เดลินิวส์ 26/6/2542
ลุยดมกลิ่นที่ดิน'ไชยบูลย์'15 จังหวัด
วาสนา" นัดทีมสอบสวน คดีธรรมกายประชุมจันทร์นี้ ที่ส่งลงพื้นที่ 15 จังหวัดทั่วประเทศ บุกสอบปากคำ "อาคม"พร้อมกราบ พระพรหมโมลี รวบรวมหลักฐานก่อนตัดสินใจตั้งข้อหา "ไชยบูลย์" ขณะเดียวกันกองปราบพบพฤติกรรมส่อเค้าเลี่ยงภาษี ซื้อที่ดิน จากชาวบ้านแพง แต่แจ้งรัฐราคาต่ำ เสนอให้พิจารณาขยายผล กรมที่ดินประกาศพร้อมประสานข้อมูล ธรรมกาย ลามเข้าสภาฯฝ่ายค้าน ลุกขึ้นมาฉะแก้ปัญหาล่าช้า
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลา 7.30 น.นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ และนายสำรวย สารัตถ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม และคณะเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่ตำหนักคอยท่าปราโมช คณะเหลืองรังสี วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อกราบทูลถวายปัจจัย 10 ล้นบาท เป็นงบประมาณที่กรมการศาสนาถวายสำหรับการปฎิบัติศาสนากิจของสมเด็จพระสังฆราช โดยเคยถวายแล้ว 13 ล้านบาท ซึ่งเงินงวดแรก สมเด็จพระพสังฆราชประทานต่อไป ให้สร้างอาคารสกลมหาสังฆปริณายก ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด เพื่อให้บริการพระสงฆ์ที่อาพาธ 19 แห่ง ขณะนี้สร้างไปแล้ว 13 แห่ง แต่ละอาคารจะใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท
นายอาคมเปิดเผยว่า ไม่ได้กราบทูลเรื่องปัญหาธรรมกาย และคงไม่กราบทูลถามพระองค์ แต่หากทรงประทานเรื่อง มาให้กรมการศาสนา พร้อมจะสนอง สว่นความคืบหน้า ในการดำเนินคดีคงไม่ช้าตำรวจได้ระดมกำลังกว่า 30 นายลงพื้นที่ตรวจสอบ และได้สอบปากคำพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 อธิบดีและรองอธิบด ีกรมการศาสนาแล้ว เหลือสอบปากคำตนเป็นคนสุดท้ย เมื่อสอบปากคำเสร็จก็สามารถตัดสินได้
ด้านคดีทางธรรมพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ปิดคำร้องทุกข์แล้ว โดยเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมานายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา ได้ไปพบและแสดงตนให้ครบคุณสมบัติ 5 ข้อของผู้ที่ต้องการกล่าวโทษตามกฎนิคหกรรมแล้ว และนายมาณพได้รับมอบหมาย ให้ไปฟ้องในฐานะที่เป็นคฤหัสถ์ ไม่ใช่ในฐานะกรมการศาสนาเนื่องจากกรมต้องดูแลทุกศาสนา
นายอาคมยังกล่าวถึง กรณีพระครูธรรมธร วันชัย เข้าร้องเรียนเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีให้ตรวจสอบลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราชว่า ต้องมีการตรวจสอบ ประวัติพระครูรูปนี้ ซึ่งเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีบอกเองว่าพระครูธรรมธรไม่ได้สังกัดอยู่ในปกครองของพระรูปใด แต่ยังไม่มีการร้องเรียนหากแจ้งมาก็จะตรวจได้
เวลา 9.00 น.ของวันเดียวกัน พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผู้บัญชาการสำนักงานข้าราชการตำรวจ ในฐานะหัวหน้า พนักงานสอบสวน นายไชยบูลย ์เดินทางมาสอบปากคำ นายอาคม ในฐานะที่รู้เห็นเหตุการณ์ที่ตัวแทนนายไชยบูลย์ นำหนังสือแสดงเจตจำนงการโอนที่ดินไปยื่นต่อเจ้าคณะภาค 1 โดยใช้เวลาสอบสวน กว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.วาสนาเปิดเผยภายหลังว่า ที่ต้องสอบปากคำนายอาคมเพราะเป็นรัฐมนตรีที่ดูแลกรมการศาสนา และได้รับข้อมูล ที่เป็นประโยชน ์ต่อรูปคดีมาก ระยะเวลาการรวบรวมข้อมูลจะให้เร็วสุด แต่ต้องรอบคอบและตรวจสอบเอกสารอย่างชัดเจน ส่วนการที่จะเชิญนายไชยบูลย ์มาสอบปากคำ ที่กองปราบปรามหรือไม่ คงต้องพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง ยังไม่สามารถกำหนดสถานที่ได้ สำหรับที่มีข่าวพนักงานสอบสวน ระดับพ.ต.อ.เป็นสายให้วัดพระธรรมกาย ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะนายตำรวจที่ร่วมทีมไว้ใจได้ทุกคน แต่ต้องรับฟังไว้ และคงไม่ตั้ง คณะกรรมการสอบสวน
ส่วนเรื่องที่ดินของนายไชยบูลย์ที่รุกล้ำป่าสงวนแห่งชาติ พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่ายังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ แต่ได้พูดคุยกับพนักงานสอบสวนที่ลงไปในพื้นที่บ้างแล้ว คาดว่าจะประชุมในวันที่ 28 มิ.ย.นี้เพื่อให้เกิดความชัดเจน
จากนั้นเวลา 13.00 น.พนักงานสอบสวน เดินทางไปสอบปากคำนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยพล.ต.ท.วาสนา กล่าวอีกว่าจำเป็นต้องสอบปากคำนายพิภพ เพราะเป็นผู้มอบอำนาจให้นายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้ากลุ่มนิติการ ไปแจ้งข้อกล่าวหา โดยได้ถามถึง ความเป็นมาของเรื่องตั้งแต่ต้นจนถึงแจ้งความ พนักงานสอบสวน ยังได้รับมอบเอกสาร จากกรมการศาสนาไปตรวจสอบอีกจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการขู่กรมที่ดิน ไม่ให้มอบหลักฐานให้พนักงานสอบสวนจะทำอย่างไร พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่ากรมที่ดิน คงให้ความร่วมมือ เพราะเป็นพนักงานสอบสวน และถ้ากรม ไม่มอบเอกสารก็จะเอาผิดไม่ได้
ทางด้านนายอาคมกล่าวว่า พนักงานสอบสวนคงใช้เวลาสอบปากคำอีกมากโดยเฉพาะในส่วนของฝ่ายกฎหมายกรมการศาสนา ซึ่งพล.ต.ท.วาสนาบอกกับตนว่า พนักงานอสบสวนอยากจะเร่งคดีให้เสร็จโดยเร็ว แต่ขอให้รู้ว่าคดีนี้ไม่ง่ายต้องรอบคอบมาก หากสรุปสำนวนส่งอัยการไป แต่อัยการเห็นว่าไม่น่าฟ้องได้พนักงานสอบสวนจะมีปัญหา หากพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง แต่อัยการพิจารณาแล้ว หาข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งฟ้องพนักงานสอบสวน ก็จะมีปัญหาอีก ต้องระวังให้มาก อาจไม่ทันใจและการอสบสวนก็ไม่มีใครมากดดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 26 มิ.ย.กองปราบปรามจะเดินทางไปสอบปากคำพระพรหมโมลี ที่วัดยานนาวาด้วย
นายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวถึงกรณีศาลรับคำฟ้องของวัดพระธรรมกายที่ฟ้องนายอาคมว่า ยังมองไม่เห็นเจตนาของวัด คิดว่า ฟ้องแก้เกี้ยวมากกว่า และไม่สามารถนำมาเกี่ยวกับการฟ้องร้องคดีอาญาของกรมการศาสนา โดยจะไปขอใช้อำนาจศาล สั่งห้ามกรมที่ดินเปิดเผยข้อมูลไม่ได้ รวมทั้งไม่เกี่ยวกับกระบวนการนิคหกรรม
รายงานข่าวจากสภาทนายความ เปิดเผยว่าการฟ้องร้องของวัดพระธรรมกาย จะสร้างแรงกดดันให้ฝ่ายบ้านเมือง ที่ต้องมีความรอบคอบในการดำเนินงาน ไม่ใช่กล่าวหาอย่างไร้น้ำหนัก
นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 ส.ค.นี้ และสามารถนำมาดำเนินคดี กับวัดพระธรรมกายได้ โดยผ่านกลไกของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สังกัด สำนักนายกรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ที่สามารถเข้าไปตรวจสอบ พฤติกรรมของบุคคล หรือหน่วยงานที่น่าสงสัยได้ว่า ทรัพย์สินที่ได้มาจะมีที่มาจากการฟอกเงิน
"ถึงแม้จะอ้างว่า เป็นเงินที่ได้มาจาก การบริจาค แต่ในฐานะที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายน่าสงสัยก็ตรวจได้ เนื่องจากมีการถือครองที่ดินจำนวนมาก และมีบริษัทต่าง ๆตั้งขึ้นมาหลายรูปแบบ เรื่องนี้สามารถตรวจสอบไปจุดเริ่มต้นเรื่องการได้มาของเงิน และการนำไปใช้ และไม่ซ้ำซ้อนกับคดีความ ที่กองปราบปรามดำเนินการอยู่ รวมถึงตำรวจสามารถนำ เอาข้อมุลที่ได้รับมาอาทิชื่อบุคคล ที่เป็นญาติมิตรหรือคนสนิท ที่เข้ไาปกวีานซื้อทีดิ่น ตามจังหวัดต่างๆ แม้แต่การตั้งบริษัท บังหน้าเสนอมายังสำนักงานป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อขอให้ไปตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ได้"
ขณะเดียวกันที่รัฐสภา ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2543 ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคความหวังใหม่ อภิปรายปัญหา วัดพระธรรมกายด้วยว่าดำเนินการล่าช้า ส่งผลเสียต่อศาสนา ทำให้กลักคำสอนสะดุด แทนที่จะมาแก้ไขหลักธรรมคำสอน แต่พยายาม เบี่ยงเบนไปเป็นเรื่องที่ดินแทน
นายอาคมในฐานะผู้ดูแล กรมการศาสนา ลุกขึ้นมาชี้แจงว่าวัดมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายและอยู่ภายในการดูแลของมหาเถรสมาคม และกระทรวง ทำตามหน้าที่มาตลอด เริ่มตั้งแต่ตั้งคณะทำงานศึกษาคำสอน ซึ่งพบว่ามีคำสอนไม่ตรงตามพระไตรปิฎก และเรื่องเข้ามหาเถรฯ โดยมีมติให้ ดำเนินการ 4 ประการ แต่ไม่มีคำสั่งให้จับสึก อย่างที่หลายคนต้องการ ต่อมาเกิดกรณีอื่นๆ อีกเช่นกรณีที่ดิน เมื่อเสนอมหาเถรฯ ก็มีมติให้โอน ที่ดินให้วัด รวมถึงให้วัดทุกแห่งถือปฏิบัติด้วย และกรมการศาสนารับเรื่องต่อมาดำเนินการ แต่ติดปัญหาจนต้องแจ้งความ ดำเนินคดีทางโลก ขณะเดียวกันคดีทางธรรม ก็มีการฟ้องร้องตามกฎนิคหกรรม โดยกรมการศานา ไม่ได้ปกป้อง วัดพระธรรมกายหรือปฏิบัติการล่าช้า
ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ แผนกอุทธรณ์-ฎีกา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 14.00น. นายปรีชา ศรีเจริญ หนึ่งในโจทก์ 12 คน ที่ยื่นฟ้องนายไชยบูลย์ กับพวกรวม 5 คนฐานฉ้อโกงแรงงานวงเงิน 35 ล้านบาท และกระทำผิดพ.ร.บ.เช็ค ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ได้ยกคำฟ้องครั้งแรก ของนายปรีชาและพวก
การยื่นอุทธรณ์ครั้งนี้ ศาลมีคำสั่งให้รับคำร้องอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ และให้ส่งสำเนาคำร้องอุทธรณ์ให้จำเลยทั้ง 5 ทราบ รวมทั้งดำเนินการส่งคำร้องอุทธรณ์ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป
นายปรีชาเปิดเผยว่า คำร้องอุทธรณ์ในวันนี้ล้วนเป็นข้อกฎหมายทั้งสิ้น หากยื่นในข้อเท็จจริง ศาลแขวงพระนครเหนือ อาจไม่รรับคำร้องอุทธรณ์ก็ได้ รู้สึกเบาใจ ที่ศาลรับคำร้องอุทธรณ์ไว้ หากศาลอุทธรณ์พิจารณา วินิจฉัยและมีคำสั่งให้ ศาลแขวงพระนครเหนือ รับคำฟ้องของพวกตน ก็จะมีการไต่สวนมูลฟ้องกัน เวลานั้นความจริงก็จะเปิดเผย อย่างไรก็ตามหากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องีก พวกตนจะยื่นฎีกา ในข้อกฎหมายต่อศาลฎีกาต่อไป
ขณะเดียวกันได้มีการรายงานข่าว แพร่สะพัดว่าพล.ต.ท.อนันต์ ภิรมย์แก้ว ผบช.ภ.1 เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับกรณีธรรมกาย เนื่องจากเกิดกระแสข่าว มีนายตำรวจนำข้อมูลการสอบสวนไปให้วัด โดยให้พนักงานสอบสวนชี้แจงเป็นรายบุคคล อย่างไรก็ตามพล.ต.ต.อชิระ สมแก้ว ผบก.จ.ปทุมธานี กล่าวว่าขณะนี้ ยังไม่มีการตรวจสอบเกี่ยวกับข่าว นายตำรวจระดับพันเอก ซึ่งอยู่ในชุดสอบสวนคดีธรรมกาย นำข้อมูลไปหารือกับทางวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเลยว่า ทีมงานสอบสวนของกองปราบปราม นำโดยพ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ รองผบก.ป. พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวส่องแสง ผกก.3ป. เดินทางกลับมาจากการตรวจสอบที่ดินของนายไชยบูลย์ที่จ.เลยแล้ว โดยข้อมูลที่พบ คือที่ดินทั้งหมด เป็นการบริจาคให้นายไชยบูลย์
ส่วนเรื่องการสอบ ที่ดินรุกล้ำที่ป่า ทีมงานสอบสวนได้รับรายงานจากที่ดินจังหวัดว่า ที่ดินทั้งหมดไม่ได้รุกล้ำที่ป่า ซึ่งต้องมาตรวจสอบข้อมูล จากกรมป่าไม ้เพื่อกำหนดพิกัดที่แน่ชัด เพราะการเดินทางไปตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้ดำเนินคดีรุกล้ำที่ดินป่าสงวน ถ้าจะดำเนินการต้องขยายผล และต้องไปพิสูจน์ว่าหากรุกล้ำ ที่ป่าจริงคนรับมอบไปรู้เห็นหรือไม่ ส่วนการรุกล้ำที่ดินสาธารณะเจ้าพนักงานที่ดินยืนยันแล้วว่าไม่มีการรุกล้ำ
ด้าน พ.ต.ท.ระพีพงษ์ สุพรศรี รอง ผกก.3 ป. กล่าวว่าจากการสืบสวน สอบสวนกรณีที่ดิน ที่จ.เพชรบูรณ์จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่า มีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ หรือมีผู้ทำบุญด้วยการถวายที่ดิน ที่ดินที่ได้มาเป็นการซื้อขายกันตามปกติ แต่มีที่น่าสังเกตอยู่ประการหนึ่ง เป็นเรื่องของ ราคาที่ดินที่ซื้อหามา ไม่ตรงกับราคาที่แจ้งไว้กับสำนักงานที่ดิน จากคำให้การของชาวบ้านระบุราคาขายที่ดินสูงกว่าที่มีการแจ้งไว้ เรื่องนี้ทางชุดทำงาน คงต้องนำเรื่องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อให้พิจารณาว่าจะสืบสวนสอบสวนขยายผลคดีต่อไปหรือไม่
นายวิเชียร รัตนะพีระพงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน ให้สัมภาษณ ์เรื่องกรณีสำแดงราคาที่ดิน ที่กว้านซื้อมาจากชาวบ้าน ต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายจริงของนายไชยบูลย์ ว่า เรื่องนี้ทางกรมที่ดินยังไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบ เพราะเจ้าหน้าตำรวจ กำลังดำเนินการ ตามกฏหมายอยู่ก่อนแล้ว และสามารถดำเนินการได้เลย ถ้ามีการกระทำอันเป็นความผิดทางกฏหมาย ด้วยการแจ้งความเท็จกับพนักงานที่ดิน ตำรวจก็จะดำเนินการได้ ทางกรมที่ดินคงทำหน้าที่ประสานข้อมูลกับทางตำรวจตามที่ร้องขอมา