เดลินิวส์ 10/7/2542
สอบเจ้าคณะตำบลมุสาป้อง'ไชยบูลย์'
กองปราบฯ ลงพื้นที่ จ.เลย อีกรอบ สอบพยาน 50 ปากคลี่ปม เจ้าลัทธิเพ่งลูกแก้ว อมที่ดินบริจาค ให้วัด เป็นของตัวเอง ระบุพบ หลักฐานเอาผิดยัดคุกได้แน่ นัด "สอง วัชรศรีโรจน์" ให้ปากคำ ศุกร์หน้า เจ้าคณะตำบล คลองหนึ่งปฏิเสธ ซึ่งหน้าไม่เคยให้ สัมภาษณ์ลายพระหัตถ์ของปลอม หลังมือสึกพระ กรมศาสนา บุกสอบ ปากคำ ชาวบ้าน ระบุหลวงพ่อ ถูกล้างสมอง ถูกพระเลขาฯ เป่าหู แถมวัดฉาวยัง สร้างตึกเรียน ให้เลยเพี้ยนไปหมด ขนาดรวมตัวกัน 200 คน มาเตือน ยังไม่เชื่อ โห่ไล่ พระสาวก "ไชยบูลย์" พ้นวัด จี้ลงโทษอธิบดีกรมโตเปลี่ยนสี
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมช.ศึกษาธิการ และว่าที่ รมว.ศึกษาธิ การคนใหม่ ได้เรียกนายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการไปพบอีกครั้ง เพื่อสอบถาม ถึงขั้นตอน การดำเนินงานในปัญหา วัดพระธรรมกาย โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องธรรมกายกระทรวง ศึกษาธิการต้องรับผิดชอบร่วมกันไม่ใช่งานของคนใดคนหนึ่ง
"ปัญหาทั้งหมด เข้าสู่กระบวนการแล้ว แม้จะไม่ทันใจประชาชนและผู้ที่ให้ความสนใจก็ตาม ซึ่งผมคิดว่า รมว.ศึกษาธิการคนใหม ่คงจะนำเรื่องนี้มาดู ว่าเพราะเหตุใด จึงมี ความล่าช้า ต้องมีส่วนเข้ามาดูแล ด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมา นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ ดูแลผมไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย แต่เมื่อ มีการปรับคณะรัฐมนตรี และถึงอย่างไร พรรคชาติไทย ต้องดูแล กระทรวงศึกษาธิ การ ก็จำเป็น ต้องรู้ความคืบหน้า ว่าไปถึงไหน นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้ความสนใจ และติดตามมาตลอด ที่ไม่เข้าร่วม ดำเนินการเพราะนายอาคมทำทุกอย่างไปด้วยดี มีการรายงาน ครม. รับทราบตลอด"
ด้านนายอาคม รมช.ศึกษาธิการกล่าวว่าตนมอบหมายให้นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบด ีกรมการศาสนาไปถาม พระครูปทุมกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ เจ้าคณะ ตำบล คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ถึงข่าวที่มีการให้สัมภาษณ์ ลักษณะไม่เป็นกลาง เช่นลายพระหัตถ์ สมเด็จพระสังฆราช เป็นของปลอม หรือออกมาให้ข่าว ทำนองปกป้อง วัดพระธรรมกายว่า เรื่องทั้ง หมดจริงหรือไม่ โดยให้บันทึกเทป การพูดคุยเพื่อเป็นหลักฐาน หากตอบรับว่า ให้สัมภาษณ์จริง ก็ให้รวบรวมหลักฐาน ทั้งจากหนังสือพิมพ์ เทปโทรทัศน์ และคำตอบ รับของเจ้าคณะตำบลไปให้เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธาน ีพิจารณาต่อไปว่าเมื่อเจ้าคณะผู้ปกครองไม่เป็นกลางแล้ว จะดำเนินการ อย่างไรต่อไป เนื่องจากกรมการศาสนาไม่มีอำนาจสั่งการได้
นายอาคมกล่าวอีกว่า กรณีที่วัดพระธรรมกายฟ้องร้องตนในคดีแพ่ง ทนายความของตน พร้อมนิติกร กรมการศาสนา ได้ดำเนินอยู่ ส่วนการดำเนินการกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และพระเผด็จ ทัตตชีโว รัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมาแทนคงจะเร่งรัดในเรื่องนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น ผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าไม่ผิดก็ยุติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา ได้เดินทางมาพบพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งตามบัญชานายอาคม ปรากฏว่า พระครูปทุมกิจโกศล ได้ปฏิเสธว่าไม่เคยพูดเรื่องลายพระหัตถ์ปลอมอย่างที่เป็นข่าว ทั้งที่สื่อมวลชนที่มาทำข่าวในวันนั้นต่างก็ยืนยันว่าได้พูดตามที่เป็นข่าวจริง นอกจากนี้ ยังมีเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ พระปริยัติวโรปการ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ก็ได้ยินคำพูดนี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในการบันทึกปากคำครั้งนี้นายเริงฤทธิ์ได้เชิญเจ้าคณะตำบลให้เข้าไปให้ปากคำในกุฏิ ซึ่งในครั้งแรกนั้นเจ้าคณะตำบลไม่ยอม โดยพูดว่าไม่รู้ไม่เห็น อะไรทั้งสิ้น แต่ที่สุด ก็ยอมเข้าไป ไม่มีการให้สื่อมวลชนร่วมฟัง โดยใช้เวลาในการให้ปากคำราว 1 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อบันทึกปากคำไปได้ไม่นาน พระมหาชัยยะ จันทโส พระเลขาของเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งได้เดินทางมาที่วัด แต่เมื่อมาพบสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก จึงได้ให้ คนขับรถ ขับเลยไปเข้าหลังวัด แต่ช่างภาพโทรทัศน์ก็วิ่งไปดักบันทึกภาพจนต้องวนรถกลับออกไปนอกวัด ในขณะที่รถกำลังวิ่งผ่านออกนอกประตู ชาวบ้าน ที่จับกลุ่มมุงดู เหตุการณ์ ได้ตะโกนโห่ไล่ พร้อมทั้งสาปแช่งและตะโกนท้าทายว่า "แน่จริงลงมาสิ"
นายถวิล ศรีประยูร ชาวบ้านคนหนึ่งเล่าว่า พระมหาชัยยะวัดพระธรรมกายส่งมา เมื่อมีงานพระรูปนี้ก็จะเกณฑ์พระภิกษุสามเณรจากวัดสว่างภพไปร่วมงานด้วย อาทิ งานวันวิสาขบูชา แต่ขากลับนั้นให้เดินกลับวัดเอง พระมหาชัยยะนั้นจะเดินทางมาที่วัดสว่างภพในตอนเช้าและกลับไปในตอนเย็น
"ก่อนหน้านี้ หลวงพ่อ ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ท่านรับฟังชาวบ้านมาตลอด แต่วัดพระ ธรรมกายส่งพระรูปนี้มาคอยชักจูงหลวงพ่อจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ชาวบ้านรวมตัวกัน 200-300 คน มาเตือนแล้ว แต่หลวงพ่อก็ไม่ฟัง ยืนยันว่าวัดพระธรรมกายคำสอนไม่ผิด เรื่องที่ดินก็เช่นกัน จนชาวบ้านไม่อยากจะเตือน ไม่อยากยุ่งแล้ว วัดพระธรรมกาย ไม่ได้ส่ง พระมหาชัยยะมารูปเดียว ยังส่งครูมาสอนพระเณรที่โรงเรียนพระปริยัติ ธรรมด้วย"
นอกจากนี้ยังม ีนายประสาทที่เคยมารับเหมาก่อสร้างโบสถ์ของวัดสว่างภพและสนิท สนมกับพระมหาชัยยะอีกด้วย โดยวัดพระธรรมกาย ได้ว่าจ้างให้ นายประสาทเป็นนายหน้า เกณฑ์บรรดา พระเณร ในวัดให้ไปร่วมงาน นายประสาทคนนี้ก็มีความใกล้ชิดกับเจ้าคณะตำบล แต่ไม่ถูกกับชาวบ้านย่านนี้จึงไม่ค่อยกล้าเดินทางมาหาเจ้าคณะตำบลที่วัด ส่งมาเพียงรถ เพื่อรับส่งเจ้าคณะตำบลออกไปพูดคุยกันนอกวัด ส่วนใหญ่จะมา กลางคืน ขณะที่นายถวิลคุยกับผู้สื่อข่าวนั้น ได้ชี้ไปที่ห้องทำงานห้องหนึ่งใกล้กับกุฏิเจ้าคณะฯ พร้อมทั้ง บอกว่า เป็นห้องพัก ของครูที่วัดพระธรรมกายส่งมาให้สอนพระปริยัติธรรมเณรในวัด อีกทั้งภรรยานายประสาทก็อยู่ในห้องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าไป สอบถาม ภรรยานายประสาท แต่ได้รับการปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ นายถวิลซึ่งนั่งดูอยู่ตลอดเกิดไม่พอใจจึงได้เข้าไปสอบถามจนเกิดมีปากเสียงกันขึ้น ซึ่งนายถวิล พยายาม สอบถามเรื่องเงิน และเรื่องวัดพระธรรมกายจ้างครูมาสอนเณร เหตุการณ์เกือบ จะบานปลายแต่ท้ายที่สุด นายถวิลก็เดินปลีกตัว ออกมาพูดกับผู้สื่อข่าวว่า ครูพวกนี้ วัดพระธรรมกาย จ้างมาให้คอยดูความเคลื่อนไหวและชี้นำในเรื่องต่าง ๆ
ชาวบ้านในละแวกดังกล่าว ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เจ้าคณะตำบลในหลายเรื่อง อาทิ มีการนำตู้บริจาคของวัดพระธรรมกายมาตั้งไว้ในวัดสว่างภพ การวางรากฐาน การศึกษาแบบวัดพระ ธรรมกาย มีการส่งครูประจำที่ตึกปริยัติธรรมที่สร้างด้วยเงินวัดพระธรรมกาย เมื่อสามเณรเรียนจบทางโรงเรียนปริยัติธรรมได้เรียกเก็บเงินในวันที่มารับใบ รบ. รูปละ 500 บาท ทั้ง ๆ ที่ทางครูผู้สอน 7 คน นั้นได้รับเงินเดือนจากกรมการศาสนา
ส่วนการดำเนินคดี กับนายไชยบูลย์ สุทธิผลนั้น พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผกก.3ป. เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ พ.ต.ต.พล พิชัยยุทธ สว.ผ.4 กก.3ป. เข้าทำการสอบสวน พยานและหลักฐาน ของที่ดินในเขต อ.ภูเรือ และ อ.ด่านซ้าย จ.เลย 4,000 ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวพนักงานสอบ สวนพบว่าบางแปลงได้มีการมอบให้กับวัดพระ ธรรมกาย แต่ปรากฏว่า มีการโอนไปเป็นชื่อของนายไชยบูลย์ผิดวัตถุประสงค์ของเจ้าของที่ดิน โดยขณะนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบ รวมสารบบการโอนที่ดินแปลงต่าง ๆ ให้ครบว่า มีขั้นตอนการโอน จากไหนไปไหน และในวันจันทร์ที่ 12 ก.ค. ตนจะเดินทางไปสอบปากคำพยานด้วยตนเอง ซึ่งเท่าที่ทราบมีกว่า 50 ปาก
สำหรับพยาน ที่ต้องเรียกตัวมาสอบปากคำเรื่องการโอนที่ดินนั้น ขณะนี้มีอุปสรรคอยู่บ้างคือยังไม่สามารถติดตามตัวได้ โดยส่วนใหญ่เป็นญาติของนายสอง วัชรศรีโรจน์ ส่วนนายสองเอง ได้ติดต่อขอเลื่อนการให้ปากคำไปอีก โดยได้นัดหมายว่าจะมาให้ปากคำภายในวันที่ 16 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนเริ่มมั่นใจว่าจะแจ้งข้อหานายไชยบูลย์ได้แน่นอน เนื่องจากได้พบหลักฐานต่าง ๆ ตามที่กรมการศาสนาได้แจ้งความเอาไว้ทั้ง 3 คดี นอกจากนี้ อาจเพิ่มข้อหาหลีกเลี่ยงภาษีด้วยก็ได้ ซึ่งต้องให้พนักงานสอบสวนประชุมพิจารณาผลคืบหน้าเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพยานปาก ต่าง ๆ ที่เป็นเจ้าของที่ดินนั้น มีข่าวว่าขณะนี้ ได้รับการติดต่อ จากทางฝ่ายนายไชยบูลย์ ว่าหากถูกพนักงานสอบสวน เรียกตัวไปสอบปากคำ ก็ควรจะให้ปากคำว่า การยกที่ดินให้เป็นการยกให้นายไชยบูลย์เท่านั้น ไม่ได้ยกให้กับวัด นอกจากนั้นจะมีการสอบข้อมูลเพิ่มจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาและธนาคารทหารไทย และจากการ ตรวจสอบพบว่า มีเงินหมุนเวียนเข้าออกในวัดวันละประมาณ 10 ล้านบาท นอกจากนั้นในวันที่ 14 ก.ค. พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รอง ผบ.ตร. จะเรียกประชุม พนักงานสอบสวน
ส่วนนายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานคณะทำงานกรรมาธิการการศาสนา กล่าวถึงกรณี ที่มีข่าวว่าอธิบดีบางคน ในกระทรวงศึกษาธิการ ไปล็อบบี้ตำรวจ ในเรื่องคดีธรรมกายว่า การทำเช่นน ี้ไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงพระศาสนา ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย กฎนิคหกรรม และคงไม่ใช่เช่นนั้น หากเป็นผู้ใหญ่จริง คงไม่เอาตัวเอง ไปเสี่ยง รบกวนกระบวนการยุติธรรม กรรมาธิการเองยังคงติดตามเรื่องนี้อยู่ทั้งเรื่องการเลี่ยงภาษี และจากการที่กรมการศาสนามารายงานก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ระดับผู้ใหญ่ ไม่ได้มาเอง
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคความหวังใหม่ กล่าวว่า รัฐบาลปล่อยให้ปัญหาธรรมกายคาราคาซังเลยใช้เงินหว่านได้ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง รัฐมนตรี อยู่ที่การพิสูจน์ ทำจริงคงต้องมีบทลงโทษ ควรนำพระธรรมวินัยตัดสิน แต่พระไม่มีท่าทีชัดเจนเพราะรัฐบาลเองยังมี 2 มาตรฐาน ฝ่ายกฎหมายต่อต้านอีกฝ่ายก็มาเป็นพวก.