เดลินิวส์ 9/8/2542
ปิดสิ้นเดือนนี้คดี'ธรรมกาย'
บรรหาร"เรียก"เสี่ยตือ-สมศักดิ์"ปริศนานันทกุล"หารือด่วน ขจัดภัยศาสนาวางมาตรการเช็กบิลปลาไหล "ไชยบูลย์" เผยที่ผ่านมาหลักฐานน่าเชื่อถือ เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ ฮึดสู้หลังโดนสังคมกระหน่ำไร้น้ำยา ยืนยันเรียกปลาไหลกับ "ทัตตชีโว" รับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง ไม่มาถือว่าขัดคำสั่งเจ้าคณะปกครอง ชี้เรื่องพระพรหมโมลีตีความกับ รับทราบข้อกล่าวหาคนละเรื่อง เหน็บทองแท้ใยต้องกลัวไฟ หัวหน้าชุดสอบสวนเรียกประชุมสรุปคดีพิจารณา หลักฐานที่มีอยู่ มั่นใจปิดแฟ้มคดีได้เดือนนี้ สาวกลัทธิธรรม กายห้าวขึ้นบัญชีดำสื่อมวลชน
ภายหลังจากนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และพระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ยอมเข้าพบพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่วัดมูลจินดาราม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม ในวันที่ 6 ส.ค. ตามกำหนดนัด และมหาเถรสมาคมมีมติให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ไปพิจารณาหนังสือทัดทานการใช้กฎมหาเถรฯ ฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรมไม่ชอบธรรม เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา นายไชยบูลย์ยังคงออกมากล่าวเชิญชวน ผู้ที่ไปร่วม กิจกรรม ที่วัดพระธรรมกายประมาณ 2,000 กว่าคน ให้ร่วมกันเป็นประธานรอง ประธานกอง สร้างมหาธรรมกาย เจดีย์ให้สำเร็จ โดยระบุว่าไม่ว่าอุปสรรคจะมากน้อยแค่ไหนก็อย่าหวั่นไหว ตั้งใจทำสิ่งที่ดีให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ในแต่ละวันขอให้ทุกคนสวดมนต์ ทำสมาธิภาวนาฟังธรรม แล้วใจจะสบายเห็นองค์พระอยู่ภายในกายตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม
"หากจะติดตามข่าวคราวในทางโลกให้เอาเทปอัดข่าวไว้ อัดข่าวที่เป็นประโยชน์ ข่าวที่ไม่เป็นประโยชน์ ข่าวที่มีคนให้รางวัล หลวงพ่อในฐานะ มีความปรารถนาดีต่อโลก อยากจะสร้างสันติสุขให้เกิดก็ให้รางวัลโดยให้ข้อกล่าวหารายวัน อย่างนี้ก็ไม่ ต้องไปฟังหรือไปอัดมา เอาแต่ข่าวที่ทำให้เป็นคนทันโลก"
พระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกล่าวถึงกรณีที่นายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวไม่ยอมเข้ารับทราบ ข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมว่า เรื่องนี้มีขั้นตอนและมีกระบวนการรองรับอยู่แล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความเป็นธรรม ส่วนจะต้องรอให้มหาเถรสมาคมตีความหรือไม่เรื่องทั้งหมดนี้คงไม่ต้องเป็นกังวล เพราะเราได้ทำหนังสือทัดทานกฎนิคหกรรมเสนอเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีไปอย่างเป็นทางการ เมื่อมีหนังสือตอบกลับมาแบบ เป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อไหร่คงจะดำเนินการตามขั้นตอนที่วางไว้ได้ ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค. เจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายได้นำเอกสารที่จัดทำในลักษณะ ของหนังสือพิมพ์ เฉพาะกิจฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ 8 ส.ค. มาแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชนที่ไปทำข่าว เนื้อหาในเอกสาร ดังกล่าวสรุปสาระ ได้ว่าเป็นการตอบโต้และปกป้องนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโว กรณีที่ถูกกล่าวหา ให้มีการฟ้องร้องตามกฎ นิคหกรรม เขียนโดยผู้ที่ใช้ชื่อว่า ดร.เบญจ์ บาระกุล เช่น ฆราวาสไม่มีสิทธิ์ฟ้องพระ จะไปรับคำฟ้องทำไม, อุดมธรรม-นิพพาน กับขบวนการล้มพุทธ, ร่างกฎหมายใหม่ทำลายคณะสงฆ์ไทย จีน ญวน, หน่วยเฉพาะกิจพิชิตพระธัมมชโย
โดยก่อนหน้านี้วัดพระธรรมกายก็แจกจ่ายหนังสือแบบเดียวกันนี้ทุกสัปดาห์ แต่ละฉบับที่แจกญาติโยมนั้นมีเนื้อหาโจมตีบุคคล องค์กรหรือหน่วยงานที่เคลื่อนไหวในทางตรงข้ามกับวัดพระธรรมกายแทบทั้งสิ้น ทั้งยังมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. ... และร่าง พ.ร.บ.การอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .... ด้วยว่าเป็นการล้มล้างอำนาจสมเด็จพระสังฆราช และปิดกั้นสงฆ์จีนและเวียดนามด้วย นอกจากการออกหนังสือเฉพาะกิจแล้ว ปรากฏว่ามูลนิธิธรรมกายได้ขึ้นคัตเอาต์ใหญ่ ริม ทางด่วน ที่วิ่งมาจากท่าเรือไปดินแดง คัตเอาต์นี้มีข้อความระบุว่า "อันตรายต่อศาสนาพุทธมาถึงแล้ว" ร่าง พ.ร.บ.สงฆ์ฉบับใหม่ ให้ฆราวาสปกครองสงฆ์ได้ โดยลงชื่อว่า ชมรมพุทธสากลแห่งประเทศไทย ซึ่งจากการสอบถามพบว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้ มีการเช่าแต่อย่างใด
ในวันเดียวกันที่บ้านพักจรัญสนิทวงศ์ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยเปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 9 ส.ค. จะหารือกับนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการดำเนินการ กรณีนายไชยบูลย์และวัดพระธรรมกายว่า จะดำเนินการอย่างไรได้บ้างเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และเพื่อยุติปัญหานี้โดยเร็ว เพราะจากที่ดูหลักฐานต่าง ๆ และความเป็นมาแล้วมีหลายอย่างที่น่าเชื่อถือได้
ส่วนที่วัดมูลจินดาราม พระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสฯ และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีกล่าวถึงกรณีที่นายไชยบูลย์ไม่ยอม มารับทราบข้อกล่าวหา และมหาเถรฯ มีมติมอบให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เป็นผู้พิจารณาหนังสือ ทัดทานการใช้กฎนิคหกรรมว่า ประเด็นของหนังสือที่ทางนายไชยบูลย์มอบให้พระ 4 รูป มาทัดทาน ว่าฆราวาสไม่สามารถเป็นโจทก์ฟ้องร้องได้นั้น ต้องรอให้พระพรหมโมลีชี้ขาดก่อน หากฆราวาสได้พบเห็น การกระทำผิดของสงฆ์หรือสงฆ์รูปใดทำให้ศาสนาเสื่อม ในฐานะที่เป็นชาวพุทธทำไมจะฟ้องร้องไม่ได้ เพราะถือว่าฆราวาสนั้นก็เป็นผู้เสียหาย ถ้าฆราวาสฟ้องไม่ได้ใครจะเป็นผู้ฟ้องร้อง
พระสุเมธาภรณ์ กล่าวว่า การที่นายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวไม่ยอมเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหานั้น ก็ถือว่าเป็นการขัดคำสั่งเจ้าคณะปกครองอยู่แล้ว และเป็นผลเสียต่อตนเองมากกว่า ทางที่ดีควรจะมารับฟังข้อกล่าวหาจะรับจะปฏิเสธก็ว่ามา อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้พระปริยัติวโรปการ พระเลขานุการเดินทางไปรายงานต่อเจ้าคณะภาค 1 ให้ทราบแล้ว ส่วนการเรียกตัวทั้ง 2 ให้มารับทราบข้อกล่าวหาครั้งใหม่นั้นคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในราวสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ จะให้เร็วที่สุดขณะนี้ต้องรอดูการพิจารณาชี้ขาดของพระพรหมโมลีก่อนว่าจะชี้ขาดอย่างไร แต่ต้องเข้าใจว่าการตีความของพระพรหมโมลีกับการเรียกตัวมารับข้อกล่าวหาเป็นคนละเรื่องกัน
"ถ้าเรียกไปใหม่แล้วยังไม่มารับทราบข้อมูลอีกก็จะถือว่าขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ต้องหาเหตุผลที่เหมาะสมมาอ้างให้ได้ ว่าทำไมจึงไม่มา แต่จะอ้างว่ารอให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 พิจารณาชี้ขาดก่อนไม่ได้ เพราะมันคนละเรื่องกัน จะมาอ้างอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด ถ้าตัวเองไม่ผิดก็ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไร ถ้ายังทำอย่างนี้อีกก็อาจจะสั่งปลดออกจากตำแหน่ง แต่อาตมาไม่อยากทำ เดี๋ยวจะหาว่าโหด ก็ให้โอกาสเขาอีกครั้ง"
ต่อกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการปฏิบัติของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีอ่อนแอเกินไป ทั้งที่การกระทำ ของนายไชยบูลย์เหมือนกับการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชานั้น พระสุเมธาภรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อ วันรพีได้พูดคุยกับบรรดาผู้พิพากษาที่มาร่วมงานว่า หากพบกรณีที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับกรณี นายไชยบูลย์ที่เรียกมา รับข้อกล่าวหาแล้วไม่มาจะทำอย่างไร ซึ่งก็ได้รับคำตอบจากบรรดาผู้พิพากษาว่า จะออกหมายจับทันที แต่อาตมา ต้องดำเนินการด้วยความนุ่มนวลไม่ควรใช้ไม้แข็ง อาตมาเคยเขียนกลอนติดไว้ว่า ถึงคราวอ่อนต้องอ่อนโยนมีคนถาม จะอ่อนตามต้องอย่างไหมใช้มัดสิงห์ ถึงคราวแข็งต้องแข็งคมสมควรยิ่ง ต้องแกร่งจริงอย่างวิเชียรใช่เจียรนิล
พระสุเมธาภรณ์กล่าวถึงการปลดนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวออกจากตำแหน่งว่า โดยกฎหมายมีอำนาจในการสั่งการอยู่แล้ว แต่เมื่อสั่งปลดไปแล้วก็ต้องมีพระรูปอื่นขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งแทน ตามหลักก็ต้องให้พระที่มีอันดับรองลงมา ดังนั้นถ้าสั่งปลดรองเจ้าอาวาสฯ ด้วยก็จะต้องให้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ ขึ้นมาแทน เพราะวัดจะขาดผู้นำผู้ดูแลไม่ได้ และเมื่อสั่งปลดไปแล้วเรื่องก็ยังไม่จบอยู่ดี เพราะคนที่ขึ้นมาแทนก็ยังเป็นพระในวัดพระธรรมกายอยู่ดี
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก. 1 ป. ซึ่งเป็น 1 ในทีมสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายและเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาจากทางฝ่ายตรงข้าม ว่าเรียกรับผลประโยชน์จากทางวัดเปิดเผยว่า ในวันจันทร์เวลา 13.00 น. พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย จะเชิญหัวหน้าชุดสอบสวนแต่ละชุดอาทิ พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัต ผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผกก. 3 ป. พ.ต.ท.ระพีพงษ์ สุพรศรี รอง ผกก. 3 ป. ฯลฯ เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับคดี โดยพิจารณาจากข้อมูลหลักฐานที่รวบรวมได้ในขณะนี้ รวมกับข้อมูลที่ได้รับจากการตรวจสอบ พื้นที่ที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งคาดว่าภายในเดือนนี้จะสามารถสรุปคดีทั้งหมดได้
มีรายงานแจ้งด้วยว่า ขณะนี้กลุ่มศิษย์วัดพระธรรมกายและสาวกที่สนิทกับนายไชยบูลย์ได้มีการขึ้นบัญชีดำสื่อมวลชน ที่เข้ามาทำข่าววัดพระธรรมกายไว้ ทั้งนี้ได้รวบรวมจากวิดีโอเทปที่เจ้าหน้าที่ของวัดพระธรรมกายได้ถ่ายเก็บไว้ อาทิ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ หนังสือพิมพ์มติชน หนังสือพิมพ์ข่าวสด ผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เป็นต้น โดยมีการระบุชื่อไว้อย่างเรียบร้อยทั้งหมด.