารที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เป็นคำชี้แจงเรื่องการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน วัดพระธรรมกาย ว่าทางวัดไม่ยอมให้ กรมการศาสนาตรวจสอบโดยอ้างว่าบัญชีไม่ได้อยู่ที่วัด
ที่ศาลแรงงานได้มีคำพิพากษาคดีที่นายศุภรัตน์ สิงห์ทอง พนักงานองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ได้ร้องต่อศาลกรณีถูกคำสั่งหักเงินเดือน 3 เดือน ฐานขัดคำสั่ง ไม่ยอมไปร่วมงาน ปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกายเมื่อปี 2540 ในยุคที่มีนายณรงค์ สุกรี เป็นผู้อำนวยการ ออป.
ทั้งนี้ ศาลได้วินิจฉัยแล้วและได้พิพากษาให้ศุภรัตน์ชนะ เนื่องจากตามกฎหมายรัฐธรรมนูญบุคคลมีสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา คำสั่งของออป.ถือเป็นคำสั่ง ที่ขัดรัฐธรรมนูญ ศาลจึงมีคำสั่งให้ ออป.ชดใช้เงินเดือนที่หักไป 3 เดือนๆละ 5,000 บาท คืนให้แก่นายศุภรัตน์ พร้อมดอกเบี้ยอีก 15% ด้วย
ค่ำวันเดียวกันที่วัดยานนาวา พระพรหมโมลี เรียกพระสุเมธาภรณ์มาประชุมที่วัด โดย พระราชปริยัติ รองเจ้าคณะภาค 1 เดินทางมาถึงก่อนเมื่อเวลา 17.00น. จากนั้นเวลา 18.05 น. พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีและพระปริยัติวโรปการ พระเลขานุการ เดินทางมาพร้อมกัน และใช้ประชุมถึงเวลา 19.30 น. โดยพระสุเมธาภรณ ์กล่าวเพียงว่าอีก 7 วันและเดินทางกลับไป
เมื่อเวลา 12.00 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากสาวกธรรมกายในจังหวัดเชียงใหม่ว่าจะได้มีการจัดงานทำบุญขึ้นในวันที่ 14 ส.ค.42 ขึ้นที่บ้านศึกษาธรรม ถนนห้วยแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยมีการทำใบเชิญจำนวนกว่าหลายหมื่นใบ แจกจ่ายผู้ที่เคยมีรายชื่อในการบริจาคเงินเข้าวัด โดยกิจกรรมในงานเวลา 06.30 น.จะมีการเชิญ พระภิษุจำนวน 180 รูปทำบุญ และรับฟังการบรรยายธรรม เรื่อง "นิพาน" โดยในงานนี้ทางพระอารักษ์ พร้อมลูกศิษท์ จากวัดธรรมกาย ในกรุงเทพ จะเดินทางมา ร่วมงานด้วย นอกจากนั้นนั้นยังมีการขอบอกบุญบรรดาสาวก คนละ 1 ล้านบาท ในการช่วงสร้างพระวิหาร วัดธรรมกายที่กรุงเทพด้วย โดยในช่วงไม่กี่วันนี้ ได้มีสาวก ธรรมกายเที่ยวเดินแจกจ่ายเชิญร่วมงานทำบุญที่จะมีขึ้น โดยจะมีการบอกเล่าเรื่องความปฏิหารของเจ้าอาวาร วัดธรรมกาย ที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อคืนก่อน ให้บรรดาลูกศิษท์ฟัง โดยเรื่องความปฏิหาร นี้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของคืนก่อน ได้มีคนร้ายเข้ามาลอบฆ่าเจ้าอาวาธวัดขณะอยู่ในกุฏิ โดยคนร้ายได้ใช้ เฮลิคอปเตอร์เข้ามาจอดหน้ากุฏิจากนั้นคนร้ายได้ลงมายิงเจ้าอาวาส แต่ทางเจ้าอาวาสสามารถแยกกายได้ 18 กายทำให้คนร้ายไม่สามรถยิงได้ถูก