เดลินิวส์ 11/8/2542
ธรรมกายคับฟ้าอธิบดีหน้าแตกเจอห้ามตรวจ!
ธรรมกาย ใหญ่คับฟ้า อธิบดีศาสนาหน้าแหกพาคณะลุยเข้าวัด ขอบัญชี รับ-จ่ายเพื่อ ตรวจสอบโดนปฏิเสธไม่เหลือใย อ้างให้ไม่ได้เอกสารมีไม่ครบ "สมศักดิ์" จี้ติดสั่ง "พิภพ" รุดพบเจ้าคณะภาค 1 ทวงถามข้อวินิจฉัยตีความหนังสือ ทัดทาน แถมสั่งการขจัดไสยศาสตร์พ้นวงการศาสนา ศรภ.เคลื่อนไหว ตามติดสถานการณเชื่อ 3 เดือนปลาไหล "ไชยบูลย์" หมดฤทธิ์ ชี้กระบวนการสงฆ์อุปถัมภ์ช่วยเหลือพวกเดียวกันเกินเหตุ "พระศรีปริยัติโมลี" วอนพระ สังฆาธิการ ทั่วประเทศอย่ามารับผ้าป่าวัด พระธรรมกาย ระบุค่าตอบแทน 2 หมื่นบาทแสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์
หลังจากที่ พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย นำนายตำรวจ ชั้นผู้ใหญ่ที่ร่วมทำคดีนี้ เข้าพบกับนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิ การ และคณะ ผู้บริหารกรมการศาสนา เพื่อขอความร่วมมือและวางแนวทางในการดำเนินการกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล ผู้นำลัทธิธรรมกายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น
วันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการเปิดเผยว่า ได้มอบให้นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ไปตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ของวัดพระธรรมกาย แต่นายพิภพรายงานว่า ไม่สามารถทำได้เพราะทางวัดอ้างว่าส่งมอบหลักฐานต่าง ๆ ให้ทนายไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงให้ไปศึกษาขอบข่ายอำนาจ ของกรมการศาสนาว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้ได้เพียงใด
นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้นายพิภพไปนมัสการพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ในวันที่ 11 ส.ค. เพื่อสอบถามความคืบหน้า เรื่องการพิจารณาหนังสือทัดทานของนายไชยบูลย์ ที่ว่าคฤหัสถ์ไม่สามารถเป็นโจทก์ฟ้องพระได้ ซึ่งเรื่องนี้พระพรหมโมลีรับปากว่า จะใช้เวลา 2-3 วัน ขณะนี้ 5 วันแล้วก็น่าจะมีคำตอบที่ชัดเจน
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ได้รายงานความคืบหน้าเรื่องวัดพระธรรมกายให้นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีทราบ ซึ่งนายชวนย้ำให้ปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย เพราะเห็นว่าทางวัดพระธรรมกายใช้นักกฎหมายในเรื่องนี้มาก นอกจากนี้ยังได้หารือกับนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งนายบรรหารก็ย้ำว่า ให้เร่งแก้ปัญหาให้เสร็จโดยเร็วเพราะยังมีงานอื่นรออยู่อีกมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีกล่าวในที่ประชุมครม.ว่า อยากให้มหาเถรฯเข้ามา มีบทบาทกำหนดแนวทางการเทศน์ของพระสงฆ์ เพราะปัจจุบันประชาชนมีความรู้มากขึ้น พระน่าจะมีการพัฒนาตนเองและมีการกล่าวถึงเรื่องพุทธพาณิชย์พระให้หวย วัดจัดพิธีทางไสยศาสตร์ที่ไม่เกี่ยวข้อง กับพุทธศาสนา ซึ่งเรื่องนี้เคยย้ำอธิบดีกรมการศาสนาให้ไปดูแลแล้ว แต่ระยะหลังมีการละเลยมาก นายสมศักดิ์ได้รายงานว่าได้สั่งการให้อธิบดีกรมการศาสนา ไปดูว่าระเบียบใดยังไม่ครอบคลุมก็ให้แก้ไขโดยเร็ว
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง "ปฏิเสธผ้าป่าวัดพระธรรมกาย" โดยเนื้อหาระบุว่า ตามที่วัดพระธรรมกายมีโครงการจะจัดพิธีทอดผ้าป่าแก่วัดต่าง ๆ 10,000 วัด ในวันที่ 22 ส.ค. โดยอ้างว่าเพื่อสนับสนุน พระพุทธ ศาสนานั้น ในความเป็นจริงได้มีเงื่อนไขให้วัดที่รับผ้าป่าต้องสนับสนุน วิชชา ธรรมกาย ซึ่งเท่ากับยอมเป็นสาขาของวัดพระ ธรรมกาย แสดงให้เห็นว่ามีจุดมุ่งหมายขยายเครือ ข่าย หาแนวร่วมปกป้องตนเองจากการลงนิคห กรรมและการดำเนินคดีอาญา ที่สำคัญเป็น การส่งเสริมให้วัดทั่วประเทศปฏิบัติตามลัทธิความเชื่อนอกพระธรรมวินัย เป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนา
ดังนั้นในเบื้องต้นวัดต่าง ๆ จำนวน 82 วัด จาก 10 จังหวัด จึงขอปฏิเสธที่จะรับผ้าป่าของ วัดพระธรรมกาย พร้อม กันนี้ขอเรียกร้องให้วัดทั่วประเทศพร้อมใจกันปฏิเสธผ้าป่าของวัดพระธรรมกาย เพื่อปกป้องพระธรรมวินัย และเพื่อแสดงว่าพระสงฆ์ไทยไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของวัด พระธรรมกายเพราะเห็นแก่อามิส
พระศรีปริยัติโมลี รองอธิการบดี มหา วิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเปิดเผยว่า มีแนวความคิดสอดคล้องกับคณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา เพราะพิจารณารอบคอบแล้ว เห็นว่าการทอดผ้าป่าของวัดพระธรรมกายครั้งนี้มีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ใช้ปัจจัยเงินทองล่อใจ ให้พระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาสเดินทางมาที่วัดพระ ธรรมกาย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือ ในการแสดงพลังว่ามีพระจากทั่วประเทศให้การสนับสนุน
"อาตมาประสงค์ให้พระสังฆาธิการทั้ง หลายพิจารณาให้รอบคอบระหว่างเงินทองที่ทางวัดถวายให้ กับการตกเป็นเครื่องมือ ให้กับวัดพระธรรมกายที่กำลังมีปัญหาอยู่ ขณะนี้มีวัดปฏิเสธรับผ้าป่าจากวัดพระธรรมกายแล้ว 82 วัด และคาดว่าจะมีวัด ทยอยปฏิเสธรับเงินทอดผ้าป่าของวัดพระธรรมกายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ"
ต่อมาเวลา 13.30 น. นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา พร้อมด้วยนายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการและคณะ ได้เดินทางไปที่วัดพระธรรมกายเข้าพบนายไชยบูลย์ เพื่อขอบัญชีรายรับ-รายจ่ายไปตรวจสอบทรัพย์สินของ วัด ตามที่พนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายได้ขอความร่วมมือมา เมื่อไปถึงนายพิภพได้พบพระสมชาย ฐานวุฒโฑ ผอ.ฝ่ายเผยแผ่วัดพระ ธรรมกายทราบที่ออกมาต้อนรับ จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น.พระภาวนาวิริยะคุณ (พระเผด็จ ทัตตชีโว) จึงออกมาพบ
นายพิภพกล่าวภายหลังการพบกับพระทัตตชีโวว่า ได้มีการนัดหมายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เมื่อมาถึงก็กลับ ไม่ได้พบกับนายไชยบูลย์พบแต่ พระทัตตชีโว เมื่อขอเอกสารบัญชีรายรับ -รายจ่ายที่แจ้งไว้ล่วงหน้า ก็ถูกบ่ายเบี่ยง อ้างว่าเอกสารทั้งหมดได้มอบให้ทนายความของวัดไปหมดแล้ว ที่มาขอเอกสาร ครั้งนี้ก็เพื่อนำข้อมูล ไปประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่ขอมา เมื่อไม่ได้ก็ได้แจ้งให้แก่ รมว.ศึกษาฯทราบแล้ว ไม่อยากพูดเลยว่าวัดพระธรรมกายไม่ให้ความร่วมมือ
ส่วนกรณีการเข้านมัสการพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 นั้น ทราบว่าในเรื่องของการวินิจ ฉัยตีความ หนังสือทัดทาน การใช้กฎนิคหกรรมจะส่งกลับไปยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งก็ไม่น่าจะเกินวันที่ 11 ส.ค. นี้ ถ้าเป็นไปตามนั้นก็คงประสานกับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี อีกครั้งเพื่อออกหมายเรียกให้นายไชยบูลย์ และพระทัตตชีโวมารับข้อกล่าวหาในวันที่ 19-20 ส.ค. โดยจะมีการติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
วันเดียวกันมีรายงานข่าวจากศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ว่า ศรภ.ได้ติด ตามและวิเคราะห์ สถานการณ์ ปัญหาของวัดพระ ธรรมกายอย่างใกล้ชิด นายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคนเห็นว่า กรณีปัญหาวัดพระธรรมกาย จะยุติได้ภายใน 3 เดือนโดยกระบวนการศาลทางโลก ทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการทางสงฆ์มีการช่วยเหลือและอุปถัมภ์กันอยู่ ทำให้การทำงานของฝ่ายปกครองถูกบิดเบือนยืดเยื้อ ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย แม้ว่า ทั้งรัฐมนตรีว่าการฯและรัฐมนตร ีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะเป็นคนจริงจังกับเรื่องนี้มากก็ตาม
พระปริยัติวโรปการ เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต และพระเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีกล่าวว่า เจ้าคณะภาค 1 ไม่ได้รับปากว่าจะพิจารณาหนังสือทัดทานเสร็จเมื่อใด เพียงแต่บอกว่ามหาเถรฯต้องการให้พิจารณาโดยเร็วเท่านั้น เรื่องนี้ออกมาอย่างไรทางคณะผู้ปกครองสงฆ์จะได้ดำเนินการต่อไป หากชี้ว่าฆราวาสฟ้อง พระสงฆ์ไม่ได้จะได้ยุติ กระบวนการตามกฎนิคหกรรมนี้ทันที ขณะนี้ไม่มีใครทราบว่าพระพรหมโมลีจะพิจารณาอย่างไร แต่ทางจังหวัด ถือว่าได้ดำเนินการ ดีที่สุดแล้ว รอเพียงเจ้าคณะภาค 1 เท่านั้น
พระปริยัติวโรปการกล่าวว่า เรื่องนี้ความจริงนั้นได้ชี้ข้อบกพร่องไว้หลายเดือนแล้ว แต่ไม่มีใครที่เกี่ยวข้องรีบเร่งออกมาแก้ไข ปล่อยให้เรื่องเลยมาจนถึงปัจจุบัน วัดพระธรรมกายก็มีนักกฎหมายมากมายเข้ามาช่วยเหลือคงเห็นช่องว่างตรงนี้ ส่วนที่มีการ ระบุว่าจะมีการ เรียกนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวมารับข้อกล่าวหาในวันที่ 14 ส.ค. แต่ทางเจ้าคณะภาค 1 สั่งระงับ ไว้นั้น ยืนยันได้ว่ายังไม่ได้มีการกำหนดวันเวลาไว้ หากจะเรียกมาวันเวลาที่เหมาะสมก็เป็นช่วงหลังวันที่ 18 ส.ค.ไปแล้ว
ด้าน พล.ต.ท.วาสนาเปิดเผยว่า ได้ขอความ ร่วมมือจากกรมการศาสนาเพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน ของวัดพระธรรมกาย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลวัดดำเนินการกันเอง และเพื่อความบริสุทธิ์ของวัดพระธรรมกาย ในการแก้ข้อกล่าวหาของกรมการศาสนาที่แจ้งความ ยักยอกทรัพย์ไว้ด้วย แต่เมื่อไม่ให้ทางพนักงานสอบสวน ก็ยังมีวิธีที่จะดำเนินการ แต่วิธีดังกล่าวไม่เป็นผลดีต่อวัด ส่วนใหญ่คดียักยอกทรัพย์คนอื่นไปนั้น ถ้าทำจริงก็คงไม่มีอะไรมาแสดงกับทางเจ้าหน้าที่
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในการสอบปากคำนายถาวร พรหมถาวร คนสนิทนายไชยบูลย์เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนใช้เวลานานกว่า 12 ชั่วโมง เนื่องจากนายถาวรพยายามปฏิเสธไม่ให้ข้อเท็จจริง อ้างว่าไม่สบายรวมทั้งใช้เวลาในการอ่านคำให้การนานมาก อย่างไรก็ตามคำให้การ ของนายถาวรนี้ ตรงกันข้ามกับคำให้การของชาวบ้านเขาพนมพา โดยเฉพาะวิธีการซื้อขายและแลกเปลี่ยนที่ดิน แต่นายถาวรก็ยอมรับ ว่ารู้จักกับนายสมบูรณ์ ใจซื่อ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 จริง อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 11 ส.ค.นี้จะนิมนต์พระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและพระวิษณุ ปัญญาทีโป ผู้ถือบัญชีของวัดมาให้ปากคำด้วย