เดลินิวส์ 18/7/2542
หลักฐานมัดทุจริตไชยบูลย์โอนที่วัด
พระปลอม"ไชยบูลย์"ถูกหวยคดีแรกแน่แล้ว ตำรวจเจอหลักบษนเล่นงาน ป.อาญา 157 เป็นเจ้าพนักงานทุจริต โอนที่ดินของวัดเป็นของตัวเอง ทำให้วัด ราชการเสียหายโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี มีปากคำอดีต รมช.ศึกษาฯ-อธิบดีกรมการศาสนา-เจ้าคณะภาค 1 มัดคอ"วาสนา"ตั้งทีมสอบสวนเพิ่ม 18 นาย ดึงนายตำรวจภูธรพุ่งเป้าหาข้อมูลหลักฐานที่ดิน 6 จังหวัด พร้อม"อัศวิน ขวัญเมือง"อาศัยอำนาจกองปราบฯ เล่นงานคดีฉ้อโกง-แจ้งความเท็จ"ทัตตชีโว-สุธัมโม"เลื่อนให้ปากคำอีก เตรียมเรียกาวกสนิท"สีกาสงบ"สอบสัปดาห์หน้าพระปักษ์ใต้ถูกสาวกบุกถ่ายรูป หวั่นเอาไปปั่นข้อมูลผิดเพี้ยน ให้ประชาชนเข้าใจผิดมีพระหนุนวัดฉาวจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย เรียกประชุมทีมงานสอบสวนอีกครั้ง โดย พล.ต.ท. วาสนากล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าพนักงานสอบสวนจะเรียกพยานและผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำอีกกว่า 10 คน ส่วนพยานอื่น ๆ พนักงานสอบสวนที่ออกไปในพื้นที่จะรวบรวมส่งมาให้พิจารณา
"ขณะนี้เราได้ตรวจสอบเอกสาร หลัก ฐานต่าง ๆ ที่เชียงใหม่และเลย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก สำหรับที่เลย พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผกก.3 ป. ที่ขึ้นไปตรวจสอบก็ยังไม่ได้รายงานเข้ามา คิดว่าในวันจันทร์นี้จะทราบเรื่อง ส่วนเอกสารอื่น ๆ ที่ได้ตรวจสอบไปแล้ว และยังไม่สมบูรณ์จะตรวจสอบเพิ่มเติม เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมาหลายสิบปีแล้ว ต้องทำด้วยความละเอียดและรอบคอบ"
พล.ต.ท.วาสนากล่าวอีกว่าในวันนี้ได้เชิญพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสและพระปลัด สุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกายมาสอบปากคำ แต่ทั้ง 2 รูปแจ้งว่าป่วย ไม่สามารถเดินทางมาให้ปากคำได้ ซึ่งต้องนัดหมายใหม่อีกครั้ง คาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า แต่ยังไม่สามารถระบุสถานที่ และในวันที่ 20 ก.ค.นี้จะนัดนายถาวร พรหมถาวร คนสนิทของนายไชยบูลย์และมีชื่อเข้าไปกว้านซื้อที่ดินให้นายไชยบูลย์มา สอบปากคำ รวมถึงจะนัดนางสงบ ปัญญาตรง สีกาสนิทอีกคนที่มีการโอนเงินผ่านไปมาหลายครั้ง มาสอบปากคำในวันที่ 21 ก.ค.นี้
สำหรับการสอบบัญชีเงินฝากของธนาคารต่าง ๆ ขณะนี้กำลังประสบปัญหา เนื่องจากมีการนำเอามาเปิดเผย ทำให้ธนาคาร ต่าง ๆ กลัวว่าจะถูกเจ้าของบัญชีฟ้องร้อง ทำให้พนักงานสอบสวนดำเนินการลำบาก อย่างไร ก็ตามจะต้องหาวิธีการขอเอกสารมาให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายตำรวจที่เข้าร่วมการประชุมในวันนี้ อาทิ พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัตร ผู้ช่วยจเรตำรวจ, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก. 1 ป., พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รอง ผกก. 3 ป., พ.ต.ท.ระพีพงษ์ สุพรศรี รอง ผกก. 3 ป. และ พ.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร สว.ผ.5 กก 3 ป.
นอกจากนั้นการประชุมในวันนี้ยังมีการเสนอรายชื่อตำรวจพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม 18 นายเพื่อเร่งคลี่คลายคดีด้วย ได้แก่ 1. พล.ต.ต. อัศวิน ขวัญเมือง ผบก.ป., 2. พ.ต.อ.บรรฑป สุคนธมาน ผกก.สภ.อ.เชียงใหม่,3.พ.ต.อ.ประธาน จันทรศรีวงศ์ ผกก.สภ.อ.เมืองพิจิตร, 4. พ.ต.อ. ประชิด ปัทมดิลก ผกก.สภ.อ.ภูเรือ จว.เลย, 5. พ.ต.อ.อุดมชัย อมาตยกุล ผกก.สภ.อ.ด่านซ้าย จว.เลย, 6.พ.ต.ท.บรรจงศักดิ์ พงษ์พิทักษ์ รอง ผกก. (สส.) สภ.อ.เมืองตราด, 7.พ.ต.ท.เชน กาญจนปัจน์ รอง ผกก. 1 ป., 8.พ.ต.ท.ศุภพล อรุณสิทธิ์ รองผกก. 3 ป.
9. พ.ต.ท วิรัช อาภาเขต รอง ผกก. ฝอ.คด., 10.พ.ต.ท.เสวก เอี่ยมมงคล สวป.สภ.อ. ชนแดน จว. เพชรบูรณ์, 11. พ.ต.ต.พัฒนะ ศุกรสุต สว.ผ.4.กก. 1 ป., 12. ร.ต.อ.พล พิชัยยุทธ สว.ผ.4 กก. 3 ป., 13. ร.ต.อ.ปัญญา นวตระกูลพิสุทธิ์ รอง สวป.สน.ลุมพินี,14.ร.ต.อ.อนุชา รัศมี รอง สว.งาน 1 กก. 2 สศก.
15. ร.ต.ท.วชิรพันธ์ ศิริพากษ์ พงส. (สบ. 1) สภ.อ.เกาะสีชัง จว.ชลบุรี, 16. ร.ต.ต.ก่อเกียรติ ชื่นชม รอง สว.ผ. 5 กก. 3 ป., 17. ร.ต.ต.กฤษณพงศ์ พูตระกูล รอง สว.ผ. 4 กก. 3 ป. และ 18. ร.ต.ต.สุทธิชัย วงศมณี รอง สว.ผ. 2 กก. 3 ป.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่ารายชื่อพนักงานสอบสวนที่เพิ่มขึ้นนี้ แสดงให้เห็นความตั้งใจที่จะหาหลักฐานที่แน่นหนา โดยเฉพาะได้มีการดึงเอาพล.ต.ต.อัศวิน มาอยู่ในทีมเพราะกองปราบปรามมีอำนาจสอบสวนทั้งประเทศ นอกจากนั้นยังแต่งตั้งนายตำรวจในจังหวัดต่าง ๆ ที่พนักงานสอบสวนเห็นว่าจะมีหลักฐานในการเอาผิดกับนายไชยบูลย์เรื่องที่ดินมาเพิ่มด้วย ได้แก่ที่เชียงใหม่, พิจิตร, เลย, ตราด, เพชรบูรณ์ และชลบุรี
ส่วนการรวบรวมหลักฐานเพื่อเล่นงานนายไชยบูลย์นั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้หลักฐานความผิดในบางข้อหาแล้ว จากที่กรมการศาสนายื่นเรื่องไว้ 3 ข้อหาคือ การแจ้งความเท็จ,การเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และการเป็นเจ้าพนักงานแล้วทุจริตต่อหน้าที่ โดยหลักฐานที่ชัดก็คือการผิดในฐานะเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในเรื่องที่ดิน
ทั้งนี้ จากหลักฐานก็คือมหาเถรสมาคมมอบหมายให้กรมการศาสนา ดำเนินการแนะนำให้นายไชยบูลย์ปฏิบัติเกี่ยวกับการถือครองที่ดินให้ถูกต้องเหมาะสม และนายอาคม เอ่งฉ้วน อดีตรมช.ศึกษาธิการ มอบให้นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา รายงานเรื่องการถือครองที่ดินของนายไชยบูลย์เข้าที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 4 พ.ค. และ ครม.มีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสะดวกในการโอนที่ดิน ที่เป็นชื่อของนายไชยบูลย์ให้เป็นชื่อของวัด
ในวันที่ 5 พ.ค. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีลายพระหัตถ์ในเรื่องที่ดินว่า ในเรื่องที่ดินนั้นส่วนที่มิใช่การลงโทษ แต่เป็นการกระทำที่ถูกต้องคือต้องโอนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะที่เป็นพระให้แก่วัดทันที กรมการศาสนาจึงมีหนังสือให้นายไชยบูลย์โอนที่ดินเป็นของวัดและนัดหมายการโอนที่ดินในวันที่ 9 พ.ค. โดยไปพบกับพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ในฐานะเจ้าคณะภาค 1
ต่อมาในวันที่ 8 พ.ค.ได้มีการนัดหมายกันใหม่ในเวลา 15.00 น. ถึงเรื่องการโอนที่ดิน โดยนายอาคม, นายพิภพ และเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา พบตัวแทนของวัดคือพระเผด็จ ทัตตชีโวและพระปลัดสุธรรม สุธัมโม โดยมอบหนังสือแสดงเจตนายกที่ดินที่มีชื่อนายไชยบูลย์ให้เป็นชื่อวัดพระธรรมกายหรือมูลนิธิธรรมกาย โดยไม่ได้นำเอาหลักฐานเกี่ยวกับโฉนดที่ดินมาด้วย นอกจากนั้นในวันที่ 9 พ.ค. ยังมีหนังสือแจ้งอีกไปถึงนายอาคม, นายพิภพและพระพรหมโมลีว่า เจ้าของที่ดินมอบที่ดินให้ตนเป็นการส่วนตัว และต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของที่ดินเสียก่อน ถึงโอนได้
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่าที่ดินที่ได้รับบริจาคนั้นบางแปลงเจ้าของที่ดิน ต้องการยกให้วัดไม่ได้ยกให้นายไชยบูลย์เป็นการส่วนตัว การที่มีหนังสือแจ้งไปยังผู้เกี่ยวข้องซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานว่า ที่ดินเป็นของตนเอง การกระทำนี้ทำให้วัดพระธรรมกายและกรมการศาสนาเสียหาย จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 สำหรับลักษณะความผิดตามมาตรา 157 การเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตจะต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ คือ 1. เป็นเจ้าพนักงาน 2.ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และ3.โดยเจตนา ซึ่งนายไชยบูลย์เป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 การที่เอาที่ดินที่ยกให้วัดใส่ชื่อตัวเอง จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมาย โดยเจตนา ข้อกฎหมายนี้หากนายไชยบูลย์ผิดจริงก็ต้องโทษจำคุก 1-10 ปี
ขณะเดียวกัน "เดลินิวส์" ได้รับการร้องเรียนจากพระลูกวัดแห่งหนึ่งในภาคใต้ว่า ได้มีสาวกของวัดพระธรรมกายจำนวนหนึ่งพร้อมด้วยอุปกรณ์การถ่ายภาพที่ทันสมัย เดินทางมาขอถ่ายภาพพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะจังหวัดทั่วภาคใต้ โดยอ้างว่าเดินทางมารวบรวมข้อมูลประวัติและภาพถ่าย เพื่อนำกลับไปจัดทำหนังสือสังฆาธิการแจกจ่ายให้กับชาวพุทธได้มีไว้ศึกษา แต่จากการสังเกตลักษณะท่าทางกลับพบว่ามีการห้อยพระรุ่นดูดทรัพย์ของวัดพระธรรมกาย เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ้าคณะจังหวัดจึงไม่ยินยอมให้บันทึกภาพ แต่ได้รับการต่อรองว่าจะถวายปัจจัยให้ไว้ใช้จ่ายในกิจสงฆ์ เมื่อเจ้าคณะจังหวัดไม่ยินยอมให้ถ่ายอีก ก็หันมาใช้วิธีแอบถ่ายไปจนได้ เมื่อพระลูกวัดเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่แล้ว จึงได้พูดจาหว่านล้อมเพื่อขอฟิล์มไว้ แต่ได้รับการปฏิเสธและรีบหลบหนีออกจากวัดไป
"อาตมาได้ตรวจสอบไปยังเจ้าคณะจังหวัดต่าง ๆ ในภาคใต้ที่คุ้นเคยกัน ก็ได้รับการยืนยันว่ามีสาวกจากวัดพระธรรมกายมาขอถ่ายรูปไปเช่นกัน ซึ่งก็เป็นที่หวาดหวั่นของพระผู้ใหญ่ที่ถูกถ่ายรูปไป โดยเกรงว่าจะนำไปทำหนังสือกัลยาณมิตรของวัดพระธรรมกาย แล้วบรรยายภาพว่าได้รับการสนับสนุนจากพระผู้ใหญ่ระดับจังหวัด เรื่องนี้ก็ไม่ได้วางใจ อาตมาได้ติดต่อไปยังพระเลขาฯ สมเด็จพระสังฆราช ก็ได้รับคำชี้แนะให้แจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบ เพื่อไม่ให้สาวกของวัดพระธรรมกายนำเอารูปภาพที่ได้ไปแอบอ้าง"
อย่างไรก็ตามหนังสือกัลยาณมิตรฉบับพระสังฆาธิการของวัดพระธรรมกาย เคยได้ลงพิมพ์ภาพของสมเด็จพระสังฆราชและพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในหนังสือดังกล่าว โดยมีข้อความว่าจะนำภาพและประวัติพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะจังหวัดมาลงพิมพ์ในปี 2540 เมื่อผู้ที่ได้อ่านแล้วอาจเกิดความสับสนว่ามีพระผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนวัดพระธรรมกาย เช่นกันหากการตีพิมพ์ภาพเจ้าคณะจังหวัดเผยแพร่อีก ก็จะทำให้ชาวพุทธสับสนสำคัญผิดว่าวัดพระธรรมกายได้รับการสนับสนุนจากเจ้าคณะจังหวัด เพื่อกลบข่าวกรณีวัดพระธรรมกายจนดูว่าวัดยังดีอยู่.