page4

เดลินิวส์ 17/7/2542

สอบ'สอง-ทัตตชีโว'คำให้การยังไร้ค่า ต่อรูปคดี

กองปราบ ขยายผลสอบมูลนิธิธรรมกายเพิ่ม สางเส้นทางเงินเป็นแหล่งผ่องถ่ายให้วัดสูบบุญสาวก มาใช้สร้างความมั่งคั่งให้มูลนิธิ ขณะที่ "ไชยบูลย์" เตรียมสู้ ป้องกัน ถูกถลกจีวร ระบุถ้าไม่ให้ประ กันจะมีความเสียหายที่ใครก็ไม่อาจให้คืนทั้งอายุพรรษา-สมณศักดิ์ สอบปากคำ"สอง-ทัตตชีโว"ไร้ผล คำให้การ ไม่เกิดประโยชน ์ต่อรูปคดี ต้องรอชุดสอบสวนจังหวัดเลยกลับจากพื้นที่เค้นรอบ 2 พระครูปทุมกิจโกศลเผยอปากยอมรับให้สัมภาษณ์พาดพิงลายพระหัตถ์จริง อ้างถูกนักข่าว ซักมากเกินแถมเครียดจากการถูกตำรวจสอบผสมเข้าให้อีก

เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา รายงานข่าวจากกองปราบปรามเปิดเผยว่าพนักงานสอบสวนจะขยายผลการสอบนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย โดยมุ่งไปสอบ ความสัมพันธ์และความเกี่ยวโยง กับมูลนิธิธรรมกายด้วย เนื่องจากนายไชยบูลย์เป็นประธานมูลนิธิและมีอำนาจสิทธิขาดในการตัดสินใจเพียงคนเดียว

นอกจากนั้น สิ่งที่ตำรวจสนใจก็คือนายไชยบูลย์ใช้วัดพระธรรมกายเป็นที่ระดมทุน แต่ทว่าเงินทองใช้จ่ายออกไปโดยสร้างสมบัติ ทรัพย์สินให้กับมูลนิธิทั้งสิ้น โดยวัดพระธรรมกาย จะมีเพียงที่ดิน 196 ไร่ที่เป็นที่ดินเดิมที่ได้รับการบริจาคสร้างวัด ส่วนที่ดินที่ได้มาภายหลังถ้าไม่ใส่ชื่อนายไชยบูลย์ก็เป็นของมูลนิธิ เหมือนกับเป็นการ ผ่องถ่ายทรัพย์สิน ที่เป็นสมบัติของวัดออกไป และมูลนิธิจะแยกขาดออกจากวัด ปัจจุบันคาดว่ามูลนิธิมีมูลค่าทรัพย์สินนับหมื่น ๆ ล้านบาท

การสอบสวน จะหาข้อมูลตั้งแต่การตั้งวัด ,การจดทะเบียนมูลนิธิ และบัญชีงบดุลของมูลนิธิ พร้อมหาหลักฐานผู้ใดรับผิดชอบส่วนใด โดยให้สอบสวนจนสุดสาย นอกจากนั้นจะสอบสวน กระบวนการซื้อทีดิ่นด้วยทั้งราคาซื้อขาย การจ่ายเงิน ใครให้ ใครเป็นผู้เสียภาษี หรือการมอบอำนาจ หาหลักฐานการเสียภาษาทุกประเภท โดยให้ทำบัญชีออกออกมา ปัจจุบันที่ดินเหล่านนี้เป็นอย่างไร มีการประกอบศาสนกิจหรือไม่

สำหรับที่ดินที่มีชื่อ ของนายไชยบูลย์นั้นได้พบหลักฐานหลายแปลงว่า ที่มีการอ้างว่ายกให้แท้ที่จริงแล้วซื้อขายกันก่อน และต่อมาทำหนังสือยกให้ภายหลัง รวมถึงที่ดินบางแปลง คนบริจาคต้องการโอนให้กับวัด แต่กลับไปใส่ชื่อนายไชยบูลย์

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าว รายงานจากวัดพระธรรมกายว่า ขณะนี้วัดเตรียมทางต่อสู้ทางกฎหมายไว ้กรณีที่กองปราบปราม จะแจ้งความดำเนินคดี กับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย หลังจากที่มีรายงานข่าวเป็นระยะ ๆ ว่าตำรวจพบหลักฐาน การยักยอกนำเงินวัด ไปซื้อที่ดินใส่ชื่อตัวเองมากมาย เป้าหมายสำคัญที่วัดต้องการ ก็คือถึงแม้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ตำรวจต้องให้ประกันตัว โดยห้ามจับถอดผ้าเหลืองออกจากร่าง ประเด็นที่วัดจะยกขึ้นมาอ้างจะอาทิสิ่งที่นายไชยบูลย์จะสูญเสีย หากมีการจับสึก ต่อไปหากต่อสู้ทางศาลและนายไชยบูลย์เกิดชนะคดีขึ้นมาสิ่งนี้จะเรียกคืนไม่ได้ ซึ่งได้แก่สมณศักดิ์ ที่นายไชยบูลย์ได้รับ สมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นราช หากถูกจับสึกสมณศักดิ์ดังกล่าว ก็จะสูญเสียไป เรียกคืนไม่ได้ นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญก็คืออายุพรรษา ที่ถ้าถูกจับสึกอายุพรรษา ของนายไชยบูลย์จะขาดทันที ถึงแม้จะบวชใหม ่ก็ต้องนับอายุพรรษาใหม่ เป็นสิ่งที่เรียกคืนมาไม่ได้

ส่วนประเด็นข้อกฎหมายอื่น ที่จะยกขึ้นมาสู้ก็คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีอำนาจดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นหน่วยงาน ที่ตั้งขึ้นใหม่แทนกรมตำรวจ ไม่มีกฎหมายใด ๆ รับรองอำนาจ หรือพระราชบัญญัติใดรับรองเรื่องแบบการแต่งกาย กฎหมายของเดิม เป็นการรับรองอำนาจของกรมตำรวจ จึงมิอาจมาปรับใช้ได้หลายบทหลายมาตรา ทำให้มีปัญหาในข้อกฎหมาย ในเรื่องอำนาจ ดังนั้นอำนาจบางอย่างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาทิที่ให้ไว้ในป.วิ.อาญาก็ถูกเพิกถอนไปหลายมาตรา

เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตุการณ์ที่บริเวณบ้านของ นพ. บัญชาและนางสงบ ซึ่งเป็นบ้านทรงสเปน ซึ่งมีห้องหลายห้อง ลึกลับซับซอน บริเวณหน้าบ้าน เป็นที่ปลูกผลไม้หลายพันธุ์ มีเนื้อที่กว่า 4 ไร่เศษ หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่กองปราบ ได้นำหมายศาล เข้าตรวจค้นวันที่ 14 กค. และได้เอกสารหลากหลายรายการกว่า 66 รายการที่เกี่ยวข้องกับ วัดพระธรรมกาย ทั้งนพ. บัญชาและนางสงบ ปัญญาตรง จะเดินทางไปที่กองปราบเพื่อให้ปากคำในวันที่ 21 กค. นี้และในวันนี้ปรากฎว่าบ้านดังกล่าวที่ตั้งอยู่เลขที่ 14/6 ซอยสุขใจ ถนนห้วยแก้ว ต. ช้างเผือก จ. เชียงใหม่ ได้ถูกปิดตายด้านหน้าจะเข้าออกเพียงประตูด้านหลังเท่านั้น ผู้สื่อข่าว ได้สอบถามชาวบ้าน ที่อยู่ข้างเคียงต่างก็เล่าว่าเคยเห็นพระจากกรุงเทพฯเข้าออกเป็นประจำ และที่นุ่งขาวห่มข่าวอีก ต่อมาระยะหลังที่มีข่าว ที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ก็ไม่มีใครมาอีกเลย ประตูด้านหน้าถูกปิด มาใช้ประตูด้านหลังเข้าออกบ้านแทน ส่วนบริเวณรอบรั้วบ้าน มีเครื่องป้องกันอย่างแน่นหนาจะเป็นกำแพงสูงกว่า 4 เมตรไม่สามารถ ที่จะมองทะลุผ่านได้ ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมา ก็ไม่ทราบว่าข้างในทำอะไรกัน

เวลา 16.00 น.ที่กองปราบปราม นายสอง วัชรศรีโรจน์ เซียนหุ้นและศิษย์เอกวัดพระธรรมกายเดินทางมาให้คำกับพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.1ป. ตามหมายเรียกในฐานะพยาน ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย และโอนที่ดินให้กับนายไชยบูลย์เป็นจำนวนมาก ทั้งจ.เลยและจ.เพชรบูรณ์

นายสองเปิดเผยว่า ตนไม่ทราบตำรวจเรียกตัวมาในฐานะอะไรเป็นเรื่องอไร ที่ผ่านมาที่ไม่มาพบ เพราะติดต่อกระชั้นชิดไป ไม่สะดวกที่จะเดินทางมา สวนที่มีการออกข่าวต่าง ๆ นา ๆ เชื่อว่าตำรวจ ต้องทำตามสื่อที่คอยชี้นำ ไม่ถูกต้องที่มีการทำเช่นนี้ และที่มาก็ต้องการถาม ตำรวจว่าเรียกมาในเรื่องอะไร ข้อหาอะไร เพราะไม่เข้าใจในหมายเรียก

"เรื่องที่เกิดขึ้นผมไม่ได้ติตดามข่าว วรู้สึกว่าสื่อของบ้นเรามีทั้งฉันทมติและอคติ รักใครชอบใครก็เขียนเชียร์กันไป ด่ากันไป ไม่ได้สนใจอ่าน ผมไปปักกลดถือศีลที่วัดตั้งแต่ปี 2524 เห็นว่าวัดทำดีมาตลอดในหลาย ๆ เรื่อง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นวัดไม่ได้รับความเป็นธรรม อยากถามสื่อว่า ไม่กลัวตกนรกกันบ้งหรือที่ลงข่าวกันเช่นนี้ โบราณเขาไม่ยุ่งเรื่องพระเรื่องเจ้า ปัจจุบันไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ด่ากันทั้งวัดทัพระเช่นนี้ "

ส่วนเรื่องที่ดิน ที่มีชื่อเป็นผู้บริจาคให้นายไชยบูลย์นั้น นายสองกล่าวว่าตนถวายจริงไม่ทราบจำนวน เพราะทำมาตลอด แต่ไม่เคยซื้อขายและทำธุรกิจกับวัด คิดว่าวัดบริสุทธ์

"ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง บ้านเมืองถึงวิกฤตเช่นนี้ เกิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย เวรกรรมมีจริงไม่ต้องรอชาติหน้า ชาตินี้ก็ทัน สื่อมันถึงได้ปิดไปหลายฉบับไง"

หลังการสอบสวนโดยใช้เวลา 2 ชั่วโม.พ.ต.อ. ทวีกล่าวว่าการสอบปากคำเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากพอควร แต่เปิดเผยไม่ได ้เพราะเป็นความลับทางคดี

นายสมศักดิ์ ปริศนานันกุล รมว.ศึกษาธิการเปิดเผยภายหลังการหารือกับนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา และนายสุทธิวงศ์� ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา ว่าตนมอบหมายให้ นายพิภพไปเร่งแก้ปัญหาและอุปสรรคกรณีวัดพระธรรมกายที่ล้าช้า โดยเฉพาะ การที่เจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานีไม่ยอมเรียก นายไชยบูลย์ไปรับทราบ ข้อกล่าวหาทั้งที่ยื่นฟ้อง ตามกฎนิคหกรรมไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. ในการแก้ปัญหาให้ไปดูกฎนิคหกรรมด้วยจะแก้ไขหรือกำหนดระยะเวลาในการดำเนินงานที่ชัดเจนหรือไม่ และถึงแม้ไม่มีการกำหนดเวลาไว้ แต่ขอให้เร่งได้หรือไม่เพราะเวลาล่วงเลยมานาน เพื่อเรียกศรัทธาของชาวพุทธคืนมา

ด้านนายสุทธิวงศ์กล่าวว่า ตนแจ้งให้นายสมศักดิ์ทราบว่าได้ไปพบเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีมาเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งได้รับคำตอบว่า ยังมีข้อสงสัยในเรื่องกฎนิคหกรรม ต้องทำความกระจ่าง และต้องได้รับคำตอบจากเจ้าคณะภาค 1 ก่อน และในกฎนิคหกรรมไม่ได้ให้อำนาจ กรมการศาสนาไปกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาต้องเสร็จเมื่อใด

"รมว.ศึกษาธิการมอบให้กรม ไปกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาว่าจะต้องแล้วเสร็จเมื่อใด โดยให้กรมจัดทำข้อปัญหา สรุปสถานการณ์เพื่อรายงานให้ทราบเป็นระยะๆ ส่วนระยะยาว จะตั้งกรรมการ 3 ชุดคือคณะกรรมการพิจารณา การแก้กฎหมายที่มีอยู่ให้เหมาะสม และสอดคล้อง กับสถานกาณณ์มากยิ่งขึ้น ,คณะกรรมการปรับปรุง พ.ร.บ.คณะสงฆ์, คณะกรรมการ พิจารณายกร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระศาสนาให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ โดยในวันที่ 20 ก.ค.จะมีการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ที่สำนักงานพุทธมณฑล มีนายสุรัฐ ศิลป อนันต์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน"

เมื่อเวลา 15.00 น. พระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ได้เดินทางเข้าพบพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธาน ีและพระปริยัติวโรปการ พระเลขานุการ เจ้าคณะจังหวัด ตามคำเรียกตัวมาสอบสวน โดยพระครูปทุมกิจโกศลให้ปากคำว่า ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ในเรื่องของลายพระหัตถ์ ของสมเด็จพระสังฆราชจริง ตามที่สื่อลงไปทุกประการ เนื่องจากอาการเครียดที่เกิดจากการสอบปากคำของพนักงานสอบสวนนานกว่า 4 ชั่วโมง และถูกสื่อมวลชน รุมสัมภาษณ์จึงตอบออกไปแบบไม่ยั้งคิด แต่ไม่มีเจตนา ลบหลู่ต่อสมเด็จพระสังฆราชแต่อย่างใด มาทราบทีหลังว่า เป็นเรื่องราวใหญ่โตก็รู้สึกเสียใจ

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการเข้าพบเจ้าคณะจังหวัดครั้งนี้ของพระครูปทุมกิจโกศล ได้นำพระชัยยะ ซึ่งเป็นพระลูกวัดของวัดพระธรรมกาย ที่มาทำหน้าที่เลขานุการ ให้เดินทางไปด้วย นอกจากนี้ยังมีพระมหาปัญญา รักษาการเจ้าคณะอำเภอ เป็นพยานยืนยันการให้สัมภาษณ์ของพระครูปทุมกิจโกศลด้วย โดยพระครูปทุมกิจโกศล และพระชัยยะนั้น มีกำหนด ที่จะบินไปร่วมงานหนึ่ง ที่าสิงคโปร์แต่ไม่ผ่านการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่

ส่วนที่กองบังคับการอำนวยการตชด. ภาค 1 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัติ ผู้ช่วยจเรตำรวจ ได้เดินทางมาวอบปากคำพระภาวนาวิริยคุณ หรือ พระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ซึ่งเดินทางมาโดยรถโฟล์คตู้สีเทาดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยทันทีที่รถของพระเผด็จ ทัตตชีโวมาถึงได้เห็นกลุ่ม ผู้สื่อข่าวที่รอทำข่าวอยู่ด้านหน้า ก้ได้ให้รถคันดังกล่าววกกลับและไปเข้าทางด้านข้าง ระหว่างนั้น ได้มีการโทรศัพท์นัดหมาย ให้รถของวัดพระธรรมกายที่จอดอยู่ภายในกองบังคับการนำรถไปรอรับอีกทอดหนึ่งด้วย ซึ่งการสอบปากคำครั้งนี้ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนทุกแขนงเข้าไปถ่ายภาพและทำข่าวการสอบปากคำ

กระทั่งเวลา 16.30 น. พล.ต.ท.วาสนาพร้อมคณะได้เดินทางกลับ โดยได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การสอบปากคำครั้งนี้ มีเพียงพระภาวนาวิริยคุณมาคนเดียวเท่านั้น โดยที่พระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯได้แจ้งว่า ยังคงป่วยอยู่ ไม่สามารถเดินทางมา ให้ปากคำได้ ซึ่งการสอบปากคำครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากพระภาวนาวิริยคุณเป็นอย่างดี แต่การสอบปากคำ ยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากพระภาวนาวิริยคุณมีอาการป่วยอ่อนเพลีย ขอตัวกลับก่อน และในวันที่ 17 ก.ค.นี้จะมีการโทรศัพท์ นัดหมายวันเวลาและสถานที่สอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง เพราะครั้งนี้ยังเข้าไปไม่ถึงประเด็นสำคัญ

ต่อมาเมื่อเวลา 19.30 น. พล.ต.ท.วาสนากล่าวภายหลังจากการสอบปากคำนายสอง วัชรศรีโรจน์ด้วยตนเองว่า นายสอสงมีชื่อปรากฎว่า เป็นผู้ร่วมซื้อที่ดินมากมาย ที่จังหวัดเลยจึงต้องนำตัวมาสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับวัดพระธรรมกายอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ให้ปากคำ ที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากนัก คงต้องแสวงหาข้อมูลอื่นมาประกอบด้วย อย่างไรก้ตามจะมีการเรียกนายสองมาสอบปากคำอีกครั้ง โดยจะรอชุดสอบสวน ที่ขึ้นไปพื้นที่จังหวัดเลยกลับลงมาในวันที่ 17 ก.ค.ก่อน จะได้ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ โดยทางกองปราบฯเอง ยังคงมุ่งไปยัง 2 ประเด็น คือประเด็นเรื่องที่ดิน และบัญชีเงินฝาก

ในส่วนของการสอบปากคำ พระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้น จะดำเนินการหลังจาก สอบพระภาวนาวิริยคุณเสร็จสิ้น รายถัดไปก็คือนายไชยบูลย์ อย่างไรก็ดีจะมีการเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้อในัวนีท่ 17 ก.ค.นี้อีกครั้งเพื่อสรุป และรับทราบรายงานการสอบสวน

ด้านนายสองกล่าวภายหลังการให้ปากคำเสร็จว่า เรื่องที่ดินที่จังหวัดเลยนั้นเดิมทีนางเพ็ญศรี สุขุมพานิชเป็นคนมาชวนซื้อ ที่ดินบริจาคนายไชยบูลย์ 400 ไร่ แต่นายไชยบูลย์ไม่รับ ก็เลยซื้อให้ผืนใหญ่ขึ้นกว่าเดิม นายไชยบูลย์ก็ไม่รับอีก ทั้งที่พยายมเกลี้ยกล่อม ให้รับเพราะไม่รู้ว่า จะเอาที่ดินไปทำอะไร ตอนนั้นยอมรับว่ามีเงินมากจึงรวมรวมเงินนำมอบให้ อยากซื้อที่ไหนก็ไปซื้อ ส่วนใครอยากเป็นเจ้าภาพร่วม ก็ยินดีที่จะกระทำได้

"ดูเถอะว่าวัดสร้างคนดีขึ้นมาอีกเท่าไหร่ในสังคม แต่ขณะเดียวกันก็ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าไม่ดี หากไม่ดีจริงคงไม่ทนต่อ การพิสูจน์และคงอยู่ตรงนั้นไม่ได้ มานั่งจับผิดคนดี จะจริงหรือไม่ไม่รู้ หากเป็นอย่างนี้ต่อไปคนดีก็จะไม่มีกำลังใจ หาคนที่ดีอย่างพระได้ยาก พระที่ไม่ดีนำไปเปรียบเทียบกับฆราวาสไม่ได้ เวลาทำบุญผมก็ทำบุญให้นายไชยบูลย์ส่วนหนึ่ง ให้วัดอีกส่วนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกัน วันดีคืนดีทำบุญไป 10 ปีแล้วมีคนมาตรวจสอบการทำบุญมันถูกต้องหรือไม่ สงสัยจะกลัวการทำบุญกัน เคยทำบุญ กันบ้างหรือไม่ 10 ปีที่ผ่านมานี้".