เดลินิวส์ 27/7/2542
เกมสุดโสมม สาวกไชยบูลย์ ซัดป.รีด 3 ล้าน
ไชยบูลย์"ถูกหวย แจ็คพ็อตแตก!! "วาสนา"ประกาศขยายผลหาหลักฐานเพิ่มเรื่องชู้สาวเจ้าลัทธิเจดีย์จานบิน สางเส้น ทางเงินซื้อ -ขายที่ดิน พัวพัน ค่านายหน้า สอบพยานเฉียด 100 ปาก ระบุได้ข้อสรุปแล้ว 2 ข้อหา "แจ้งความเท็จ- เป็นเจ้า พนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่" เกม สกปรกสาวก ปล่อยข่าวกองปราบรีดเงิน 3 ล้าน แต่ตรวจสอบแล้วไม่มีตัวตน อ้างมีเทปข้าราชการกรมศาสนาไถเงินด้วย เจ้าคณะ ปทุมฯสั่ง ประทับรับฟ้องพระปลอมแล้ว ตำรวจตรึงกำลังรับมือ ธรรมกาย ทุ่มเงินก่อม็อบจ่ายให้พระขนขนมาให้กำลังใจวันที่ 6 ส.ค.นี้ ให้วัดละ 2 หมื่นบาท กดดันศาลสงฆ์ นายกฯ เข้าเฝ้าพระสังฆราช
เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงกรณีที่วัดพระธรรมกายวิจารณ์ว่านายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการ กระทรวงศึกษาธิการ บีบบังคับให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ประทับรับฟ้องข้อกล่าวหานายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย ว่าเรี่องนี้ไม่ใช่การบังคับ แต่ได้มอบหมายให ้นายจรวยมาช่วยกรมการศาสนา ทุกอย่างทำตาม กระบวนการ ทุกขั้นตอน ยึดกฎหมายเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ยึดตัวบุคคล เมื่อกำหนดไว้ แล้วก็น่าจะต้องทำตามนั้น และไม่ทราบเรื่องที่มีข่าวเจ้าคณะภาค 1 พยายามช่วยเหลือธรรมกาย จนกว่าจะถึงวันที่ 6 ส.ค.ซึ่งเป็นวันนัดรับทราบข้อกล่าวหาก่อน ก่อนถึงรู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ต่อข้อถามเรื่องที่มีเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาเรียกรับเงินจำนวน 3 ล้านบาทตามข้ออ้างของศิษย์วัดพระธรรมกายนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับ รายงานจากกรมการศาสนา คงต้องรอดูรายงานก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หากเป็นจริงก้ถือเป็นการกรรโชกทรัพย์ มีโทษถึง ขั้นติดคุก และถูกไล่ออก จากราชการ
ส่วนนายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า หากวันนัดนายไชยบูลย์ไม่มารับฟังข้อกล่าวหา คงต้องมีแผนการต่อไป ขณะนี้ยังพูด อะไรไม่ได้ และพยายาม แก้ปัญหาโดยไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า ปัญหานี้ไม่ใช่จะกำ หนดเวลาเช่น 3 เดือนต้องให้เสร็จ เพราะเกี่ยวกับ ความเชื่อของคนจำนวนมาก แต่ดีใจที่รมว. ศึกษาธิการ เอาจริงเอาจัง การที่นายจรวยเข้ามาประสานถือว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการเปิดเกมต่อสู้ด้วยเกมสกปรกแล้ว โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมาพระสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ออกมากล่าวหาว่ามีกลุ่มบุคคลจ้องรีดทรัพย์วัด โดยอาศัยช่วงที่ถูกเล่นงานเรียกร้องเงินจำนวนมาก จากนั้นในวันที่ 26 ก.ค.ก็มี การปล่อยข่าว จากผู้หญิงคนหนึ่งแจ้งไปยังสภ.ต.คลองหลวงโดยอ้างชื่อร.ต.อ.นิฐิ ซึ่งอยู่กก. 1 ป. ให้โอนเงิน 3 ล้านบาท ไปให้ รวมถึงอ้างชื่อ ข้าราชการ ในกระทรวงศึกษาธิการด้วย
"เรื่องดังกล่าวพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก. 1 ป. ในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้ทำรายงานตรงถึงพล.ต.ท. วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้า พนักงาน สอบสวน คดีการกล่าวโทษนายไชยบูลย์โดยระบุว่าเรื่องดังกล่าวอาจมีมือที่ 3 ฉวยโอกาสไปเรียกเงินจริง หรือไม่ก็การสร้างข่าวเพื่อใส่ร้าย พนักงาน สอบสวนเพื่อให้เกิดความเสื่อมเสียและเป็นผลต่อรูปคดีที่ดำเนินการอยู่ โดยก่อนหน้านี้เคย มีการปล่อยข่าวพ.ต.อ.บางคนไปเรียกเงินมาแล้ว"
รายงานข่าวจากพนักงานสอบสวนเรื่องนี้แจ้งว่าเป็นเกมสกปรก เป็นยุทธการที่จะทำให้เกิดความเคลือบแคลง และก็ได้แจ้งสภ.ต. คลองหลวงว่า ให้สอบสวน เอาผิดได้ทันทีถ้ามีหลักฐาน รวมถึงชื่อร.ต.อ.นิฐิก็ไม่มีในกองกำกับการ 1 กองปราบปรามฯ ทุกครั้งที่ พนักงาน สอบสวนนัดหมาย หรือสอบปากคำ ก็ทำใน สถานที่ราชการทุกครั้ง ไม่มีการนัดหมายที่ลับหรือบ้านบุคคลใดบุคคลหนึ่งแม้กระทั่งตามโรงแรม เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งเท่าที่ทราบมีการ แอบอ้างชื่อ พนักงานสอบสวนหลายคน และวัดขู่จะนำเทปบันทึกเสียงที่เรียกเก็บเงินมาเปิดเผย มีการอ้างว่าเป็นเสียง ของบุคคลในกรม การศาสนาด้วย ซึ่งพล.ต.ท.วาสนา จะให้มีการสอบสวนทั้งหมด
"ืที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนระวังการติดต่อกับทางวัดมาตลอด และเชื่อว่าคงเตรียมการตอบโต้พนักงานสอบสวนอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เคยมีการ ฟ้องร้องพนักงาน สอบสวนกรณีการตรวจค้นบ้านพักนางสงบ ปัญญาตรง สีกาสนิทของนายไชยบูลย์ ว่าเป็นการกระทำไม่ชอบ ทั้งที่มีหมายศาล ถูกต้องตาม กฎหมาย รวมถึงการค้นบ้านนายถาวร พรหมถาวร มือซื้อที่ดินอีกคน ก็กล่าวหาว่าไม่มีหมายค้นทั้งที่ไม่เป็นความจริง แต่พนักงานสอบสวน ไม่หวั่นไหว ขอยืนยัน ทุกอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ "
ด้านพล.ต.ท.วาสนากล่าวว่า อยากฝากไปถึงพระปลัดสุธรรมหากมีพนักงานสอบสวนคนใด หรือผู้ใดเกี่ยวข้องขอให้แจ้งความ ได้เลยไม่ว่าจะเป็น ที่สภ.ต. คลองหลวงหรือที่กองปราบปราม และอย่าได้สร้างพยานหลักฐานมากล่าวหา หรือกลั่นแกล้ง พนักงานสอบสวน เพราะทีมงานชุดนี้ทำงาน อย่างตรงไป ตรงมา รู้จักและเชื่อใจทีมงานทุกคนไม่หนักใจที่มีวิธีแบบนี้ออกมา เพราะรู้อยู่แล้ว รวมถึงไม่เสียขวัญและกำลังใจเด็ดขาด
สำหรับการดำเนินการสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 70 ปาก บางเรื่องยุติได้เช่นข้อหาแจ้งความเท็จ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ส่วนผิดหรือ ถูกบอก ไม่ได ้ สำหรับคนที่เคยเรียกมาสอบปากคำแล้วไม่ยอมมา ก็จะให้โอกาสอีกครั้ง เพราะมีการอ้างว่าป่วย ทำบุญเข้าพรรษาบ้าง หากเรียกอีกครั้งไม่มา ต้อง มีเหตุผลที่แสดงกับพนักงานสอบสวนได้ว่าป่วย ติดภารกิจหรือมีเหตุผล ความ จำเป็นจริงไม่เช่นนั้น จะถูกดำเนินการ ตามกฎหมายคดีอาญามาตรา 168-169 ที่ผู้ใดขัดขืนคำบังคับ คำสั่งของพนักงาน สอบสวนให้มาให้ถ้อยคำ หรือให้มาส่งเอกสาร ก็มีโทษ อาจจะ ต้องถูกดำเนินคดีซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน โดยต้องพิจารณา ความจำเป็น ของบุคคลนั้นด้วย
พล.ต.ท.วาสนากล่าวอีกว่าในวันนี้ ได้เรียกสอบพล.อ.ท.วีรวุทธ ลวเปารยะ ไวยาวัจกรวัด และน.ส.อมรรัตน์ สุวิพัฒน์ หรือสีกาตุ้ย ทั้งสองคนขอเลื่อน การสอบปากคำไปหลังเสร็จสิ้นวันเข้าพรรษาในวันที่ 28 ก.ค.ไปแล้ว สวนพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส นัดพนักงานสอบสวนมาให้ปากคำในวันที่ 2 ส.ค.นี้ ส่วนนางสงบ ปัญญาตรง สีกาอีกคนที่ตำรวจจะเรียกมาสอบปากคำ ขณะนี้กำลังติดตามตัวอยู่ อาจติดภารกิจหรือไม่สบาย สำหรับกรณี ที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะเรียกนายไชยบูลย์ ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 6 ส.ค.นี้ เป็นเรื่องของศาลสงฆ์ ไม่เกี่ยวกับ คดีทางโลก โดยตรง แต่อาจมีการวินิจฉัยอะไร ออกมา ที่มีประโยชน์ ต่อรูปคดีก็ได้
"ในการทำงานพนักงานสอบสวนพยายามรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมอีกโดยพอจำแนกเป็น 2 ประเภทคือเรื่องพยานบุคคล ที่เกี่ยวข้อง กับเรื่องชู้สาว ที่ดิน และนายหน้า ซึ่งสอบไปมากแล้วเหมือนกัน อีกประเภทคือเรื่องบัญชีต่างๆซึ่งมอบให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.1ป. เป็นผู้ดำเนินการ เท่าที่ได้รับ รายงาน มีข้อมูล มากมายจนจำแทบไม่ได้ วงเงินหมุนเวียนเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ พูดไปจะผิดพลาด ส่วนข้อมูล เกี่ยวกับธนาคาร บางแห่งก็ได้มาไม่ครบ ยังหาข้อยุติ ทั้งหมด ไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่คงไม่ช้า เพราะได้รับ ความร่วมมืออย่างดี ยิ่งสอบยิ่งเจอบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และจะเรียกมาสอบ อีกกว่า 10 คน"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 29 ก.ค.นี้พนักงานสอบสวนจะเรียกนายอำนาจ เจริญอินทร์ และนายเพชร แก่นทรัพย์ 2 นายหน้าค้า ที่ดินจ.เลย มาให้ปากคำที่กองปราบปราม รวมถึงพ.ญ.ศิวลัย ธนภัทร อดีตเจ้าหน้าที่มูลนิธิธรรมกายมาให้ปากคำด้วย
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดบวรนิเวศว่า ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ เวลา 7.30 น.นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี มีกำหนด เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกฯ เนื่องในวันเกิดของนายชวน อย่างไรก็ตามอาจเรื่องธรรมกายด้วย เนื่องจากคณะบุคคลที่แจ้งเข้าเฝ้าพร้อมนายชวน มีนายจรวจ หนูคง ผู้ตรวจการกระทรวงศึกษาธิการด้วย
ในวันเดียวกันเวลา 14.45 น.นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา และนายสมพร เทพสิทธา ประธานสภา ยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ เดินทางมาที่วัดมูลจินดาราม และพบกับพระสุเมธาภรณ์เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อลงนามรับทราบ คำตัดสินใจ ประทับรับฟ้องข้อกล่าวหา ที่ทั้งคู่ได้ฟ้อง ร้องนายไชย บูลย์ตามกฎนิคหกรรม
นายมาณพกล่าวว่า ได้ปรึกษาพระสุเมธาภรณ์จะเพิ่มคำฟ้องร้องนายไชยบูลย์อีก เนื่องจากนายไชยบูลย์ฟ้องร้องตนในข้อหาเรื่องที่ดิน การทำเช่นนี้ผิดวินัย ที่ห้ามคนที่อ้างเป็นภิกษุฟ้องร้องชาวบ้านเรื่องที่ดิน และถือเป็นอาบัติอาจถึงขึ้นปาราชิก โดยจะมาฟ้องร้อง หลังวันที่ 6 ส.ค.นี้ และจะแจ้งความ ที่กองปราบปราม เพิ่มเติมด้วย โดยจะยื่นคำให้การของนายชาญวิทย์ เปรมกมล นายหน้าค้าที่ดินที่ขายให้นายไชยบูลย์ ที่ให้การว่า ได้พานายไชยบูลย์ ไปดูที่ดินผืนดังกล่าวหลายครั้งก่อนที่จะมีการตัดสินใจซื้อ ซึ่งถือว่าผิดพระธรรมวินัยเรียกว่า มีไลยจิต คือมีเจตนา เอาที่ดินของคนอื่น ทางพระถือว่า ต้องปาราชิกแล้ว
ส่วนการที่ธรรมกายจะขอให้เปลี่ยนแปลงสถานที่ประทับรับฟ้อง ก็เป็นเรื่องที่พระสุเมธาภรณ์จะพิจารณาตัดสิน โดยจะมีการออก หมายนิมต์อีกเป็นครั้งที่ 2-3 ถ้ายังไม่ยอมมาคณะสงฆ์ผู้พิจารณาก็ต้องถือว่ามีความผิดตามข้อกล่าวหานั้นจริง สำหรับช่าว ที่ปล่อยออกมาว่าได้มีการเรียกรับเงินจำนวน 3 ล้านบาทนั้น ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน แต่ขอยืนยันว่าไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนั้น ถ้ามีการกล่าวหาก็จะฟ้องร้องอีก ที่ผ่านมาก็มีคนติดต่อมาขอให้ถอนฟ้อง ซึ่งก็บอกไปว่า เอาเงินมาให้สัก 10 ล้านบาท ก็ไม่เอาคิดว่า วัดพระธรรมกายต้องการเบี่ยงเบนประเด็น
นายมาณะกล่าวด้วยว่า หลังจากที่พระสุเมธาภรณ์ประทับรับฟ้องแล้ว ก็ถือว่านายไชยบูลย์และพระเผด็จ ทัตตชีโวต้องอธิกรณ์แล้ว เมื่อเจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานี มีหนังสือให้เจ้าคณะตำบลรับทราบ ก็อาจจะมีการสั่งพักตำแหน่งทั้ง 2 ได้ และแต่งตั้งรักษาการ เจ้าอาวาส เข้าไปดูแลเชื่อว่าเมื่อถึงตรงนั้น ความจริงจะถูกเปิดเผยออกมามากขึ้น
ด้านนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนากล่าวว่า ไม่เคยทราบเรื่องข้อกล่าวหาที่ว่าเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาเรียกรับเงิน 3 ล้านบาทมาก่อน จึงต้อง มีการสอบสวน กันหากระบุว่าคนประสานกับวัดพระธรรมกายเป็นผู้เรียกร้อง ก็ต้องตรวจสอบทั้งหมด ตั้งแต่อธิบดีกรมการศาสนาไปจนถึงฝ่ายสังฆการ ส่วนกรณีนายไชยบูลย์ไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 6 ส.ค.นั้นกรมการ ศาสนามีแผนรองรับอยู่แล้ว แต่ขั้นตอนของศาลสงฆ์ก็เหมือนกับศาลทางโลก กรมการศาสนาจะอำนวยความสะดวก และประสาน งานให้จนถึงวันที่นัดหมาย หลังจากนั้นก็จะเร่งรัดดำเนินการต่อไปให้แล้วเสร็จ
พ.ต.ท.ธาตรี เรือนพระจันทร์ กล่าวว่าได้รับรายงานจากพล.ต.ต.พิชิตร ควรเตชะคุปต์ รองผบช.ภ.1 ว่า ตำรวจสายสืบ ที่ดูแลวัด พระธรรมกายได้แจ้งว่า วัดเรีมวางแผนจัดเงินทุ่มให้พระวัดต่างๆวัดละ 2 หมื่นบาทเป็นค่าเสบียงอาหาร ค่าเดินทางลำเลียงพระ และชาวบ้านมาชุมนุมกันในวันที่ 6 ส.ค.นี้ที่วัดมูล จินดาราม ในวันที่นายไชยบูลย์จะมารับทราบข้อกล่าวหา โดยมีการติดต่อ พระที่กาญจนบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี และจังหวัดใกล้เคียงอีกหลายจังหวัด โดยจะจัดรถบัสขนมาเลย และได้รายงานให้ พระสุเมธาภรณ์เตรียมพร้อมไว้
เวลาต่อมาพล.ต.ท.พิชิต เดินทางมาพบพระสุเมธาภรณ์เพื่อป้องกันการก่อม็อบเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง พล.ต.ท.พิชิตกล่าวว่าตำรวจ เตรียมการณ์ไว้ แล้วคาดว่าคงไม่มีปัญหา โดยจัดกำลังตำรวจ 3 กองร้อย ประมาณ 450 นาย และเจ้าหน้าที่วัตถุระเบิดเคลียร์พื้นที่ มาเพื่อป้องกันเหตุ ส่วนสถานที่ไม่มี ปัญหาเพราะงานใหญ่กว่านี้เคยผ่านมาแล้ว แต่ไม่ประมาท และประสานไปยัง หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องแล้ว
วันเดียวกันนี้ ที่โรงละครเล็ก โรงละครแห่งชาติ มูลนิธิโกมลคีมทอง เสมสิกขาลัย มูลนิธิพุทธธรรม คณะกรรมการศาสนา เพื่อการพัฒนา ได้ร่วมกัน จัดปาฐกถา เรื่อง "ธรรมกายฟางเส้นสุดท้ายแห่งความเสื่อมสลายของสถาบันสงฆ์ไทย :เราจะกู้สถาน การณ์ได้อย่างไร?" โดยนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นองค์ปาฐก กล่าวว่า กรณีของวัดพระธรรมกาย ก็เกิดขึ้นคล้ายๆสำนักต่างๆ และสมีหรืออลัชชี ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นแต่เพียงเจ้าสำนักทางด้านการศึกษาแบบฝรั่ง จึงเป็น มัจฉาทิฎฐิได้แนบเนียนกว่ารายอื่นๆ โดยใช้วิธีการแยบ คายเข้าหาพระผู้ใหญ่มากรูป ถวายเงิน พร้อมๆกับทำทีว่าไม่ได้เข้าหา ไม่ให้เห็นว่ามักใหญ่ใฝ่สูง เพื่อไต่เต้าเอาดีกับระบบศูนย์กลางแห่งอำนาจ แต่เตรียมที่จะตั้งอธรรมรัฐอิสระของตนเอง หากแต่ยังไม่ถึงเวลาประกาศอิสระภาพเท่านั้น ตอนนี้ใช้วิธีแบบกึ่งเมืองขึ้นหรือเมืองบริวารในอารักขาไปก่อน โดยเจ้าสำนัก ก็ตั้งตัวเป็นผู้วิเศษ
สำนักธรรมกายต่างจากวัดอื่นก็ตรงที่สามารจับประเด็นในเรื่องชนชั้นกลางได้ และให้ความสำคัญ กับนิสิตนักศึกษา ในระดับ มหาวิทยาลัย วิธีที่ใช้ให้ได้ผล ทางอารมณ์จนเป็นอุบายที่สะกดคนได้ ทั้งนี้ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากลัทธิมูนี่ หรือลัทธิศาสนาใหม่อื่นๆ
"ถ้าจะโค่นล่างสำนักนี้กันให้ถึงรากถึงโคน ก็จำเป็นต้องโค่นล้างวงการคณะสงฆ์ในระดับพระสังฆาธิการแทบทุกระดับ สำหรับ ชาวพุทธ ก็จำเป็น ต้องรวมพลังกัน กำจัดพระปลอมนอกรีดให้ไปตั้งลัทธิใหม่โดยให้หลวงพ่อสดเป็นศาสดา แล้วเจ้าสำนัก กับรองเจ้าสำนักเป็นพระโมคคัลลา พระสารีบุตร เท่านี้ก็หมดเรื่อง แต่ที่ไม่ยอมออกไปตั้งลัทธิใหม่ก็เพราะกลัวไม่มีใคร เข้ามา ให้ดูดทรัพย์อีก ขอให้จำไว้ว่าการกำจัดสำนักธรรมกายไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ เจ้าสำนัก มีเงินมากมายมหาศาล ฝากไว้ ในธนาคาร ก็เป็นจำนวนไม่ใช่น้อย เข้าถึงพระเถระผู้ใหญ่แทบทุกระดับชั้น และสามารถซื้อนักการเมือง ข้าราชการ ประจำได้มิใช่น้อย ที่ทำผิดพลาดก็เพียงไม่ได้ซื้อสื่อมวลชนเสียแต่ต้น เพิ่งมาซื้อได้สองสามฉบับไว้เป็นกระบอกเสียง"
นายสุลักษณ์กล่าวด้วยว่า แม้สื่อจะมีความซื่อสัตย์เพียงใด ก็ไม่มีทางเข้าถึงความซับซ้อนซ่อนเงื่อนของสำนักแห่งนี้ ถึงสมเด็จ พระสังฆราชจะทรง แสดงจุดยืน อย่างชัดเจนเพียงใด ความอ่อนแอของมหาเถรสมาคม และของสถาบันสงฆ์ ทั้งหมดรวม ถึงความอ่อนแอ ของระบบการเมืองการปกครองของเรา ย่อมจะเปิดโอกาสให้ความชั่วร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นอีกไม่รู้จักจบสิ้น