เดลินิวส์ 3/8/2542
ตำรวจบุก'ธรรมกาย'ตามหาผู้ช่วยเจ้าวัด เบี้ยวนัดไม่ยอมมาให้ปากคำ
ออก อาการยื้อแล้ว การเล่นงาน"ไชยบูลย์"ตามกระบวนการสงฆ์ หลังเจอข้ออ้างชาวบ้านฟ้องไม่ได้ เจ้าคณะปทุมฯทำหนังสือถึงเจ้าคณะภาค 1 ขอความเห็น ขณะที่ "สมเด็จเกี่ยว" บอกถ้าตัดสินไม่ได้ในขั้นตอนสงฆ์อาจถึงขั้นส่งให้กฤษฎีกาตีความ พระพยอมระบุเคยมี ตัวอย่าง คดีฟ้องร้อง"นิกร ยศคำจู"มาแล้ว บ่ายเบี่ยง ไม่ได้ "วาสนา"บุกธรรมกายหลัง ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ไม่ยอมมาให้ปากคำ เจอดียามห้ามเข้า จนกระทั่งเกือบเกิดจลาจลย่อย ๆ ดึงเวลาไว้ สุดท้ายก็ส่ง พระชั้นใน มาพาเข้าไปไม่พบแม้แต่เงา ทั้งที่มีคนเห็นอยู่ในวัด เลยต้องสอบ"ทัตตชีโว"โดดๆ เตรียมแยกตั้งข้อหาพระปลอม เจอหลักฐานเรื่องไหนชัดก็เล่นงานก่อน
การฟ้องร้อง ดำเนินคดีทางกระบวนการสงฆ์กับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย ทำท่าจะกลายเป็นปัญหายืดเยื้อ เมื่อมีการเล่นแง่ ความบกพร่อง ของกฎนิค หกรรม ว่าชาวบ้านไม่สามารถฟ้องร้องกล่าวโทษได้
เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่กรมการศาสนา นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา เรียก ผู้บริหาร ของกรมและเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติการ มาหารือถึงกรณีที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานี จะตี ความ กฎนิคหกรรม ตามที่วัดพระธรรมกายหยิบยก มาเป็นข้ออ้างว่า ฆราวาสไม่มีสิทธิฟ้องร้องนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนัก ธรรมกายตามกฎดังกล่าว
นายพิภพกล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระสุเมธาภรณ์ ได้รับหนังสือจากนายไชยบูลย์ หลังจากนั้นได้มีการทำสำเนา และมีหนังสือ ปะหน้าส่งถึง พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เพื่อขอความเห็น เรื่องดังกล่าวเพื่อให้ดำเนินการราบรื่น จึงได้มอบให้นายสำรวย สารัตถ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน เลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส.) เดินทางไปสอบถาม เจ้าคณะภาค 1 ในวันนี้เพื่อขอทราบว่าจะให้ตีความตามกฎนิคหกรรมหรือไม่ หรือจะให้เจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานี นัดหมายให้มาฟังข้อกล่าวหาเลย ความจริงเรื่องนี้ ก็เป็นสิทธิในการร้องขอความเป็นธรรม แต่ไม่เกี่ยวกับกระบวนการที่ดำเนินการตามกฎนิคหกรรม
อย่ไงรก็ตามเรื่องนี้เจ้าคณะภาค 1 ขอเวลาพิจารณาให้รอบคอบก่อน ซึ่งไม่ได้กำหนดเวลา ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ เมื่อเสร็จแล้วจะส่งไปเจ้าคณะจังหวัดทันที แต่กรม จะไม่นำเรื่อง เข้าสู่มหาเถรสมาคมเพราะถือเข้าสู่ขบวนการนิคหกรรมแล้ว ทุกอย่างขึ้นกับเจ้าคณะภาค 1
ด้านสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) กล่าวว่าถึงกรณีวัดพระธรรมกายทำหนังสือทัดทาน เกี่ยวกับการ ยื่นฟ้อง ตามกฎนิคหกรรมว่า ฆราวาสไม่มีสิทธิยื่นฟ้องพระนั้น เรื่องทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของเจ้าคณะผู้ปกครองตามลำดับชั้นที่จะรับคำฟ้องหรือไม่ หากมีปัญหาในการ ตีความ ก็สามารถ เสนอมหาเถรสมาคม และถ้าไม่สามารถชี้ขาดได้ก็ส่งให้กฤษฎีกาตีความได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของที่ประชุม ที่ผ่านมา เคยส่งไปให้ ตีความใน กฎหมายสงฆ์หลายเรื่องแล้ว
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ประเด็นที่ธรรมกายยกมาอ้างเป็นข้อผิดพลาดในการพิมพ์ เนื่องจากข้อความตกหล่นไป ที่ผ่านมาเคย มีการใช้ กฎนิคหกรรม ฉบับนี้กับพระรูปอื่นมาหลายรูปแล้ว ไม่เห็นมีปัญหา หากในวันที่ 6 ส.ค. ผู้ถูกกล่าวหาไม่มารับฟังก็ต้องดูเหตุผล และต้องมีการดำเนินการ ต่อไป และได้มีการ ประสานงาน กับพล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บังคับการกองปราบปราม ให้ดูแลความสงบในวัดมูลจินดารามในวันดังกล่าวแล้ว
พระพิศาลธรรมพาที หรือพระพยอม กัลยาโณ ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว ให้สัมภาษณ์ กรณีที่ขอทัดทานการฟ้องร้องตามกฏนิคหกรรม ที่ไม่ได้ระบุให้ฆราวาส เป็นผู้ฟ้องร้องได้ ว่า เรื่องนี้คงเป็นเรื่อง ของปลาไหลที่มีนิสัยชอบที่จะลื่นไหลไปเรื่อย ก่อนหน้านี้นายชัยภักดื์ ศิริวัฒน์ อดีต รมช.การกระทรวงศึกษาฯ ก็เคยฟ้องร้อง กล่าวหา ตาม กฏนิคหกรรมนายนิกร ยศคำจู มาแล้ว จึงไม่น่ามีปัญหา อีก
นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นเดิม ได้ชี้แจงไปแล้ว และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นพนักงานตุลาการก็รับฟ้องแล้ว ถือเป็นการ พิจารณา เด็ดขาดแล้วต้องดำเนินการต่อไป จะไม่มีการตีความใหม่ คงไม่สามารถย้อนเกล็ดกันได้
สำหรับหนังสือมงคลชีวิต ฉบับธรรมกาย ที่เผยแพร่แจกในการตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้าของวัด นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา รายงาน ให้ทราบว่า เนื้อหาบกพร่องไม่ตรง กับคำสอนในศาสนาพุทธบางส่วน กระทรวงจะรายงานเรื่องนี้ตอ่มหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาชี้ขาดอีกครั้ง
ในวันเดียวกัน มีผู้สื่อข่าวติดต่อขอทำบัตรเข้าวัดมูลจินดารามในวันที่ 6 ส.ค.ที่นายไชยบูลย์มาฟังข้อกล่าวหา ปรากฎนายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ ต้องการใหิ้สื่อมวลชล เดินทางมาให้เจ้าหน้าที่กรมตรวจสอบก่อน และนายเริงฤทธิ์จะลงนามอนุมัติเป็นราย ๆ ไป โดยอ้างว่า "ผู้ยิ่งใหญ่รายหนึ่ง"สั่งการมา เมื่อถามว่า ผู้ยิ่งใหญ่เป็นใคร นายเริงฤทธิ์กล่าวว่าผมเองนี่แหละผู้ยิ่งใหญ่
ต่อมาเวลา 14.00 น. ชุดสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย โดยพล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัตร ผช.ผบช.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพนักงานสอบสวนจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 เพื่อสอบ ปากคำเพิ่มเติม พระทัตตชีโว พระปลัดสุธรรม สุธัมโมและพระมหาปัญญา เขมวรรโณ ตามที่มีการนัดหมายไว้ โดยที่พระทัตตชีโวได้เดินทางมา โดยรถ ตู้โฟล์คสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 4 ฬ 8641 กทม. ถึงบก.ตชด.ภาค 1 ในเวลาใกล้เคียงกัน โดยพล.ต.ต.ปานศิริเป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง
ส่วนกรณีของพระปลัดสุธรรม สุธัมโม ซึ่งมีหมายนัดมาให้ปากคำในวันเดียวกันนี้ไม่ได้เดินทางมาให้ปากคำ ทำให้พล.ต.ท.วาสนา พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน อีกจำนวนหนึ่งตัดสินใจเดินทางไปที่วัดพระธรรมกายเพื่อสอบปากคำ เมื่อเดินทางไปถึงประตูด้านหน้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้ดึงแผงเหล็กกั้น รถมาปิดกั้น ทางเข้าไว้ พร้อมทั้งได้แจ้งให้ทราบว่าไม่อนุญาตให้เข้าไปในบริเวณวัด ทำให้เกิดเหตุการกระทบกระทั่งชุลมุนเล็กน้อย เหตุการณ์ผ่านไปนานกว่า 20 นาที ทางมูลนิธิธรรมกายก็ยังไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งพระสมชาย ฐานวุฒโฑ ผู้อำนวยการสำนักเผยแผ่ฯ และเจ้าหน้าที่ระบดับ สูงของ วัดพระธรรมกาย ออกมาให้การต้อนรับ คณะของหัวหน้าพนักงานสอบสวนจึงได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไปในวัดได้ด้วยรถยนต์เพียง 2 คัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.วาสนาได้สอบถามพระสมชายว่าพระปลัดสุธรรมอยู่หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่อยู่ไปทำธุระข้างนอก ทำให้พล.ต.ท.วาสนา มีอาการ เคร่งเครียดทันที พร้อมทั้งกล่าวอย่างค่อนข้างมีอารมณ์ว่า การทำแบบนี้ไม่เป็นประโยชน์กับทางวัดเลย น่าจะให้ความร่วมมือกับตำรวจ ที่ผ่านมาก็มีหมายนัด มาหลายครั้งแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ขอไปดูที่กุฏิเพื่อเห็นกับตาตนเอง จะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป พระสมชายออกอาการนิ่งอึ้งและหน้าถอดสีพอสมควร และพยายาม ถ่วงเวลา อยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะอนุญาตให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปที่กุฏิของพระปลัดสุธรรม
การเดินทางเข้าไปกุฏิพระปลัดสุธรรมครั้งนี้ พระสมชายได้นำคณะของพล.ต.ท.วาสนานั้งรถมิตซูบิชิสีขาว หมายเลขทะเบียน 2 ศ 2301 กทม. ปรากฎว่าเมื่อถึง จุดรักษา ความปลอดภัย ที่อยู่บริเวณด้านหน้าเขตสังฆาวาส เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้ดึงแผงเหล็กออกมากั้นอีก โดยระบุว่าเจ้านายสั่งห้ามไม่ให้เข้าไป ทั้งที่ในรถนั้น นอกจากจะม ีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม พล.ต.ท.วาสนาแล้ว ยังมีพระสมชายนั่งเดินทางร่วมมาด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการเจรจากันอยู่นั้น เจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายได้โทรศัพท์ติดต่อภายใน กันอย่างวุ่นวายโกลาหลไปหมด เข้าใจว่า เพื่อแจ้งให้กับ พระปลัดสุธรรม ทราบเหตุการณ์ ระหว่างน ี้เองเจ้าหน้าที่ของวัดพระธรรมกายอาทิ น.ส.ชุลีพร ช่วงรังษี เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ นายวีระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้า สำนักงานมูลนิธิธรรมกาย นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ได้เดินทางมาสมทบทำให้เหตุการณ์วุ่นวายมากขึ้นไปอีก กระทั่งพล.ต.ท.วาสนาต้องลงจากรถ เดินมาขอร้องให้สื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวอย่างกระชั้นชิดนั้นรออยู่ด้านนอกห้ามติดตามเข้าไป เจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย จึงอนุญาตให้ขบงพนักงาน สอบสวนเข้าไปในเขตสังฆาวาสได้
เมื่อพล.ต.ท.วาสนาเดินทางไปถึงกุฏิของพระปลัดสุธรรมก็พบแต่ความว่างเปล่า ไร้ร่องรอยของพระปลัดสุธรรม ทำให้พล.ต.ท.วาสนามีอาการหงุดหงิด แต่ก็ไม่รู้จะทำ อย่างไรเพราะไม่พบพระปลัดสุธรรม ทำได้แต่เพียงเดินชมสถานที่ต่างๆโดยมีพระสมชายตามประกบตลอดเวลา กระทั่งเวลา 16.25 น. พล.ต.ท.วาสนา จึงได้เดินทาง กลับมาที่บก.ตชด.ภาค 1 เพื่อสอบปากคำพระทัตตชีโวร่วมกับพล.ต.ต.ปานศิริต่อไป อย่างไรก็ตามระหว่างที่เกิดเหตุชุลมุนนั้น เจ้าหน้าที่ของวัดพระธรรมกาย ได้นำกล้องวีดิโอมาบันทึกภาพเหตุการณ์และผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวที่ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วยทุกคน
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของสื่อมวลชน ก็ได้รับคำตอบที่ขัดแย้งกัน อาทิบางคนบอกว่าเห็นอยู่ในกุฎิ
นายวีระศักดิ์เปิดเผยภายหลังว่า พระปลัดสุธรรมได้รับหมายนัดจากพนักงานสอบสวนเมื่อวันเสาร์ จึงไม่ได้แจ้งว่าไม่สะดวกและจะเลื่อนให้ปากคำ โดยมีการทำหนังสือ ไว้แล้ว และได้มอบไว้ให้กับพระทัตตชีโวเพื่อนำไปมอบให้แก่พนักงานสอบสวน ขอยืนยันว่าพระปลัดสุธรรม ยินดีให้ปากคำ ให้ความร่วมมือตำรวจ ซึ่งได้แจ้งเรื่องให้แก่เจ้าหน้าที่ ตำรวจสภ.อ. คลองหลวงที่เป็นผู้ประสานงานให้ทราบแล้วว่าพระปลุดสุธรรมไม่ว่าง
"เมื่อตอนเช้าผมได้เดินทางไปที่กองปราบปรามฯและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำหนังสือของพระทัตตชีโวไปมอบให้แก่พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร.และพล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง ผบก.ป. กรณีที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก. 1 ป.จะฟ้องร้องพระทัตตชีโว เนื่องจากมีการกล่าวหาพาดพิงว่ามีส่วน ในการรีดรับผลประโยชน์ จากทางวัดพระธรรมกาย ซึ่งหนังสือฉบับนี้ได้ยืนยันว่าพระทัตตชีโวไม่ได้มีเจตนาที่จะหมิ่นประมาท พร้อมกับนำเทปหลักฐาน ในการเทศนาวันนั้น ไปมอบให้เพื่อพิสูจน์ ข้อเท็จจริงด้วย"
ด้านพล.ต.ท.วาสนา กล่าวว่าได้เข้าไปดูวัดแล้วเพื่อให้เห็นกับตา พระสุธรรมไม่อยู่จริง จึงนัดหมายวันพุธนี้อีกครั้ง ยังไม่กำหนดสถานที่ อย่าไงรก็ตาม คงประสานงานอีกครั้ง แต่ไม่ใช่วัดพระธรรมกาย
รายงานข่าว จากพนักงานสอบสวนเปิดเผยว่าหนังสือที่พระสุธรรมเลื่อนการให้ปากคำนั้นระบุว่าไปปฏิบัตศาสนากิจ หากยังเป็นเช่นนี้อีกก็จะดำเนินการอีก
นอกจากนั้น ภายปลายสัปดาห์นี้จะมีการประชุมทีมงานสอบสวนเพื่อวินิจฉัยว่าหลักฐานที่มีอยู่มีข้อหาใด มีความผิด สำเร็จหรือมีองค์ประกอบ ความผิด ครบก็จะดำเนินคดีไปทันที โดยไม่รอ ให้เสร็จทุกคดี เสร็จก่อนก็ตั้งข้อหาก่อน เพราะเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน ทำให้การสืบสวนเร็วขึ้น
"อย่างไรก็ตามวันพุธนี้ มีหลักฐานการเงินมาเพิ่ม ก็จะนำมาพิจารณา จะให้เป็นหลักฐาน แสดงในตัวเองว่าแปลงเงินวัดมาซื้อที่ดิน ไม่ใช่ซื้อจากเงินตัวเองมาบริจาค เป็นหลักฐานในตัว