เดลินิวส์ 10/8/2542
ตร.จับมือกรมศาสนาถอดจีวร'ไชยบูลย์'
3 ตำรวจใหญ่หารือลับ"สมศักดิ์"ระดมสมองรุกขยี้ปลาไหล"ไชยบูลย์" เผยที่ผ่านมาเกิดความล่าช้า เพราะไม่ ประสานงานให้ดี ยืนยัน ข้อกล่าวหากรมการศาสนาที่มีต่อพระปลอม 3 ข้อหาหลักฐาน ครบ แล้ว รออีกนิด พิชิตได้แน่ เจ้าคณะปทุมฯสวดยับสงฆ์เจ้าปัญหา ทำตัวให้บ้านเมืองวุ่นวาย เหน็บเจ้า คณะ ภาค 1 ตีความหนังสือทัดทานกฎนิคหกรรมล่าช้า กมธ.ศาสนาประชุมพุธนี้ เชิญ"เสธ. หนั่น" ชี้แจง กรณีรับ หนังสือร้องเรียน บริจาคเงินซื้อที่ให้เจ้าลัทธิธรรมกาย "แสป"ขวางร่างกม.สงฆ์ทั้ง 2 ฉบับ ระบุไม่เคยเห็น ฆราวาสปกครองสงฆ์
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน คดีวัดพระธรรมกาย เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า คณะทำงานได้ตรวจสอบคำให้การทั้งหมด โดยเฉพาะ คำให้การจากพยาน ที่เป็นชาวบ้าน เขาพนมพาและผู้เกี่ยวข้องที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งปรากฎว่ายังต้องมีกา รสอบปากคำ พยานอีกเป็นจำนวนมาก และอาจจะมีการ เรียกพยานมาสอบเพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตามเชื่อว่า จะได้ข้อสรุปบ้างแต่คงไม่หมดทุกกรณี เพราะต่างกรรมต่างวาระ ในขณะนี้สามารถสรุปได้ประเด็น ตามข้อกล่าวหาของกรมการศาสนาทั้ง 3 ข้อหา เพียงแต่ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมเล็กน้อย
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ไม่มีสิทธิ ออกหมายเรียกหรือหมายอาญาได้นั้น พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่า คงต้องฝากไปถึงผู้เขียนว่า ให้กลับไปอ่านกฎหมายให้ละเอียดก่อนดีกว่า ไม่ได้ท้าทายแต่เกรงว่า เมื่อประชาชนอ่านแล้วจะสับสนว่า เมื่อมีการจัดตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ตำรวจไม่มีอำนาจ ในการสืบสวนสอบสวน หรือจะเรียกใค มาสอบปากคำอย่างไร ขอยืนยันว่าหาก ออกหมายเรียก พยานมาให้ ปากคำครบ 3 ครั้งแล้วไม่มา พนักงานสอบสวนก็มีมาตรการไว้แล้วถึงเวลาก็จะรู้กันเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.วาสนา พร้อมด้วยคณะสอบสวนประกอบด้วย พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัติ ผช.ผบช.สง.ตร. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก. 1 ป. ได้เดินทางเข้าพบนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการที่กระทรวงศึกษาฯ โดยมีนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หังหน้าฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนาเข้าร่วมหารือด้วย ใช้เวลาการหารือกว่า 1 ชั่วโมง โดยที่พล.ต.ท.วาสนา ไม่ยอมให้สัมภาษณ์การหารือครั้งนี้ บอกเพียงว่ามาขอข้อมูลที่กรมการศาสนารวบรวมไว้ทั้งหมด ซึ่งทางกรมการศาสนาก็ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่
ส่วนนายสมศักดิ์กล่าวว่า ได้เชิญพนักงานสอบสวนมาหารือเนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมาการประสานงาน ระหว่างพนักงาน สอบสวน กับกรมการศาสนา ยังไม่ดีพอ ทำให้การดำเนินงานมีปัญหาล่าช้า จึงให้ทั้ง สองฝ่ายมาพูดคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต และพูดถึงงานในความ รับผิดชอบของแต่ละฝ่าย จะส่งข้อมูล ให้กันอย่างไร ส่วนไหนจำเป็นต้องควบคู่กันไป งานจะได้สำเร็จโดยเร็วและสามารถตอบคำถามสังคมได้
"ผมเชื่อว่าทั้ง 2 ฝ่ายประสานและทำงานร่วมกันได้ งานดำเนินงานจะรวดเร็วขึ้นแน่นอน อย่างไรก็ตามผมจะนำ เรื่องนี้ไปหารือ ในที่ประชุมครม.ของพรรคชาติไทย เพื่อให้ช่วย คิดหาแนวทางดำเนินการให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว ที่สุด สำหรับการนัดหมาย นายไชยบูลย์ไปรับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งนั้น ทางกรมการศาสนา จะประสานงานกับทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี คาดว่าจะมีการออกหนังสือให้มาอีกครั้ง 19-20 ส.ค.นี้ แต่จะช้าไปหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชนตัดสิน"
นายสมศักดิ์กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับกรณีที่นายไชยบูลย์ไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งความจริงนั้น คาดคิดไว้ก่อนแล้วแต่ในใจก็อยากจะให้มา สังคมต้องมีกติกาไม่ว่าจะเป็นสังคมสงฆ์หรือสังคมทั่วไป หากใครไม่เคารพกติกาก็จะทำให้สังคมไม่เป็นปกติสุขแน่นอน อย่างไรก็ตามเคยย้ำเสมอว่า ไม่ใช่ผู้พิพากษา ที่จะเอาถูกเอาผิดกับนายไชยบูลย์ แต่สิ่งที่อยากเห็นก็คือการทำความจริงให้ปรากฎว่าเป็นอย่างไร ไม่อยากให้เกิดความสับสนในสังคม เรื่องศาสนาเป็นเรื่องที่อันตราย จึงไม่อยากเห็นจุดนี้
รมว.ศึกษาฯ กล่าวถึงกรณีการขึ้นป้ายคัดเอาท์ต่อต้านและคัดค้านร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธ ศาสนาว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงศึกษาฯ แต่เกิดจากการสัมนาระดมความคิดเห็นของคณะกรรมาธิ การศาสนาฯ ที่เห็นว่าถึงเวลาแล้วต้องมีการปรับเปลี่ยนพ.ร.บ.ที่เกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์ให้ทันกับโลกสมัย ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ ส่วนเรื่องของการคัดค้านก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของประชา ชนว่าจะเลือกทางไหน ทั้งหมดนี้สามารถทำประชาพิจารณ์เพื่อขอความเห็นจากประชาชนได้อีกครั้ง
นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกิจสังคมกล่าวว่า พรรคกิจสังคมคัดค้านร่างพ.ร.บ.สงฆ์ใหม่ทั้ง 2 ฉบับของกระทรวงศึกษาฯ เพราะร่างกฎหมาย ดังกล่าวจะทำให้อำนาจฆราวาสปกครองคณะสงฆ์ โดยการอนุญาตให้คณะกรรมการที่มาจากการแต่งตั้งจากฝ่ายการเมือง ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ที่มิใช่พระสงฆ์มาบริหารและปกครองพระสงฆ์ รวมทั้งเข้ามาจัดการทรัพย์สิน ที่ได้มาจากการ บริจาคเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาและใช้ในศาสนกิจ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเกิดทุจริตขึ้นได้ง่าย
"ธรรมดาคนเราถือแค่ศีล 5 ไปปกครองพระสงฆ์ที่ถือศีล 227 ข้อคงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ศีล 5 ก็ยังถือกันไม่ครบ หากมีเจตนาที่จะอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ควรปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายนี้ใหม่ให้สอดคล้อง กับหลักการ แห่งพุทธศาสนาไม่ใช่เอาปัญหาของผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ของ คณะสงฆ์เพียงคนเดียว จากวัดพระธรรมกายมาเป็นเหตุให้ต้องยกร่างกฎหมายใหม่ที่เปลี่ยนแปลง หลักการใหม่หมด พรรคกิจสังคม จะค้านเรื่องนี้ถึงที่สุด โดยเตรียมที่จะจัดสัมมนาระดมความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวใน ปลายเดือนนี้"
ด้านนายอำนวย สุวรรณคีรี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานที่รึกษาคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมเปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ส.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการศาสนาฯโดยจะมีการ หารือในประเด็นเดียวคือประเด็นวัดพระธรรมกาย เพื่อตรวจสอบ ความคืบหน้าในการแก้ปัญหานี้ในแง่มุมต่างๆ และการใช้กฎหมายฟอกเงินกับกรณีวัดพระธรรมกาย รวมทั้งเรื่อง ที่มีการยื่นหนังสือ ถึงพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยว่า ได้ถวายเงินซื้อที่ดินให้นายไชยบูลย์ โดยผ่านทางนายถาวร พรหมถาวรเป็นผู้ถวายให้ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ อ.ท่าข้าม เขาบ่อทองหรือเขาร่อนทางด้วย
"ในวันนั้นจะมีการเชิญพล.ต.สนั่น พล.ต.ท.วาสนา นายสมศักดิ์ นายพิภพ และนายวิชัย ตันศิริ รมช. ศึกษาฯและ รวมทั้งผบก.สศก. อธิบดีกรมสรรพากรและอธิบดีกรมที่ดินมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ เพื่อจะได้เร่งรัดการดำเนินการต่อไป"
นายอำนวยกล่าวถึงเรื่องการพิจารณาหนังสือทัดทานการใช้กฎนิคหกรรมว่า มหาเถรฯเป็นผู้ออกกฎตัวนี้จะต้องรีบดำเนินการ พิจารณา ตีความโดยด่วน เพื่อความกระจ่างชัด ฟ้องได้ไม่ได้ขอให้บอกมาอย่าทำอึมครึมอยู่เช่นนี้ ถ้าฟ้องได้ก็บอกว่าได้จะได้ดำเนินการต่อ ถ้าไม่ได้ จะได้หาหนทางแก้ไขกันต่อไป งานที่ช่วยกันอยู่เวลานี้จะได้ไม่ชะงัก โดยส่วนตัวเห็นว่าในสมัยพุทธกาลเวลา ที่พระสงฆ์ทำผิดฆราวาสก็จะไปฟ้องได้ ในฐานะที่ฆราวาสเป็นพุทธบริษัท 4 ไม่ใช่แค่ให้สงฆ์จัดการกันเอง
ต่อข้อถาม ที่ว่านายไชยบูลย์มีอำนาจเหนือมหาเถรฯนั้น นายอำนวยกล่าวว่า เรื่องนี้มีคนตั้งข้อสังเกตกันมาก หน่วย งาน ที่เกี่ยวข้องและรมว.ศึกษาฯจะต้องส่งเรื่องให้มหาเถรฯพิจารณาว่า ได้ให้อภิสิทธิ์แก่นายไชยบูลย์จริงหรือไม่
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการนั้น ได้มีการเสนอ ให้ที่ประชุมวิเคราะห์กรณีวัดพระธรรมกายกว้านซื้อที่ดินที่บริเวณเขาพนมพา ซึ่งเป็นแหล่งแร่ทองคำว่ามีความต้องการทำเหมืองแร่ทองคำด้วยหรือไม่
ในวันเดียวกันที่วัดมูลจินดาราม พระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสและเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องรอคำสั่งจากพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เพียงอย่างเดียว เนื่องจากมติของมหาเถรฯได้สั่งการให้เจ้าคณะภาค 1 ดำเนินการพิจารณาตีความในเรื่องนี้ หลังจากที่นายไชยบูลย์ไม่ยอมมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งต่อมาพระพรหมโมลีได้เรียกพระปริยัติวโรปการ พระเลขานุการ เข้าพบและมีคำสั่งให้รอไว้ก่อน ซึ่งตอนนี้ก็ต้องรอ อีก 2-3 วันจะทำหนังสือ แจ้งให้ทราบว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร ตอนนี้ไม่แน่ใจ ว่าพระพรหมโมลีจะเรียกให้ไปที่วัดยานนาวา หรืออาจจะให้ไปที่มหาเถรฯ ส่วนเหตุที่นายไชยบูลย์ไม่ยอมมาเมื่อวันที่ 6 ส.ค.นั้นคงเป็นเพราะกระแสข่าวที่ว่าตำรวจจะจับก็เป็นได้
"ถ้าหากวันนั้นนายไชยบูลย์มารับข้อกล่าวหาห็ถือว่าหมดหน้าที่อาตมา ไม่ต้องมานั่งกลัวนั่งรอว่าจะมีหนังสือให้ดำเนินการอย่างไร หนังสือจากพระพรหมโมลีจะมาเมื่อไร วุ่นวายไปหมดไม่เคยเห็นพระรูปอื่นเข้าทำอย่างนี้ เมื่อมีหนังสือเรียกก็ต้องมา และก็ไม่ต้องมาจัดการต้อนรับให้เสียงบแผ่นดิน เสียหายไปหมด โรงเรียนก็ต้องหยุดเรียน แม้แต่เจ้าคณะตำบลถูกเรียกมา รับทราบข้อกล่าวหา ก็ไม่เห็นต้องให้ตำรวจมาดูแลคุ้มกัน ถ้าไม่ได้กระทำความผิดก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร นายไชยบูลย์ทำเช่นนี้จะไม่เป็นผลดีเลย พยายามใช้กฎ บางอย่างถูกไปวันๆ อาจจะมีพรรคพวกจบทางกฎหมายมากมายจึงพยายามหาข้ออ้างมาตลอด"