เดลินิวส์ 7/8/2542
เบี้ยวไม่มาตามนัดไชยบูลย์ถ่วงซื้อเวลา
มหาเถรฯหันหลังให้ชาวพุทธ กลัวตกรถไฟกระโดดเกาะยุทธการซื้อเวลา ไม่ยอมชี้ขาด กฎนิคหกรรม ชาวบ้านฟ้องได้ โยนให้พระพรหมโมลี ไปตัดสินใจแถมไม่กำหนดเวลา กระทรวงศึก ษาฯออกโรงจี้ เจ้าคณะภาค 1 ตัดสิน ระบุไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เคยมีชาวบ้านฟ้อง เป็นตัวอย่างแล้วถึง 2 กรณี "ไชยบูลย์" ตีปีกเหมือนรู้ล่วงหน้าไม่ยอมมารับข้อกล่าวหา อ้างกฎ ที่วางไว้ไม่เปิดช่องให้ดำเนินการ เจ้าคณะปทุมฯ ลั่นคำจะเรียกตัวมาอีก "พล.ต.ท.วาสนา"ยอมรับมีคนวิ่งเต้นคดีให้อ่อนลง ตอกกลับผิด ก็ว่าไปตามผิด ส่วนเรื่องถูกฟ้องไม่หวั่นไหว เดินหน้าหาหลักฐานรูดเมือกปลาไหล"ไชยบูลย์"เต็มที่
ที่วัดมูลจินดาราม ปทุมธานี เมื่อเวลา 6.00 น. วันที่ 6 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย พร้อมด้วยพระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายจะต้องเดินทาง มารับทราบข้อกล่าวหา 3 ข้อหาคือบิดเบือนคำสอน อวถอุตริมนุสสธรรม และฉ้อโกงจากพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่พิจารณาประทับรับฟ้องคำร้องของนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา และนายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ
บรรยากาศโดยทั่วไปของวัดเป็นไปด้วยความคึกคัก กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยต่างๆจำนวนกว่า 350 นายพร้อมอาวุธครบมือ นำโดยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อาทิ พล.ต.ต.อชิระ สมแก้ว ผบก.ภ.ปทุมธานี พ.ต.อ.ทวีพันธ์ แสงประเสริฐ ผกก.สภ.อ.ธัญบุรี พ.ต.ท.ณัติพล ศุกระศร รองผกก.สส.สภ.อ.ธัญบุรี เข้ามาประจำการ ในพื้นที่เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีการวางแผงเหล็กกั้นรอบวัดกว่า 300 แผง เพื่อปิดกั้นไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในบริเวณอาคารโรงเรียนพระปริยัติ
สำหรับผู้ที่จะผ่านเข้าออกนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจบัตรอนุญาตอย่างเข้มงวด ผู้ที่ไม่ติดบัตร หรือไม่มีบัตรอนุญาตจะถูกกันออกไปด้านหนึ่ง บริเวณลานจอดรถนั้นมีรถถ่ายทอดสด ของสถานีโทรทัศน์แทบทุกช่องมาจอดเพื่อเตรียมรายงานข่าว มีการนำรถสุขาเข้ามาในบริเวณวัด รวมไปถึง รถพยาบาลด้วย ในช่วงเวลาเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสุนัขจาก สายตรวจ 191 ได้นำสุนัขตำรวจจำนวน 10 ตัวเข้ามาตรวจสอบ วัตถุระเบิด
กระทั่งเวลา 8.00 น. พล.ต.ต.อชิระ ได้เรียกประชุมนายตำรวจระดับสัญญาบัตรทั้งหมดเพื่อซักซ้อมแผน การรักษาความปลอดภัย จากนั้นในเวลา 9.30 น. พล.ต.ต.อชิระได้เปิดเผยว่าตำรวจเตรียมพร้อมรับมือ กับสถานการณ์ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นแล้ว แต่จนถึงเวลานี้ ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวจะมารับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมาเรื่องทุกอย่างจะได้จบ แต่หากไม่มาก็จะทำให้เสียเวลา
ส่วนพระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมูลจินดารามและเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ หรือฆราวาสประกอบด้วย พระมหาปัญญา ขันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดบางหลวง รักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหลวง นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ และทนายความ ประจำวัดมูลจินดารามเพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจ ในโอกาสนี้ตัวแทนกรมการศาสนาได้มอบรายชื่อ พระวัดพระธรรมกายที่จะเข้ามาในบริเวณชั้นในให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อกันไม่ผ่านเข้าออกในบริเวณนั้นอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกัน ที่วัดพระธรรมกายนั้น ได้มีญาติโยมามาชุมนุมในบริเวณสภาธรรมกายสากลราว 5,000 คน บริเวณลานจอดรถนั้นมีรถบัสจำนวนไม่ต่ำกว่า 20 คันมาจอดรออยู่ นช่วงเช้าก็ได้มีการปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิและสวดมนต์เหมือนเช่นที่เคยปฏิบัติ ซึ่งเป็นที่คาดหมายกันว่า จะมีผู้เดินทาง มาที่วัดพระธรรมกายไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นคนแน่นอน โดยส่วนหนึ่งต้องการมานั่งสมาธิ และมีบางส่วนที่ต้องการมาให้กำลังใจนายไชยบูลย์ ศิษย์วัดพระธรรมกายรายหนึ่งกล่าวว่า จะไม่มีการแสดงพลังด้วยการรวมตัวและเดินทางไปให้กำลังใจที่วัดมูลจินดารามอย่างแน่นอน ทุกคนไม่ต้องการให้นายไชยบูลย์เสียหาย แต่ศิษย์ทุกคนยอมตายแทยนายไชยบูลย์ได้
ต่อมาเมื่อเวลา 12.50 น. ตัวแทนนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโว นำโดยพล.อ.ท.วีรวุทธ ลวะเปารยะ ไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย พร้อมด้วยพระลูกวัดอีก 4 รูปคือ พระปลัดวันชัย ลีละวัณโย พระมหาสุวิทย์ วิทศโก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ พระภานุมาศ ภานุปาโน และพระนันทพงศ์ ขันติยุตโต ได้เดินทางมายังวัดมูลจินดาราม โดยรถโฟล์คตู้สีเทาควันบุหรี่ หมายเลขทะเบียน 2 ฝ-0097 กรุงเทพมหานคร จากนั้นได้ขึ้นไปยังอาคารฉลองสิริราชสมบัติเพื่อพบกับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีโดยทันที เจ้าหน้าที่ที่ติดตามมาด้วยจำนวนกว่า 10 คน ได้กระจายบันทึกภาพสื่อมวลชนและผู้สังเกตการณ์โดยวีดิโอ นอกจากนี้ยังพยายามที่จะเข้าไปในบริเวณอาคาร แต่ถูกเจ้าหน้าที่ ตำรวจสกัดกั้นไว้ อนุญาตให้เพียงตัวแทนที่เป็นฆราวาสและพรภิกษุรวม 5 คนเท่านั้นที่เข้าไปได้
กระทั่งเวลา 15.30 น. ภายหลังจากที่ตัวแทนนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวลงจากอาคารสิริราชสมับติ และเดินทางกลับ พระปริยัติวโปการ พระเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้ออกมาเปิดเผยว่า นายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามที่นัดหมายไว้ แต่ได้มอบอำนาจให้พระภานุมาศ มายื่นหนังสือปฏิเสธที่จะรับทราบข้อกล่าวหาโดยอ้างเหตุผลว่า ได้ยื่นหนังสือทัดทาน คำสั่งของเจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานีไปแล้ว เนื่องจากดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 11 พ.ศ.2521 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม
พระปริยัติวโรปการกล่าวว่า คณะสงฆ์ผู้พิจารณาเห็นว่าการดำเนินการครั้งนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะทั้ง 2 จะต้องเดินทางมาแก้ข้อกล่าวหาด้วยตนเอง มอบอำนาจให้ใครไม่ได้ จึงจะได้มีการเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ให้มารับทราบข้อกล่าวหาใหม่ในเวลาอันสมควรต่อไป จะเป็นเมื่อใดนั้นยังไม่ได้มีการระบุแต่จะเรียกมาใหม่แน่นอน และจะใช้สถานที่เดิมนี้ดำเนินการ และหากเรียกให้มาแล้วยังไม่มาอีกก็จะให้โอกาสเพียง 3 ครั้งเท่านั้น แต่จะต้องดูเหตุผลประกอบด้วยว่าเป็นเพราะอะไรถึงไม่มา ซึ่งได้บอกกับตัวแทนไปว่าจะมาหรือไม่ให้แจ้งด้วย
ส่วนการไม่เดินทางมารับข้อกล่าวหานั้นถือเป็นการขัดคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดหรือไม่ พระเลขานุการกล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายไชยบูลย์ได้มีหนังสือทัดทานกฎนิคหกรรมมา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วถือเป็นดุลยพินิจของเจ้าคณะจังหวัด อย่างไรก็ดียังการเรียกไปเพียงครั้งเดียวแล้วไม่มาถือว่าเป็นการขัดคำสั่งได้ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ระบุไว้ในหนังสือก็คือเกรงว่า จะไม่เกิดความปลดภัย เพราะการเรียกให้มารับข้อกล่าวหาครั้งนี้ได้มีการลงข่าวในสื่อมวลชนแขนงต่างๆ หากเดินทางมา ที่วุดมูลจินดารามอาจจะเกิดจลาจลไม่ปลอดภัยกับนายไชยบูลย์ได้
หลังจากที่มีหนังสือทัดทานมา ทางจังหวัดก็ได้มีหนังสือถึงเจ้าคณะภาค 1 ในฐานะหัวหน้าคณะผู้พิจารณาตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. ซึ่งก็ผ่านมา 4-5 วันแล้วแต่ยังไม่มีการตอบกลับมา จะว่าเริ่มนับหนึ่งใหม่ก็ได้ ตอนนี้คงต้องรอเจ้าคณะภาคและมติมหาเถรฯก่อนว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ยึดติดทั้งหมดต้องเดินหน้าต่อไป ระหว่างไม่มีคำตอบก็สามารถส่งหมายเรียกไปใหม่ได้ เรื่องนี้คงจะหยุดแค่นี้ไม่ได้
พระปริยัติวโรปการกล่าวด้วยว่า พระสุเมธาภรณ์ยินดีที่จะปฏิบัติตามตัวบทกฎหมายของกฎมหาเถรฯทุกประการ แต่หากไม่มีคำตอบมาจากมหาเถรฯหากเรียกไปอีกก็คงจะได้รับคำตอบเช่นเดิม แต่หากมีข้อยืนยันก็สามารถเรียกมาได้ ตอนนี้เรื่องกำลังจะนำเข้าตีความคิดว่าทุกอย่างคงจะไม่ช้าแล้ว
พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายและท่าทีที่เหนื่อยอ่อน ในเวลาต่อมาว่า ผิดหวัง กับการไม่เดินทางรับข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามหลังจากวันที่ 12 ส.ค.แล้วจะมีการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง ที่ผ่านมา ก็ถือว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว แต่ทางวัดพระธรรมกายกลับมีเจตนาตรงกันข้าม โดยเฉพาะการอ้างสื่อมวลชนเป็นเหตุอย่างนี้
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวแจ้งว่า ในระหว่างที่ตัวแทนนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวเดินทางเข้าไปในอาคารสิริราชสมบัตินั้น เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาและทางวัดมูลจินดารามได้ทำการค้นตัวบรรดาตัวแทนนี้อย่างเข้มงวด เพราะเกรงว่าจะมีการซุกซ่อน เทปบันทึกเสียงเข้ามา และได้ให้พระลูกวัดที่ไม่ได้รับมอบอำนาจมานั้นรออยู่บริเวณด้านล่าง เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ ยื่นหนังสือหรือให้ปากคำแทน รายงานระบุด้วยว่า พระภานุมาศพยายามอธิบายเหตุผลข้ออ้างตามข้อปฏิเสธของนายไชยบูลย์ว่า อยู่ระหว่างการทัดทาน การใช้กฎนิคหกรรม ซึ่งพระสุเมธาภรณ์ก็อธิบายให้ฟังว่า การเรียกมาก็เพื่อให้รับทราบข้อกล่าวหา คนอื่นจะมาแทนไม่ได้ และได้คืนหนังสือตอบปฏิเสธคืนให้แก่พระภานุมาศด้วย ซึ่งถือว่าทั้ง 2 มีโอกาสมารับทราบข้อกล่าวหาอีกเพียง 2 ครั้งเท่านั้น เพราะหากครบ 3 ครั้งจะถือว่ารับข้อกล่าวหาโดยปริยาย
ความเคลื่อนไหวอีกกระแสที่เป็นที่จับตาก็คือการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) โดยเมื่อเวลา 16.30 น. ที่ตำหนักเพ็ชร์ วัดบวรนิเวศวิหาร นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยภายหลังการประชุมมหาเถรฯว่า ตามที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ มอบให้กรมการศาสนา นำกฎหมายเถรสมาคมฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรมเข้าหารือในที่ประชุมมหาเถรฯ ในประเด็นคฤหัสถ์ กล่าวหาพระภิกษุได้หรือไม่ เนื่องจากวัดพระธรรมกายได้มีหนังสือทัดทานการกล่าวหานายไชยบูลย์ ไปยังพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ซึ่งที่ประชุมมหาเถรฯได้อนุโมทนาความประสงค์ของนายสมศักดิ์ และมอบหมายให้พระพรหมโมลีไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งพระพรหมโมลีรับที่จะเร่งดำเนินการโดยเร็ว
ขณะเดียวกันกระทรวงศึกษาธิการมีแถลงการณ์ในช่วงเวลา 19.00 น.ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ว่า กรณีนายไชยบูลย์ ไม่รับข้อกล่าวหาและเจ้าคณะจังหวดัปทุมธานีจะมีการนัดหมายผู้ถูกกล่าวหาใหม่นั้นถูกต้องแล้ว และจะสนับสนุนการดำเนินงานในฐานะเจ้าพนักงาน ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง
ส่วนกรณีพระพรหมโมลีจะรับมติมหาเถรฯไปตีความจะรีบไปดำเนินการโดยเร็ว กระทรวงศึกษาธิการยินดีสนับสนุนข้อมูลที่จำเป็น และขอให้ข้อสังเกตว่าการพิจารณาว่าคฤหัสต์กล่าวหาพระภิกษุได้หรอืไมนั้น ไม่ใ่ช่ข้อกล่าวหาที่ซับซ้อนในอดีตเคยมีกรณีของอดีตพระนิกร และอดีตพระยันตระมาแล้วว่าถูกสังให้สึก โดยผลจากการกล่าวหาของคฤหัสถ์ทั้งสิ้น จึงควรจะได้ข้อยุติโดยเร็ว นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการกล่าวว่า ตนมอบให้อธิบดีกรมการศาสนาไปประสานงานกับเจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานีอกครั้ง กระทรวงอยากให้ยุติปัญหา และข้อสับสนโดยด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมมหาเถรฯในวันนี้ไม่ได้พิจาณณาปัญหากฎนิคหกรรมอย่างละเอียดเลย เพราะพระเถระผู้ใหญ่ บอกว่า ยังไม่เห็นปัญหา ขณะเดียวกันพระพรหมโมลีก็รับอาสาเป็นผู้พิจารณา เรื่องนี้เอง นายสุรัฐ ศิลปอนันต์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่า ความจริงขั้นตอนการดำเนินคดีของนายไชย บูลย์นั้นน่าจะยุติลงได้แล้ว เพราะทั้งคณะสงฆ์ผู้พิจารณาตามกฎนิคหกรรม และเจ้าพนักงานสอบสวนก้ได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูล พร้อมทั้งมีการแจ้งข้อกล่าวหา ใครจะผิดจะถูกนั้นก็ต้องต่อสู้กันต่อไป แต่เมื่อไม่ยอมมารับข้อกล่าวหา คณะสงฆ์ก็จะต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาดต่อไป ขณะนี้กรมการศาสนากำลังพิจารณาความผิด ของนายไชยบูลย ์เป็นการเร่งด่วนว่าถึงขั้นปาราชิกหรือไม่ และเรื่องของการสึกหรือไม่สึก แต่เรื่องนี้ค่อนข้างยาก แต่อย่างน้อยก็ต้อง ถือว่าการถอดถอนออกจากตำแหน่งเป็นข้อหาฉกรรจ์ สามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้อีก
ปัญหาหนักใจตอนนี้ก็คือการต่อสู้ที่ยาวนาน เกรงว่าประชาชนจะเข้าใจผิด เราต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ที่แน่ๆความยุติธรรม และความจริงต้องปรากฎ กระบวนการยุติธรรมต้องใช้เวลา การปลดนายไชยบูลย์พ้นจากตำแหน่งไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่สำคัญก็คือใครจะออกหน้า นี่สิเป็นเรื่องสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมหาสารคามว่า สาวกธรมกายจ.มหาสารคามรวมตัวจัดรถบัสหลายสิบคัน เพื่อขนคนเดินทาง ไปวัดพระธรรมกายในวันที่ 8 ส.ค. โดยมีอาจารย์โรงเรียนอาชีวะชื่อดังเป็นโต้โผ มีการเหมารถคันละ 1 หมื่นบาท เพื่อขนคนไปกลับ นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า กรณีธรรมกาย ทุกอย่างเป็นไปตามขึ้นตอน คดีนี้มีทั้งคนคัดค้านและสนับสนุน เป็นความขัดแย้ง ทางความคิด
ด้าน พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายเปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์ว่า ขณะนี้ ยังติดปัญหาเรื่องพยานบุคคลและพยานเอกสารที่มีเป็นจำนวนมาก และบางส่วนก็ไม่ยอมมาให้ปากคำ แต่บางเรื่องก็มีหลักฐาน เกินกว่าครึ่ง บางเรื่องก็ต้องตรวจสอบหลักฐานให้แน่ชัดก่อน ส่วนสาเหตุที่ไม่สามารถเข้าถึงตัวนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวได้นั้น เพราะทางตำรวจต้องการดำเนินการด้วยความนุ่มนวลที่สุด ที่ผ่านมาก็พยายามชี้แจ้งให้เห็นว่าการมาให้ปากคำนั้นเป็นประโยชน์ แต่หากมีความจำเป็นก็ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้
รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน เพราะไม่เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารทางด้านการเงินกับใคร แต่ก็มาถูกฟ้องด้วย ความจริงทุกคนมีสิทธิฟ้องได้ ถ้าใครทำไม่ถูกต้อง แต่ก็เตรียมสู้คดีไว้แล้วหากมีการกระทำที่ไม่ถูกต้องกับผม ต้องดำเนินการบางอย่าง คงไม่ปล่อยให้มากระทำฝ่ายเดียวแน่ เพราะได้ทำทุกอย่างด้วยความถูกต้อง บริสุทธิ์ใจตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ที่สำคัญไม่มีเรื่องส่วนตัวกับใคร จึงไม่หวั่นไหวถ้าจะถูกฟ้อง
ต่อข้อถามที่ว่า เคยมีความพยายามทำให้คดีนี้เบาลงหรือไม่ พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่า มี แต่ได้ตอบกลับไปว่ามาติดต่อก็ไม่มีประโยชน์ และตั้งใจไว้ว่าจะแสวงหาข้อเท็จจริงให้ดีที่สุด จากนั้น ก็หาข้อยุติ ผิดก็คือผิด ไม่ผิดก็คือไม่ผิด ที่ผ่านมานั้นรู้สึกเบื่อหน่ายกับการทำงาน สื่อมวลชนก็สัมภาษณ์ ทุกวัน ประชาชนเองก็รู้สึกเบื่อหน่าย หากเป็นคดีอาญาป่านนี้เสร็จไปนานแล้ว ถ้าไม่ใช่คดีพระ แต่ขอให้ประชาชนใจเย็นๆ ขอรับรองว่าจะทำงานเรื่องนี้อย่างละเอียด รอบคอบและนุ่มนวลที่สุด เพราะเป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง