เดลินิวส์ 29/6/2542
ป.ได้หลักฐานเด็ด 'ไชยบูลย์' บินสำรวจขุมทอง
วาสนา" ลั่นคำแล้ว สัปดาห์นี้ได้ขัอสรุปช่องทางเล่นงานเดียรถีย์ หาข้อมูลเพิ่มเรื่องที่ดินได้มาจากการบริจาคหรือไปซื้อมา เปิดข้อมูลกองปราบ ได้หลักฐานสำคัญจากมือกว้านซื้อที่ดินที่พิจิตร ระบุพระปลอมถมเงินเข้าไปเพราะพบสายแร่ทองคำ ตาโต ขนาดลงทุน บินไปสำรวจด้วยตัวเองขนดินมา 10 ถุง แยกแล้วเจอทองบริสุทธ ิ์ตีหน้าซื่อ ขอบริจาค จะใช้หล่อ รูปปั้นหลวงพ่อสด แต่ไม่สำเร็จเลยซื้อมันยกหมู่บ้าน ไล่ซื้อแม้กระทั่งที่ดินวัด เตรียมสอบ"ทัตตชีโว" ในฐานะผู้ที่นำหนังสือ แสดงเจตจำนง โอนที่ให้วัดมามอบให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะปทุมฯตัดสินแล้วไม่รับ 2 คำฟ้อง สำนวนแรก"สาลี่ เมืองสุพรรณฯ ให้ไปร้องที่บ้านเกิดเอาเอง กับอีกสำนวนของ"ประจิณ"ก็ยกด้วย ฐานไม่ได้ใส่ ในคำฟ้องเป็นชาวพุทธ เขียนคำเรียกขาน "ไชยบูลย์"ผิดพลาด
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มอบให้พระปริยัติวโรปการ ในฐานะพระเลขาฯเจ้าคณะจังหวัด เรียกโจทก์ 2 คนที่ยื่นฟ้อง นายไชยบูลย์ สุทธิผล ในข้อหาปาราชิกขาดจากความเป็นพระต่อศาลสงฆ์ตามกฎนิคหกรรม มารับฟังคำตัดสิน ที่จะไม่รับคำฟ้อง ได้แก่นางสาลี่ เพ็ชร์ชูดี ชาวนาสุพรรณบุรี และนายประจิณ ฐานังกรณ์
นายประเสริฐ วรรณศิริ เป็นตัวแทน นางสาลี่ เดินทางมาคนแรกเวลา 9.30 น. โดยได้รับฟังสาเหตุ ที่ไม่รับฟ้องนายไชยบูลย์ข้อหาปาราชิกจากการลักทรัพย ์เบียดบังที่ดินว่าเนื่องจากความผิดเกิดที่จ.สุพรรณบุรี ต้องเอาไปยื่นที่เกิดเหต ุไม่ใช่ที่ปทุมธานี จึงไม่สามารถพิจารณา ตามกฎนิคหกรรมได้ และให้นำหนังสือไปยื่นต่อเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีภายใน 15 วัน
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายประจิณมารังฟังเหตุผลว่า การไม่รับคำฟ้องนายไชยบูลย์ในข้อหาอวดอุตริมนุสธรรมหรืออวดวิเศษไม่มีในตนนั้น นายประจิณไม่ได้ระบุว่า นับถือศาสนาใด และใช้ข้อความว่า"นายไชยบูลย์"และ"อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย" ซึ่งปัจจุบันนายไชยบูลย์ ยังดำรงตนเป็นสมณเพศ และยังไม่ถูกปลดจากเจ้าอาวาส จึงไม่สั่งฟ้อง และหากต้องการฟ้องต่อไปให้ยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน ส่วนคำฟ้อง ของนายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ และนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา พระปริยัติวโรปการกล่าวว่ายังไม่ตัดสินและเสนอให ้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ชี้ขาด เนื่องจากเกรงว่า ถ้าตัดสินแล้วอาจถูกนายไชยบูลย์ ฟ้องร้องภายหลัง
นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนา กล่าวถึงกรณีที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แสดงท่าทีว่าจะยกฟ้องคำร้อง ให้พิจารณาตามกฎนิคหกรรมกับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า ไม่ใช่หน้าที่ ของเจ้าคณะจังหวัดที่จะยกฟ้อง หรือจะต้องกลัวว่า จะถูกฟ้องกลับ เพราะการทำหน้าที่ ของผู้พิจารณาฝ่ายสงฆ์เป็นไปตามกฎหมาย คณะสงฆ์ที่แต่งตั้ง พระฝ่ายปกครองขึ้นมาพิจารณา ในลักษณธของศาลสงฆ์ เหมือนกับศาลทางโลก การที่ยกฟ้องโจทย์แล้ว 2 คน จาก 4 คนก็เป็นการใช้อำนาจไม่ถูกต้อง เพราะมีหน้าที่เพียงรวบรวมคำฟ้อง ของโจทย์ทั้งหมดไปให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เป็นผู้พิจารณา ไม่ใช่วินิจฉัย ยกฟ้องเสียเอง
สำหรับกรณีนายไชยบูลย์ เชิญชวนลูกศิษย์ให้เปิดบ้านเป็นสถานที่นั่งสมาธิ โดยใช้ชื่อว่า บ้านกัลยาณมิตรนั้น หากมีการเรี่ยไรเงิน ก็ถือว่ามีความผิด เพราะต้องขออนุญาต กรมการศาสนาก่อน
นายสุลักษณ์ ศิวลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ ออกอากาศทางวิทยุรายการ"เพื่อบ้านเพื่อเมือง" ที่คลื่นเอฟเอ็ม 97 กรณีนายไชยบูลย์ ให้สัมภาษณ์นิตยสาร"ไทม์" ว่า มีนักข่าวต่างประเทศ มาสัมภาษณ์ตนก่อนนายไชยบูลย์ ทางวัดพระธรรมกาย ต้องการใช้องค์กรโลกหรือต่างชาติมาแก้ไขปัญหา ที่เจออยู่ ซึ่งมีการส่งข้อมูลไปทั่วโลก ทราบว่ามีการส่งไปถวายท่านดาไลลามะด้วย
"เนื้อหาที่วัดพระธรรมกายเผยแพร่ไปคือว่ามีการกลั่นแกล้ง ให้ร้ายวัดพระธรรมกาย เวลานี้แม้แต ่คณะกรรมการ มหาเถรฯสมาคมก็ยังถูกหนังสือพิมพ์และนักวิชาการรังแก ซึ่งเป็นวิธีการบิดเบือน จุดประสงค์ของวัดพระธรรมกาย ต้องการที่จะเล่น กับต่างชาติ เพราะไม่เสียหายอะไร แต่อย่าลืมว่าต่างประเทศก็เข้าใจ และรู้ตื้นลึกหนาบาง เกี่ยวกับธรรมกายมากพอสมควร อย่าง บีบีซี เขาจะฟัง 2-3 ข้าง และก็ฟังหลายๆ รอบ สัจจะมันจึงปรากฏ น่าเสียดายที่ทางวัดพระธรรมกาย ไม่ยอมกระทำในสิ่งที่โปร่งใส ยังใช้วิธีที่แอบแฝง มีอะไรก็โทษว่า สื่อเมืองไทยเลวร้ายแทบทั้งหมด โทษนักวิชาการว่าเป็นเดียรถีย์ พวกมารต่างๆอันนี้อัตรายมาก "
ที่กองปราบปราม เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รอง ผกก. 3 ป. ได้เชิญนายสำรวย สารัตน์ ผอ.สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม มาสอบปากคำ ในคดีทุจริตที่ดินของนายไชยบูลย์ ซึ่งพ.ต.ท.จรงวิทย์เปิดเผยว่า การสอบปากคำนายสำรวย ในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับมอบที่ดิน เพื่อโอนเป็นของวัดพระธรรมกาย และในฐานะที่เป็นเลขาฯ มหาเถรฯ รับทราบข้อตกลงการมอบที่ดินเป็นอย่างดี โดยนายสำรวยได้เตรียมหลักฐานเอกสารซึ่งเป็นมต ิของมหาเถรฯมามอบให้พนักงานสอบสวนด้วย
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช. สง.กตร. ในฐานะหัวหน้า คณะพนักงานสอบสวนในคดี ได้เรียกคณะพนักงานสอบสวน ทั้งหมดมาประชุมสรุปความคืบหน้า ภายหลังการประชุม พล.ต.ท.วาสนาเปิดเผยว่า เป็นการประชุมเพื่อตรวจสอบว่า หลังจากได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวนไปหาหลักฐานในพื้นที่จังหวัดต่างๆที่นายไชยบูลย์ถือครองที่ดินอยู่ ได้ข้อมูล และมีหลักฐานอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งในบางพื้นที่ยังมีปัญหาต้องสอบเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามคาดว่า ภายในวันที่ 2 ก.ค.นี้คงจะมีข้อยุติว่าข้อหาทั้ง 3 ของนายไชยบูลย์จะดำเนินการ อย่างไรต่อไป
"เราต้องการ ความชัดเจนของข้อมูล ความเป็นมาของระบบที่ดินว่าเดิมใครเป็นเจ้าของแล้ว มาอยู่ที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้อย่างไร โดยการขายหรือการให้ ส่วนเรื่องแจ้งความเท็จนั้น ขณะนี้คืบหน้าไปมาก เหลือการสอบพยานเพียง 3-4 ปากก็สามารถสรุปได้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ พ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ระพีพงษ์ สุพรศรี รอง ผกก.ป. 3 และคณะ ได้เดินทางไปที่ อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ เพื่อสอบสวน หาข้อมูลที่ดินของนายไชยบูลย์ สิทธิผล อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เบาะแสส่วนใหญ่ในการสอบสวน ได้ข้อมูล จากตำรวจมวลชนที่คลุกคลีใกล้ชิดกับชาวบ้าน และที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก เป็นการได้ข้อมูล จากนายชาญวิทย์ เปรมกมล ซึ่งเป็นผู้รู้เรื่องการกว้านซื้อที่ดินดี โดยเฉพาะได้นายชาญวิทย์มีความสนิทสนม กับพ.ต.ท.เสวก เอี่ยมมงคล สวป.สภ.อ.ชนแดนและให้ข้อมูลทั้งหมด
สำหรับข้อมูล ที่ได้มาจากนายชาญวิทย์ก็นายชาญวิทย์เป็นผู้เข้าไปกว้านซื้อที่ดินที่ จ.พิจิตร เป็นคนแรกเพราะเดิม ทำงานที่บริษัทสำรวจแร่ทองอัคราไมนิ่ง เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างไทย-ออสเตเลีย มาสำรวจสายแร่ทองในเมืองไทย และพบสายแร่ทองคำ ทำให้นายชาญวิทย ์มาซื้อที่ดินไว้
จากนั้นนายชาญวิทย์ รู้จักนายถาวร ซึ่งนายถาวรได้นำข้อมูลเรื่องสายแร่ทองคำไปบอกกับ นายไชยบูลย์ที่วัดพระธรรมกาย จากนั้นไม่กี่วันนายไชยบูลย์ก็เรียกนายชาญวิทย์ไปคุยที่วัดพระธรรมกาย ถามว่าที่พิจิตรมีทองจริงหรือ นายชาญวิทย์ตอบไปว่าจริง และไปพิสูจน์กันก็ได้
นายไชยบูลย์จึงลงทุน เดินทางมาสำรวจพื้นที่ด้วยตัวเอง โดยนั่งเครื่องลงที่พิษณุโลกก่อน แวะบ้านสีกาคนหนึ่งก่อน อยู่ประมาณเกือบๆ ชั่วโมง แล้วก็นั่งรถตู้ต่อมาที่ เขาพนมพา โดยนายไชยบูลย์เดินสำรวจไปทั่วๆ แล้วก็ให้ขุดดินประมาณ 10 ถุงปุ๋ยขึ้นรถตู้ กลับมาที่วัดพระธรรมกาย โดยให้คนนำเอาไปร่อนที่คูข้างวัด จากนั้น ได้ให้สีกาสนิท เอาเนื้อทองที่ได้ไปพิสูจน์ที่เยาวราช ปรากฏว่า ทองที่นำไปพิสูจน์นั้น บริสุทธิ์เกิน 92 %
นายชาญวิทย์จึงได้รับการติดต่อจากนายไชยบูลย์ ให้บริจาคที่ดินให้กับวัด เพื่อจะนำไปทำเพื่อศาสนา โดยเฉพาะจะหล่อรูปเหมือน หลวงพ่อสด ที่อ้างว่าจะใช้ทองคำถึง 3 ตัน แต่นายชาญวิทย์ปฏิเสธโดยบอกว่า ตนเองก็ไม่มีสมบัติ สุดท้าย ตกลงว่าไชยบูลย์ซื้อที่ดินในราคา 10 ล้านบาท ได้ที่ดินไป 150 กว่าไร่
หลังจากซื้อแล้ว ก็มีการแจ้งราคาต่ำ โดยแจ้งแค่ไร่ละประมาณ20,000-30,000บาท เพื่อหลบภาษี และนายไชยบูลย์ถามนายชาญวิทย์ว่ายังมีที่ดินแบบนี้อีกหรือไม่ และจะทำอย่างไร ถึงจะขุดทองได้ นายชาญวิทย์ ก็แนะนำให้ซื้อที่บนเขาพนมพาทั้งหมด เพราะทองอยู่บนเขา และมีสายแร่ไหลลงมา ตามที่ดินเหล่านี้
แต่ปัญหาเกิดขึ้น เพราะภูเขาเป็นของหลวงจึงได้ตกลงซื้อที่รอบๆภูเขาทั้งหมด เหมือนไข่ดาว เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้าน หรือคนอื่นเข้ามาในพื้นที่ หรือพูดง่ายว่า เป็นวิธีการที่ซื้อท ี่และเอาภูเขาไปทั้งลูก
อย่างไรก็ตามแผนการกว้านซื้อที่ดิน ของนายไชยบูลย์รอบภูเขาก็ต้องประสบปัญหา มีที่ดินบางแปลงอยู่ในเขตของวัดเขาพนมพาเหนือ มีพระอยู่ 4 รูปแต่ไม่มีพระ ที่เป็นเจ้าอาวาสเนื่องจากพระทั้งหมดพรรษายังไม่ถึง และเมื่อมีการติดต่อวิ่งเต้นพระก็ไม่ยอม ที่สำคัญคือเจ้าของที่เดิมที่ชื่อนายวา และนางหลงก็ยังไม่ได้ยกให้วัด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ข้อมูลที่ได้รับมา จู่ๆก็มีพระมาจากกรุงเทพฯเรียกกันว่าพระอธิการ โดยบอกว่ามีหนังสือแต่งตั้ง จากจังหวัดให้มารักษาการเจ้าอาวาสประมาณ 1 เดือน จากนั้นพระรูปนี้ก็มาลงนามให้ย้ายวัด และมีกำลังพลประมาณ 50 กว่าคนมารื้อวัด โดยชาวบ้าน ไม่มีใครยอมรื้อ และให้ไปสร้างวัดแห่งใหม่ห่างจากที่เดิมประมาณ 1 กิโลเมตรครึ่ง สุดท้ายยังไม่มีการสร้างวัด
แต่การขุดทอง ของนายไชยบูลย์เกิดปัญหา เพราะมีการให้บริษัทคนสนิทไปขอสัมปทาน แล้วติดปัญหาไม่ได้อนุมัติ และชาวบ้านต่อต้านเพราะจะต้องมีการย้ายโรงเรียน ถึงแม้จะมีการรับปาก จะสร้างโรงเรียนใหม่ให้ ชาวบ้านก็กลัวถูกเบี้ยว เหมือนกับกรณีการย้ายวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทีมงานสอบสวนจะสอบปากคำพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายด้วย ในฐานะที่เป็นผู้นำหนังสือ แสดงเจตจำนงจะมอบที่ดิน ให้วัดของนายไชยบูลย์มายื่นให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา
นายมานิต รัตนสุวรรณ ที่ปรึกษาวัดพระธรรมกายกล่าวว่าขอยืนยัน ที่ดินได้มาจากการบริจาค ไม่ได้ซื้อมา และอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล จึงไม่อยากวิจารณ์ รวมถึงข่าวการออกไปหาเงินบริจาค ของผู้นำบุญวัดด้วยก็ไม่วิจารณ์เช่นกัน เพราะพูดไปมากไม่เป็นผลดี ข้อกล่าวหาจะมีแต่ยืด ออกไปไม่จบ
เวลา 14.30 น. นายไชยบูลย ์ให้พระตัวแทนพร้อมพระสงฆ์อีก 3 รูป และเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เพื่อขออนุโมทนา ขอคุณที่ให้ความเป็นธรรม เนื่องจากเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.นายไชยบูลย์ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกรณ ีถูกกรมการศาสนากล่าวโทษต่อกองปราบปรามนั้น สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งให้ทราบว่าได้ส่งเรื่องให้นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการแล้ว ทำให้มั่นใจด้ว่า จะได้รับความเป็นธรรม โดยนายประเสริฐ หนุนอนันต์ เจ้าหน้าที่ ฝ่ายประสานงานมวลชนเป็นผู้รับหนังสือดังกล่าวแทนนายชวน
นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการเรี่ยไรทำบุญของวัดพระธรรมกายว่า ไม่สามารถห้ามได้ โดยมิตมหาเถรฯ ห้ามการเรี่ยไรนอกวัด แต่เมื่อจัดในวัดก็ไม่ผิด ไม่อยากแนะนำอะไรเพราะมีที่ปรึกษามาก เตือนอะไรไปนักก็จะฟ้องกลับมา แต่ถ้าต่อไป วัดเกิดเสื่อมศรัทธา เจ้าอาวาสถูกดำเนินคดีทางอาญา ที่ปรึกษาเหล่านี้ต้องรับผิดชอบ และอยากให้ดูกระแสของประชาชนส่วนใหญ่ อย่าคิดว่าตัวเอง ถูกต้องเสมอไป ต้องมีข้อบกพร่อง แต่ไม่อยากพูดว่า บกพร่องมากหรือน้อย เรื่องนี้วัดต้องกลับไปทบทวน มิเช่นนั้นมหาเถรฯ คงไม่มีมติให้ดำเนินการแก้ไข 4 ประการ และก็มีการลงนาม รับคำสั่งจะปฏิบัติตามทุกประการด้วย
"อยากให้วัด ทำตรงกับสิ่งที่พูดไว้ด้วย อย่าให้คนต้องไปบอกว่าต้องทำอย่างโน้น อย่างนี้ เพราะไม่มีอำนาจเพียงแต่ ให้คำแนะนำ ในฐานะดูแลกรมการศาสนา เพราะหากไม่พูดเรื่องจะไม่สิ้นสุด ส่วนกรณีไปให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์ว่า พระไตรปิฎกบกพร่องนั้น จะไม่นำเสนอต่อพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 แต่นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา คงจะรู้ดีว่า จะดำนินการอย่างไร ไม่ต้องให้สั่งทุกเรื่อง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันอังคารที่ 29 มิ.ย.นี้นายภุมรัตน์ ทักษาดิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาต ิ,คณะที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าถวายการสักการะ ณ.ตำหนักคอยท่าปราโมช คณะเหลืองรังสี วัดบวรนิเวศวิหาร