เดลินิวส์ 28/6/2542
กินไม่ได้...แต่เท่ ไชยบูลย์เปิดตัวใน"ไทม์"
กลายเป็นเรื่องระดับอินเตอร์หรือเรียกว่าระดับนานาชาติไปแล้ว สำหรับกรณีปัญหาธรรมกาย เมื่อนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิเพ่งลูก แก้ว เปิดตัวให้นิตย สารทรงอิทธิพลระดับโลกอย่าง "ไทม์" เข้าสัมภาษณ์ และลงตีพิมพ์ในฉบับล่าสุดสำหรับจำหน่ายในแถบเอเชีย ภายใต้ชื่อเรื่องว่า "Trouble in Nirvan" หรืออุปสรรคในนิพพาน
เนื้อหาของบทความที่ลงในบทความดังกล่าวเริ่มตั้งแต่การก่อตั้งวัดพระธรรมกาย ที่เปิดตัวด้วยบรรยากาศในวันอันแจ่มใสเมื่อ 23 ปีก่อน ที่พระหนุ่มรูปหนึ่งนั่งในกุฏิไม้ขนาดเล็ก เพื่อรอคอยบุคคลสำคัญในการบริจาคเงินเพื่อสร้างโบสถ์
บุคคลสำคัญที่ภิกษุหนุ่มนั่งรอก็คือหญิงชราผิวดำกร้าน ที่เดินทางฝ่าแดดมาเพื่อบริจาคเงิน 1 บาทให้กับพระภิกษุรูปนั้น!!!
ภาพที่เห็นจึงทำให้คนข้างเคียงภิกษุหนุ่มถามขึ้นมาว่านี่หรือบุคคลสำคัญ และมาบริจาคเงินแค่บาทเดียว ซึ่งภิกษุหนุ่มให้คำตอบว่าใช่ และจำนวนเงินไม่สำคัญเท่าศรัทธา เนื่องจากเงิน 1 บาทนี้มีค่ามากสุดสำหรับผู้หญิงคนนี้ เนื่องจากเป็นเงินรายได้ที่เธอได้รับตลอดทั้งวัน เป็นภาพการเปิดตัวที่งดงามและเรียกศรัทธาได้ชะงัด โดยภิกษุผู้นี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากนาย ไชยบูลย์ เจ้าสำนักธรรมกายนี่เอง!!!
หลังจากการเปิดตัวไปแล้ว บทความดังกล่าวก็ได้รายงานถึงเครือข่ายของวัดพระธรรมกายที่ครอบคลุมถึง 15 สาขาทั่วโลก รวมถึงมี 5 สาขาในสหรัฐ และเป็นสำนักที่มีสานุศิษย์นับล้านคน รวมไปถึงการก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ที่จะคงอยู่นานไปถึงพันปี!!!
บทความนี้ยังรายงานถึงปัญหาและอุปสรรคที่วัดพระธรรมกายต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์เรื่องคำสอน เรื่องนิพพานเป็นอัตตา หรือเป็นสถานที่ ซึ่งขัดกับหลักพระพุทธศาสนา,การระดมเครือข่ายทำบุญมหาศาล การโฆษณาวันอัศจรรย์ตะวันแก้ว จนไปถึงการถูกเล่นงานคดีอาญาในเรื่องที่ดิน โดยนายไชยบูลย์ยืนยันกับผู้สื่อข่าวของนิตยสารไทม์ว่าทุกอย่างที่วัดสอนไม่ได้สอนผิดเพี้ยน และเรื่องทั้งหลายเกิดจากความเข้าใจผิด อาทิ หน่วยงานความมั่นคงที่เกรงกลัวว่า ธรรมกายจะส่งผลร้ายเหมือนลัทธิโอมชินริเกียว ในญี่ปุ่นหรือลัทธิดาวิเดียนในอเมริกา
นายไชยบูลย์ย้ำประกาศจุดมุ่งหมายของตัวเองในนิตยสารระดับโลกด้วยว่าตัวเองมีวัตถุประสงค์ 2 อย่าง คือสอนตัวเองและเพื่อ สอนคนอื่น โดยไม่มีวัตถุประสงค์อื่นตลอดมา
การเปิดตัวของนายไชยบูลย์สู่ระดับนานาชาติเช่นนี้ อาจเป็นก้าวใหม่และก้าวสำคัญของธรรมกาย เพราะไม่เพียงแต่นิตยสาร "ไทม์" เท่านั้น ที่เข้าไปถึงตัวนายไชยบูลย์ได้ แต่มีสำนักข่าวต่างประเทศอื่น ๆ ที่เตรียมพร้อมเข้าไปสัมภาษณ์บุรุษผู้นี้เช่นกัน อาทิ สำนักข่าวบีบีซี ของอังกฤษ
นอกจากนั้นแม้แต่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศเอง ก็มีการเชื้อเชิญให้นายไชยบูลย์มาพูดให้กับสมาชิกซึ่งเป็นสำนักข่าวนานาชาติฟัง แต่ยังติดปัญหาสำคัญคือทางวัดพระธรรมกายตั้งเงื่อนไขว่าการไปพูดให้นักข่าวต่างประเทศฟังนั้น จะต้องไม่มีบุคคลอื่นโดยเฉพาะบุคคลที่วิพากษ์วิจารณ์วัดพระธรรมกายมาตลอดไปร่วมพูดด้วย
แต่เงื่อนไขนี้สมาคมนักข่าวต่างประเทศไม่ยอมรับ เนื่องจากไม่ต้องการเป็นเวทีหรือไม่ต้องการเป็นผงซักฟอกให้ใครมาล้างคราบไคลความสกปรก ถ้าวัดพระธรรมกายจะพูดก็ต้องให้คนที่มีความคิดตรงกันข้ามมาพูดด้วยเพื่อให้ได้ข้อมูลทั้ง 2 ด้าน
ท่าทีทั้งหมดของนายไชยบูลย์ถือว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เนื่องจากนับตั้งแต่เกิดปัญหาธรรมกายมา 8 เดือน นายไชยบูลย์ไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนของไทยมาก่อน และ มีเพียงพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสที่เคยเปิดตัวมาครั้งแรก แต่ก็ต้องรีบกลับเข้าวัดไปแทบไม่ทัน เนื่องจากพระเผด็จแสดงอาการโกรธ ออกอารมณ์กับผู้สื่อข่าว เมื่อถูกซักถามหนักเข้า และคงเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนายไชยบูลย์ที่จะออกมาเผชิญหน้ากับผู้สื่อข่าวไทย และเลือกจะไปหานักข่าวต่างชาติแทน
นอกจากนั้นสิ่งที่เป็นเป้าหมายที่นายไชยบูลย์ก้าวสู่ระบบข่าวสารระดับอินเตอร์ก็คือ ความใฝ่ฝันของนายไชยบูลย์ที่ต้องการตั้งตัวเองเป็น ศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลก และเป็นสำนักธรรมกายแห่งโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อป้อมปราการหลักในประเทศไทยถูกสั่นคลอนจนกระเทือนถึงรากแก้ว การที่จะแสวง หาพลังสนับสนุนและทำให้เป็นที่รู้จัก ในระดับนานาชาติได้คงไม่มีอะไรดีกว่าการเปิดตัวกับสื่อมวลชนของต่างชาตินั่นเอง
ที่สำคัญนายไชยบูลย์ต้องการหาความเห็นใจจากต่างชาติ โดยนำสื่อต่างชาติมายืนยันต่อสังคมว่าก็มีสื่อที่เข้าใจธรรมกาย ไม่ใช่จะมีแต่รุกเล่นงานเพียงอย่างเดียว รวมถึงการออกไปเล่นบทบาทในสื่อระดับโลกจะเป็นการรุกสำคัญที่นายไชยบูลย์จะเอาองค์กรระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นองค์การสหประชาชาติ หรือข้อตกลงระดับโลกเช่น ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เข้ามาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง หากวันใดวันหนึ่งนายไชยบูลย์ถูกรุกไล่ถึงขั้นจะถูกจับถอดผ้าเหลือง
ที่ผ่านมาพิสูจน์ได้แล้วว่านายไชยบูลย์ใช้เงื่อนไขทุกเรื่อง ทุกประการ มาต่อสู้และตอบโต้กระแสกดดันที่ถาโถมเข้าหา แม้กระทั่งการเอากฎหมายทางโลกการลบเลือนข้อบัญญัติตามพระธรรมวินัย ที่พระสงฆ์ต้องยึดถือปฏิบัติเป็นอันดับแรก การฟ้องศาลเพื่อให้อำนาจศาลสั่งบังคับไม่ให้เอากฎมหาเถรสมาคม มาบังคับใช้กับตัวเองทั้งที่ตัวเองก็อ้างตัวเป็นพระ และมหาเถรฯก็เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ปกครองดูแลสงฆ์ แต่นายไชยบูลย์ก็ประกาศตัวเองเป็นเมืองเอกราช ไม่ขึ้นตรงต่อองค์กรสงฆ์ก็ยังทำให้เห็นมาแล้ว และคงไม่แปลกใจที่นายไชยบูลย์จะเอาองค์กร-ข้อตกลงระดับโลกเหล่านี้มาเป็นเกราะกำบัง
นาทีนี้ศาสนาจะเป็นอย่างไร การปกครองสงฆ์จะเสียหายแค่ไหน คนชื่อไชยบูลย์ไม่สนใจ ขอให้ตัวเองรอดก็พอแล้ว!!!.