page4

เดลินิวส์ 11/7/2542

รมต.ใหม่วางหมาก เล่นงาน'ธรรมกาย'

มั่นใจ ปรับครม.ครั้งใหม่สางปัญหาธรรมกายได้เร็วขึ้น ต่อสายตรง"เสฐียรพงษ์-สมศักดิ์" วางหมากแก้ปัญหาธรรมกาย เสนอรมว. ศึกษาธิการลงมาดูแลเอง งานแรกประเดิมเร่งเจ้าคณะจังหวัดปทุมฯประทับรับฟ้องพระปลอม "เจิมศักดิ์" ระบ ุ"วิชัย" มือถึงจัดการได้แน่ แต่หวั่นใจไปสนิทกับรองเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ทำให้ตัดสินใจยากลำบาก ที่ดินธรรมกาย โผล่อีก หลัง ผบ.สส.สั่งตรวจสอบ พบ 7 พันไร่ที่อยุธยา มีบริษัทธุรกิจสีกา-พระระดับในเข้าไปกว้านซื้อ ระบุ ต้องใช้เงิน นับพัน ๆ ล้าน

การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหม่ ทำให้เกิดความเชื่อว่าจะมีการสางปัญหาธรรมกายและจัดการกับพระปลอม"นายไชยบูลย์ สุทธิผล" เจ้าลัทธิได้รวดเร็วขึ้น เมื่อกระทรวงศึกษาธิการได้เปลี่ยนแปลงรมว.ศึกษาธิการรวมถึงรมช.ศึกษาธิการที่ดูแลกรมการศาสนา เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต กล่าวว่า ตนได้คุยกับนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ว่าที่รมว.ศึกษาธิการ คนใหม่ ทางโทรศัพท์แล้ว นายสมศักดิ์ก็รับปากว่าจะผลักดันและแก้ปัญหาธรรมกาย จนถึงที่สุด โดยนายเสฐียรพงษ์ เสนอให้ดูแลเรื่องนี้โดยตรง อย่าโอนให้รมช.ศึกษาธิการเลย

"ผมเห็นว่ารมว.ศึกษาฯ คนนี้กระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหา และได้บอกผมว่าได้เรียกเอาสำนวนมาตรวจสอบดูแล้วทำไมมันถึงช้า มีการยื้อกันตรงไหน แสดงให้เห็นชัดว่าสนใจจะแก้ไข และหลังจากที่เข้าเฝ้าฯเรียบร้อยแล้วผมคงมีโอกาสคุยกันอีกครั้ง"

นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการและผู้ดำเนินรายการ "ตามหา..แก่นธรรม" กล่าวว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ให้นายวิชัย ตันศิริ มาเป็นรมช.ศึกษาธิการคนใหม่ และทำหน้าที่แทนนายอาคม เอ้งฉ้วน โดยเฉพาะการสะสางกรณีธรรมกาย ว่า ตนรู้จักกับ นายวิชัยดีเป็นคนที่มีความร ู้ความสามารถสูง มั่นใจว่าจะสามารถทำงานด้านวิชาการได้ดี โดยเฉพาะ พ.ร.บ.การศึกษาฯ ต้องยอมรับว่าเก่งมาก

นอกจากนั้น การที่นายวิชัยมีความรู้ความสามารถทางด้านวิชาการ คงไม่เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยมีผู้ที่เอาใจช่วยนายวิชัยมาก

อย่างไรก็ตาม ในการทำงานที่ต้องตัดสินใจขั้นสุดท้าย นายเจิมศักดิ์กล่าวว่าอาจทำให้นายวิชัยกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน เพราะนายวิชัยมีความสนิท แนบแน่นกับรองเจ้าอาวาสวัดสระเกศรูปหนึ่ง ซึ่งรองเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว ก็มีความสนิทใกล้ชิด กับเจ้าอาวาส วัดสระเกศด้วย โดยเจ้าอาวาสรูปนี้ก็เป็นที่จับตามองว่ามีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

"น่าเป็นห่วงว่า การที่จะเข้ามาสะสางงานเกี่ยวกับปัญหาวัดพระธรรมกาย จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก นอกจากนี้ ยังต้องค่อยเป็นกังวล กับกระแสประชาชนที่เฝ้าจับตาการทำงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกับการ ที่ต้องถูกสื่อมวลชน คอยตรวจสอบตลอด แต่อะไร คือความถูกต้อง ถ้ามีจิตใจที่แน่วแน่ที่จะปกป้องพระศาสนา รู้ ทำในสิ่งที่ควรทำอุทิศการทำงานเพื่อศาสนา เท่านี้ก็มองไม่เห็นว่า จะมีอะไรเป็นอุปสรรคหรือมีเรื่องทำให้ลำบากใจ "

ส่วนการที่ นายสมศักดิ์ ว่าที่รมว.ศึกษาธิการคนใหม่ จะมาช่วยดูแลแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกายด้วยนั้น เรื่องนี้ต้องถือว่า เป็นเรื่องที่ดีมาก ซึ่งที่ผ่านมานายปัจจะ เกสรทอง อดีตรมว.ศึกษาธิการ เพิกเฉยดูดายกับเรื่องนี้มาก เมื่อนายสมศักดิ์ เข้ามากำกับดูแล ก็น่าจะแก้ไขได้ดีขึ้น ซึ่งได้มีโอกาสพูดจากันก็ดูว่านายสมศักดิ์มีจุดยืนที่ชัดเจน จะสามารถทำงานแก้ไขได้ดีขึ้น แต่ก็ไม่วางใจเสียทีเดียว เพราะนักการเมือง ก็ยังเป็นนักการเมือง ก็เพียงหวังสื่อได้ช่วยกันจับตา

ด้านพระพยอม กัลยาโณ ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว ให้ความเห็นในเรื่องเดียวกันนี้ว่า ไม่รู้จักนายวิชัย เลย ตอนนี้ก็คงวิพากษ์วิจารณ์ อะไรยังไม่ได้ ต้องปล่อยให้ ทำงานไปสักระยะหนึ่งก่อน หากไม่สามารถทำงานได้โดยเฉพาะปัญหาวัดพระธรรมกาย ถึงตอนนั้น ก็ต้องมาว่ากันอีกครั้ง

นอกจากนั้นนายสมศักดิ์ ที่จะลงมาช่วยเร่งรัดในเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน เวลานี้คือความทะมัดทะแมง ที่มีมากกว่าคนก่อนหน้านี้ ทำให้มีความหวังขึ้นมาว่า รมว.ศึกษาคนใหม่ จะสามารถผลักดัน ให้การแก้ไขปัญหา วัดพระธรรมกายลุล่วงได้เร็วยิ่งขึ้น

รายงานข่าว จากกระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยว่า ท่าทีของนายสมศักดิ์ก็คือจะให้นายวิชัยดูแลงานกรมการศาสนาต่อไป แต่นายสมศักดิ์ จะคุมเกมอยู่ด้วย โดยเฉพาะการสะสางปัญหาธรรมกาย งานแรกที่นายสมศักดิ์ตั้งใจจะทำคือการเร่งการประทับรับฟ้อง ตามกฎนิคหกรรม ที่นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา และนายสมพร เทพสิทธา ประธาน สภายุวพุทธิกสมาคม แห่งชาติ ฟ้องไว้กับ พระสุเมธาภรณ์�เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มี การประทับรับฟ้องแม้นเวลาผ่านมาเข้าเดือนที่ 2 แล้วก็ตาม

พ.ต.ท.รพีพงษ์ สุพรศรี รอง ผกก. 3 ป. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนกรณีนายไชยบูลย์กรณีการซื้อ-ขายที่ดิน ที่จ.พิจิตร ว่า จนถึงขณะนี้การสอบสวนได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว โดยต่อจากนี้จะเข้าไปตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารของนายถาวร พรหมถาวร ที่เป็นผู้เป็นตัวแทนนายไชยบูลย์กว้านซื้อที่ดิน ซึ่งการตรวจสอบจะมุ่งไปที่กระแสเงินเข้าออกมีการเคลื่อนไหวอย่างไร ใช้จ่ายเงินทำอะไรบ้าง นอกจากนี้เป้าหมายที่จะขยายผลไปถึงคือเรื่องของการเสียภาษีที่ดิน ที่ส่อว่ามีการหลีกเลี่ยง ภาษีและแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดิน

สำหรับกรณีที่พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎฐ์ ผบ.สส. สั่งการให้หน่วยข่าวทหารติดตามที่ดินวัดพระธรรมกายโดยเฉพาะที่จ.อยุธยานั้น ผู้สื่อข่าวรายงาน จากจังหวัดอยุธยาว่า ที่ดินที่มีความเกี่ยวข้องกับธรรมกายในจังหวัดอยุธยาน่าจะมีเกือบ 10,000 ไร่ โดยถือครองในนาม ของบริษัทซึ่งมีความเกี่ยข้องกับวัด โดยผู้ก่อตั้งขณะนี้เป็นพระชั้นในของวัด และผู้ถือหุ้นเป็นสีกาสนิทของวัด

ที่ดินทั้งหมด แยกเป็น 2 แปลงใหญ่ โดยแปลงแรกประมาณ 3,000 ไร่ ที่ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน ได้ทำโครงการจัดสรรที่ดิน แบ่งขายสาวกของวัด ไปหมดแล้วช่วงปี 2530 โดยมีการอ้างว่าจะทำมหาวิทยาลัยสงฆ์ และสร้างชุมชนที่มีศีลธรรม แต่ปรากฎว่า จนถึงขณะนี้ที่ดินดังกล่าว ก็รกร้างว่างเปล่ายังไม่มีการจัดสรรใด ๆ เกิดขึ้น

ที่ดินแปลงที่ 2 อยู่ทิศเหนือ ของที่ดินแปลงแรก ใช้ชื่อบริษัทเป็นเจ้าของเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าอีก 3,300 ไร่ โดยเป็นที่ดินที่รังวัดแล้ว 2,100 ไร่ โดยได้มีการติดต่อ ให้สำนักงานที่ดินสาขาวังน้อย มารังวัดเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผานมา เพื่อขอทราบอาณาเขต ส่วนที่เหลืออีก 1,100 ไร่ยังไม่ได้รังวัด

การซื้อที่ดินทุกครั้ง จะมีการประชุมกรรมการบริษัทที่เป็นผู้ครองครองที่ดิน ซึ่งจะมีองค์ประชุมเพียง 2 คน คือสีกาสนิท และคุณป้าหญิง ซึ่งเป็นสาวกนายไชยบูลย์ หรือไม่ก็มีอุบาสกคนสนิทที่ปัจจุบันบวชเป็นพระชั้นในมาประชุม และขณะนี้ที่ดินผืนดังกล่าว ยังเป็นข้อพิพาท กับการำฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย(กฟผ.)เนื่องจากกฟผ.ได้พาดเสาไฟฟ้าแรงสูงผ่านที่ดิน นอกจากนั้น บางแปลงยังนำเข้าธนาคาร เพื่อขอเพิ่มหลักทรัพย์ด้วย

สำหรับราคาที่ดินช่วงรังวัด และตรวจสอบที่ดินส่วนที่ 2 ซึ่งยังไม่ได้ขายนั้นตกประมาณไร่ละ 5 แสนบาทถึง 10 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับว่ามูลค่า ที่ดินทั้งหมดที่เหลืออยู่มหาศาลนับพัน ๆ ล้านบาท

นอกจากนั้นยังมีที่ดินอีกแปลงที่ติดกับศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ซึ่งเดิมมีข่าวว่าวัดซื้อเพื่อใช้สำหรับสร้างสถานที่ปล่อยนกปล่อยปลาในงานบุญวัดอาทิตย์ต้นเดือน และได้มีการสร้างหลังคาเป็นศาลาทรงไทร และขุดบ่อขนาดใหญ่ โดยได้มีการพระภิกษุมาทำพิเศษ แต่ปรากฎว่าที่ดินผืนดังกล่าวได้กลายเป็นที่ดินของสีกาสนิทไปแล้ว