เดลินิวส์ 18/12/2541

ลูกบวชธรรมกายไม่เชื่อฟังพ่อแม่ เปิดข้อมูลสีกามากหน้า เกี่ยวพันกับวัดพระธรรมกายทำธุรกิจต่าง ๆ มากมาย รวมถึงมีสีกาขี่เบนซ์คอยมาดูแลเรื่อง พ่อค้าโคราชโวยลูกถูกหลอกให้ไปบวชไม่ยอมสึก ใกล้จะถูกคัดชื่อออกจากคณะแพทย์ ขอนแก่น ทิ้งให้ที่บ้านแบกภาระหนี้สินที่ไปกู้เงินมาส่งให้เรียน แต่ก่อนเชื่อฟังพ่อ-แม่ ตอนนี้ถูกสอนให้เชื่อฟังวัด แถมมีนักศึกษาอีกหลายคนถูกกล่อมให้ไปบวชอย่างนี้ เตรียมยื่นหลักฐานฟ้องเจ้าคณะภาค 1 กรมการศาสนาระบุสภาความมั่นคงแห่งชาติจับตาวัดพระธรรมกาย ส่วนกรณีเจ้าอาวาสไปซื้อที่ที่พิจิตรทำเหมืองทองไม่ผิด แต่พระดัง ๆ จะตายเพราะเงิน-ผู้หญิง จากกรณีที่คณะกรรมาธิการศาสนาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผู้หญิงหลายคนที่พัวพันกับวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะในประเด็นชู้สาวและความเกี่ยวพันทางธุรกิจ อาทิ สีกา "อี๊ด" นั้น พระมโน เมตตานันโท ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการพระพุทธศาสนาในเลขาธิการใหญ่องค์การสัมมนาศาสนา และอดีตพระแกนนำวัดพระธรรมกาย กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.นี้ ว่าปัญหาวัดพระธรรมกายเกิดจากมีการทำธุรกิจเต็มรูปแบบ โดยเริ่มจากการทำธุรกิจค้าที่ดิน ซึ่งธุรกิจเหล่านี้มีสีกาเข้ามาเกี่ยวข้อง พระเมตตากล่าวอีกว่า นอกจากนั้นในกิจการโทรคมนาคมมีสีกา ว. ซึ่งมีหัวทางการค้า ศรัทธาวัดมากมาหารือบ่อย ๆ เกี่ยวกับธุรกิจ สื่อสาร และปรากฏว่าพระบางรูปมีการนำข้อมูลของสีกา ว. ไปตั้งบริษัทธุรกิจเกี่ยวกับการสื่อสารเป็นคู่แข่ง แรก ๆ สีกา ว. ก็ไม่รู้ว่าเป็นของใครยังมาบ่นให้พระในวัดฟัง พอรู้ความจริงในภายหลังเธอเจ็บปวดมากไม่มาวัดอีกเลย แต่เป็นประเภทเจ็บแล้วไม่จำ กลับมาอีกตอนแม่ป่วยหนักมาก อยากให้แม่ขึ้นสวรรค์จึงอยากช่วยให้แม่ไปอยู่บนสวรรค์ สุดท้ายสีกา ว. ก็ทุ่มซื้อที่ให้แม่อยู่สวรรค์ "อาตมาว่า การซื้อบุญเป็นเรื่องที่ผิดศาสนาพุทธไม่เคยสอน ยิ่งซื้อเงินก็ยิ่งหมด ถ้าเอาเงินซื้อบุญได้เศรษฐีอยู่บนสวรรค์กันหมดคนจนไม่มีเงินซื้อก็ไม่มีสิทธิ์ถึงจะทำความดีมากแค่ไหนก็ตาม" ขณะเดียวกันในเทปที่อดีตพระแกนนำของวัดพระธรรมกายอีกรูปคือพระอดิศักดิ์ วิริยธกฺโก อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้กล่าวถึงปัญหาวัดพระธรรมกายอัดไว้ในเทป และได้ส่งหลักฐานไปที่นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช. ศึกษาธิการนั้น เทปดังกล่าวได้เล่าถึงสีกาที่เข้ามาพัวพันกับวัด โดยเฉพาะในเรื่องธุรกิจ เช่น สีกา ส. จะเป็นคนที่มีอภิสิทธิ์มากในวัด โดยจะเป็น คนเก็บเงินของวัด เวลามาจะขับรถเบนซ์ และเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ทำธุรกิจของวัด อาทิ บริษัทที่ทำด้านการค้าที่ดิน ที่ จ.นครราชสีมา นายอภิวัฒน์และนางสำเนียง ชาติพัฒนางกูร อาชีพค้าขาย เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว "เดลินิวส์" ว่า ลูกบุญธรรมของตนคือ นายวิเชียร มนต์อยู่พะเนาว์ อายุ 22 ปี ได้ถูกชักจูงไปบวชที่วัดพระธรรมกายและไม่สึก แม้ว่ากำลังเรียนอยู่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นก็ตาม และสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวมาก เนื่องจากนายวิเชียรหรือพระวิเชียรนี้ตนได้ไปกู้หนี้ยืมสิน และกู้เงินของรัฐบาลมาส่งให้เรียน ถ้าไม่เรียนต่อจะถูกคัดรายชื่อออกจากมหาวิทยาลัย และตนจะต้องรับชดใช้หนี้ทั้งหมด นายอภิวัฒน์เล่าว่า พระวิเชียรเป็นบุตรของนายเสมและนางบุญเทียม มนต์อยู่พะเนาว์ อาชีพทำนา ฐานะยากจน ครอบครัวของตนจึงรับเลี้ยงดูตั้งแต่อยู่ชั้น ม.4 และรักเหมือนลูกในไส้ ในอดีตพระวิเชียรเรียนดีมากได้เกรด 4 เกือบทุกวิชา ผลแห่งความรักในตัวพระวิเชียรทำให้ครอบครัวนายอภิวัฒน์เผื่อแผ่ความรักไปถึงน้อง ๆ ของ พระวิเชียรด้วย โดยเข้าไปรับอุปการะน้องชายคนเล็กของพระวิเชียรอีกคนด้วย และการที่เป็นคน ฉลาดทำให้พระวิเชียรสอบติดคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่ขณะที่อยู่ปี 1 ช่วงหยุดภาคฤดูร้อนได้มาลาบวชที่วัดพระธรรมกาย และก็ไม่ยอมสึก ทำให้ต้องพักการเรียนไปแล้ว 1 ปี ผู้ชวนพระวิเชียรไปบวชเป็นอาจารย์ชมรมพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยชักจูงว่าไปบวชแล้วสมาธิจะดี เรียนจะดีขึ้น เลยทำให้ลูกไม่ยอมสึกออกมา และกำลังเกิดมีปัญหาจะถูกคัดชื่อออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว ทั้งที่นายอภิวัฒน์และภรรยา รวมถึงพ่อแม่ที่แท้จริงของพระวิเชียรให้สึกมาเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยไปบวชใหม่ พระวิเชียรก็ไม่ยอม นายอภิวัฒน์เชื่อว่าพระลูกชายกำลังถูกครอบงำทางความคิด และเวลากลับบ้านจะให้ทำบุญ โดยจะเอาซองทำบุญมาให้ โดยล่าสุดคือจะให้ทำบุญสร้างพระประจำตัวองค์ละ 1-1.5 หมื่นบาท และบอกว่าผ่อนส่งได้ พระจากวัดพระธรรมกายจะไม่นอนค้างที่วัดอื่นวัดใด แต่จะพักที่ศูนย์กัลยาณมิตร จ.นครราชสีมาเท่านั้น นายอภิวัฒน์กล่าวว่า ตนจะไม่ยอมเลิก และจะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ไปยื่นขอความเป็นธรรมจาก พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ที่เป็นประธานสอบสวนปัญหาวัดพระธรรมกายในเร็ว ๆ นี้ "เวลามาบ้านทีไร พระพี่เลี้ยงจะมาเล่าปาฏิหาริย์ต่าง ๆ นานาว่า เห็นหลวงพ่อสดลอย ขึ้นบนฟ้า อยู่กลางดวงอาทิตย์ เหนือธรรมชาติ แต่พอถามพระลูกชายว่าเห็นหรือไม่พระลูกชายบอกว่ามองไม่เห็น พระพี่เลี้ยงก็บอกว่าสมาธิของพระลูกชายไม่แกร่งกล้า พระพี่เลี้ยงที่เคยคุมมารูปแรกมาจากชัยภูมิ เรียนสัตวแพทย์ปี 2 พระพี่เลี้ยงรูปที่ 2 อยู่ อ.พิมายเรียนรามฯ แต่ถูกคัดชื่อออกหมดแล้ว และยังมีหลานข้างบ้านเรียนเทคโนโลยีราชมงคลโคราชปี 2 บวชไม่สึกเหมือนกัน นอกจากนั้นมีหลานชายนายตำรวจระดับสูงเรียนจุฬาฯ ปี 2 ก็ไม่สึก และถูกให้ออกจากจุฬาฯ แล้ว ขณะนี้นักศึกษาโคราชถูกหลอกให้บวชหลายรูป" นายยุทธชัย อุตมา รองอธิบดีกรมการ ศาสนากล่าวถึงกรณีที่พระไชยบูลย์ ธัมมฺชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไปกว้านซื้อที่ดิน 156 ไร่ ที่ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร เพื่อทำเหมืองทองและมีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดว่านายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนามอบหมายให้นายสำรวย สารัตถ์ ผอ.สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคมศึกษากฎระเบียบมหาเถรสมาคมว่าได้มีการบัญญัติเรื่องนี้ไว้ได้อย่างไร แต่จากการศึกษาเบื้องต้นไม่พบว่ามีความผิด เพราะเงินที่มีผู้ทำบุญมีอยู่ 2 อย่าง คือระบุว่าจะนำไปทำอะไร ถ้าวัดเอาไปทำอย่างอื่นถือว่าผิด กับอีกประเภทถวายเป็นปัจจัยไม่ระบุวัตถุประสงค์ถือว่าไม่ผิด และตามประมวลกฎหมายแพ่งที่เกี่ยวกับมรดกของพระภิกษุมาตรา 1623 ระบุว่าทรัพย์สินของพระที่ได้มาระหว่างบวช หากพระมรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัด เว้นแต่จะมีการขายออกไปก่อน หรือโดยพินัย กรรม จึงไม่ทราบว่าเจ้าอาวาสจะต้องออกมาชี้แจงให้สังคมเกิดความกระจ่าง ส่วนกรมการศาสนา คงทำได้เพียงรวบรวมต่อมหาเถรฯ ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าพระในวัดพระ ธรรมกายต้องอาบัติร้ายแรง นายยุทธชัยกล่าวอีกว่าหากมีเจ้าทุกข์แสดงตัวและพิสูจน์ได้ก็ต้องจับสึกสถานเดียว แต่ขณะนี้พูดกันลอย ๆ ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมจะเชิญตนเข้าประชุมเพื่อหารือปัญหาวัดพระธรรมกาย สำหรับความคืบหน้าในการวิเคราะห์เอกสาร คำเผยแผ่ศาสนาของวัด จำนวน 111 เล่ม เบื้องต้นพบว่าเป็นหนังสือที่ดี แต่ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง โดยอ่านทุกบรรทัด เมื่อทำเสร็จจะสรุปผลให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ต่อไป และตนได้พบพระพรหมโมลีก็บอกท่านว่าหากต้องการความช่วยเหลือให้แจ้งที่กรมศาสนาได้ ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร "เรื่องวัดพระธรรมกายไม่ควรวิตกมากเกิน เพราะสภาความมั่นคงแห่งชาติคอยสอดส่องดูแลแล้ว หากมีความผิดปกติสมช.จะเข้าไปดำเนินการเอง ส่วนคณะสงฆ์ก็มีวิธีดูแลเหมือนกัน แต่ต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบมาก เพราะเกี่ยวกับความเชื่อ ศาสนา ความศรัทธา ถ้าทำผิดพุทธศาสนาอาจเสื่อมเสียได้ และเกิดความแตกแยก ซึ่งจุดอ่อนของพระดัง ๆ คือเรื่องเงินและผู้หญิง" .