เดลินิวส์ 21/7/2542
บัญชีโอนเงินพันล้าน หลักฐานมัดไชยบูลย์
พันล้าน!!! ตำรวจ กองปราบเจอหลักฐานโอนเงินจากบัญชี"ไชยบูลย์" ไปยังสาวกคนสนิท ไล่บี้สอบ"ถาวร พรหมถาวร" มือซื้อที่ดินพิจิตร อ้างมีเงิน 10 ล้านไปซื้อที่ยกให้ฟรี ๆ ตำรวจบุกค้นบ้านดูรวยจริงหรือ "ทัตตชีโว-สุธัมโม"อ้างป่วยหนักไม่ยอมให้ปากคำ ต้องส่งสายสืบ ไปเก็บข้อมูล ถึงวัดขีดเส้นสาย พฤหัสฯนี้ ถ้าไม่มา เจอหมายจับ สอนกันดีจริง ๆ ศิษย์ ธรรมกายไม่ได้รับเชิญ แต่อาสามาเอง แฝงตัวเข้าประชุม กรรมการแก้ระบบ ปกครองสงฆ์ พร้อมกับอัดเทปคำแถลง โกหกหน้าตายเป็นนักข่าว ถูกซัก จนมือไม้สั่นเปิดแน่บไปเลย
เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา มีการประชุมคณะกรรมการศึกษาปัญหาและปรับปรุงการปกครองคณะสงฆ์ มีนายสุรัฐ ศิลปอนันต์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ภายหลังการประชุมนายอำนวย สุวรรณคีรี ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศาสนา ฯ และในฐานะ 1 ในกรรมการชุดดังกล่าวเปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 4 ชุด โดยชุดแรก เป็นคณะอนุกรรมการ ดูแลกฎนิคหกรรม และการใช้กฎนิคหกรรม ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีความ ซับซ้อนยุ่งยาก ไม่สะดวกต่อการ นำมาใช้ของพระสงฆ์ โดยมีร.อ.อุตส่าห์ ทุมมา เลขาธิการพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยเป็นประธาน
ชุดที่ 2คณะอนุกรรมการแก้ไขพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องผลประโยชน์ภายในวัด ที่ต้องให้ชัดเจนมากขึ้น ในเรื่องการจัดทำ บัญชีผลประโยชน์ของวัด มีนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาเป็นประธาน,ชุดที่ 3 คณะอนุกรรมแก้ไขพ.ร.บ.คณะสงฆ์ มีร.อ.อุตส่าห์เป็นปธาน โดยจะยกร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ขึ้นใหม่ ว่าด้วยเรื่องสำคัญ คือภารกิจของสมเด็จ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ อำนาจหน้าทีของมหาเถรสมาคม กฎนิคหกรรม การบิรหารวัด ศาสนสมบัติ หน้าทีของกรมการศาสนาในฐานะเป็นเลขานุการมหาเถรฯ และชุดที่ 4 คือคณะนอุกรรมการ ยกร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ ์และคุ้มของพระพุทธศาสนามีนายอำนวยเป็นประธาน
นายอำนวยกล่าวอีกว่า ในการประชุมมีผู้เสนอให้ตั้งคณะวินัยธรณ์ขึ้นมาที่ส่วนกลาง เพื่อแก้ปัญหา อยางเบ็ดเสร็จ ไม่ต้องส่งเรื่อง ไปให้เจ้าคณะภาค จังหวัด ตำบล อำเภอ ทำไปคนละทิศทางเหมือนกับที่เป็นอยู่ และมีพระสงฆ์ ที่เป็นกรรมการชุดน ี้เสนอว่าควรเพิ่มโทษกับพระที่สร้างปัญหาให้ศาสนาให้หนักกว่าเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายการประชุมมีคนแปลกหน้า 2 คนเป็นศิษย์วัดพระธรรมกายเข้าประชุมด้วย โดยเจ้าหน้าที่ กรมการศาสนารายงานให้ นายพิภพทราบและรายงานต่อไปยังนายสุรัฐ จากนั้นนายพิภพ เดินมาถามศิษย์วัดทั้งคู่ว่า เป็นใครก็ได้รับคำตอบว่า เป็นชาวพุทธมีสิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ และไม่มีใครเชิญมา นายพิภพถามว่า ป็นศิษย์วัดพระธรรมกายใช่หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าใช่ พร้อมขอโทษที่เข้ามาร่วมประชุม โดย 1 ในศิษย์วัดที่มาวันนี้ คือนายอดิศักดิ์ วรรณศิลป์ ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการยกร่างแก้ไขพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ด้วย โดยอ้างว่ามีผลกระทบต่อศาสนา เป็นการให้ฆราวาส เข้ามามีอำนาจปกครองสงฆ์ และยังให้แม่ชีมีส่วนร่วมการยกร่าง ถมยังนำกรณี วัดพระธรรกมาย มาเป็นตัวอย่างในการพิจารณาแก้ไขด้วย ส่วนดร.สุรัฐกล่าวว่า กรณีมีศิษย์วัดพระธรรมกาย เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การทำเช่นนี้น่าจะพิจารณาตัวเองว่าเหมาะสมหรือไม่
นายอำนวยกล่าวว่า ถ้าศิษย์วัดพระธรรกมายต้องกาเข้าประชุมาควรบอกอย่างตรงไปตรงมา ทำเช่นนี้เหมือนเจนาไม่บริสุทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างนายอำนวยแถลงข่าวก็ได้มีศิษย์ธรรมกายอีกคนทำตัวเป็นนักข่าวเอาเทปมาอัดคำแถลง ซึ่งผู้สื่อข่าวจำได้ เป็นศิษย์นายไชยบูลย์ จึงได้ถามว่ามาจากหนังสือพิมพ์ฉบับไหน ก็ได้รับการโกหกว่า มาจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับหนึ่ง ซึ่งผู้สื่อข่าวก็บอกว่าฉบับนี้ไม่เคยทำข่าวเรื่องนี้ และยืนยันไม่ใช่นักข่าวแน่ เจ้าหน้าที่กระทรวง และนายอำนวยได้ขอดูบัตรประจำตัวนักข่าว ก็ได้รับคำตอบว่าอยู่ในรถ จากนั้นสาวกนายไชยบูลย์ ผู้นี้เดินออกไป โดยระหว่างการถูกซัก ก็มือไม้สั่นตลอดแต่ก็สวนกลับบ้างว่าเป็นสิทธิที่มาทำข่าว
ด้านนายพิภพ กล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ มอบหมายให้ไปเร่งแก้ปัญหา การฟ้องร้องตามกฎนิคหกรรมว่า ได้เตรียมการแล้ว ระหว่างที่ซักถาม นายพิภพมีอารมณ์ฉุนเฉียว และพูดว่า ทำไมต้องบอกรายละเอียดให้ทราบด้วย จากนั้นเดินเข้าห้อง ปิดประตูใส่หน้าผู้สื่อข่าวทำให้ทุกคนงงไปตาม ๆ กัน
ที่กองปราบปรามวันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.30 น. นายถาวร พรหมถาวร ลูกศิษย์คนสำคัญ ของวัดพระธรรมกาย ได้เดินทางเข้าพบพนักงาน สอบสวนประกอบด้วยพ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผกก. 3 ป.และพ.ต.ท.ระพีพงษ์ สุพรศรี รองผกก. 3 ป. เพื่อให้ปากคำในฐานะ ผู้เกี่ยวข้องกับการซื้อที่ดินของนายไชยบูลย์ใน อ.วังทรายพูล จ.พิจิตร ตามคำให้การ ของนายชาญวิทย์ เปรมกมล เจ้าของที่ดินผืนดังกล่าว
หลังให้ปากคำนายถาวรกล่าวว่า คำให้การของนายชาญวิทย ์เกี่ยวการซื้อที่ดิน ของนายไชยบูลย์นั้น คิดว่าคงมีเหตุผลบางอย่างจึงให้การไปอย่างนั้น จริงๆแล้วเสียดายความรู้ ความสามารถ ของนายชาญวิทย์ แต่เท่าที่รู้การดำเนินชีวิตของนายชาญวิทย์นั้นผิดทาง จึงเกิดสภาพเช่นปัจจุบัน
นายถาวรกล่าวเรื่องการเดินทางไปดูที่ดินที่จ.พิจิตรข้อเท็จจริงว่า การซื้อขายที่ดินนั้น เป็นเป็นเรื่องจริง และเป็นการซื้อเพื่อนำไปมอบให้แก่นายไชยบูลย์โดยตรง ไม่ได้มอบให้แก่วัด ซึ่งเรื่องนี้เป็นผู้ดำเนินการด้วยตนเองทั้งหมด เพราะมีความต้องการ ที่จะทำบุญและมีส่วนร่วมในการสร้างคุณงามความดี ส่วนสาเหตุที่ซื้อที่ดินผืนดังกล่าวนั้น เพราะเห็นว่า เหมาะที่จะใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของญาติโยม ข้อเท็จจริงก็มีเพียงแค่นี้ไม่มีซับซ้อนทั้งสิ้น และนายไชยบูลย์ก็ได้เดินทางด้วยตนเอง แต่ไม่ไดี้ส่วนเกี่ยวข้องในการซื้อขายที่ดินแต่อย่างใด ขณะที่นายถาวรให้สัมภาษณ์ก็พยายามหลบเลี่ยงตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับนายไชยบูลย์ และเมื่อถูกซักถามหนักเข้ามีปฏิกิริยา มือไม้สั่นอยู่ตลอด จนกระทั่งผู้ติดตามมาด้วยต้องเขียนโน๊ตให้นายถาวรหยุดการให้สัมภาษณ์
นอกจากนี้ในวันเดียวกันพ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผกก. 3 ป. ได้ดำเนินการออกหมายเรียกตัวพระภาวนาวิริยคุณหรือพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย รวมทั้งพระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ และพล.อ.ท.วีระวุธ สวเปารยะ ไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย มาดำเนินการสอบปากคำที่กองปราบปรามในวันที่ 22 ก.ค.นี้ เนื่องจากที่ผ่านมานั้นพนักงานสอบสวนได้พยายามติดตามตัวมาให้ปากคำโดยตลอด แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากบุคคลทั้ง 3 การออกหมายเรียกครั้งนี้จะถือเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่มาให้ปากคำ อีกทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายจับกุใทันที
กระทั่งเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีที่ดินวัดพระธรรมกาย พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัตร ผช.ผบช.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางไปยังวัดโสธรวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อศึกษาวิธีการดำเนินงานของไวยาวัจกรของวัดโสธรฯ ซึ่งเป็นวัดที่มีกระแสเงินบริจาคไหลเข้าวัด เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับวัดพระธรรมกาย เพื่อเปรียบเทียบและศึกษาในกรณีที่วัดพระธรรมกายเพิ่งแต่งตั้งไวยาวัจกร ทั้งที่วัดนั้นได้ตั้งมาเป็นเวลานานแล้ว และก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการแต่งตั้งผู้ที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวด้วย โดยไวยาวัจกรของวัดโสธรวรวิหารได้แสดงบัญชีทรัพย์สินให้ดูอย่างละเอีดย พร้อมที่ดิน สินทรัพย์ทั้งหมดที่เป็นชื่อวัด ไม่มีการใส่ชื่อคนอื่นเลย จากนั้นพล.ต.ท.วาสนาเดินทางกลับเพื่อมาสอบปากคำนายถาวร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงานสอบสวนยังเดินทางไปค้นบ้านนายถาวรด้วย ที่เขตสายไหม กทม.
พล.ต.ท.วาสนายังกล่าวในรายการเพื่อบ้านเมือง เกี่ยวกับการที่พระเผด็จ ทัตตชีโวและพระปลัดสุธรรม สุธัมโม อ้างเรื่องเจ็บป่วยมาเลื่อนการให้ปากคำว่า ไม่ขอวิจารณ์แต่ตนให้โอกาสพอสมควร หากไม่คืบหน้จำเป็นต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งภายในกรอบที่ทำได้ และได้หารือกับพนักงานสอบสวนผู้ใหญ่หลายท่นแล้ว หากติดต่อไม่ได้ก็มีทางออก โดยได้อ้างวาป่วยเป็ฯโรคภูมิแพ ้และต้องเตรียมงานบุญใหญ่ในวันเข้าพรรษาซึ่งตรงกับวันที่ 28 ก.ค.นี้ ซึ่งไม่ต้องห่วง เพราะได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูและรายงานข้อเท็จจริงแล้ว
ผมรู้สึกแปลกใจเมหือนกับ ที่เรื่องการดำเนินธุรกิจเกิดขึ้นในวัด เพราะตนทำบุญเป็นประจำและบ่ยอมา เมื่อทำไปแล้วไม่สนว่าเงวิน จะไหลเวียนไปทางไหน ไม่สนใจทั้งนั้น แต่เมื่อมาทำงาน เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ก็รู้สึกว่าหากจะทำบุญก็จะเลือกทำเป็นบางวัด"
สำหรับโครงการบ้านกัลยาณมิตร แม้ไม่ใช่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรง แต่ต้องหาข่าวและข้อมูลเหมือนกัน เรื่องนี้น่าจะเป็นกรมการศาสนาไปดูแลมากกว่า โดยเฉพาะการบอกบุญในโครงการต่าง ๆ
พระมหาบุญถึง ชุตินธโร ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย กล่าวรายการเดียวกันว่า ได้ติดตามโครงการบริจาคต่างๆ ของวัดพระธรรมกาย มาตลอดจำได้ว่าเคยบอกโลกจะสันติสุขถ้าสร้างธรรมกายเจดีย์ ในเสร็จทันปี 2543 แต่พอสร้าง ไม่ได้ก็บอกว่า จะสร้างบ้านกัลยาณมิตรได้ 1 หมื่นหลังทั่วโลกในปีเดียวกัน โลกจะไม่ถึงกาลวิบัติ ถือว่าลวงโลกไปวัน ๆ ตอนนี้ถึงทางตันแล้ว
ปัญหาธรรมกายทั้งคณะสงฆ์ และบ้านเมืองไม่มีความจริงใจ ตอนนี้พึ่งได้แต่ตำรวจ ที่มีพล.ต.ท.วาสนาเป็นหัวหน้าชุด พระสงฆ์จำนวนมากก็ฝากให้อาตมาให้กำลัง ขอภาวนาให้ทำหน้าที่ ให้ถึงที่สุด และประสบความสำเร็จ เพราะดูแล้วทำงานจริงจัง จริงใจ ยิ่งสอบลึกเท่าไหร่ยิ่งมีข้อมูลออกมา"
พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รอง ผกก.3 ป. กล่าวว่าได้ทำหนังสือถึง กองปกครองและทะเบียน สำนักงานปลัดกทม. เพื่อขอเอกสารประกอบการสอบสวน เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามูลนิธิธรรมกายเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดี และจากกการตรวจสอบเอกสารพบว่า มูลนิธิธรรมกาย เดิมจดทะเบียนไว้กับกทม. ใช้ชื่อมูลนิธิธรรมประสิทธิ์หมายเลข 613 กองกำกับการ 3 ป.ทำหนังสือไปเพื่อขอให้ส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนมูลนิธิ ตั้งแต่ปี 2520 กระทั่งเปลี่ยนเป็นชื่อเป็นมูลนิธิธรรมกาย เพื่อนำมาประกอบการสอบสวนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงานสอบสวนเจอเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับบัญชีการใช้จ่ายของนายไชยบูลย์ โดยมีหลักฐานโอนเงินจำนวน 1,145,696,610 บาท ให้กับผู้ใกล้ชิดคนหนึ่งซึ่งเงินดังกล่าวพนักงานสอบสวนพบว่าเป็น 1 ใน 10 บัญชีหรืออาจเป็น 20 บัญชี นอกจากนั้นยังพบบัญขีที่มีการโอนเงินให้หลาย ๆคน จำนวนกว่า 100 ล้านบาทด้วย