เดลินิวส์ 19/6/2542
ไชยบูลย์รอดศาลสงฆ์ยกคำฟ้อง กรมศาสนาทำสำนวน 'เสียค่าโง่'
กรมศาสนา ทำงามหน้า ศาลสงฆ์สั่งยกเลิกคำฟ้องเล่นงานเดียรถีย์แล้ว เสียค่าโง่แบบ ไม่น่าอภัยไม่ได้ระบุว่า เป็น"ชาวพุทธ" ทั้งที่ ในกฎนิหคกรรม ระบุไว้ชัดโต้ง ๆ ว่าต้องเขียน แถมสำนวน ก็อ่อนเปิดช่อง ให้พระปลอม หลุดเกือบทุกข้อหา เหลือแต่เพียง คำฟ้องยุวพุทธิกสมาคม ที่เป็นความหวัง โพลล์คนกรุงระบุ ต้องการจับ"ไชยบูลย์" ถอดผ้าเหลือง ยุติปัญหาธรรมกาย กองปราบลุยสอบแล้ว เรียกตัวแทนวัดให้ปากคำ น้องชาย"มานิต รัตนสุวรรณ"สาวกคนสำคัญของวัด ไม่สนพี่ชาย แจกหนังสือ"กรณีธรรมกาย" ของ พระธรรมปิฎกให้ เจ้าอาวาสปทุมธานีศึกษา
ที่กองปราบปรามฯ เมื่อเวลา 9.15 น. วันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ คนสนิทของนายไชยบูลย์ อดีตเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ผู้ถูกกล่าวหา คดีอาญา 3 ข้อหาคือแจ้งความเท็จ ยักยอกทรัพย์และทุจริตต่อหน้าที่ ได้เดินทางเข้าให้ปากคำ กับพล.ต.ต.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก. 1 ป. พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผกก. 3 ป. และพ.ต.ท.ศุภพล อรุณสิทธิ์ รองผกก. 3 ป. พร้อมด้วย พนักงานสอบสวน อีกจำนวนหนึ่ง ในฐานะ ตัวแทนวัดพระธรรมกาย โดยที่ก่อนหน้านี้ได้กำหนดให้ตัวแทนวัดพระธรรมกายให้ปากคำ 2 ปากคือนายสมเกียรติ และนายวีระศักดิ์ ฮาดดา แต่รายหลังขอเลื่อนการให้ปากคำ
ก่อนเข้าให้ปาก นายสมเกียรติกล่าวว่า ไม่ทราบด้วยซ้ำตนเดินทางมาให้ปากคำในฐานะอะไร แต่ที่ผ่านมา มีการวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับ วัดพระธรรมกาย เป็นอย่างมากแบบไม่รู้ข้อเท็จจริง เรื่องดังกล่าวได้มีการนำเข้าสู่ ศาลสงฆ์แล้ว ก็ควรปล่อยให ้เป็นหน้าท ี่ของคณะสงฆ์ แต่เมื่อมีการ นำเข้าสู่กระบวนการ ยุติธรรมทางโลกก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน ตำรวจจะได้หา ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาให้ปากคำครั้งนี้ยังไม่ได้มีการลงนาม ในหมายเรียก เพียงแต่ผู้กำกับ สภ.อ.คลองหลวงประสานงานมาเท่านั้น
นายสมเกียรติกล่าวว่า ไม่เคยคิดว่า เหตุการณ์ทุกวันนี้เป็นการกลั่นแกล้งนายไชยบูลย์ แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น ก็อยากให้เกิด ความถูกต้อง ทางกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่การกล่าวหากันลอยๆ จะผิดถูกอย่างไรก็ว่ากันตามข้อเท็จจริง การที่พูดเช่นนี้ไม่ได้พูด ในฐานะตัวแทนวัดพระธรรมกาย แต่พูดในฐานะ ผู้ที่เข้าวัดปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง เรื่องที่ดินนั้น ก็เป็นเรื่องที่ผู้ปฏิบัติธรรม มอบให้เพราะเห็นว่าสถานที่ปฏิบัติธรรมนั้นมันคับแคบ ส่วนการที่ใช้ชื่อนายไชยบูลย์ ก็เป็นการใช้ชื่อพระ ไม่มีการใช้ชื่อทางโลก ญาติโยมเขาจัดการกันเองทางวัดไม่เกี่ยวข้องด้วย
จากนั้นพ.ต.อ.ทวีได้นำตัว นายสมเกียรติไปให้ปากคำทันที ในเวลาไล่เลี่ยกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้านิติกร กรมการศาสนา พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมา ยังกองปราบปรามฯ เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อนำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม คดียักยอกทรัพย์มาให้แก่เจ้าพนักงาน พร้อมกับ ให้ปากคำเพิ่มเติม
เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.กิติศักดิ์ กะสีวัฒน์ สว.ส.สภ.อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้เข้านมัสการพระมหาปัญญา ขนฺติธมฺโม เจ้าอาวาสวัดบางหลวง รักษาการเจ้าคณะอำเภอคลองหลวง เพื่อสอบปากคำ ในประเด็นการแต่ตั้ง ไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกาย
ภายหลังการนมัสการแล้ว พ.ต.ท.กิติศักดิ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ทางการสืบสวนสอบสวน พบวัดพระธรรมกายมีหนังสือที่ วธก.1270/331 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2542 เรื่องขออนุมัติแต่งตั้งไวยาวัจกร เสนอต่อรักษาการ เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง ซึ่งในรายละเอียด ของหนังสือระบุว่าเพื่อให้เป็นไปตา มกฏมหาเถรสมาคมฉบับที่ 18 (พ.ศ.2536) ว่าด้วยการแต่ตั้ง ถอดถอนไวยาวัจกร โดยที่ประชุมสงฆ ์ของวัดพระธรรมกายได้ให้ความเห็นชอบ แต่งตั้งพล.อ.ท.วีระวุธ ลวะเปารยะ ผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพอากาศเป็นประธานคณะไวยาวัจกร และพล.ต.ต.เกรียงไกร กรรณสูต ,นายทวีชัย ชัยสุวรรณ และนายศุภชัย ศรีสุภอักษร เป็นไวยาวัจกร โดยรักษาการเจ้าคณะอำเภอ ได้มีคำสั่งอนุมัติตั้งแต ่วันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงเป็นอันว่า การแต่งตั้งไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกาย เป็นการแต่งตั้งอย่างถูกกฏหมายมีด้วยกัน 4 คนดังกล่าว
ส่วนไวยาวัจกรรายอื่น ที่ปรากฏก่อนหน้านี้ ไม่แน่ชัดว่ามีการขออนุมัติแต่งตั้งมาก่อนหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่สามารถ ตรวจสอบได้ ทั้งนี้หนังสือที่เสนอมา ยังเจ้าคณะอำเภอนี้ ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นการขออนุมัติแต่งตั้ง โดยไม่ได้ระบุว่า เป็นการแต่งตั้งไวยาวัจกรเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ด้านพระมหาปัญญา กล่าวว่า การแต่งตั้งไวยาวัจกรของทางวัดพระธรรมกายนั้น จะต้องเป็นการแต่งตั้ง ภายใต้กฏมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 18 ซึ่งเจ้าอาวาสวัด จะต้องแต่งตั้งเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วจึงขออนุมัติจากเจ้าคณะตำบล และเจ้าคณะอำเภอตามลำดับ วัดพระธรรมกายเป็นการเสนอ แต่งตั้งอย่างถูกต้องทั้ง 4 คน แต่ไม่ได้ระบุว่าการแต่งตั้ง ครั้งนี้เป็นการแต่งตั้งเพิ่มเติมจากเดิม โดยก่อนหน้านี้ยังไม่เคยได้เห็นหลักฐานการแต่งตั้ง ซึ่งก็ดูเป็นเรื่องแปลก ที่วัดตั้งมา 30 ปีแล้ว กลับไม่เคยมีการแต่งตั้งไวยาวัจกรมาก่อนเลย
พระมหาปัญญา เปิดเผยอีกว่า สำหรับการพิจารณาคำฟ้องตามกฎนิคหกรรมที่อาตมาร่วมพิจารณาคำฟ้องด้วยนั้น เท่าที่ทราบคำฟ้อง ของกรมการศาสนาต้องตกไป ไม่ได้รับการพิจารณา เพราะไม่สมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ เนื่องจากนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา ไม่ได้ระบุว่านับถือศาสนาอะไร เนื่องจากตามกฎนิคหกรรม กำหนดชัดเจนว่า ผู้ยื่นฟ้องต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป และต้องนับถือศาสนาพุทธ หากไม่ได้เขียนมา จะให้พระผู้พิจารณา ตีความเองไม่ได้ ส่วนกรณีของนางสาลี่ เพ็ชร์ชูดีนั้นก็ไม่ได้รับพิจารณา เช่นกันเพราะเหตุเกิดที่ จังหวัดสุพรรณบุรี จึงเหลือเพียง ของนายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติเพียงคำฟ้องเดียวเท่านั้น
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าว รายงานว่า พระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมูลจินดาราม และเจ้าคณะจังหวัดปทุม ธานี ได้เข้าทำการ รักษาอาการอาพาธ ที่โรงพยาบาลแพทย์รังสิต ตั้งแต่เมื่อบ่ายวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากพักฟื้นที่โรงพยาบาลดังกล่าว 1 คืนก็ได้เดินทางกลับมา ยังวัดมูลจินดารามเรียบร้อยแล้ว
พระสุเมธาภรณ์กล่าวว่า ที่ต้องไปพักที่โรงพยาบาลนั้นเนื่องจากตรากตรำทำงานหนัก นอนไม่ค่อยหลับ โดยล่าสุด ก็มีพระรูปหนึ่ง จากวัดลาดพร้าว ติดต่อมาว่าจะยื่นคำฟ้อง กล่าวโทษนายไชยบูลย์อีก โดยให้เหตุผลว่า ห่วงพระเณรที่บวชเข้ามาใหม ่ในวัดพระธรรมกายจะถูกล้างสมอง อย่างไรก็ตามได้ประกาศไปแล้วว่า จะปิดรับคำฟ้อง แต่ก็ได้บอแกว่า ให้เอารายละเอียดมาคุยกันที่วัดมูลจินดารามอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คำฟ้องของนายมาณพ นอกจากผิดพลาดเรื่องความไม่สมบูรณ์ของโจทก์แล้ว คำฟ้องดังกล่าวถูกวิจารณ์ว่า ไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ ขาดเรื่องการอวดวิเศษ โดยมีแค่การสอนผิดเพี้ยน ซึ่งโทษเล็กน้อย กับการฟ้องเรื่อง ฉ้อโกงที่ดิน ที่คำฟ้องอาจตีความได้ว่าฟ้องเพียงโฉนดเดียว 1 ไร่ และโฉนดนั้นบรรยายคำฟ้องผิดว่า นายไชยบูลย์ยักยอก ที่ดินที่มีผู้บริจาคให้วัด มาเป็นของตัวเอง ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงเป็นการซื้อ-ขาย
ด้าน พ.ต.ท.ณัฐพล ศุรกะสร รอง สว.สส.สภ.อ.ธัญบุรี กล่าวว่า ความคืบหน้ากรณี การโทรศัพท์ข่มขู่วางระเบิด วัดมูลจินดารามนั้น ได้รวบรวมหลักฐาน และได้มีการสืบสวน ในทางลับหลายเรื่องที่จะใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งก็ได้มีผู้หวังด ีจากจังหวัดลพบุรี ที่นายศิวนาถ มูลทองจาก เคยบวชอย ู่โดยได้เปิดเผยพฤติกรรมหลายอย่าง ที่เป็นผลดีต่อรูปคดี และยังมีผู้หวังดีรายอื่นที่สามารถยืนยันพฤติกรรมของนายศิวนาถ โดยทั้งหมดนี้ จะได้รวบรวม หลักฐานต่างๆ เพื่อเตรียมตั้งข้อหาจับกุมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงเย็นนายพร รัตนสุวรรณ น้องชายนายมานิต รัตนสุวรรณที่ปรึกษาคนสำคัญ ของวัดพระธรรมกาย นำหนังสือ "กรณีธรรมกาย"ที่เขียนโดยพระธรรมปิฎก มามอบให้พระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาส วัดมูลจินดารามกว่า 500 เล่ม และเวลา 18.30 น.พ.ต.อ.ทวีพันธุ์ แสงประเสริฐ ผกก.สภอ.ธัญญบุรี เดินทางมา กราบพระสุเมธาภรณ์ และรายงานเรื่องการขู่วางระเบิดว่ามีผู้แจ้งข้อมูลผู้ต้องสงสัยเป็นพวกวิกลจริต ตั้งตัวเป็น คนเข้าทรงหลอกชาวบ้าน
ในวันเดียวกันเมื่อเวลา 10.45 น. นายอุดม ศุภสินธุ์ ตัวแทนจากสภาทนายความแห่งประเทศไทย ได้นำผู้เสียหาย จากกรณีวัดพระธรรมกาย 2 ราย คือนางกนกวรรณ เลิศตระกูลพิทักษ์ และนางสาลี่ เพ็ชร์ชูดี เข้าพบพ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวส่องแสง ผกก. 3 ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ นายไชยบูลย์ต่อสำนักงานสอบสวน โดยกล่าวว่า ทางคณะกรรมการ ช่วยเหลือประชาชนมีมติเห็นชอบ ให้เข้าร้องเรียนกล่าวโทษนายไชยบูลย์ เนื่องจากผู้เสียหายทั้ง 2 ไม่ได้รับความเป็นธรรม และสามารถฟ้องร้อง กล่าวโทษได้ในคดีอาญา โดยจะได้นำหลักฐาน ในเรื่องดังกล่าวมามอบให้แก่พนักงาน สอบสวนต่อไป ส่วนคดีทางแพ่งนั้น สภาทนายความจะเป็นโจทก์ฟ้องร้องเอง
นางกนกวรรณ เลิศตระกูลพิทักษ์ เหยื่อผีบุญกล่าวว่า เป็นผู้หนึ่งที่บริจาคเงิน ให้แก่วัดพระธรรมกาย เพื่อสร้างพระธรรมกาย ประจำตัว เป็นจำนวนกว่า 2 แสนบาท โดยทางวัด ได้ให้พระมหาสิริราชธาตุมาด้วยทุกครั้งที่บริจาคครบ 3 หมื่นบาท และมีการอวดสรรพคุณว่า เมื่อนำไปบูชาโรคร้ายประจำตัว จะหายไป พร้อมกับทำให้ ฐานะครอบครัวเจริญยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งยังอวดอ้างด้วยว่า เป็นการปิดประตูนรกและสามารถเลือกสวรรค์ชั้นต่างๆอยู่ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว กลับทำให้สถานภาพ ของครอบครัวแย่ลง ลูก 2 คนไม่มีเงินไปโรงเรียน เมื่อสอบถามไปยังวัดพระธรรมกาย เพื่อขอเงินคืน กลับได้รับการปฏิเสธ และไม่ได้รับความเมตตาจากทางวัดแต่อย่างใด จึงต้องเข้าร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรม
นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กทม.พรรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายไชยบูลย์เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ และคณะอีก 6 คนในคดีแพ่งว่า หลังจากศาลได้ลงนาม ประทับรับฟ้องแล้ว การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ อาจไปกระทบต่อดุลพินิจของศาล และอาจเป็นการละเมิด อำนาจศาลได้ อย่างไรก็ตาม คำฟ้องดังกล่าวเป็นคนละส่วน กับคดีอาญาที่กรมการศาสนา แจ้งความดำเนินคดีนายไชยบูลย์ไว้ พนักงานสอบสวนในดคี สามารถดำเนินการต่อไปได้ หากพยานหลักฐาน ที่มีอยู่สามารถดำเนินการถึงขั้นจับกุมตัวผู้ต้อง และพนักงานสอบสวน เห็นว่าไม่ควรอนุญาต ให้ประกันตัว ก็จับสึกจากการเป็นพระได้
ส่วนนายอาคม กล่าวว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือหวาดกลัวกับการที่นายไชยบูลย์ฟ้อง เพราะก่อนหน้าน ี้นายไชยบูลย์ก็เคยแจ้ง ให้ทราบล่วงหน้าแล้ว ก็เป็นสิทธ ิ์ที่จะกระทำได้ แต่ก็ได้เตรียมนักกฎหมายมือดีรอไว้ล่วงหน้า ในการแก้ไขปัญหา วัดพระธรรมกาย และนายไชยบูลย์นั้น ถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ทั้งทางโลกและทางสงฆ์ ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ มีการพิจารณา จากผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบคอบมากที่สุดแล้ว ก็เห็นกันแล้วว่า นายไชยบูลย์โดน 3 ข้อหาหนัก ทุกอย่างถือว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว ด้านนายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติฯ ซึ่งเป็น 1 ในจำนวน ผู้ถูกนายไชยบูลย์ฟ้อง กล่าวว่า ตนไม่ใช่ข้าราชการแต่เป็นผู้ติดร่างแหไปด้วย การฟ้องครั้งนี้จะส่งผลกระทบ สร้างความเสียหายมากขึ้น ต่อนายไชยบูลย์ สิ่งที่นายไชยบูลย์ ดำเนินการอยู่ในขณะนี้เพราะต้องการยืดเรื่องออกไป เป็นการดิ้นสุดชีวิต เพราะอยู่ในฐานะลำบาก
นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่ายังไม่ได้รับหมายศาลกรณีที่ถูกฟ้อง และหลังจากรับหมายศาล จะให้ฝ่ายกฎหมาย กรมการศาสนาไปดูรายละเอียด สิ่งที่ทำไปทั้งหมด ทำในฐานะหน่วยราชการ ที่ต้องปฏิบัติในฐานะเจ้าพนักงาน และต้องไปคุยกับ พระสุเมธาภรณ์เจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานีด้วย และไม่ทราบว่า จะทำให้กระทบต่อการฟ้องร้อง ทางศาลสงฆ์หรือไม่
"เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา ยังต้องนำเอาเอกสารเกี่ยวกับการกล่าวโทษคดีอาญาให้พนักงานสอบสวนอยู่เรื่อย ๆ ในวันนี้ได้นำเอาเอกสาร ที่ดินไปมอบเพิ่มเติม แต่เปิดเผยไม่ได้ว่าเป็นที่ใด"
ทางด้านศูนย์วิจัยกรุงเทพ โพลล์สำรวจความเห็น ของคนกรุงเทพฯ และปทุมธานีเรื่อง"ความรู้สึก ของพุทธศาสนิกชน ต่อวัดพระธรรมกายและสถาบันสงฆ์" โดย กลุ่มตัวอย่าง เคยได้รับทราบข่าววัดพระธรรมกายถึง 99.5% และได้รับ ทราบข่าวจากสื่อมวลชน
กลุ่มตัวอย่าง มีเพียง 7% ที่เคยไป วัดพระธรรมกายที่เหลือไม่เคยไป กลุ่มตัวอย่างไม่เห็นด้วย กับคำสอนของที่ว่า นิพพาน เป็นอัตตา,การสอน ทำบุญมากแล้วรวย ,การถือครองที่ดิน,การสร้างถาวร วัถตุอย่างมหาธรรมกายเจดีย์,การเผยแพร่ ปาฎิหารย์ การเรี่ยไรเงินเข้าวัด การสร้างพระธรรมกาย ประจำตัว ส่วนโครงการ บวชอุบาสิกาแล้ว และสามเณรแก้วประชาชน ไม่เห็นด้วยน้อยสุดคือ 55.8% ขณะที่เรื่องอื่น ๆ ไม่เห็นด้วย 70% ขึ้นไป
ความเห็นของ กลุ่มตัวอย่าง คิดว่าควรจะถอดผ้าเหลืองจากร่างนายไชยบูลย์เพื่อแก้ปัญหาธรรมกายได้ดีสุด รองลงมา คือการเปลี่ยนแปลง การดำเนินงานบางอย่าง ได้แก่การเปลี่ยนคำสอน ยกเลิกการเรี่ยไรหาเงินเข้าวัด ยกเลิกระบบผู้นำบุญ ให้คืนที่ดินให้วัด ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ก็คืออยากให้ ยุติการดำเนินงานของวัด
ในแง่การปฏิรูป วงการสงฆ์เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ควรให้สงฆ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ของวัด ,ไม่ให้ถือครองทรัพย์สิน ที่ได้มาระหว่างบวช เป็นของส่วนตัว,ควรให้มีการ ลงโทษปาราชิกที่รวดเร็วและชัดเจน,ควรเผยแพร่คำสอนที่ถูกต้อง ศึกษาและยึดคำสอน ในพระไตรปิฎกอย่างเคร่งคัด,กวดขัน เรื่องพระธรมวินัย ,ควรให้ฆราวาสมีส่วน ในการพิจารณา ความผิดสงฆ์ ,ควรมีกระบวนการคัดสรร ผู้ที่จะบวชเป็นพระ,ควรปฏิรูปการศึกษาสงฆ์ ,ปฏิรูปองค์กรสงฆ์เช่นมหาเถรสมาคม รวมไปถึง กรมการศาสนา พระราชปริยัติบดี เจ้าอาวาสวัดสามพระยา รองเจ้าคณะภาค 1 กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับสำนวนฟ้อง จากพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และต้องรอให้ พระสุเมธาภรณ์ ประทับรับฟ้องก่อน ถึงส่งมาให้ พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ที่ถือเป็นศาลชั้นต้น และที่วิจารณ์ว่า ศาลสงฆ์ล่าช้าต้องดูคด ีทางโลกด้วยใช้เวลานานเท่าใด ศาลสงฆ์ก็มีขั้นตอน ขอให้เชื่อพระเถระที่รรับผิดชอบ อาตมากล้ารับรองว่า ท่านต้องเอาศาสนา ไว้มากกว่าตัวบุคคล ส่วนการถอดถอนตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย อยู่ที่พระพรหมโมลีที่ติดตามอยู่ ที่ไม่ได้สั่งการไม่ใช่ จะไม่ทำแต่ต้องทำโดยสันติ เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่
"ความมั่นคงของศาสนา ไม่ได้อยู่กับจำนวนผู้นับถือที่มากขึ้น แต่ขึ้นกับการที่พระจะชี้แจง ให้ผู้นับถือเข้าใจหลักศาสนา อย่างแท้จริง การทำบุญต้องไม่ทำ เกินกำลัง ไม่ใช่ไปกู้หนี้ยืมสิน มาทำบุญจนเดือดร้อน คนมีศรัทธาอย่างเดียว จะเลื่อมใส ในสิ่งที่เลื่อนลอย จึงต้องมีปัญญาประกอบ"