เดลินิวส์ 23/6/2542
สังฆราชทรงชื่นชม สื่อทำหน้าที่ป้อง! 'พระพุทธศาสนา'
สื่อมวลชน เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช หลังเปลี่ยนหมายกำหนดการ กระทันหันไม่เข้าร่วมประชุมมหาเถรฯ ทรงชื่นชมนักข่าว ทำหน้าที่ถูกต้องแล้ว ในการปกป้องพระพุทธศาสนา พร้อมประทานพรขอให้โชคดีมีชัย กองปราบฯระดมสมองสืบสวนที่ดินเดียรถีรย์ต่างจังหวัด เก็บหลักฐานเพียบ มั่นใจเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กรมการศาสนาพบหลักฐานที่ดิน 900 ไร่ได้มาด้วยการซื้อขาย ส่งมอบตำรวจสอบปลาไหล "ไชยบูลย์"เอาเงินที่ไหน หว่ามาซื้อ เจ้าคณะปทุมฯเตรียมเรียกโจทก์ชี้แจงคำฟ้อง 24 มิ.ย.นี้ อดีตนิติกรกรมศาสนา ระบุขรก.ผู้ใหญ่ประพฤติ ไม่ชอบมาพากล เปิดประเด็นใหม่เติมคำว่า นิคหกรรมในมติมหาเถรฯทั้งที่ไม่มีในรายงานการประชุม แถมยึกยักแก้ปัญหาที่ดินฉาวมาตลอ
ที่กองปราบปราม เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 10.30 น.นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา พร้อมเจ้าหน้าท ี่เดินทางมาให้ปากคำ กับพนักงานสอบสวนคดีที่กรมการศาสนาฟ้องนายไชยบูลย์ สุทธิผล 3 ข้อหา คือการแจ้งความเท็จ ยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าหน้าที่ประพฤติทุจริต จากนั้นได้เปิดเผยว่าให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนเรื่องที่ดินที่บอกว่าจะโอนให้วัดแต่ไม่ยอมทำ และไม่ทราบ มีที่ดินจำนวนเท่าใดแน่ ตำรวจกำลังตรวจสอบในสารบบ อย่างไรก็ดีกรมการศาสนาพบว่า ในจำนวนที่ดินที่นายไชยบูลย์ ถือครองอยู่ทั้งหมด มีกว่า 900 ไร่ได้มาโดยการซื้อ ซึ่งเป็นหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะไปเสาะหา ข้อมูลว่าเอาเงินที่ไหนมาซื้อ หากนำเงินวัด ไปซื้อแต่ไม่ยอมโอนให้วัดก็เข้าข่ายยักยอกทรัพย์
"ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พระถือครอง ที่ดินได้กรณีเป็นมรดก ตกทอดก่อนมาบวช แต่ถ้าได้รับมาขณะบวช ก็ต้องโอนให้ผู้อื่น ถ้าไม่โอนต้องให้เป็นของวัด และการดำเนินคดีนี้หากตำรวจ พบประเด็นใดเพิ่มเติมก็ดำเนินการได ้เพราะเป็นอาญาแผ่นดิน และทั้งหมด ขึ้นกับตำรวจ จะดำเนินการอย่างไร รวมถึงให้ประกันตัวหรือไม่"
นอกจากนี้แล้วพล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนฯ ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องกับนายไชยบูลย์อีก 7 คนมาให้ปากคำ ซึ่งได้มีการแยกย้ายกัน ทำการสอบสวน กระมั่งเวลา 17.30 น. จึงแยกย้ายกันกลับ โดยที่ไม่มีพนักงานสอบสวนคนใดยอมให้รายละเอียดในการสอบปากคำ
ด้านพล.ต.ท.วาสนา กล่าวว่า ได้เรียกสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8-9 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยในวันนั้นตัวแทนนายไชยบูลย ์และวัดพระธรรมกาย ได้นำเอกสารไปมอบให้แก่เจ้าคณะภาค 1 ซึ่งในรายละเอียดการสอบสวนนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได ้เพราะเป็นความลับในสำนวน ส่วนในเรื่องขอข้อมูลจากกรมที่ดินนั้น ไม่น่าจะมีปัญหาพนักงานสอบสวน สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว เพราะมีหน้าที่รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด การซื้อขายที่ดินเป็นเอกสาร มหาชนสามารถตรวจสอบได้ อย่างไรก็ดีขณะนี้เกิดปัญหาเร่งให้มีการโอนให้แก่นายไชยบูลย์แทนการซื้อขายขึ้น ซึ่งก็ต้องพิจารณาตรวจสอบ หลักฐานอีกครั้งว่าเป็นการกระทำความผิดหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน คดีดังกล่าวอีกทีมหนึ่งนำโดยพล.ต.ต.จุมพล มั่นหมาย รองผบช.ภ.1 พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวส่องแสง ผกก. 3 ป. พร้อมกำลัง ส่วนหนึ่งได้เดินทางไปที่อ.ภูเรือเพื่อสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่ดิน และสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน ของนายไชยบูลย์จำนวนกว่า 300 ไร่ด้วย
นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนา รายงานว่าเข้ากราบนมัสการ พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อยื่นหลักฐานเพิ่มเติม กรณีที่มีการระบุว่า คำฟ้องของนายมาณพถูกตีตก ลงไปแล้วเนื่องจากไม่ได้ใส่ คุณสมบัติการ เป็น"ผู้นับถือศาสนาพุทธ" เข้าไปในคำฟ้องด้วย และในวันที่ 24 มิ.ย.นี้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะเรียกนายมาณพไปพบ และสอบถามคุณสมบัติ ทั้งหมดอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องการ นับถือศาสนาพุทธ ,อายุ 20 ปีขึ้นไป ,มีความประพฤติเรียบร้อย,มีวาจาน่าเชื่อถือ และมีอาชีพเป็นหลักฐาน
ขั้นตอนต่อไปก็คือหลังจากไต่สวนเพิ่มเติมจะตั้งคณะผู้พิจารณาประทับรับร้องมีเจ้าคณะภาค 1 เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วยรองเจ้าคณะภาค 1 และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และเมื่อประทับรับฟ้องจะเข้าสู่ กระบวนการนิคหกรรมต่อไป โดยหากนายไชยบูลย์ไม่รับข้อกล่าวหาก็ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์
"หากภายใน 15 วัน ไม่มีการประทับ รับฟ้องคำฟ้องทั้งหมดของนายมาณพคงต้องยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้าคณะภาค 1 ภายใน 15 วัน และคิดว่าคงเร่งพิจารณาโดยเร็ว และยังมีบางประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับการฟ้องร้องคดีอาญา ปัญหานี้เกิดมา 8 เดือนแล้ว น่าจะพิจารณาได้ หากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ยืนยันจะรอผลคดีอาญาผมคงต้องไปหาพระพรหมโมลีให้รับทราบ"
ที่คณะเหลืองรังสี วัดบวรนิเวศวิหารในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 7.30 น. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเสด็จลงตำหนักคอยท่าปราโมช ทรงประทานอนุญาตให้ประชาชนเข้าเฝ้าได้เป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ในการนี้ พระสะท้าน จิตตวโร พระผู้สนองงานได้เปิดเผยว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงมีรับสั่งว่า จะเข้าร่วมประชุมมหาเถรฯ ในตอนบ่ายวันเดียวกันนี้ด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 12.00 น.พระสะท้าน ได้แจ้งสื่อมวลชนอีกครั้งว่า สมเด็จพระสังฆราชงดหมายกำหนดการเข้าประชุมมหาเถรฯ เนื่องจากทรงมีพระอาการอ่อนเพลีย
ต่อมาเวลา 14.00 น. ได้มีการประชุมมหาเถรฯ โดยมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่จำนวน 13 รูปเข้าร่วมประชุม โดยมีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงครามเป็นประธานการประชุมแทนสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศที่เดินทาง ไปต่างประเทศ โดยใช้เวลาในการประชุมราว 1.30 ชั่วโมง หลังการประชุมนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยว่า ไม่มีการพิจารณาวาระเกี่ยวกับปัญหาวัดพระธรรมกายแต่อย่างใด ส่วนเรื่องการดำเนินคดี อาญากับนายไชยบูลย์นั้นได้รายงานให้เจ้าคณะภาค 1 และสมเด็จพระมหาธีราจารย์ทราบแล้ว ซึ่งการดำเนินการครั้งน ี้ถือว่ามีการฝ่าฝืนมติมหาเถรฯ หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเจ้าคณะผู้ปกครองจะเป็นผู้พิจารณา
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. สมเด็จพระสังฆราช ทรงเสด็จออกตำหนักคอยท่าปราโมชอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนพระอริยาบถ โดยมีผู้สื่อข่าวคอยสังเกตการณ์ อยู่จำนวนหนึ่ง ระหว่างที่ทรงเปลี่ยนพระอริยาบถนั้น ทรงทอดพระเนตร เห็นกลุ่มสื่อมวลชนจึงทรงตรัสถาม เจ้าหน้าที่ผู้ติดตามพระองค์ว่าเป็นกลุ่มบุคคลใด หลังจากที่มีการกราบทูลว่า เป็นกลุ่มสื่อมวลชนที่มาติดตามทำข่าว และจะขอเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราช ทรงประทานอนุญาตให้สื่อมวลชน เข้าเฝ้าได้ถึงบริเวณที่ประทับ โดยใช้เวลา ในการเข้าเฝ้าครั้งนี้ประมาณ 10 นาที
หลังการเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทรงมีปฏิสันถานกับข่าวที่เข้าเฝ้าว่ามาจากหนัง สือพิมพ์ฉบับใดบ้าง กลุ่มผู้สื่อข่าวกราบทูลว่ามาจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สยามรัฐ และข่าวสด สมเด็จพระสังฆราชทรงตรัสถามว่า วันนี้ใครเป็นจัวข่าว ผู้สื่อข่าวจึงกราบทูลถามว่า เดิมสมเด็จพระสังฆราชจะเสด็จเข้าร่วมประชุมมหาเถรฯ เหตุใด้จึงเปลี่ยนหมาย กำหนดการกระทันหัน สมเด็จพระสังฆราชมีรับสั่งว่า อาตมาสุขภาพไม่ค่อยดี
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้กราบทูล สมเด็จพระสังฆราชเพื่อขอประทานพระวรธรรมคติสำหรับสื่อมวลชน และทรงมีพระประสงค ์ที่จะมห้สื่อมวลชนช่วยเหลือประเทศชาติและปกป้องพระพุทธศาสนาอย่างไร สมเด็จพระสังฆราชทรงมีรับสั่งว่า ที่ทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ปกป้องพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ขอให้โชคดีมีชัย ขอให้เขียนข่าวให้ถูกต้อง จากนั้นทรงสวดชัยมงคลคาถา ให้แก่กลุ่มผู้สื่อข่าวที่เข้าเฝ้าด้วย โดยระหว่างที่ทรงมีพระปฏิสันถานกับสื่อมวลชนนั้น สมเด็จพระสังฆราช ทรงฉันน้ำปานะ และทรงฉันน้ำชาเป็นระยะด้วย
ส่วนที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ชุดสืบสวนของกองปราบปราม นำโดยพ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ รองผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ระพีพงษ์ สุพรศรี รองผกก. 3 ป. ได้เดินทางมาที่สภ.อ.ชนแดน เพื่อสอบสวนข้อมูลเรื่องที่ดิน ของนายไชยบูลย์จำนวน 789 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา พร้อมกับเข้าพบนายสุรพล ชูจันทร์ เจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ด้วย โดยจากการไปตรวจสอบพื้นที่พบว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ไร่และที่นา เป็นผืนเดียวกันตลอด อยู่ห่างจากวัดเขาบ่อทองประมาณ 4 กม.
รายงานแจ้งว่า นายคำแพง นีระพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านเขาบ่อทองได้ชี้พื้นที่พร้อมทั้งได้นำลูกบ้านมาให้ปากคำแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ขาย ที่ดิน ให้แก่นายไชยบูลย์ อาทิ นายคำแพงขายให้ 3 ไร่ 9 ตารางวา นางบุญชู มูลเพ็ง ขายให้ 30 ไร่ 3 งาน 47 ตร.วา ทั้ง 2 คนขาย ในราคาไร่ละ 30,000 บาท นางสีเครือ พิมพ์สอน ขายให้ 39 ไร่ๆละ 50,000 บาท ขณะที่นางอ้อย บวมขม ขายให้ 16 ไร่ 2 งาน 33 ตร.วา ราคาไร่ละ 20,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ได้รับเงินเพียง 175,000 บาท ซึ่งได้ร้องขอให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยให้คนซื้อนำเงินมาจ่ายให้ครบด้วย
สำหรับการตรวจสอบครั้งนี้ยังพบว่า ที่ส่วนใหญ่นายไชยบูลย์ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ แต่ให้เกษตรกร เช่าที่ดินทำนาอยู่ในราคาไร่ละ 100 บาท โดยมอบให้นางสีเครือ พิมพ์สอนเป็นผู้เก็บค่าเช่าให้ และส่งเข้าบัญชีวัดพระธรรมกาย ของธนาคารกสิกรไทย สาขาดงขุย แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็นธนาคารไทยพาณิชย์แทน โดยปีหนึ่งจะสามารถเก็บค่าเช่าได้ประมาณ 40,000-60,000 บาท หลังจาก ได้รับทราบข้อมูลแล้วพ.ต.อ.สมพงษ์ ได้นำกำลังเดินทางต่อไปยังจังหวัดเลยเพื่อตรวจสอบที่ดินของนายไชยบูลย์เช่นเดียวกัน
พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่า ได้รับความกดดัน จากหลายฝ่ายในการพิจารณา คำฟ้องกล่าวโทษนายไชยบูลย์ว่า ไม่เคยได้รับการกดดันใดๆจากพระเถระชั้นผู้ใหญ่ และในวันที่ 24 มิ.ย.ก็จะมีหนังสือเชิญ ผู้ยื่นคๆฟ้องกล่าวโทษทั้งหมด มาชี้แจงอย่างเป็นทางการ ซึ่งคำฟ้องที่ตกไปนั้นมีเพียงของนางสาลี่ เพ็ชร์ชูดีกับนายประจิณ ฐานังกูรเท่านั้นที่เป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นคนละจังหวัดและเอกสารไม่ครบถ้วน ส่วนเรื่องการเรี่ยไรเงินบริจาคนั้น แม้ว่าจะไม่ผิด แต่ก็ขอให้นึกถึง มติมหาเถรฯด้วย มติดังกล่าวไม่ใช่ข้อบังคับแต่เป็นการขอความร่วมมือกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวัด ต่างๆจะให้ความร่วมมือหรือไม่
สำหรับความคืบหน้าในการติดตาม จับคนร้ายที่โทรศัพท์ไปข่มขู่วางระเบิดวัดมูลจินดารามนั้น พล.ต.ต. พิชิต ควรเดชะคุปต์ รองผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า มั่นใจในกระบวนการตรวจสอบ เชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นานจะสามารถดำเนินการกับผู้ต้องสงสัยได้ เพราะขณะนี้ได้ส่งเทปบันทึกเสียง ผู้ที่ข่มขู่ไปตรวจสอบด้วยเครื่องตรวจสอบคลื่นความถี่ที่เคยนำมาใช้ในคดีนายสมพงษ์ เลือดทหาร อย่างได้ผลมาแล้ว
พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุขโต จังหวัดชัยภูมิ กล่าวถึงกรณีนายไชยบูลย ์ฟ้องกลับกรมการศาสนาและรมช.ศึกษาธิการต่อศาลแพ่งฐานละเมิดว่า เป็นความไม่เข้าใจในพระธรรมวินัย การที่พระไปฟ้องฆราวาสนั้น โดยปกติเขาไม่ทำกัน ถึงแม้จะไม่สามารถแสดงข้อเท็จจริงได้ก็ตาม พระต้องแก้ไขปัญหาด้วยธรรมะ ไม่ใช่ด้วยกฎหมายต้องเป็นตัวอย่างให้ประชาชนนำธรรมะไปแก้ไขปัญหาชีวิต
นายทนงศักดิ์ หงสกุล ข้าราชการบำนาญอดีตหัวหน้าฝ่ายนิติกร กรมการศาสนา เปิดเผยว่า การแก้ปัญหา วัดพระธรรมกายของกรมการศาสนา มีความไม่ชอบมาพากลหลายประการ เหมือนถูกครอบงำด้วยอะไรบางอย่าง เช่นกรณีลายพระหัตถ ์สมเด็จพระสังฆราช ที่ประชุมมหาเถรสมาคมมีมติเพียงว่า เห็นชอบด้วยโดยให้เป็นไป ตามหลักกฎหมายและพระธรรมวินัย เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาก็ไปเพิ่มเติมคำว่า ให้เป็นไปตามกฎนิคหกรรม เรื่องนี้ฝ่ายนิติกร ได้ขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมการศาสนา เพื่อส่งให้กฤษฎีกาตีความแต่กลับไม่ลงนาม
นอกจากนี้ กรณีการแจ้งความ กับกองปราบปรามเรื่องที่ดิน ก่อนหน้านี้ผู้ใหญ ่ในกรมการศาสนาก็ไม่เห็นชอบ และที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะตั้งอนุกรรมการตรวจสอบที่ดินของวัดพระธรรมกาย ที่สุดก็ไม่มีหนังสือ ไปประสานขอข้อมูล จากกรมที่ดินเลยสักครั้ง จึงเป็นเรื่องที่น่าสังเกตมาก
นายทนงศักดิ์กล่าวอีกว่า สมัยที่ยังเป็นหัวหน้านิติกรอยู่ได้พยายามเสนอร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับไปยังมหาเถรฯ ไม่ว่าจะเป็นการ แสดงทรัพย์สินของวัด การตั้งวัด การเรี่ยไร แต่ไปติดขัดที่มหาเถรฯเสมอ เพราะพระเถระผู้ใหญ่บางรูป กลัวว่าเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช ้จะลดทอนอำนาจของพระ
"เรื่องการแสดงทรัพย์สินของวัดนั้น หากผ่านมหาเถรฯ ออกมาใช้น่าจะแก้ปัญหาวัดพระธรรมกายได้แน่นอน น่าเสียดาย ที่ถูกดองมานาน กระทรวงศึกษาฯน่าจะผลักดัน เข้ากฤษฎีกาเลยโดยไม่ต้องผ่านมหาเถรฯ"
ด้านนายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนายการสำนักงานพุทธมณฑล กล่าวถึงกรณีที่มีนักวิชาการ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ในการเขียนบรรยายวิชชาธรรมกายบนฝาผนัง และนำรูปหล่อหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มาประดิษฐานกลางห้อง ภายในพระมหาวิหารพระไตรปิฏกหินอ่อน ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณพุทธมณฑลว่า ต้องยอมรับว่า พระมหาวิหารหลังนี้ใช้เงินก่อสร้างถึง 200 ล้านบาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สมาคมลูกศิษย์วัดปากน้ำฯ และประชาชนทั่วไป วัตถุประสงค์หนึ่งก็คือบูชาคุณหลวงพ่อสด การพิจารณาเรื่องนี้จึงต้องรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ตนไม่สามารถตัดสินใจได้ ต้องเสนอเป็นวาระ เข้าสู่การพิจารณา ในที่ประชุมคณะกรรมการอนุรักษ ์และพัฒนาพุทธมณฑล ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
"การเคลื่อนย้ายอาจทำให้ผู้ที่ออกทุน สร้างไม่พอใจและอาจเกิดปัญหาได้ ดังนั้นอาจต้องแก้ไขด้วยวิธีอื่น เช่นเขียนข้อความอธิบายให้ชัดเจนว่า หลวงพ่อสดเป็นผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ไม่ใช่ผู้เขียนพระไตรปิฏก รวมทั้งเขียนข้อความอธิบาย วิชชาธรรมกายว่าเป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในพระไตรปิฏก"