page4

เดลินิวส์ 24/6/2542

ตะลึงที่ดินกลางกรุงใส่ชื่อหรา'ไชยบูลย์'

เปิดหลักฐาน ชิ้นสำคัญกองปราบฯ รัดคอเดียรถีย์เจอที่ดินผืนงามกลางกรุง ใส่ชื่อ"ไชยบูลย์"หรา แต่กลับปิดเงียบ อยู่นอก ที่ดินพันไร่ ที่จะโอนให้วัด ส่อเจตนา"ฮุบ" ตำรวจตามกลิ่นข้อมูล เป็นโฉนดทอง มูลค่าสูงสุดในมือเฉพาะราคาประเมิน 1 ไร่เฉียด 30 ล้าน ได้มาจาก ศิษย์ใกล้ชิด ถูกขอให้ถวายวัดสร้างโรงพิมพ์ แต่สุดท้าย ก็หวานคอ ขณะที่อีกทีมบุกถึงภูเรือตรวจที่ดินบุกรุกอุทยานแห่งชาติ แถมมีที่ดิน อีกหลายแปลง ที่เข้าไป กว้านซื้อ แต่ยังไม่ได้โอนชื่อมาเก็บไว้ แฉวัดฉาวเงินหมดละลาย 100 ล้านดูดคนเข้าวัดเบ่งพลัง จนขาดสภาพคล่อง หยุดก่อสร้างเจดีย์จานบิน-สภาธรรมกายสากล สภาทนายฯลั่นคำ 30 มิ.ย.นี้ยื่นฟ้องทางแพ่งอีก เป็นคดีตัวอย่าง ให้เหยื่อสูบบุญ ออกมาเรียกร้องความยุติธรรม

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่ากระทรวง พบที่ดินบางแปลงที่นายไชยบูลย์ เป็นเจ้าของ นอกเหนือจากที่ดินที่แจ้ง จะโอนไว้จำนวน 1,747 ถือมีเจตนาปกปิดยักยอกที่ดินเป็นของตัวเอง

ที่ดินผืนดังกล่าว เป็นโฉนดเลขที่ 15418 อยู่ที่เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ โดยเป็นที่ดินขนาด 1 ไร่ 1 งาน 38 ตารางวา เดิมเป็นของ ตระกูลเคียงศิริ ผู้นำบุญและลูกศิษย์คนสำคัญ ของวัดพระธรรมกาย ต่อมาในปี 2534 ได้มีการโอนที่ดินให้กับนายไชยบูลย์

การโอนที่ดินผืนนี้ มีรายงานเบื้องต้นว่าเกิดจากวัดพระธรรมกายติดต่อขอที่ดินผืนดังกล่าวกับผู้บริจาคโดยตรง โดยอ้างว่าจะนำไป สร้างโรงพิมพ์ สำหรับเผยแพร่กิจกรรมต่าง ๆ ของวัด ที่มีการพิมพ์หนังสือรวมถึงแผ่นพับจำนวนมาก ทำให้เจ้าของ ที่ดินอึดอัดใจเพราะมีพี่น้องหลายคนเป็นเจ้าของ และต้องปรึกษาหารือกัน ระหว่างพี่น้อง ในที่สุดยกให้กับวัด เพื่อทำโรงพิมพ์ แต่สุดท้ายได้มีการเกลี้ยกล่อมจนยกให้นายไชยบูลย์ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีการสร้างโรงพิมพ์ ทำให้เกิดปัญหา ระหว่างศิษย์ที่มอบที่ดินให้กับวัด โดยศิษย์คนดังกล่าว ไม่ไปวัดอีกเลยเพราะญาติพี่น้องไม่พอใจ

รายงานข่าวกล่าวอีกว่า ที่ดินผืนนี้กรมการศาสนา และกองปราบปราม ได้ไปติดต่อขอหลักฐานทั้งหมด เก็บไว้ในมือแล้ว โดยตำรวจ ติดตามข้อมูลขยายผลต่อไป เนื่องจากนายไชยบูลย์ไม่ได้แจ้งต่อกรมการศาสนาว่าจะโอนให้วัด ทำให้ที่ดินทั้งหมดที่ถือครอง ในมือนายไชยบูลย์ มากกว่าที่ดิน ที่เปิดเผยออกมาจำนวน 73 แปลง ซึ่งกระจายอยู่ใน 15 จังหวัดอย่างแน่นอน จุดที่น่าสนใจของที่ดินผืนนี้ คือเป็นที่ดินผืนงามมีราคาต่อไร่ สูงสุดในบรรดาที่ดินทั้งหมด ที่มีอยู่ในมือ ของนายไชยบูลย์ เฉพาะราคาประเมิน ที่ดินตกตารางวาละ 5.5 หมื่นบาทแล้ว หากคิดทั้งแปลง ราคาประเมินที่ดินผืนนี้สูงถึง 29.59 ล้านบาท

จากการตรวจสอบ ของผู้สื่อข่าว พบว่าที่ดินผืนดังกล่าวเป็นของนายเชี่ยวชาญ เคียงศิริ และเมื่อติดต่อไปยังนายเชี่ยวชาญ ทางนายเชี่ยวชาญ ก็ปฏิเสธที่ให้ข้อมูลและกล่าวว่า จะไม่พูดถึงที่ดินแปลงนี้อีกแล้ว

นายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวว่าหลังจากสภาทนายความนำนางสาลี่ เพ็ชร์ชูดี และนางกนกวรรณ เลิศตระกูลพิทักษ์ เข้าร้องทุกข์กับ กองปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์แล้ว ในส่วนคดีทางแพ่งคณะกรรมการ ช่วยเหลือประชาชน ทางกฎหมายสภาทนายความ ได้ร่างสำนวนคำฟ้องเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงการนำ สำนวนดังกล่าว ให้กับทนายอาวุโสตรวจสอบ และในวันที่ 30 มิ.ย.จะนำผู้เสียหาย ไปยื่นฟ้องต่อศาลได้ โดยยื่นฟ้องที่ศาลจ.ปทุมธานี

สำหรับข้อกล่าวหา ที่สภาทนายความกล่าวโทษคือการฉ้อฉล หลอกลวงผู้เสียหายให้ทำบุญ โดยอวดอ้างในสิ่งที่ไม่ได้เป็นจริง การบริจาค คือทำนิติกรรม ที่เกิดขึ้นจึงควรเป็นโมฆะ และกลับไปเป็นทรัพย์สินของผู้เสียหายตามเดิม คดีนี้สภาทนายความ ต้องการให้เป็นคดีตัวอย่าง และเป็นคดีประวัติศาสตร์ เพื่อให้คนที่ถูกหลอก ไปทำบุญโดยแอบอ้างคำสอน ผิดเพี้ยไม่ได้ยืนอยู่บนหลักศาสนา ทำให้หลงผิด ทรัพย์ที่ได้มา จึงเป็นลาภที่ไม่ควรได้

เราจะสู้ถึงขั้นฎีกา เพื่อให้เป็นตัวอย่างของวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ และอยากเรียกร้องต่อ กระบวนการยุติธรรมได้โปรด อย่าให้โอกาสกับผู้ที่นำศาสนา มาเป็นเครื่องล่อในการดูดเงินคน ควรให้โอกาสประชาชนเรียกเงินคืนได้ ในอนาคตผมคิดว่า จะมีคนเดือดร้อน มาทวงเงินบริจาคมากขึ้น ขอให้ผู้ถูกหลอก อย่านิ่งเฉยมาร้องเรียนกับสภาทนายความได้ เพื่อใช้สิทธิทางกฎหมาย เรียกร้องขอทรัพย์สินคืน"

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ วัดพระธรรมกายขอให้ผู้ที่เคย ขายที่ดินให้กับเจ้าอาวาส ทำหนังสือแสดงเจตจำนง ให้เป็นรูปแบบการบริจาค ให้เจ้าอาวาสโดยตรง จะเป็นการทำให้การพิจารณารูปคด ีเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่า การทำเช่นนั้นเท่ากับเอกสาร ดังกล่าวเป็นเอกสารเท็จ พนักงานสอบสวน สามารถสืบค้นวัตถุประสงค์ ที่แท้จริงจาก สัญญานิติกรรม ซึ่งมีขึ้นที่สำนักงานที่ดินได้ และมั่นใจว่าในการสอบสวน เจ้าพนักงานคงไม่พจิาณณา เพียงเอกสาร แต่ต้องมีการสืบสวน สอบปากคำถึงผู้ซื้อขายด้วย

นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ เปิดผยว่านายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนาและนายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้าฝ่ายนิติการ กรมการศาสนา รายงานให้ทราบว่าพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ได้ทำการสอบสวน ผู้เกี่ยวข้อง กับการแจ้งความดำเนินคดี นายไชยบูลบ์ครบแล้ว รวมถึงพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ด้วย ยังเหลือตน ที่นัดสอบสวนในวันที่ 8 ก.ค.นี้ แต่จะล่าช้าไป ตนจึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 25 มิ.ย.นี้ ที่ห้องทำงาน โดยจะสอบสวน ประเด็นเดียวกัน เนื่องจากในวันท ี่เจรจาแสดงเจตจำนงพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส พร้อมกับลูกนำจดหมาย มายื่นให้พระพรหมโมลี ซึ่งตำรวจต้องการ ให้ยืนยันจุดนี้

ส่วนคำถามที่ว่า วัดพระธรรมกายขู่จะฟ้องกรมที่ดินหากมีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องที่ดิน นายอาคมกล่าวว่าไม่ อยากวิจารณ์ เพราะวัดมีที่ปรึกษามาก แต่สิ่งอยากแนะนำ คือขอให้วัดพูดความจริงโดยมีข้อเท็จจริง เพราะกระบวนการเข้าสู่ การพิจารณา ทางอาญาแล้ว ก่อนที่ตำรวจจะแจ้งข้อหา จะต้องไปตรวจสอบพื้นที่จริง เท่าที่ทราบกองปราบปราม มีกรรกมารถึง 3 ชุด ไม่ต่ำกว่า 30 คน เร่งรัดคดี อยู่ที่ว่าจะแจ้งข้อหาเมื่อไหร่ และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะประทับรับฟ้อง นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการนิคหกรรมเมื่อไหร่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 25 มิ.ย.นี้นายอาคม จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช เพื่อถวายเงิน ประจำพระองค์ 10 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโอกาสได้กราบทูล รายงานความคืบหน้ากรณีธรรมกายด้วย

นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยว่าในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ กรมจะประชุมทางวิาการ เรื่องการกำหนดมาตรการ ในการป้องกันปัญหา การแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบเกี่ยวกับกิจการพระพุทธศาสนา

วันเดียวกันที่วัดเฉลิมพระเกียรติ วรวิหาร เวลา 9.00 น.ได้มีพระครูธรรมธร จากวัดท่าช้าง ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรีได้เดินทางเข้าพบ พระเทพปริยัตตยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ ขอให้ดำเนินการสอบสวนพระธรรมวาที หรือพระพยอม กัลยาโน แห่งวัดสวนแก้ว โดยกล่าวอ้างว่า ได้ละเมิดพระธรรม วินัยของสงฆ์อย่างร้ายแรง ทำให้ศาสนาพุทธ และชาวพุทธเสียหาย ซึ่งเข้าข่ายต้องถูกสอบสวนตามกฏนิคหกรรม

เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติแจ้งว่า ข้อร้องเรียนให้ทำนิคหกรรม พระพยอมนั้น ผู้ร้องอ้างว่า พระพยอมตกเป็นจำเลย ถูกผู้อื่นฟ้องข้อหา หมิ่นประมาท ซึ่งเป็นคดีอาญา ทำให้ศาสนาเสื่อมเสียแต่กรณีดังกล่าว อาตมาพิจารณาดูแล้ว เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องของ การกระทำผิดพระธรรมวินัย จึงไม่เข้าข่าย กฏนิคหกรรม ดังนั้น ทางวัดจึงไม่ได้รับเรื่องไว้พิจารณาแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้พระครูธรรมธรเคยเข้าแจ้งความกองปราบปราม โดยอ้างว่าให้ตรวจสอบลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช ที่พระครูธรรมธร อ้างว่าปลอมขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว

ที่วัดบวรนิเวศ ตั้งแต่เวลา 8.00น. สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ประทานวโรกาสให้ประชาชนเข้าเฝ้าตามปกติ มีคณะบุคคลอาทิพล.อ.นฤดล เดชประติยุทธ์ ประธานชมรมนายทหารอาวุโส กองบัญชาการทหารสูงสุด นำคณะเข้าเฝ้า โดยพล.อ.นฤดลกล่าว ภายหลังการเข้าเฝ้าถึงปัญหาธรรมกายว่า ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทุกคนถือเป็นพุทธมามกะ ต้องช่วยกันดูแล โดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องทำให้ถูก นายทหารอาวุโสพูดกันเรื่องนี้มาก อยากให้ยุติโดยเร็วสุด ไม่เช่นนั้นปัญหา จะบานปลายแตกแยกเป็นสองฝ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก วัดพระธรรมกายว่าขณะนี้การก่อสร้างธรรมกายเจดีย์หยุดลงอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่ได้เคยมีการเปิดเรี่ยไรบุญ หล่อพระธรรมกายประจำตัวองคละ 3 หมื่นล้านบาทและพระแกนกลางที่จะนำมาประดิษฐานที่มหาธรรมกายเจดีย์องค์ละ 1หมื่นบาท จากการสำรวจพบว่า มีเพียงพนักงานไม่กี่คนที่ยังทำงานบริเวณก่อสร้าง และด้านบนสุด ของเจดีย์ที่เรียกว่าท็อปโดมนั้น องค์พระที่วัดนำมาติดตั้งนั้นในทิศเหนือยังไม่มีการนำไปติดตั้งเลย ขาดอีกนับหมื่น องค์บนยอดโดม ส่วนทางทิศใต้มีการติดตั้งเพียงครึ่งเดียว

ส่วนภายในมหาธรรมกายเจดีย์ วัดไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบ และไม่ยอมเปิดเผยว่าการก่อสร้างไปถึงขั้นไหนแล้ว ทั้งที่ทางวัดออกมายืนยัน ต่อญาติธรรมและผู้บริจาคเงินว่าภายในธรรมกายเจดีย์สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่เคยมีหลักฐานเป็นภาพถ่าย งานก่อสร้างที่แล้วเสร็จมาเปิดเผย สำหรับบริเวณสภาธรรมกาย สากลวัดนำเอาช่างก่อสร้างเกือบ 40 คนมามุงหลังคา โดยเน้นด้านหน้า ซึ่งที่ผู้เข้ามาทำบุญและร่วมปฏิบัติธรรม สามารถมองเห็นได้ชัดแต่ส่วนอื่น เท่าที่สังเกตงานก่อสร้างหยุดชะงักลง ไม่มีคนงาน

ช่วงที่ผ่านมาวัด ยังคงระดมเรี่ยไรบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัว และมีการหล่อพระทุกสัปดาห์ แต่เงินที่ได้มาระยะหลัง ถูกนำไปใช้ในส่วนอื่น ทำให้เงินทุนของวัดอยู่ในขั้นวิกฤต ไม่มีผู้ทำบุญเหมือนเก่า วัดต้องหยุดการก่อสร้างชั่วคราวไม่สามารถนำเงินมาจ่ายต่อไปได้ และเงินส่วนหนึ่งวัดยังเอาไปใช้ในการเกณฑ์พระ-เณร เกณฑ์คนมา สร้างภาพอาทิในงานบวชอุบาสกแล้ว และงานแจกทุนพระเณรวันเกิดนายไชยบูลย์เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ต้องใช้เงินไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ทำให้วัดต้องหยุดก่อสร้าง เมื่อเวลา 10.00น. พ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ รองผบก.ป. พ.ต.อ.ฉัตรกนก เชียวส่องแสง ผกก.3ป. เดินทางไปยังสภ.อ.ภูเรือ จ.เลย เพื่อตรวจสอบที่ดินของนายไชยบูลย์�โดยมีพ.ต.อ.ประชิต ปัทมดิลก ผกก.สภ.อ.ภูเรือ นำคณะทำงานเดนิทางไปยังสำนังกานที่ดินอ.ภูเรือ โดยมีนายประสิทธิ์ พิมพา เจ้าพนักงานที่ดินอ.ภูเรือรายงาน ที่ดินในชื่อนายไชยบูลย์มี 7 แปลง เนื้อที่ 282 ไร่ 2 งาน 16 ตารางวา

ที่ดินทั้งหมดได้รับการบริจาค จากสานุศิษย์คนสนิทของนายไชยบูลย์ ประกอบด้วยนายสอง วัชรศรีโรจน์ เซียนหุ้นชื่อดัง ,น.ส.ชนันตนันท์ สุขุมพานิช ,นายพิษณุ คล้ายทิม,นางวรรณา อุดมผล ,นายสมเดียรติ เตชะพิสิษบ์,นยอำนาจ เจริญอินทร์

พ.ต.อ.สมพงษ์กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อสอบปากคำเจ้าของที่ดินเพิ่มเติม และตรวจสอบมีการครอบครองได้อย่างไร จากการตรวจสอบพบว่า เป็นการให้โดยเสน่หา ตรำวจจะสอบต่อความเป็นมาของการโอน และติดตามชาวบ้าน เจ้าของที่ดินเดิม ที่มีประมาณ 20 ราย แต่ยังไม่พบชาวบ้านเพราะแต่ละคนออกไปทำไร่ทำนา และต้องตรวจสอบด้วยว่า ทีดิ่นได้มาอย่งถูกต้อง หรืออยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ นอกจากนั้น ยังได้รับรายงานจาก ตำรวจในพื้นที่ที่มีที่ดินอีกลหายแปลง ที่ยังไม่มีการโอนที่ดินให้นายไชยบูลย์ ส่วนการเข้าไปตรวจสอบ แต่ละแปลงต้องเดินทางไปดูในวันที่ 24 มิ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ดิน บางแปลงของนายไชยบูลย์ที่อยู่เชิงเขาใกล้อุทยานแห่งชาติภูเรือ มีการก่อสร้างโบสถ์หลังใหญ่ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ และหยุดการก่อสร้าง ไปแล้วเมื่อมีข่าวเกิดขึ้น รวมถึงมีการก่อสร้างอาคารคอนกรีตขนาดใหญ่ 2 ชั้น ส่วนบริเวณด้านข้าง ก่อสร้างเป็นหลัง ๆ ไว้ให้สาวกมาพัก แต่ขณะนี้ปิดตายไป