เดลินิวส์ 5/8/2542
'ไชยบูลย์'ไม่ยอมรับข้อกล่าวหานิคหกรรม
ไชยบูลย์"หยามกระบวนการสงฆ์ ไม่ยอมรับข้อกล่าวหา อ้างกฎนิคหกรรมบกพร่อง "สมศักดิ์" บุกกราบนมัสการ สมเด็จวัดชนะฯ ขอคำแนะนำ ออกมาถึงกับไม่ยอมพูดจา มือกฎหมายเสนอให้ ตีความอาศัยหลัก เทียบเคียง จัดการได้เลย ไม่ก็ให้มหาเถรฯชี้ขาดชาวบ้านฟ้องได้ แต่อย่าแก้ไขกฎ จะทำให้พระปลอม หลุดทุกข้อกล่าวหา เจ้าคณะปทุมฯยืนยันไม่มีเลื่อนวันนัด ไม่หวั่นแม้พระ ระดับสูง มาขอร้อง ขณะที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดฉาวหลบ อีกไม่ยอมมาให้ปากคำ งานนี้มีพระเถรฯ ดับบิ๊ก 3 รูปอยู่เบื้องหลัง กองปราบเจออีกหลักฐานโอนเงินวัด 3.5 พันล้าน เข้าไฟแนนซ์เน่า พัวกันการเล่นหุ้น มี "สีกาอ้อย" เข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ ตึกวุฒิสภา 203 มีการประชุมคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ โดยนายทวีวัฒน์ ฤทธิ์ลือชัย ส.ส.สกลนคร พรรค ความหวังใหม่เปิดเผยว่าที่ประชุมเชิญนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชา การอิสระมาชี้แจงเรื่องศิลปะ การก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ และพิธีกรรมของ วัดพระธรรมกายที่ผิดแผกไปจากพุทธฝ่ายเถรวาท
นายเทพมนตรีชี้แจงในที่ประชุมว่าศิลปะการก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์เลียนแบบจากนิกายชิงอนของ ญี่ปุ่น ส่วนพิธีกรรมการ นั่งของพระภิกษุ และการต้อนรับนายไชยบูลย์ การจัดรูปขบวนรถยนต์ ไม่ใช่พุทธฝ่ายเถรวาท แต่เป็นรูปแบบคล้าย ๆ กับการต้อนรับ จักรพรรดิมากกว่า ที่ประชุมยังมีมติให้ทำหนังสือถึงกรมการศาสนา เพื่อแจกจ่ายไปยังวัดต่าง ๆ ในต่างจังหวัด เพื่อขอความร่วมมือ ไม่ให้จัดส่งพระภิกษุสงฆ์ ในสังกัดมารับเงิน จากวัดพระธรรมกาย ในวันที่ 21 ส.ค.นี้ เนื่องจากปัญหาวัดพระธรรมกายยังไม่มีข้อยุติ และอยู่ระหว่าง การสอบสวน ของตำรวจ รวมถึงการดำเนินการตามกฎนิคหกรรม จึงเป็นการไม่สมควรอย่างมาก ที่จะส่งพระเข้ามาร่วมพิธีกรรมกับวัดในขณะนี้
ส่วน นายเทพมนตรีกล่าวว่าธรรมกายแทรกซึมไปทั่วสังคมไทย การแก้ปัญหาคงเป็นไปได้อย่างลำบาก หากชาวพุทธทั้งประเทศรวมตัว ก็น่าจะแก้ไขปัญหาได้ ที่สำคัญรัฐบาลต้องสร้างความชัดเจนให้ประชาชนเห็นว่าหลักปฏิบัติและคัมภีร์ ที่วัดพระธรรมกาย ใช้ไม่ใช่พุทธเถรวาท ต้องสร้างความชัดเจน
ในวันเดียวกัน พนักงานสอบสวนนัดหมายพระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาให้ปากคำในเวลา 14.00 น. ที่กองปราบปราม แต่พระปลัดสุธรรมไม่ยอมมา โดยนายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกายกล่าวว่า ตนได้รับโทรศัพท์ จากพนักงานสอบสวน และฝากไปรายงานพล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.ส.ก.ตร.ในฐานะหัวหน้าทีม สอบสวนแล้วว่า พระปลัดสุธรรมไม่ว่างต้องปฏิบัติกิจทางสงฆ์ไปกราบ ทำวัตรกับพระผู้ใหญ่แทนเจ้าอาวาสที่ไม่ว่าง จึงอยากให้เสร็จภารกิจ ทางสงฆ์ก่อนก็ยินดี มาให้ปากคำในวันที่ 19 ส.ค. และไม่ถือว่านานไป การทำบุญจะบอกว่านานได้อย่างไร การขวางการ ทำบุญก็เป็นบาป นอกจากนั้นนายวิระศักดิ์ยังไม่ยอมรับหมายเรียกตัวนายถาวร พรหมถาวร จากพนักงานสอบสวนด้วย เพราะนายถาวรไม่ได้อยู่ในวัดเหมือนที่เข้าใจ จึงไม่สามารถรับหมายเรียกได้ และได้แนะนำพนักงาน สอบสวน ให้นำหมายเรียกไปให้ที่บ้านพักนายถาวรแทน ส่วนตัวไม่เคยพบนายถาวรมาหลายปีแล้ว
นายวิระศักดิ์ยังกล่าวว่าในวันที่ 6 ส.ค.นี้ ตนเตรียมการอำนวยความสะดวกให้แก่วัดพระธรรมกายที่จะเดินทาง ไปรับคำฟ้องตามกฎนิคหกรรมแล้วด้วย
ขณะเดียวกัน รายงานข่าวเปิดเผยว่าการที่พระปลัดสุธรรมเลี่ยงการให้ปากคำเพราะได้รับคำแนะนำจากพระผู้ใหญ่ 3 รูปที่มีความสัมพันธ์กับวัด โดยเฉพาะในวันที่ 6 ส.ค.ก็ให้คำแนะว่า ให้ขัดขวางกระบวนการตามกฎนิคหกรรม และพระปลัดสุธรรมทำหนังสือคัดค้านไปยังพระสุเมธาภรณ์เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พระวัดต่าง ๆ ถึงกิจกรรมการกราบเยี่ยมพระผู้ใหญ่ในช่วงเข้าพรรษา ซึ่งได้รับคำตอบว่า การเดินทางไปกราบจะใช้เวลาเพียง 7 วันหลังจากเข้าพรรษาเท่านั้น
รายงานข่าวจากพนักงานสอบสวนเปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนถามมายังกรมการศาสนาเพื่อขอความร่วมมือ ให้ตรวจสอบ ทรัพย์สินต่าง ๆ ของวัดพระธรรมกาย แต่ได้รับแจ้งจากนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาไปประเทศเนปาล พนักงานสอบสวน จึงติดต่อนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนาให้ช่วยทำหนังสือตอบกลับมาภายในวันนี้
นอกจากนั้นกรมที่ดินยังประสานงานมายังพนักงานสอบสวนให้รับเอกสารที่กองทะเบียนที่ดิน ซึ่งเป็นโฉนดที่เกี่ยวข้องกับวัด พระธรรมกายทั้งของนายไชยบูลย์ และผู้ใกล้ชิดให้เพิ่มเติมเป็นเอกสารปึกใหญ่ และในส่วนของคณะทำงานด้านการเงินก็ได้เอกสาร ทางการเงินเพิ่มเติม เป็นจุดสำคัญจากธนาคารกรุงไทย สาขาสำนักงานใหญ่ และพนักงานสอบสวนเตรียมตรวจสอบ หนังสือแสดงเจตนารมณ์ที่จะโอนที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด ที่นายไชยบูลย์ทำไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีผลรองรับทางกฎหมายอย่างไร และมีเหตุผลใดที่ทำหนังสือดังกล่าวออกมา กระทั่งเวลา 16.30 น. พ.ต.ท.ระพีพงศ์ สุพรศรี รองผกก.3ป. กล่าวว่าพนักงานสอบสวนได้ประสานกับนายสมเกียรติ ศรลัมภ์ ที่ปรึกษามูลนิธิธรรมกายเกี่ยวกับ การเชิญพระปลัดสุธรรมมา ให้ปากคำเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยนายสมเกียรติแจ้งว่าพระปลัดสุธรรมจะมาให้ปากคำในวันที่ 11 ส.ค. เวลา 17.00 น. สถานที่แล้วแต่จะสะดวกโดยจะส่งหนังสือขอเลื่อนนัดจากเดิมที่จะขอมาวันที่ 19 ส.ค. มายืนยันอีกครั้ง เมื่อถึงวัดนั้น หากไม่มาอีกและไม่แจ้งเหตุขัดข้อง พนักงานสอบสวนจะติดตามมาให้ปากคำให้ได้ เพราะเป็นพยานปากสำคัญ และมีวิธีการดำเนินการแน่นอน
ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ พนักงานสอบสวนนัดนางสงบ ปัญญาตรง สีกาสนิทมาสอบปากคำเพิ่ม และยังนัดพระปัญญา ทีโป พระชั้นใน ของวัดพระธรรมกายและถือบัญชีของวัดมาให้ปากคำด้วย โดยพล.ต.ท.วาสนา สั่งการให้ออกหมายเรียกบุคคลที่มีเงินของวัด ไปเข้าไปในบัญชีประมาณ 30 คน มาให้ปากคำ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง บางคนได้รับเงินโอนเข้าบัญชีมากกว่านางสงบด้วยซ้ำ
พ.ต.ท.สุวิทย์ ชาวศรีเมือง รอง ผกก.1ป. ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีผู้อ้างตัว เป็นพนักงาน สอบสวนคดี การอ้างชื่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.1ป. ไปรีดเงินวัดพระธรรมาย กล่าวว่าจากการตรวจสอบเทปหลักฐานมีความยาว 30 นาที โดยอ้างชื่อ พ.ต.อ.ทวี ขอเงิน 5 ล้านบาท เป็นเสียงผู้ชาย ซึ่งไม่ใช่เสียง พ.ต.อ.ทวี
บุคคลที่แอบอ้างได้ให้วัดโอนเงินเข้าบัญชีผู้หญิงอายุ 16 ปี และเมื่อตรวจสอบเลขที่บัญชีก็มีตัวตน โดยได้รับข้อมูลจากผู้หญิงคนนี้ว่า มีผู้ชายอายุ 40 ปี มาตีสนิท และขอให้เปิดบัญชีเงินฝากเพื่อที่จะโอนเงินให้ใช้บ้าง จึงได้เปิดบัญชีเพราะไม่เสียหาย และไม่เคยเข้า วัดธรรมกายด้วย พนักงานสอบสวนรู้ตัวแล้วเป็นใคร และติดตามพฤติกรรมอยู่ หากคดีมีมูลจะส่งเรื่องให้ สภ.อ.คลองหลวงดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่าในเทปสนทนา มีการตอบโต้กับนายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย โดยต่อรองเงินเหลือ 3 ล้านบาท และอ้างถึงหัวหน้าชุดสอบสวนว่ามอบให้ พ.ต.อ.ทวีเจรจา แต่ระบุตำแหน่ง พ.ต.อ.ทวี ผิดพลาดหมด โดยบอกว่า เป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกระทรวงศึกษาธิการว่า นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ออกเดินทางจากกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งทำให้ผู้สื่อข่าวกรูเข้าไปเนื่องจากมีกระแสข่าวว่านายสมศักดิ์จะไปวัดชนะสงคราม ท่ามกลางปัญหาการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมที่วัดพระธรรมกายอ้างว่าฆราวาสฟ้องร้องไม่ได้ เนื่องจากมีการพิมพ์คุณสมบัติของผู้ฟ้องร้องตกไป เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวนายสมศักดิ์ กล่าวว่าจะไปข้างนอกพร้อมกับนายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต และนายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวง จะไปไหนให้คิดเอาเอง ผู้สื่อข่าวพยายาม ถามว่าไปกราบนมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสสโร) เจ้าคณะหนเหนือ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะที่ดูแลวัดพระธรรมกาย และดูแลพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 อีกชั้นหรือไม่ นายสมศักดิ์ไม่ยอมตอบ อย่างไรก็ตามเมื่อกลับมาถึงกระทรวงอีกครั้งนายสมศักดิ์ ก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์เพียงแต่บอกว่าจะเล่าให้ฟังอีกครั้ง
ส่วนนายเสฐียรพงษ์ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับกฎนิคหกรรม โดยกล่าวว่าได้ทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่แล้ว สำหรับคำถาม ที่ว่านายสมศักดิ์ไปหาสมเด็จพระมหาธีราจารย์ใช่หรือไม่ นายเสฐียรพงษ์ไม่ตอบ เพียงแต่กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เป็นรัฐมนตรีมีหน้าที่ก็ต้องทำ ให้ไปถามนายสมศักดิ์เอาเอง และสื่อมวลชนมีหน้าที่ติดตามข่าวก็ทำไป และปัญหาธรรมกายมีจุดยุติแน่ ทุกเรื่องมีเกิดและดับ แต่จะช้าหรือแล้วก็อยู่ที่เหตุ-ปัจจัย
นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กทม. อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า แม้กฎนิคหกรรมจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็สามารถใช้หลักกฎหมายมาเทียบเคียงได้ เพราะไม่ใช่สาระสำคัญ การจะอ้างว่าพิมพ์ตกเลยสอบไม่ได้ คงไม่ใช่ นอกจากนั้น เรื่องนี้มีจุดที่น่าระวังคือการเสนอปัญหาเข้ามหาเถรสมาคม (มส.) โดยเรื่องที่จะเสนอต้องให้ มส.ตีความกฎนิคหกรรมเท่านั้น ว่าฆราวาสก็ฟ้องได้ แต่ไม่ใช่การเสนอให้แก้ไขกฎนิคหกรรม เพราะถ้าแก้ไขก็เท่ากับกฎใหม่ไม่มีผลบังคับไม่ย้อนหลัง และไปใช้กับกระบวนการฟ้องร้องที่มีมาแล้วไม่ได้
"ถ้าแก้กฎนิคหกรรม ทุกอย่างจบเลย เพราะจะมีการอ้างว่ากฎเดิมบกพร่อง และห้ามฆราวาสฟ้องจึงต้องแก้ไข แต่ถ้าให้มหาเถรฯ ตีความกฎเดิม อย่างนี้ได้ เนื่องจากตีความกฎที่ออกมาแล้ว"
ผู้สื่อข่าวติดต่อสัมภาษณ์นายสมศักดิ์อีกครั้งว่าไปพบสมเด็จพระมหาธีราจารย์เรื่องกฎนิคหกรรมใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่าพูดไม่ได้
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่า ขณะนี้ทราบข้อมูลแน่ชัดแล้วว่านายไชยบูลย์จะไม่มารับทราบข้อกล่าวหาโดยอ้างกฎนิคหกรรมบกพร่อง และจะมีการหาทางแก้ไขบังคับให้นายไชยบูลย์มา
ด้านพระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมูลจินดาราม ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยถึง ความคืบหน้า ในการเรียกตัวนายไชยบูลย์ และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มารับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมในวันที่ 6 ส.ค.ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือตอบรับว่าทั้งสองจะเดินทางมาหรือไม่ แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการเลื่อนกำหนดวันที่นัดไว้อย่างแน่นอน แม้จะมีข่าวว่ามีการวิ่งเต้นล็อบบี้พระเถระชั้นผู้ใหญ่เพื่อขอให้อาตมาเลื่อนวันนัด แต่อาตมาก็จะไม่เลื่อนแม้จะมีพระผู้ใหญ่ขอมา เพราะผลเสีย จะตกแก่อาตมาผู้เดียว
ล่าสุดมีข่าวมาเข้าหูว่าลูกศิษย์วัดพระ ธรรมกายจะขอไม่ให้นายไชยบูลย์และพระเผด็จเดินทางมา โดยให้ส่งตัวแทน มารับข้อกล่าวหา เพราะเกรงว่าอาตมาจะลงนิคหกรรมให้ถอดผ้าเหลืองโดยไม่มีการไต่สวน ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง หากส่งตัวแทนมาอาตมา ก็จะไม่แจ้งข้อกล่าวหาเพราะไม่มีระบุไว้ในกฎ หากมา ด้วยตัวเอง ไม่ได้ก็จะไม่รออีก แต่จะสรุปสำนวนเสนอเจ้าคณะภาค 1 ไต่สวนมูลฟ้องตามขั้นตอนต่อไปทันที
สำหรับ ผู้ที่จะเข้าร่วมในการแจ้งข้อกล่าวหานั้น พระสุเมธาภรณ์ เปิดเผยว่า ประกอบด้วยพระปริยัติวโรป การ เจ้าอาวาสวัดเขียนเขตุ ในฐานะ เลขาฯ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พระมหาปัญญา ขันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดบางหลวง เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง ทนายของวัดมูลจินดาราม 1 คน และพระระดับปกครองในจังหวัดปทุมธานีอีก 1 รูป แต่ยังไม่กำหนดว่ารูปใด ทางกรมการศาสนา จะมีนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสังฆาธิการอีก 2 คน ส่วนทางวัดพระธรรมกายนอกจากนายไชยบูลย์และพระเผด็จแล้วจะให้มีผู้ติดตามได้อีก 2 คน รวมทั้งหมดในเบื้องต้น 12 คน
ล่าสุดได้ขอให้กรมการศาสนาส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยบันทึกปากคำด้วย ส่วนที่วัดมูลจินดารามขณะนี้มีพ่อค้าแม่ค้า จำนวนมากติดต่อขอเข้ามา ขายของในบริเวณวัด ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ธัญบุรี ได้นำแผงเหล็กกว่า 200 แผงมาตั้งไว้เพื่อรอจัดวางจัดระเบียบช่องทางจราจรในวัด
ทางด้านความเคลื่อนไหวของลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้นำบุญรายหนึ่ง เปิดเผยว่าศิษย์ วัดพระธรรมกายได้ประสานกันโดยมีกลุ่มผู้นำบุญเป็นแกนหลัก เพื่อประชุมหารือเตรียมตัวรองรับสถานการณ์ โดยบรรดาศิษย์ จะจับตาดูความเคลื่อนไหวและติดตามข่าวสารในวันที่ 6 ส.ค. อย่างพร้อมเพรียง พร้อมกันนี้ จะมีการประสานการเคลื่อนไหวป้องกันไม่ให้นายไชยบูลย์ถูกจับถอดผ้าเหลืองในวันไปรับข้อกล่าวหา
บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ท.วาสนา เดินทางพบนายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ ที่รัฐสภา เพื่อขอความร่วมมือแก้ปัญหาธรรมกาย โดยพล.ต.ท.วาสนาเปิดเผยว่าไปขอความร่วมมือตรวจสอบทรัพย์สินวัดพระธรรมกาย โดยนายวิชัยได้สั่งการแล้ว และยังมีอีกหลายเรื่อง ที่กระทรวงศึกษาธิการช่วยเหลือเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องอยู่ในความสนใจของประชาชน และเกี่ยวกับสถาบันต่าง ๆ ของชาติ
ส่วนการที่พระปลัดสุธรรม จะไม่ยอมมาให้ปากคำและเลื่อนออกไป พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่าได้รับรายงานแล้ว แต่ขอให้เชื่อพนักงานสอบสวนมีวิธีการ ขอให้ใจเย็น ๆ
รายงานข่าวจากพนักงานสอบสวนเปิด เผยว่าจากการตรวจสอบสถาบันการเงินต่าง ๆ พบว่ามีการนำเงินวัดไปฝากบริษัทไฟแนนซ์ที่ปิดกิจการไปแล้ว 2 แห่ง โดยแห่งแรก 2,221 ล้านบาท และอีก แห่ง 1,324 ล้านบาท รวม 3,545 ล้านบาท ซึ่งกฎกระทรวงศึกษาธิการห้ามนำเงินวัดไปฝากไฟแนนซ์ และให้ฝากได้เฉพาะธนาคารพาณิชย
พนักงานสอบสวนจะเรียกบุคคลหลายคนมาสอบปากคำ เป็นพยานในกรณีการโอนเงินเข้าไฟแนนซ์ อาทินางศจิประภา ศิริทัศนกุล, นางจิรวัฒน์ อุ่นรัว และมีคนที่ได้รับเงินโอนมากสุดใกล้เคียงกับสีกาสงบคือสีกาอ้อย การโอน เงินนี้อาจเกี่ยวพันกับการเล่นหุ้นเพราะไฟแนนซ์เหล่านี้เป็นโบรกเกอร์ซื้อ-ขายหุ้นด้วย และในวันที่ 7 ส.ค. จะประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อสรุปผลการดำเนินคดีใน 3 ข้อหา.