เดลินิวส์ 6/7/2542
สอบ 7 คนสนิทเอาผิดไชยบูลย์
กองปราบฯ กระจายกำลัง สอบบัญชีเดียรถีย์ ส่ง"ทวี สอดส่อง"ตรวจบัญชีหลัก ส่วนทีมสอบสวน อื่น ดมกลิ่นเงิน ผู้เกี่ยวข้อง มั่นใจ ใช้เป็นหลักฐาน สำคัญ ตั้งข้อหาได้ สอบ 7 คนสนิท กว้านซื้อที่ดินให้ที่เลย แถมยังมีที่ดินอีกมากโขถือในมือ พระธรรมปิฎก เรียกร้องมหาเถรฯ ทำสิ่งที่ถูกต้องเสียที ย้ำชาวพุทธ อย่าท้อใจในความยืดเยื้อ เมื่อโจรเผาบ้าน ต้องป้องกัน พร้อมกับแก้ไข กฎนิคหกรรมที่ไม่มีผลทางปฏิบัติ "ไชยบูลย์" ส่งสาวกสนิท ลงการเมือง สนามเล็ก ชิงสมาชิก อบต.คลองสาม ผวามีรายชื่อชาวบ้านงอกขึ้นมากกว่าเดิมเกือบครึ่ง
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่วัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน พระนักปราชญ์แห่งยุค เปิดโอกาส ให้สื่อมวลชน แขนงต่าง ๆ เข้าสัมภาษณ ์โดยกล่าวถึงกรณีที่ มหาเถรสมาคม ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ไม่เร่งแก้ปัญหาธรรมกาย ว่าเมื่อองค์กรสูงสุด ของสงฆ์ไม่ได้ ทำอะไรแล้ว จะให้ชาวบ้านทำอย่างไร สภาพที่เป็นอยู่ ก็ฟ้องตัวเอง สุดท้ายก็ได้รับผล แต่ผลซึ่งกระทบต่อส่วนรวม และพระศาสนา จึงน่าห่วง "ถ้าตัวท่านเองทำไม่ชัด ตัวสถาบัน หรือองค์กรก็ถูกประชาชน ระแวงสงสัยไปด้วย เรื่องนี้คงเป็นสิ่งเตือนใจว่า ให้พยายามแก้ปัญหาและทำให้ถูกต้องเสีย ในส่วนประชาชน ที่เห็นข่าวที่เกิดขึ้นแล้วท้อใจนั้น ขอให้ตั้งใจไว้ว่า พระพุทธศาสนานั้น เป็นสมบัติส่วนรวมของเรา อยากถามว่า ถ้ามีโจร จะมาเผาบ้านเรา เราจะท้อใจให้โจร เผาบ้านเราหรือ เราจะต้องรักษาบ้านของเรา บ้านคือตัวพระ ศาสนา แกนของศาสนา คือพุทธบริษัทและธรรมวินัย"
ส่วนกรณ ีที่นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างชาติว่า การที่วัดพระธรรมกาย ถูกโจมตีเกิดจากความอิจฉา ซึ่งอาจส่งผล ให้พุทธศาสนา ในประเทศไทยถูกมองในแง่ลบนั้น พระธรรมปิฎกกล่าวว่า ไม่ว่าจะพูดดีพูดร้ายก็เอาประโยชน์มาได้แต่ไม่ใช่ไปเชื่อตามเขา คำว่าอิจฉา เป็นเรื่อง ที่ได้ยินมานาน ไม่ควรจะติดตรงนี้ เรื่องการอิจฉาเป็นเรื่องของความรู้สึก คนที่ไม่มีทางออก ก็มักจะบอกว่าคนอื่นอิจฉา ความจริง ต้องดูว่าปัญหานั้น เป็นเรื่องจริง หรือไม่ สิ่งนั้นจะเป็นตัววินิจฉัย เองว่าอิจฉาหรือไม่อิจฉา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงศึกษาธิการ มีความพยายามจะตั้งกรรมการ ระดับชาติขึ้นมา เพื่อปรับปรุงพ.ร.บ.สงฆ์ ทำไมถึงไม่เข้าร่วม พระธรรมปิฎกกล่าวว่า เคยมีการริเริ่ม มานานแล้วสุดท้ายก็ไม่สำเร็จ อาตมาเอง ขณะนี้สุขภาพไม่ดี คงไม่สามารถไปร่วมได้ แต่ก็จะเขียนข้อเสนอแนะไปช่วยเสริม สิ่งสำคัญคือ เมื่อจะแก้ไข ปรับปรุง พ.ร.บ.สงฆ์ มักจะมีการยึดเอาระบบปกครอง อาตมาอยากให้ยึดถือวิถีชีวิตหรือไตรสิกขามากกว่า
นอกจากนั้น การที่ม ีนักวิชาการ ออกมาผลักดันให้วัดพระธรรมกาย แยกตัวออกจากพุทธเถรวาท ให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้พุทธศาสนา แตกแยก คงเป็นเพราะหวังดี มีผู้ใหญ่บางคน เคยพูดว่ารัฐธรรมนูญ เปิดช่องให้ทุกคนมีเสรีภาพ ในการนับถือศาสนา แต่เสรีภาพที่ว่า จะต้องเป็นเสรีภาพ ที่ถูกต้องด้วย ไม่ไปแอบแฝง หรือทำลายศาสนาอื่น เหมือนมีบ้านหลังหนึ่งที่คนในบ้านไม่ทำตามระเบียบที่มีอยู่ในบ้าน หัวหน้าครอบครัว ควรจะตักเตือน อะไรไม่ถูกก็ควรพูดไป ถ้ายังไม่ยอม ก็มีเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่สามารถไปฟ้องร้อง แจ้งความเหมือนกับ ที่ประชาชน ทำกันอยู่เวลานี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ก็ต้องทำให้เกิด ความชัดเจน แต่ปัญหาอย่างหนึ่ง ขณะนี้คือการตีความ คำว่าเสรีภาพโดยให ้ขอบเขตมากเกินไป หากมองแบบนี้ ควรจะสังคายนาทั้งหมด
พระธรรมปิฎก ยังเชื่อด้วยว่า วัดพระธรรมกายมีพระ-เณรจำนวนมากที่ได้เปรียญธรรมสูง ๆ และบางรูปคงรู้ว่า อะไรผิดอะไรถูก มองเห็นคำสอน ของพระพุทธเจ้า ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร อยากจะรื้อฟื้นสัจธรรมคำสอนที่ถูกต้อง แต่ไม่มีอำนาจ ไม่มีกำลังที่จะพูดแย้ง หรืออาจ จะยังนับถือกัน อยู่ในฐานะ ครูบาอาจารย์ ซึ่งกลุ่มที่นับถือลักษณะนี้ หากมากขึ้นก็จะเป็นปัญหาต่อประเทศชาติ จะทะเลาะกัน ควรรักษา ความถูกต้องตั้งแต่ตอนนี้ดีที่สุด
"ส่วนที่เกรงกันว่า พระที่เชื่อตามหลักแนวธรรมกายจะเป็นพระสังฆาธิการในอนาคตนั้น ความจริงมหาเถรสมาคม มีกฎบัญญัติไว้อยู่แล้วว่า การที่พระ จะเป็นพระสังฆาธิการได้ จะต้องปกป้องรักษาธรรมวินัย"
พระธรรมปิฎกกล่าว ถึงกฎนิคหกรรมที่ถูกนำมาใช้ แต่ล่าช้าและอาจมี ช่องโหว่ว่ากฎหมาย ที่ร่างขึ้นมา ก็ด้วยความหวังดี เพื่อสนองเจตนา- รมณ์หรือวัตถ ุประสงค์ที่ต้องการ ถ้าไม่สนองหรือแม้แต่ สนองกระบวนการซ้ำซ้อน จนปฏิบัติไม่ได้มันก็ไม่มีประโยชน์ ผู้ร่างกฎหมาย คือคณะสงฆ์ต้องทำให้เหมาะสม
"เมื่อเร็ว ๆ นี้มีพระสังฆาธิการ ชั้นผู้ใหญ่ออกมาพูดว่ากฎนิคหกรรมนั้นเคยมีการอบรม แต่ปัจจุบันผ่านไปนาน จนพระที่ได้รับการอบรม มรณภาพไปแล้ว พระรุ่นใหม่ ก็ยังไม่มีการอบรมจึงไม่ทราบเรื่องปฏิบัติ เรื่องนี้คงไม่ถูก เพราะแสดงว่า เราไม่มีระบบ ที่จะช่วยทำให้ กระบวนการยุติธรรม ที่จะรักษาธรรมวินัย ให้เป็นไปด้วยความเหมาะสม เรื่องนี้ช้าหรือเร็วไม่สำคัญ แต่ต้องชัดเจนเรื่องพระธรรมวินัย หากช้าแต่ชัดเจน ประชาชน ก็เข้าใจ ยิ่งเร็วด้วยก็แสดงถึง ประสิทธิภาพของผู้ดำเนินการ แต่หากช้าและไม่ชัดเจนประชาชนก็จะระแวงสงสัย แต่ต้องเห็นใจท่าน เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ที่ท่านต้องระมัดระวัง ท่านก็ไม่มีประสบการณ์"
ด้านนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ด้านคดีศาลสงฆ์รอเพียงเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ประทับรับฟ้อง และเรียกผู้ถูกกล่าวหา มารับฟังข้อกล่าวหา หากปฏิเสธก็จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการนิคหกรรม ซึ่งเรื่องนี้กรมการศาสนา ต้องไปสอบถามเหตุผล เจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานีว่าทำไมไม่รีบดำเนินการโดยเร็ว
รมช.ศึกษาฯกล่าวอีกว่า หากตนถูกปรับไป อยู่กระทรวงเกษตรฯ จริงเรื่องวัดพระธรรมกาย ก็คงไม่มีปัญหาเพราะเรื่อ งเข้าสู่กระบวนการแล้ว เพียงแต่รมช.คนใหม่ ต้องกำกับดูแลให ้ผลการพิจารณาออกมาโดยเร็วเท่านั้น โดยงานของกรมการศาสนาที่ต้องดำเนินการในตอนนี้ก็คือปรับ ปรุงองค์กรสงฆ์ และเรื่องพ.ร.บ.ส่งเสริมสนับ สนุนพระพุทธศาสนา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 73 ซึ่งจะทำให้ประชาชน มีส่วนร่วม ในกิจการคณะสงฆ์มากขึ้น เพราะเปลี่ยนแปลง สาระสำคัญ เดิมของพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 หลายประเด็น เรื่องนี้ต้องสานงานต่อ ให้สำเร็จ
ต่อกรณีพระธรรมปิฎก เรียกร้องให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายโดยเร็ว เพราะหากปล่อยนานไป จะทำให้ประชาชนสับสน นายอาคมกล่าวว่า คำแนะนำของมหาเถรสมาคม ได้ชี้ชัดแล้วว่า วัดพระธรรมกาย มีข้อบกพร่อง 4 ประการ แต่ทั้ง 4 ประการ ไม่มีบทลงโทษเท่านั้น ซึ่งหนังสือที่พระธรรมปิฎก เขียนก็ระบุว่า วัดพระธรรมกายผิด พระธรรมปิฎก คงต้องการให้คณะสงฆ์ รับคำฟ้องและชี้ข้อกล่าวหา ให้ชัดเจน และเรียกมา รับคำฟ้องโดยเร็ว ถ้าปฏิเสธจะได้ดำเนินการตามขั้นตอน อีกทั้งวัดพระธรรมกาย ก็จะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้เรื่องยุติ
รายงานข่าว จากกองปราบปรามฯเปิดเผยว่า ในการดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย ในคดีความทางโลกนั้น จุดสำคัญ กลายเป็นอยู่ที่การตรวจสอบ แหล่งที่มาและแหล่งที่ไป ของเงินที่นายไชยบูลย ์เอาไปใช้จ่าย โดยเฉพาะการนำไปซื้อ ที่ดินจำนวนมหาศาล ในต่างจังหวัด ที่ปรากฎหลักฐานชัดว่ามีการไปซื้อ-ขาย
สำหรับการตรวจสอบ บัญชีตำรวจจะแบ่งทีมงานเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการ สอบบัญชีหลัก และบัญชีสำคัญ อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก. 1 ป. ขณะที่อีกส่วนเป็นบัญชีรองที่เกี่ยวข้อง อาทิบัญชี ของผู้ที่มีชื่อขายที่ดินให้นายไชยบูลย์ตามจังหวัดต่าง ๆ ก็จะแยกให ้ชุดสอบสวนแต่ละชุด ที่ลงพื้นที่ไปก่อนหน้านี้เป็นผู้ติดตาม อย่างไรก็ตามเท่าที่สรุปสำนวนเบื้องต้น พบว่าข้อมูล ที่พบแตกต่าง จากข้อกล่าวหา ที่กรมการศาสนามาแจ้งร้องทุกข์ไว้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเพิ่ม หรือเปลี่ยนแปลง ข้อกล่าวหา ได้ตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งจะมีการเสนอต่อ พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. หัวหน้าทีมสอบสวน เป็นผู้ตัดสิน
วันเดียวกัน ที่กองปราบปรามฯ พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผกก. 3 ป. ,พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผกก.3 ป. และพ.ต.ต.พล พิชัยยุทธ สว.ผ.4กก.3ป. ในฐานะ พนักงานสอบสวนได้เชิญนางสาวชนัสถ์นันท์ สุขุมพานิช พยานคดีดังกล่าว เกี่ยวกับการมอบที่ดิน ให้นายไชยบูลย์ มาสอบปากคำ โดยเป็นมามอบให้ที่ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ จ.เลย พนักงานสอบสวน ได้สอบถามเกี่ยวกับการมอบที่ดินในปี 2535 และหลังจากมอบให้แล้ว น.ส.ชนัตถ์นันท์ ก็ไม่ได้ยุ่งด้วยอีกเลย โดยการให้ปากคำน.ส.ชนัตถ์นันท์นำทนายความมาด้วย
สำหรับนายสอง วัชรศรีโรจน์ เซียนหุ้นชื่อดัง ที่มีชื่อครอบครองที่ดินจังหวัดเลยหลายพันไร่นั้น หลังจากพนักงาน สอบสวน ได้ส่งหมายเรียกไปแล้ว นายสองขอเลื่อนการให้ปากคำออกไปแต่ไม่ระบุเมื่อไหร่ พนักงานสอบสวน จะพยายาม เรียกนายสอง เข้ามาสอบปากคำ ภายในวันศุกร์นี้ รวมถึงนายพิษณุ คล้ายทิม ผู้ที่เข้าไปกว้านซื้อ ที่ดินอีกคนด้วย โดยพนักงานสอบสวนจะเรียกพยาน 7 ราย แต่บางราย ไม่ยอมลงนามรับหมายเรียก โดยอ้าง ข้อติดขัดต่าง ๆ พนักงานจะพยายาม ออกหมายเรียกอีกครั้ง เพราะถูกสั่งการให้เร่งดำเนินคดี
สานุศิษย์และคนสนิท ของนายไชยบูลย์ยังมีข้อมูลด้วยว่าได้ไปกว้านซื้อครอบครองที่ดินที่ จ.เลย ใกล้ๆ ที่ดินของนายไชยบูลย ์อีกจำนวนมาก ส่วนกรณีพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พนักงานสอบสวน จะเรียกมาสอบปากคำในสัปดาห์นี้ โดยพล.ต.ท. วาสนา จะนัดสอบปากคำ และสถานที่อีกครั้ง แต่ยังไม่เปิดเผยว่าเป็นที่ใด ด้านนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา เปิดเผยว่า ตนเดินทางไป พบอัยการสูงสุดเพื่อแก้ข้อกล่าวหาที่ถูกยื่นฟ้องทางแพ่ง โดยได้ตอบปัญหาทุกอย่างกับอัยการและไม่ได้นำเอกสารไปชี้แจง
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นายวิรศักดิ์ ฮาดดา สาวกคนสำคัญอีกคนหนึ่งของวัดพระธรรมกาย ได้สมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกองค์การ บริหารส่วนตำบล (อบต.) คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยสมัครในพื้นที่หมู่ที่ 7 เขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ตั้งวัดพระธรรมกาย และได้หมายเลข ประจำตัวเบอร์ 1 ขณะที่ลูกทีมคือ น.ส.ทุเรียน บัวพุทธ ได้เบอร์ 2 การเลือกตั้ง สมาชิกอบต.คลองสามจะมีการเลือกทั้งหมด 16 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 2 คน โดยวันเลือกตั้ง คือวันที่ 18 ก.ค. 2542
การลงสมัคร ของนายวิรศักดิ์และน.ส. ทุเรียนซึ่งเป็นคนของวัดพระธรรมกายนั้น ประชาชนในพื้นที่ มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน อย่างกว้างขวาง มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า จำนวนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองสามนั้น เดิมมีประมาณ 300 คน เพิ่งจะมาเพิ่มอีกประมาณ 200 คนเมื่อปีเศษ ที่ผ่านมา รวมเป็น 506 คน ซึ่งคนที่ที่เพิ่มขึ้นมา ชาวบ้านน้อยรายที่จะรู้จักหน้าค่าตา ทำให้มีข้อสงสัย เรื่องการโยกย้ายเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง
ด้านนายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการ สภาทนายความ กล่าวถึงกรณีที่มูลนิธิธรรมกายจะฟ้องร้องไล่ที่นางสาลี่ เพ็ชร์ชูดี ชาวนาสุพรรณบุรี ที่ขายที่ให้มูลนิธ ิแต่ไม่ยอมย้ายออกไป ว่า มูลนิธิจะฟ้องก็ได้ แต่นางสาลี่มีเหตุผลแย้ง ตามที่ให้ข้อมูล สภาทนายความไว้ ที่ไม่ยอมรื้อถอน เพราะทางมูลนิธิโอน ที่ดินให้ไม่ครบตามข้อตกลง และมีเจตนายก ที่ดินให้วัดไม่ใช่มูลนิธิ การขู่จะฟ้องร้องเข้าใจว่าวัดต้องการหยุดนางสาลี่ เพราะนางสาลี่ ได้ไปฟ้อง นายไชยบูลย์ต่อศาลสงฆ์ และมีการฟ้องร้องทางโลกด้วย.