เดลินิวส์ 9/7/2542
โทรขู่ตร. ให้เลิกยุ่ง ไชยบูลย์
อีแอบ ธรรมกายเพียบ อวดศักดาโทร.ข่มขู่พนักงานสอบสวนให้เลิกยุ่งเกี่ยว ไม่เช่นนั้นครอบครัวเดือดร้อนการงานไม่เจริญ แถมขรก.ใหญ่ ระดับ อธิบดีล็อบบี้ช่วย"ไชยบูลย์" กองปราบฯพบหลักฐานมัดแน่นอีก พบที่ดินธรรมกายที่ด่านซ้าย 4 พันไร่ เตรียมสอบเจ้าหน้าที่ที่ดิน พร้อม ทำหนังสือ ถึงแบงก์ทหารไทยขอสอบบัญชีเงินฝากพระปลอมเพิ่มเติม ส่อเค้าเปลี่ยนพรรคดูกรมการศาสนา "สมศักดิ์"ฟิตเรียก"จรวย หนูคง" พบหารือ แนวทางแก้ไขปัญหาพุทธศาสนาระยะยาวแล้ว บิ๊กหมงสั่งหน่วยข่าวกองทัพสอบที่ดินวัดฉาวที่อยุธยา ชี้กระทบ ความมั่นคง ชาติ-ศาสนา
ที่กองปราบปรามฯ เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล อดีตเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ตามลายพระหัตถ์ ของสมเด็จพระสังฆราชว่า จากการสอบปากคำพยาน 2 ปากได้ระบุว่า ในช่วงเริ่มเข้าไป ปฏิบัติธรรม ที่วัดพระธรรมกาย นายไชยบูลย ์ได้ปรารภว่า ต้องการสถานที่ปฏิบัติธรรมที่จ.เลย เป็นเหตุให้พยานทั้ง 2 คนลงทุน ร่วมกับนายสอง วัชรศรีโรจน์และศิษย์คนอื่นๆ ไปกว้านซื้อที่ดินที่ต.ร่องจิด อ.ภูเรือ มาได้ ประมาณ 5,000 ไร่ แต่ภายหลัง ได้ทราบว่า มีที่ดินจำนวน 2,000 ไร่ ระบุว่านายไชยบูลย์เป็นผู้ซื้อที่ดินเสียเอง ส่วนที่ดินที่ยังเหลืออยู่อีก 4,000 กว่าไร่นั้น ถูกโอนลอยไว้ ประเด็นน ี้จึงไม่สามารถ ระบุได้ว่าใครเป็นผู้ถือครองอยู่ อย่างไรก็ตามพยานทั้ง 2 ปากต่างยืนยันเหมือนกันว่า ซื้อที่ดินมา เพื่อบริจาค ให้กับ วัดพระธรรมกาย ไม่ใช่นายไชยบูลย์
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว ทางพนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนขยายผลต่อว่า ที่ดินส่วนที่เหลือนั้นใครนำไปถือครอง ทางพนักงาน สอบสวน จะได้สอบปากคำ พยานทั้ง 2 เพิ่มเติมอีกครั้ง โดยจะเดินทางไปสอบปากคำที่บ้านเพื่อเป็นการหลบนักข่าวตามที่พยานร้องขอ ทั้งนี้ยังมีพยาน อีกหลายปากที่ไม่ต้องการเป็นข่าวเช่นกัน จึงได้มีการ สอบสวนกันนอกสถานที่
ขณะเดียวกัน ทางพนักงานสอบสวนยังพบว่า มีการซื้อขายที่ดินที่อำเภอด่านซ้ายซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกับอำเภอภูเรืออีกกว่า 4,000 ไร่ โดยที่ดินผืน ดังกล่าวนี้ ใช้ชื่อศิษย์ คนสนิทซื้อในราคาประเมินไร่ละ 100,000 บาท ซึ่งทางพนักงาน สอบสวนได้เร่งสอบ เจ้าหน้าที่ที่ดิน อำเภอด่านซ้าย ถึงที่มาที่ไป ของการซื้อขาย ที่ดินผืนนี้อยู่
ในส่วนของ นายสอง วัชรศรีโรจน์นั้น พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้มาพบในวันที่ 12 ก.ค. เวลา 10.00 น. ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสอง ได้ขอเลื่อนนัด กับทางพนักงาน สอบสวนมาแล้ว โดยระบุว่าขอเวลาอย่างน้อย 7 วันจึงจะสามารถเดินทางมาตามหมายเรียกได้ นอกจากน ี้พนักงานสอบสวน ได้ทำหนังสือ ถึงกรมที่ดินเกี่ยวกับ เรื่องการขอเอกสาร และการดำเนินกา รตรวจสอบ ที่ดินรวมทั้ง ขอสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ที่ดินทั้งหมด เกี่ยวกับการ ถือครองที่ดิน ของนายไชยบูลย์ โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครปฐม ตราด จันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ลพบุรี ปทุมธานี และนนทบุรี ด้วย โดยก่อนหน้านี้ ได้ตรวจสอบที่ดิน ในจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์และเลย และพบว่าพื้นที่ดังกล่าวนี้มีการซื้อขายและโอนให้กับนายไชยบูลย์แล้ว
อีกด้านหนึ่ง ชุดสืบสวนสอบสวนได้นำหนังสือขอประสานงานไปยังธนาคารกสิกรไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารกรุงไทย เพื่อตรวจสอบ บัญชีเงินฝากเพื่อจะได้ทราบว่ามีการนำเงินไปซื้อที่ดินหรือไม่ แต่การประสานงาน กับธนาคาร ยังไม่สามารถ ทำได้ถนัดนัก เพราะธนาคาร บางแห่ง ไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร ที่สำคัญ มีการนำเรื่องนี้ ไปหารือกับผู้บริหาร ธนาคารเป็นการส่วนตัว และมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมบอร์ดธนาคาร อีกทั้งเอกสาร ที่จะใช้เป็นหลักฐานก ็ไม่ได้รวมอยู่ที่ สำนักงานใหญ่ของธนาคาร บางส่วนกระจัด กระจายอยู่ตามสาขา อุปสรรค อีกประการหนึ่ง ที่ถือเป็น เรื่องยุ่งยาก ในการค้นหา เอกสาร ย้อนหลังไป 8 ปี โดยเฉพาะปี 2534 เป็นปีที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของนายไชยบูลย์มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ จะทำหนังสือถึง ธนาคารทหารไทยเพื่อขอตรวจสอบบัญชีเงินฝากด้วยเช่นกัน คาดว่าจะสามารถสรุปประเด็นได้ในสัปดาห์หน้านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีข้าราชการ ชั้นผู้ใหญ่ระดับ อธิบดีกรมคนหนึ่ง ได้โทรศัพท์ไปสอบถาม ความคืบหน้า ในการตรวจสอบ หาหลักฐานเอาผิด นายไชยบูลย์โดยตลอด และพูดจา ในทำนองเข้าข้างนายไชยบูลย์ ทำให้พนักงานสอบสวนรู้สึกอึดอัดพอสมควร นอกจากนี้ ยังมีโทรศัพท์ จากบุรุษลึกลับ มาที่กองปราบปรามฯ พูดจาข่มขู่พนักงานสอบสวนบางคนกรณีที่เข้ามาทำคดีของนายไชยบูลย์ โดยระบุว่า หากไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับ คดีนี้ครอบครัว จะพบกับความเดือดร้อน และหน้าที่การงานจะไม่ก้าวหน้า หากไม่เชื่อก็ให้คอยดูต่อไป
ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงแนวทาง การแก้ไขปัญหา ด้านพระพุทธ ศาสนาในระยะยาว ภายหลังการหารือกับนายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาฯว่า ทุกวันนี้มีปัญหา ด้านพระพุทธศาสนา เกิดขึ้นหลาย กรณี ที่กระทบต่อความรู้สึกของคนในสังคมไทย จึงอยากเห็นการยุติปัญหาแบบยั่งยืน เนื่องจากปัญหานี้ บั่นทอน ความรู้สึก ของประชาชน เป็นอย่างมาก ไม่ใช่พอเกิดเรื่องขึ้นจึงค่อยคิดหาทางแก้ไขเป็นกรณีๆไป
สำหรับกรณีปัญหา วัดพระธรรมกายนั้นถือเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อ แต่ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะได้เข้าสู่ กระบวนการ ดำเนินงาน ทั้งศาลสงฆ์ และศาลทางโลกแล้ว ที่เป็นห่วงมากกว่าก็คือปัญหาของพุทธศาสนาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่ผ่านมาพอเกิดเรื่อง ของนายนิกร ยศคำจูหรืออดีตพระนิกร ทุกฝ่ายก็บอกว่าขอให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย แต่แล้วก็มีกรณีของอดีตพระยันตระ ภาวนาพุทโธ ติดตามมา จนถึงปัจจุบันก็เป็นกรณีวัดพระธรรมกาย และในอนาคตข้างหน้าก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาใดขึ้นมาอีก จึงต้องหาแนวทา งป้องกัน แก้ไขปัญหา ในระยะยาวไว้
"เท่าที่พูดคุยกับ นายจรวยถึงแนวทางในการแก้ไขก็มีอยู่หลายประการ เช่นแก้ไขปรับปรุงพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ระเบียบนิคหกรรม รวมถึง กฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวกับศาสนาที่ใช้มานานแล้ว อย่างไรก็ตา มคงจะมีการหารือ ถึงความชัดเจนในเรื่องนี้ อีกครั้งระหว่าง นายจรวจและคณะกรรมการ แก้ไขปัญหาและปรับปรุงพ.ร.บ.สงฆ์ ซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการนายสุรัฐ ศิลปอนันต์ เป็นประธาน เพื่อให้ได้ข้อยุติ ที่ชัดเจนและนไปสู่แนวทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องต่อไป"
ส่วนนายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคนหนึ่งของประเทศกล่าวว่า ปัญหาของ วัดพระธรรมกาย และนายไชยบูลย์นั้นนับวันข้อเท็จจริงยิ่งปรากฎมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการซื้อขายที่ดิน ที่มีเจตนาจะให้ราคาต่ำ กว่าราคาที่ซื้อขาย จริงในท้องตลาด เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีให้เสียน้อยลง ทั้งในเรื่องของค่าธรรมเนียมค่าภาษี ทั้งนี้การซื้อขาย ที่ดินตาม ประมวลรัษฎากรหรือกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องนั้น หากข้อเท็จจริงปรากฎตามข้อมูลน่าจะถือเป็นการโกงภาษีของรัฐ ทำให้รัฐเสียหาย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ในด้าน พระธรรมวินัยนั้น คิดว่าเรื่องนี้คงไม่แตกต่างกันกับการปาราชิก เพราะในเรื่องของการลักทรัพย์ที่มีราคาเกินกว่า 5 มาสกก็มีความผิดฐาน ปาราชิกอยู่แล้ว เพียงแต่เรื่องนี้เป็นการโกงภาษีของรัฐของแผ่นดิน ก็มีความผิดนัยเดียวกัน เชื่อว่าข้อเท็จจริง ที่ปรากฎในขณะนี้ เป็นการกระทำความผิดชัดเจนกว่าเรื่องอื่นๆทั้งหมด และข้อมูลน่าจะอยู่ ที่สรรพากร จังหวัดปทุมธาน ีหรือจังหวัดอื่นๆที่มีการซื้อขายที่ดิน เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ไม่ยาก ไม่จำเป็นต้องใช้พยานบุคคลหรือเอกสาร และที่สำคัญ ในการจดทะเบียน โอนกรรมสิทธิ์ ให้แก่เจ้าพนักงานที่ดิน จะมีตัวเลขที่สามารถพิสูจน์ได้อีกเช่นกัน เพราะราคาที่ซื้อขาย กันเป็นราคาที่แท้จริงที่มีการประเมินกัน
ต่อข้อถามที่ว่า เรื่องนี้มีโอกาสเป็นมวยล้มหรือไม่นั้น ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ เจ้าพนักงานเพราะ มีข้อมูลต่างๆอยู่แล้ว ขณะนี้คดีหลีกเลี่ยงภาษีและแจ้งความเท็จมีปมใกล้เคียงกันสามารถพิสูจน์ได้ ขณะเดียวกัน ก็มีความพยายาม บ่ายเบี่ยงข้อกฎหมายว่า ถ้าเป็นพระภิกษุ วัดหรือมูลนิธิจะได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งความจริงไม่ได้มีความแตกต่างกัน เพราะการซื้อขายนั้น จะต้องปฏิบัติในแนวทางเดียวกันภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกันไม่มีใครได้สิทธิพิเศษ อีกทั้งกรณีนี้ ไม่ใช่การซื้อขาย ของวัดแต่เป็นการ ดำเนินการระหว่างบุคคล หากไม่ดำเนินการอย่างจริงจังสุดท้ายความผิดก็จะตกกับเจ้าพนักงานนั่นเอง
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากหน่วยข่าวทหารแจ้งว่า พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฐฏ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ให้ความสนใจ ในกรณีปัญหา วัดพระธรรมกายเป็นอย่างมาก และได้มีคำสั่งให้หน่วยข่าวทหารติดตามข่าวนี้อย่างกระชั้นชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยาอาทิ ที่ดินบริเวณตรงข้ามศูนย์ศิลปชีพบางไทร ซึ่งเป็นบ้านทรงไทย น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง กับวัดพระธรรมกาย และยังมีที่ดินในจังหวัดนี้อีกหลายแห่ง เนื่องจากมีข้อมูล หลายประเด็น ที่กระทบกระเทือน ความมั่นคงของชาติและศาสนา