เดลินิวส์ 6/8/2542
เชื่อ'ไชยบูลย์'เบี้ยวแน่! ไม่ยอมขึ้นศาลสงฆ์ แทงเรื่องด่วนสุให้มหาเถรชี้ขาด ถึงกฎนิคหกรรมจับถอดผ้าเหลือง
"สมศักดิ์"ฟันธง "ไชยบูลย์"เบี้ยวแน่ไม่ยอมมารับข้อกล่าวหา แทงเรื่องถึงมหาเถรฯด่วน ขอคำชี้ขาด กฎนิคหกรรมเปิดช่องให้ฆราวาสฟ้อง หลังเข้าพบ สมเด็จวัดชนะฯ สางปมธรรมกาย ยื้อการ สอบ กลัวถูกจับ กระชากผ้าเหลือง ตำรวจจัดกำลังกว่า 500 นายเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ "พระปริยัติ วโรปการ"ระบุ 3 ข้อกล่าวหา บิดเบือนคำสอน อวดอุตริฯและฉ้อโกง เชื่อ"ทัตตชีโว" ยอม มารับข้อ กล่าวหาแน่ พนักงานสอบสวน ยืนยันเงินฝากปลาไหล"ไชยบูลย์"อยู่"กรุงไทยธนกิจ" ขอเวลาอีกระยะ ค้นหลักฐานเจอแน่
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการเข้าไปกราบนมัสการ สมเด็จ พระมหาธีราจารย์(นิยม ฐานิสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และเจ้าคณะหนกลาง เมื่อเย็นวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า เพื่อกราบหารือปัญหาวัดพระธรรมกายและแผนรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ในวันนัดนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย มารับข้อกล่าวหา ตามกฎนิคหกรรมในวันที่ 6 ส.ค.นี้ ที่วัดมูลจินดาราม สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้แสดงความห่วงใจ และบอกว่าเมื่อมีกฎนิคหกรรม และวิธีการ แวทางการปฏิบัติ ของสงฆ์อยู่แล้ว ทุกอย่างมีเงื่อนเวลา แต่อย่าไปเร่ง ในวัดนัดแล้วผู้ถูกกล่าวหา ไม่มาตามตัดก็ต้องฟังเหตุผล และออกหนังสือเรียกอีก หากไม่มา อีกก็มีวิธีทางสงฆ์ แต่ไม่ถึงขั้น จับถอดผ้าเหลือง อาจให้พักหรือถอดออกจสกตำแหน่งเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าคณะผู้ปกครอง
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ผู้ถูกกล่าวหาจะมาตามนัดหรือไม่ แต่ส่วนตัวคาดว่าคงไม่มา เพราะมีเหตุผลหลายประการชวนให้คิด แต่ไม่ว่าจะมาหรือไม่ กระทรวงศึกษาธิการมีหน้าที่ดูแลเตรียมความพร้อม ต้องทำให้ดีสุด และได้นำแผนการ รองรับสถานการณ์เสนอนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีแล้ว และได้รับคำตอบว่า ให้ทำตามขั้นตอน
"เราสั่งการอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ แต่หากต้องการยุติปัญหาโดยเร็ว ก็น่าจะมารับข้อ กล่าวหา จะปฏิเสธ อย่างไรก็ตามยังมีกระบวนการศาลสงฆ์ชี้แจงได้ เพราะถึงอย่างไร ก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว อาจเลื่อนได้ แต่ไม่มาไม่ได้ นอกจากคนไทยตายหมดประเทศเหลือเพียงคุณคนเดียว"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากนายสมศักดิ์กลับมาจากการกราบนมัสการพระมหาธีราจารย์แล้ว ก็สั่งการ ให้กรมการศาสนานำข้อห่วงใยของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เรื่องการตีความกฎนิคหกรรม ในประเด็น คุณสมบัติ ของผู้กล่าวหา มอบให้กรมการศาสนาบรรจุวาระการประชุมมหาเถรสมาคมในวันที่ 6 ส.ค.ทันที เพื่อให้ตีความให้กระจ่าง
นอกจากนั้นนายสมศักดิ์ยังได้ทำบันทึกข้อความถึงอธิบดีกรมการศาสนา ตามหนังสือเลขที่ ศธ.0100/1691 ให้กรมการ ศาสนา นำกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม เข้าตีความในการประชุม มหาเถรฯวันที่ 6 ส.ค.นี้ เพื่อตีความคุณสมบัติของผู้กล่าวหาตามมาตรา 4(8) ก.ข. และลักษณะ ของผู้กล่าวหาตามมาตรา 15 และได้ขอให้นายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวง ศึกษาธิการ เข้าไปร่วมประชุมชี้แจงด้วย เนื่องจากเคยเป็นผู้มีส่วนร่วมในการร่างกฎดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุผลที่นายไชยบูลย์จะอ้างไม่ยอมมาฟังข้อกล่าวหาคือกฎนิคหกรรมบกพร่อง ฆรา วาสกล่าวหาไม่ได้ แต่สิ่งที่นายไชยบูลย์กลัว คือการถูกกระชากผ้าเหลือง ออกจากร่างขณะที่มารับฟังข้อกล่าวหา
นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้รับรายงานจากนายสมศักดิ์เรื่องธรรกกายแล้ว ซึ่งการดำเนินการใดๆต้องยึดหลักกฎหมายบ้านเมือง
พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายเปิดเผยถึงกรณีที่ นายผ่อง เล่งอี้ ศิษย์ธรรมกายคนสนิท ของนายไชยบูลย์ยื่นฟ้องพนักงานสอบสวนคดีอาญา ฐานนำความลับ ในการสอบสวนตลอดจนสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทยมาเปิดเผยต่อสาธารณชนว่า เป็นสิทธิ์ที่จะยื่นฟ้องได้ ทางพนักงานสอบสวน ก็มีหน้าที่ต่อสู้คดี ในเบื้องต้น ได้เตรียมหาข้อมูลตามที่นายผ่องฟ้องร้องแล้ว แต่เรื่องนี้แม้จะถูกฟ้องก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้อง ให้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร.พิจารณาเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนนั้น ยังไม่ทราบ แล้วแต่ดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา
พล.ต.อ.ประชากล่าวถึงกรณีการขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนว่า การขอเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะต้อง มีเหตุผล ที่รับฟังได้ไม่ใช่ไม่พอใจนึกอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ ส่วน สถานการณ์ที่วัดมูลฯคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าจะมี เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นจำนวนมากก็ไม่น่าเกิดเหตุกระทบกระทั่ง น่าจะคุยกันรู้เรื่อง เพราะทางตำรวจ ทำอะไรอยู่ในกรอบของกฎหมายที่ให้ไว้ ที่สำคัญย้ำให้ใช้มาตรการที่นุ่มนวล มั่นใจว่าการเข้ารับฟังข้อกล่าวหานั้นไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้าเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้พูดคุยในเรื่องที่นายผ่องฟ้องถึงศาลพัทลุง แต่เรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหาพนักงานสอบสวน ทำงาน ตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ดังนั้นเป็นความจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงให้สาธารณชนทราบ ด้านความคืบหน้าการสอบสวนคดีนี้ พนักงานสอบสวนได้เชิญพระวิษณุ ปัญญาทีโป พระผู้ดูแลบัญชีวัด และมูลนิธิธรรมกายมาให้ปากคำ แต่พระวิษณุได้ส่งหนังสือขอเลื่อนนัดให้ปากคำออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าเป็นผู้รับผิดชอบเงินจำนวนมาก ขอเวลาในการรวบรวม เอกสารหลักฐานเพื่อประกอบการให้ ปากคำ อย่าง ไรก็ดีในวันเดียวกันนี้ เวลา 13.00 น. นางสงบ ปัญญาตรงสีกาผู้ใกล้ชิด นายไชยบูลย์ได้เดินทาง มาให้ปากคำกับพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก. 1 ป.ที่ห้องทำงาน พร้อมผู้ติดตามอีก 3 คน
สำหรับนายมัยฤทธิ์ ปิตวินิต ซึ่งเป็นผู้ที่โอนเงินจากบัญชีของวัดให้กับนางสงบนั้น ได้มีหมายเรียก ให้มาให้ปากคำเช่นกัน แต่กระทั่งเวลา 14.00 น. ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อ ที่วัดมูลจินดารามนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้านายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา ได้เดินทางมามอบหลักฐานของสื่อมวลชนที่จะเข้าทำข่าวในวันที่ 6 ส.ค.ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนางเริงฤทธิ์กล่าวว่า ความจริงแล้วพร้อมที่จะให้สื่อมวลชนเข้าทำข่าวจำนวนเท่าใด ก็ได้ แต่เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายเหมือนเมื่อครั้งนายนิกร ยศคุจูหรืออดีตพระนิการ จึงให้ทำบัตรผ่านเข้าวัด สื่อมวลชน ทุกแขนงจะติดบัตรสีขาว เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาจะได้รับบัตรสีเขียว ส่วนเจ้าหน้าที่วัดจะติดบัตรสีเหลือง ใครไม่มีบัตรห้ามเข้า
ยอดผู้สื่อข่าวที่ขอทำบัตรมามีจำนวนทั้งสิ้น 101 คน และเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายอีก 10 คน โดยนายเริงฤทธิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย ไม่ต้องมาทำบัตรเพราะเข้าไปในวัดได้เฉพาะที่ติดตามซึ่งรวมนายไชยบูลย์และพระเผด็จ ทัตตชีโว แล้วต้องไม่เกิน 10 คน ที่เหลือจะไม่ให้เข้า และได้แจ้งต่อตำรวจ จังหวัดปทุมธานีแล้วให้ระงับบัตรของเจ้าหน้าที่วัด
สำหรับขั้นตอนการรับคำฟ้องหากทั้ง 2 คนรับตามข้อกล่าวหา คณะผู้พิจารณาชั้นต้นจะตัดสินได้ทันที หากไม่รับต้องไต่สวนในคณะสงห์ผู้พิจารณาชั้นต้นตามกฎนิคหกรรม อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะรับ ข้อกล่าวหา หรือไม่ก็ต้องรายงานพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ให้รับทราบ ส่วนการที่พระเล่นหุ้นได้หรือไม่ ในพระธรรม วินัยไม่ได้กำหนด แต่ต้องดูความเหมาะสม ขณะเดียวกันพล.ต.ต.พิชิต ควรเตชะคุปต์ รองผบช.ภ. 1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.อชิระ สมแก้ว ผบก.ภ. ปทุมธานี พ.ต.อ.ทวีพันธ์ แสงประเสริฐ ผกก.สภ.อ.ธัญบุรี พ.ต.ท. ณัฐพล ศุกระศร รองผกก.สส.สภ.อ.ธัญบุรี ได้เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยที่วัดมูลจินดารามอีกครั้ง โดยได้เข้า นมัสการพระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาส วัดมูลจินดาราม และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และพระปริยัติวโรปการ พระเลขานุการที่อาคารโรงเรียนพระปริยัติธรรม ชั้น 2 ซึ่งเป็นสถานที่ในการแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อรายงานความพร้อมของทางเจ้าหน้าที่และประสานงานการจัดวางกำลังต่างๆ
พล.ต.ต.พิชิตกล่าวว่า จะมีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในวัดประมาณ 200 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจลพร้อมอาวุธครบมืออีก 150 นาย และจะมีการจัดกำลัง สำรองสำหรับป้องกันฝูงชนจากอยุธยาเพื่อเตรียมรับเหตุการณ์ที่ไม่อาจจะคาดคิดอีก 150 นาย และส่งสายสืบออกมาตรวจสอบผู้เข้าออกวัดตลอด 24 ชั่วโมงด้วย โดยตามกำหนดนั้น รถของนายไชยบูลย์จะเข้ามาในบริเวณวัดประมาณ 14.00 น.
พระสุเมธาภรณ์กล่าวว่า กำนดการที่นายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวจะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาั น้น ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าล่าสุดจะยังไม่ได้รับ การติดต่อจากวัดพระธรรมกายว่าจะเดินทางมาหรือไม่ โดยคณะสงฆ์ ที่จะอยู่แจ้งข้อกล่าวหานั้นประกอบด้วย เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พระปริยัติวโรปการ แลพะร มหาปัญญา ขันติธัมโม รักษาการเจ้าคณะอำเภอคลองหลวง ส่วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายฆราวาสนั้นจะประกอบด้วย นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ พล.ต.ต.พิชิต ควรเตชะคุปต์ และพล.ต.ต.อชิระ สมแก้ว ส่วนผู้ถูกกล่าวหาัน้น จะมีเพียงนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวเท่านั้น ห้ามไม่ลูกศิษย์ติดตามเข้ามาในบริเวณที่แจ้งข้อกล่าวหา
พระปริยัติวโรปการกล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่จะแจ้งต่อนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวนั้นมี 3 ข้อหาคือ 1.บิดเบือนคำสอน 2.อวดอุตริมนุสสธรรม และ 3.ฉ้อโกง โดยคาดว่านายไชยบูลย์ จะรับเพียงข้อ 1 ข้อเดียวเพราะโทษแค่อาบัติปาจิตตีเท่านั้น สามารถปลง อาบัติได้ ส่วนที่เหลือนั้นคงจะไม่ยอมรับเพราะโทษนั้นเท่ากับปาราชิก หรือเรียกว่าประหารชีวิตก็ได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเชื่อว่า พระทัตตชีโวคงจะเดินทางมารับข้อกล่าวหาแน่นอนเพราะผิดเพียงข้อ 1 ข้อเดียวเท่านั้นเรื่องจะได้ จบสิ้นกันไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น. ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ที่จะเป็นที่แจ้งข้อกล่าวหานายไชยบูลย์และพระทัตตชีโว กันอย่างเต็มที่ นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้นำแผงเหล็กมากั้นบริเวณรอบวัดเพื่อห้ามคนเข้า-ออกหากไม่มีบัตรอนุญาต รวมทั้งสถานีโทรทัศน์บางช่อง ได้นำรถถ่ายทอดสดเข้ามาจอดภายในบริเวณวัด เพื่อเตรียมการถ่ายทอดสดกันแล้ว
ด้านนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา กล่าวว่าผู้ถูกกล่าวหาจะมาฟังรับข้อกล่าวหาหรือไม่ก็แล้วแต่ ถ้าไม่มาถือว่าขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และการพิจารณา คณะสงฆ์อาจยืดเยื้อหากผู้ถูกกล่าวหาม่รับสารภาพ ต้องซักถามโจทก์ จำเลยและพยานใช้เวลาหลายปี เมื่อคำพิพากษาไม่พอใจของทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังอุทธรณ์ได้ ถึงสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะหนกลาง และร้องถึงขั้นฎีกาได้อีกถึงมหาเถรสมาคม
อย่างไรก็ตามหากกระบวนการทางโลกตำรวจสั่งดำเนินคดีและจับนายไชยบูลย์ ถอดผ้าเหลืองก็ไม่มีผลต่อกระบวนการทางสงฆ์ และยังคงพิจารณาต่อไป โดยทางโลกสามารถ กลับมาบวชใหม่ได้ถ้าสู้คดีชนะ แต่ทางธรรมที่ร้องเรียนกล่าวโทษถ้าผิดห้ามกลับมาบวชอีกตลอดชีวิต
ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น. ที่กองปราบปรามฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนนำโดยพ.ต.อ.ทวี สอด ส่อง ผกก. 1 ป. ได้ทำการสอบปากคำนางสงบ ปัญญาตรงเสร็จสิ้น โดยมีการนำเอาเอกสาร หลักฐานต่างๆ มาสอบถามโดยเฉพาะเอกสารที่ยึดมาได้จากบ้านนางสงบที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนางสงบยืนยันว่าเอกสารเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย ส่วนการให้ปากคำ อื่นๆนั้นนางสงบสามารถบอกที่มาที่ไปบางส่วนของเอกสาร บางส่วนก็บอกจำไม่ได้ อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนระบุจะเร่งเรื่องนี้ให้เสร็จในเดือนนี้ให้ได้ เพราะทำงาน มานานแล้ว เอกสารหลักฐานเกือบสมบูรณ์แล้ว
สำหรับการตรวจสอบบัญชีเงินฝากนายไชยบูลย์จากไฟแนนซ์นั้น พนักงานสอบสวนยืนยันว่า บัญชีเงินฝาก ดังกล่าวของนายไชยบูลย์ไม่ได้อยู่ในไฟแนนซ์ที่ปิดแล้ว แต่ไปอยู่ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงไทยธนกิจ เชื่อว่าคงใช้เวลาอีกระยะในการค้นหาเอกสารหลักฐานเหล่านี้
ทางด้านความเคลื่อนไหวของสาวกวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่บ่ายวันที่ 5 ส.ค. ได้มีญาติธรรมเดินทางไปรวมตัวกันที่วัดจำนวนกว่า 1,000 คน โดยทางวัดได้เปิดสภา ธรรมกายสากลให้เป็นที่พัก มีการเปิดไฟอย่างสว่างไสว ทั้งนี้คาดว่าเมื่อถึงวันที่ 6 ส.ค.นี้จะมีผู้เดินทางมาที่วัดเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2,000-3,000 คน
ขณะเดียวกันที่จ.มหาสารคามก็มีข่าวว่าบรรดาสาวกที่เลื่อมใสวัดพระธรรมกายจะรวมตัวเดินทางไปที่วัด พระธรรมกาย ในวันที่ 8 ส.ค.นี้ด้วยรถบัสหลายสิบคัน โดยมีอาจารย์ ขวิทยาลัยอาชีวแห่งหนึ่งเป็นตัวตั้งตัวตี
นายอุเทน โอสายไท เจ้าของห้างทองชื่อดังในจ.มหาสารคม กล่าวว่า ตนยังเลื่อมใสวัดพระธรรมกาย เคยบริจาคเงิน ให้ถึง 3 ล้านบาท และในวันที่ 8 ส.ค.ก็จะเดินไป ที่วัดพระธรรมกายด้วย โดยจะไปปฏิบัติธรรมอย่างเดียวไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่น
ด้านนายเชาวรัตน์ ช่ำชอง ผอ.วิทยาลัยอาชีวศึกษามหาสารคาม กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าทางวิทยาลัยเป็นศูนย์รวมสาวกวัดพระธรรมกายอีกแห่งหนึ่งในภาคอีสานนั้น ขอชี้แจงว่า ไม่เป็น ความจริง แต่ ยอมรับว่ามีอาจารย์คนหนึ่งจัดให้นักศึกษาเดินทางไปร่วมกิจกรรมที่วัดพระธรรมกายเป็นประจำ ซึ่งวิทยาลัยก็ไม่ได้ เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องส่วนตัว ของอาจารย์คนดังกล่าวและเป็นความสมัครใจของนักศึกษาเอง อย่างไรก็ตามที่มีข่าวว่า จะมีนักศึกษาเดินทางไปวัดพระธรรมกายในวันที่ 8 ส.ค.นั้น ตนจะชี้แจงกับนักศึกษา ในช่วงเข้าแถวเคารพธงชาติอีกครั้ง
"หากต้องการทำบุญจริงๆ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่วัดพระธรรมกาย วัดในจังหวัดก็มีตั้งเยอะ เขารวยอยู่แล้วทำไมต้องเอาเงินไปให้เขาอีก" นายเชาวรัตน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบอาจารย์คนที่มีข่าวว่าเป็นสาวกวัดพระธรรมกาย แต่อาจารย์ คนดังกล่าวปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงการพานักศึกษาไปที่วัดในวันที่ 8 ส.ค. กล่าวแต่เพียงว่ามีคนต้องการ ล้มล้างวัดพระธรรมกายเพราะเห็นความใหญ่โต เรื่องนี้สลับซับซ้อน ทางวัดจะไม่ตอบโต้ ในที่สุดวัดพระธรมกายก็จะพ้นข้อกล่าวหา