เดลินิวส์ 13/7/2542
ดมบัญชีเงินสาวก'ไชยบูลย์'
ตร.ส่งทีม เจาะพิเศษ สอบโยงใยซื้อที่ดิน กองปราบผงะ เจออิทธิฤทธิ์ พระปลอมหลักฐาน โฉนดมัดตัว ที่จ.เลยหาย ไม่คาดฝัน คาดถูกทำลายจากฝีมือเจ้าหน้าที่ ต้องลงพื้นที่ ตรวจสอบ อีกรอบ สางบัญชี เงินไหลเข้า- ออก 20 สาวกสนิท พบการโอนเงินข้ามบัญชี ใช้เงินวัดซื้อที่ ส่งทีมเจาะพิเศษหาโยงใย "ทัตตชีโว" ไม่ยอม มาให้ปากคำ เลื่อนนัด เป็นพฤหัสนี้ ถ้าไม่มาตำรวจบุกถึงวัด "เสฐียรพงษ์" ฟ้องเล่นงาน เจ้าคณะตำบล คลองหนึ่ง ก้าวล่วงพระสังฆราชกล่าวหาลายพระหัตถ์ปลอมปกป้อง"ไชยบูลย์" กรรมาธิการ ศาสนาฯเดินหน้า เบรก แผนวัดฉาวเกณฑ์เด็กสร้างภาพ งาน ตอบปัญหา ธรรมะ ระบุถึงจุดเสื่อมคนหลงลมน้อยลง แห้งตายไปเองแน่
เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่กองปราบปราม พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผกก. 3ป. พนักงานสอบสวนคดีธรรมกายเปิดเผยว่า ตำรวจตรวจสอบ บัญชีเงินฝากผู้เกี่ยวข้อง กับวัดพระธรรมกาย กับธนาคาร พาณิชย ์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เพื่อหาความเชื่อมโยงในการโอนเงินซื้อ-ขายที่ดินของนายไชยบูลย์ โดยพบว่ามีการไหลเวียนของเงินจริงในบุคคลเกี่ยวข้อง 20 คน ซึ่งต้องเรียก มาสอบปากคำ ทั้งหมด ในฐานะ พยานบุคคล โดยจะสอบข้อมูลไปยังธนาคารแห่งอื่น ๆ ด้วย การสอบบัญชี เพื่อให้ทราบมีใครไปเกี่ยวข้อง และที่ดินบางแปลงมีการซื้อ-ขายแน่ชัด
นอกจากนั้น จะมีการขอความร่วมมือไปยังกองตรวจสอบภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อช่วยตรวจสอบ เรื่องบัญชีเงินฝาก เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่มีความชำนาญ ส่วนการสอบพยาน คนสำคัญอาทินายสอง วัชรศรีโรจน์ กรณีที่เกี่ยวพัน ที่ดินที่จ.เลย ทางพ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผกก.3ป. ได้ติดต่อไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่นายสอง ไม่ได้เดินทางมาพบ และในวันนี้ได้เรียก ไปอีกครั้งให้มาพบในวันศุกร์นี้ โดยนายสอง คงรู้ดีว่าหากเชิญมา ให้ปากคำแล้ว ไม่มาพนักงาน สอบสวนจะทำอย่างไรต่อไป คนอื่น ๆจะเชิญนายสมประสงค์ พระสุจันทร์ทิพย์ ที่อ้างว่า รู้เรื่องธรรมกาย และนายไชยบูลย ์ดีมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่ารู้เรื่องดังกล่าวได้อย่างไร
ในวันที่ 14 ก.ค.พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. หัวหน้าทีมสอบสวน จะเป็นประธาน การสรุปผลการหาหลักฐาน ของพนักงาน สอบสวน แต่ละสาย เพื่อสรุป และจะเชิญ นายไชยบูลย์มาสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับธนาคารแรกที่พนักงานสอบสวนเข้าไปตรวจสอบคือธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ โดยตรวจสอบ บัญช ีเงินฝากออมทรัพย ์ของผู้ที่เกี่ยวข้องย้อนหลังถึงปี 2534 จนถึงปัจจุบัน และพนักงานสอบสวน ได้ตรวจสอบไปแล้วกว่า 80% โดยเฉพาะบัญช ีที่เกี่ยวกับการซื้อ-ขายที่ดินที่จ.เพชรบูรณ์
การรวบรวมหลักฐาน ทางการเงินดังกล่าว พ.ต.ต.สุรพล เปรมสกุล สารวัตรประจำแผนก 5 เป็นผู้รวบรวมหลักฐาน โดยพบรายชื่อบุคคล ผู้เกี่ยวข้องกับ นายไชยบูลย์หลายคน อาทิน.ส.วาสนา ธาระวานิช ทำบริษัทน้ำมัน ร่วมกับนายไชยบูลย์,นายสมเกียรติ เตชะพิสิษฐ์ นายหน้า ติดต่อค้าที่ดินให้,นายถาวร พรหมถาวร หัวหน้าช่างปั้น หล่อพระในวัด เป็นผู้ใกล้ชิด ขับรถให้นายไชยบูลย ์และอาศัยอยู่ในวัด,นางเพียงนิล ศิริเกษม ภรรยานายสุวิทย์ มหาแถลง หรือเสี่ยงพระ ซึ่งนางเพียงนิลสนิทสนมกัคบนายไชยบูลย์เป็นพิเศษ และมีคดีความกับนายชูชาติ ศิลปรัตน์ เรื่องค่าจ้าง การว่าความ,นางสงบ ปัญญาตรง สีกาที่ได้รับความไว้ใจถึงกับถือบัญชีเงินฝากให้,นางสาวสมพร ต่อตระกูล ประธาน มูลนิธิ ศึกษาธรรม เพื่อสิ่งแวดล้อม,นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ศิษย์เอก โดยนายผ่อง มีบัญชีใช้ชื่อว่า "พระธรรมกาย เพื่อสร้างวิหาร"ปัจจุบันมีเงินในบัญชี 4 แสนบาท และนายสอง วัชรศรีโรจน์ มีเงินในบัญชี 35.12 ล้านบาท
นอกจากนั้น พนักงานสอบสวนยังพบรายชื่อผู้เกี่ยวข้องซึ่งเป็นคนสนทิในพื้นที่ซึ่งมีการซื้อขายที่ดินอาทินายสมจิตร ทองมา,นางขันทอง วิทยา,นายบุญชู บุญเพ็ง,นายบัญญัติ เณรเจียม,นายอารีย์ ชูอินทร์และนางอมรรัตน์ สุวิพัฒน์
รายงานข่าว เปิดเผยด้วยว่า พนักงานสอบสวนกำลังประสบปัญหาหลักฐานที่จ.เลย เช่นที่อ.ภูเรือ และที่อ.ด่านซ้าย มีการทำลาย โฉนดที่ดิน ที่เป็นของ นายไชยบูลย์ โดยโฉนดบางส่วนหายไป ทำให้พ.ต.อ.ฉัตรกนก ต้องเดินทางไป ยังพื้นที่ ด้วยตัวเองอีกครั้ง เพื่อหาหลักฐาน และจะไปสอบ ยังกรมที่ดิน เพื่อเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ สนักงานที่ดินต้องมีส่วนรู้เห็น หากพบว่า มีส่วนได้เสียจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย
ในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00น. นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต เดินทางมาพบพ.ต.ท.พรศักดิ์ พิทยรัตน์ สว.ผ.4กก2ป. เพื่อร้องทุกข ์กล่าวโทษ พระครูปทุมกิจโกศล เจ้าอาวาส วัดสว่างภพ และ เจ้าคณะ คำบลคลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี กรณีการกล่าว ดูหมิ่นสมเด็จพระสังฆราช ว่าลายพระหัตถ์ปลอม ต่อหน้าสาธารณชน โดยนำ หนังสือพิมพ์ "เดลินิวส์"ฉบับวันพุธที่ 7 ก.ค. 2542 เป็นหลักฐาน
นายเสฐียรพงษ์กล่าวว่า ที่ต้องแจ้งความเนื่องจากเห็นว่าสมเด็จพระสังฆราชฯทรงเป็นพระประมุขสงฆ์ไทย ทรงเป็นประธาน มหาสมาคม อันเป็นองค์กรปกครอง สูงสุดของพระพุทธศาสนาไทย ผู้ใด จะล่วงละเมิดไม่ได้ การที่อ้าง ลายพระหัตถ์ปลอม เพื่อปกป้อง นายไชยบูลย์ ถือเป็นการกระทำ ที่ไม่อันควร เนื่องจากได้มีการพิสูจน์ไปแล้ว ไม่ต้องกล่าวอ้างอีก นอกจากนั้น พระครู ปทุมกิจโกศล ยังเป็นเจ้าคณะตำบล ถือเป็นพระสังฆาธิการ อยู่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระสังฆราชฯ มีหน้าที่ต้องเคารพ ผู้บังคับบัญชาโดยตรงอยู่แล้ว การปฏิบัติเช่นนี้ ถือเป็นการ กระทำ ไม่เหมาะสม ตนในฐานะ พุทธศาสนิกชน เห็นว่าเป็นการกระทำจาบจ้วงสมเด็จพระสังฆราช อันเป็นความผิด ฐานหมิ่นประมาท สมเด็จพระสังฆราช เป็นอาญา ตามกฎหมาย บ้านเมือง จึงต้องเข้า แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
ด้านพ.ต.ท.พรศักดิ์ กล่าวว่าพนักงานสอบสวนจะรวบรวมหลักฐานของคดีนี้ทั้งหมด และจะสรุปสำนวนเสนอพล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง ผบก.ป. พิจารณา สั่งการตามหลักฐาน และข้อกฎหมายต่อไป
ต่อมา เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้า พนักงานสอบสวน คดีทุจริตที่ดิน วัดพระธรรมกาย ได้เรียกคณะพนักงาน สอบสวนคดีดังกล่าว เข้าทำการประชุม ที่ห้องประชุมกองกำกับการ 3 กองปราบปราม ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ รองผบก.ป. เปิดเผยว่า ทาง พนักงานสอบสวน ได้นัดหมาย พระทัตตชีโว และพระปลัดสุธรรม สุธัมโม รองเจ้าอาวาสฯ และผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย เพื่อทำการสอบปากคำ แต่ได้รับแจ้งว่าไม่สามารถเดินทางมาให้ปากคำได้
"พระทัตตชีโว ให้เหตุผลว่า มีภารกิจนัดหมายกับพระผู้ใหญ่ ส่วนพระปลัดสุธรรมนั้นแจ้งว่าท้องเสีย ขอเลื่อนนัดหมาย ให้ปากคำ กับทางพนักงาน สอบสวน ซึ่งครั้งแรก เราได้มีการนัดหมาย บก.ตชด.ภาค 1 เมื่อเป็นเช่นน ี้ในครั้งต่อไป ทางเรา ก็จะนัดหมาย อีกครั้งในวันที่ 15 ก.ค. และหากว่า ยังไม่เดินทางมา ให้ปากคำอีก พนักงานสอบสวน จะเดินทางเข้าไป สอบปากคำ พระทั้งสองรูปถึงใน วัดพระธรรมกายทันที"
ต่อข้อถามที่ว่า การขอเลื่อนนัดหมายให้ปากคำบ่อยครั้ง จะเป็นการไม่ยอมเดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวนหรือไม่ พ.ต.อ.สมพงษ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของ พระทั้งสอง แต่ข้อเท็จจริง ในสำนวนถึงขณะนี้ ทางพนักงานสอบสวน จำเป็น ต้องมีการสอบปากคำ พระทัตตชีโวแล้ว เนื่องจาก เป็นผู้รู้เรื่องภายใน วัดพระธรรมกายมากที่สุด ส่วนเรื่องการ ขอเลื่อน นัดหมาย กับพนักงาน สอบสวนนั้น ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ทุกอย่างย่อมมีปัญหา ถือเป็นเรื่องปกติ และภายในสัปดาห์นี้ จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง กับบัญชีวัดพระธรรมกายมาสอบให้เรียบร้อย ส่วนกรณีนายสอง วัชรศรีโรจน์นั้น พนักงานสอบสวน ได้เรียกตัว และกำหนดวันนัดหมายทุกครั้ง แต่ก็ไม่ยอมเดินทางมาให้ปากคำ
รองผบก.ป. กล่าวด้วยว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้า มากไม่ว่าจะเป็นการรวบรวม หลักฐานจากที่ต่างๆ และเอกสารเกี่ยวกับ ด้านการเงิน และโฉนดที่ดิน คิดว่าจะสรุป สำนวนได้ในเร็วๆนี้ ตอนนี้ขอเวลา ตรวจสอบเอกสารทั้งหมดให้เสร็จสิ้นก่อน สำหรับ กรณีที่ นายไชยบูลย์ไปซื้อที่ดินของนายชาญวิทย์ เปรมกมลนั้น กำลังตรวจสอบรายละเอียด เพราะเกี่ยวข้อง กับวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะ การเอาเงินของวัดมาซื้อที่ดิน
"ทางพ.ต.อ.ฉัตรกนก จะเป็นผู้ประสานงานและตรวจสอบที่จังหวัดเลยในวันพฤหัสบดีนี้ เท่าที่ได้รับรายงาน ปรากฎว่ามีการนำเงินวัด มาซื้อที่ดิน หลายครั้ง อย่างกรณีการซื้อที่ดินนายชาญวิทย์ก็มีการนำเงินกว่า 10 ล้านบาทมาซื้อ ส่วนที่อื่นๆนั้นยังไม่ขอเปิดเผย"
ขณะเดียวกัน สำหรับการต่อสู้ของวัดพระธรรมกาย โดยการทำสิ่งพิมพ์ใช้ชื่อเรื่อง"เทวทัต ยุคไฮเทค" ดยโจมตีบุคคล สำคัญที่ออกมาเล่นงาน นายไชยบูลย์ อาทิการกล่าวหานายสุลักษณ์ ศิวลักษณ์ หรือ ส.ศิวลักษณ์ ,พระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตโต),มูลนิธิพุทธธรรมและมูลนิธิโกมล คีมทอง ด้วยข้อหา ต่าง ๆ เช่น รับเงินจากต่างประเทศนั้นนายส.ศิวลักษณ์กล่าวว่า เนื้อหา ในหนังสือดังกล่าว สาดโคลนป้ายสีตน ในลักษณะ เอาเรื่องจริง ปนเท็จมาพูด เช่น"มูลนิธิโกมลคีมทอง" เคยถูกทหารค้นจริงเมื่อปี 2519 โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นที่ตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในขณะที่ ตนถูก กล่าวหาว่า เป็นเลขาธิการพรรคฯ ซึ่งยุคนั้นใครๆต่างก็ถูกกล่าวหา อย่างเช่นอาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ ก็ถูกกล่าวหา ช่วงนั้น ทหารได้ไปค้นบ้าน ของ นายคำสิงห์ ศรีนอก ที่ปากช่อง และได้พบรูปๆหนึ่งที่ตนถ่ายร่วมกับอีกหลายๆคน ซึ่งเป็นการไปประชุมกันเพื่อต่อต้านการสร้างเขื่อนผามอง แต่ถูก กล่าวหาว่า ไปประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ สุดความจริงก็ได้กระจ่างแล้ว ใครก็รู้ว่าถูกกล่าวหา ปัจจุบัน ตนได้รับเชิญให้ไปสอน ที่วิทยาลัยกองทัพบกด้วยซ้ำ
สำหรับมูลนิธิโกมลคีมทอง ที่ระบุว่าได้รับเงินจากต่างประเทศ ข้อเท็จจริงคือมูลนิธ ิไม่ได้รับเงินบริจาค จากต่างชาติมานาน ถึง 20 ปี เป็นมูลนิธิที่ได้รับการยกย่องจากทุกหน่วยงาน ส่วน "มูลนิธิพุทธธรรม" นั้นเป็นคนละส่วนกัน เป็นองค์กร ที่ทำงานร่วมกัน ระหว่างศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ซึ่งไม่เห็นว่าเสียหายอะไร ท่านพุทธทาส ภิกขุ เคยกล่าวไว้ว่า ให้เรานับถือ ศาสนาของเราแต่ก็ให้เคารพเพื่อนเคารพศาสนาอื่นด้วย การทำงานของ มูลนิธินี้เป็นการร่วมมือกัน ต่อต้าน ความเลวร้าย ต่างๆที่ทุกศาสนาก็สอนเช่นนี้ การทำงานร่วมกันไม่เสียหาย ร่วมมือกับใครก็ได้ที่ไม่ฉ้อฉล กับธรรมกาย ก็ได้ถ้าไม่ฉ้อฉล แค่ถ้าใครเป็นพวกฉ้อฉล เป็นอลัชชีจะไม่ร่วมด้วย
นายสุลักษณ์ กล่าวด้วยว่า ที่จริงตนไม่อยากค้าความกับใคร แต่ก็ต้องขอดูเอกสาร ที่ระบุพาดพิง ถึงตนก่อนจึงจะติดใจว่า จะดำเนินการใดๆหรือไม่ ทั้งนี้ ทราบว่าใบปลิว ในลักษณะหนังสือพิมพ ์ฉบับนี้ก็ถูก นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต ฟ้องร้อง ไปแล้ว ในข้อหาหมิ่นประมาท นายอำนวย สุวรรณคีรี ที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการ การศาสนาฯกล่าวว่า การที่วัดพระธรรมกาย จัดทำโครงการ บ้านกัลยาณมิตร และครูแก้วกัลยาณมิตร ขึ้นมาช่วงนี้ว่า เหมือนกับเป็นไพ่ ใบสุดท้ายของวัด หากอนาคตไม่ได้ตามเป้าวัดไปไม่รอด โครงการนี้เหมือนกับการขายตรงที่วัดถนัด แต่คร ูคงไม่เข้าไป ร่วมโครงการ โดยเฉพาะการเปิดบ้าน เพื่อนั่งสมาธิ ในโครงการ บ้านกัลยาณมิตร เหมือนลัทธิในศาสนา ฮินดูมีผู้นำ คือนายริชชี่หรือ มหาฤาษีชาวอินเดีย ที่ไปตั้งหลักฐาน ในสหรัฐฯ โดย นายริชชี่ร่ำรวยมาก มีเครื่องบินส่วนตัวหลายลำ ลัทธินี้เรียกเงิน คนนั่งวิปัสสนาซึ่งเผยแพร่มาในไทยแล้ว
"รายงาน ของสำนักข่าวกรอง แห่งชาติล่าสุด ที่รายงานคณะกรรมาธิการฯ พบว่า จำนวนคนเข้าวัด น้อยลงกว่เาดิมมาก เมื่อเทียบกับ ครั้งท ี่ยังไม่มีการเปิดเผย ความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ แม้ศิษย์ชั้นใน เป็นฐานของวั ดยังลดลงรวมถึง ผู้ทำธุรกิจ กับวัดด้วย สามารถสกัด ไม่ให้คนไปลุ่มหลง ได้ระดับหนึ่ง แม้ผลตาม กระบวนการยุติธรรม และทางธรรม ออกมาอย่างไร วัดน ี้คงเสื่อมลงไม่โต ไปกว่านี้อีกแล้ว "
ในวัน 14 ก.ค.นี้กรรมาธิการการศาสนาฯจะเชิญรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัด กระทรวงศึกษาธิการ และทบวงมหาวิทยาลัย พิจารณากรณี วัดพระธรรมกาย ส่งหนังสือเชิญชวน สถาบันการศึกษา ให้ส่งนักเรียน นักศึกษา ทุกระดับเข้าร่วม ตอบปัญหาธรรมะ ทางก้าวหน้ากับวัด โดยใช้หนังสือมงคลชีวิต ฉบับธรรทายาท ที่เรียบเรียง โดยพระสมชาย ฐานวุฎโฒ ผู้อำนวยการฝ่าย เผยแพร่ วัดพระธรรมกาย เนื้อหาของหนังสือ ดังกล่าวกล่าวถึง เรื่องทำพระนิพพาน ให้แจ้งในมงคลที่ 34 ซึ่งกล่าวถึงอายนตนนิพพาน และการเข้าศูนย์กลาง ในตัวของคน ซึ่งเข้านิพพานได้ ขณะที่ยังมีชีวิต ซึ่งขัดกับหลักศาสนา