เดลินิวส์ 17/6/2542
ล่ามือระเบิดขู่'วัดมูล' ตร.จัดทีม4สายลุย!สอบที่ดินไชยบูลย์
"อาคม" ระบุกรมศาสนา เจอหลักฐานเดียรถีย์ยักยอกที่ดิน มั่นใจกระชากผ้าเหลืองจากร่างส่ง "ไชยบูลย์" เข้าคุก ขณะที่วัดฉาวโทรศัพท์ขู่ฟ้องดะยกกระทรวงไล่ตั้งแต่ รมช. ศึกษาฯ อธิบดีกรมศาสนา จนไปถึงผู้อำนวยการ กอง สตม. สั่งด่านตรวจคนทั่วประเทศถอนสิทธิการใช้หนังสือเดินทางกลัวเผ่นหนี "วาสนา" แบ่งทีมงาน 4 สายตะลุยสอบ ลงพื้นที่สอบหาข้อมูล ที่ดินทุกแปลง ย้ำถ้าพบความผิดชัดจับถลกจีวรแน่ สรรพากรจังหวัดชงลูกฟันซ้ำทำหนังสือถึงกรมตั้งกรรมการสอบวัดฉาว ไม่ยอมส่งข้อมูล ประมูลงานก่อสร้างหมื่นล้าน ส่อเค้าให้บริษัทญาติธรรม ชื่อดังเลี่ยงภาษี งานนี้กะเล่นแบบล้างวัด จับแล้ว มือขู่ระเบิดวัดมูลจินดาราม
การจัดการพระปลอม "นายไชยบูลย์ สุทธิผล" ปรากฏ หลักฐานเพิ่มขึ้น เมื่อกระทรวงศึกษาธิการพบหลักฐานการยักยอกที่ดิน
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการเปิดเผยว่า ตนจะเรียกนายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้าฝ่ายนิติการ กรมการศาสนามาสอบถามถึงหลักฐานที่ดินที่เพิ่มเติม โดยนายไชยบูลย์มีที่ดินมากกว่า ที่แจ้งกับกรมการศาสนา 1,747 ไร่ และได้มีการสร้างหลักฐาน ไปมอบให้ตำรวจ นอกจากนั้นยังได้รับรายงานจากนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาว่าที่ดินบางแปลงเป็นการยักยอกมาด้วย
"เรื่องที่ดินนั้นจากการตรวจสอบ มีอยู่แปลงหนึ่งที่เจ้าของ ต้องการถวายให้วัดพระธรรมกาย เพื่อเป็นการกุศล แสดงให้เห็นว่าเป็นการถวายให้วัด"
ส่วนที่ดินจำนวน 304 ไร ่ที่เคยประกาศจะโอนให้วัด ก็สั่งการให้กรมการศาสนาโอนที่ดินทั้งหมดกลับไปให้ทางวัดพระธรรมกายดำเนินการเอง โดยการโอนที่ดินสามารถไปตรวจสอบได้ที่กรมที่ดิน และจากรายงาน ของกรมการศาสนา และเชื่อว่าเมื่อพนักงานสอบสวนเห็นก็จะเชื่อเป็นการยักยอก สามารถกล่าวโทษได้
สำหรับกรณีที่นายผ่อง เล่งอี้ ศิษย์เอกวัดพระธรรมกาย บอกว่าจะพลีชีวิตปกป้องนายไชยบูลย์นั้นนายอาคมกล่าวว่าใครคิดอย่างไรจะห้ามไม่ได้ แต่ความจริงนายผ่อง เคยออกมาเตือนผู้อื่นว่า การปฏิบัติธรรมต้องมีสติปัญญา มีจิตสงบ แต่การฆ่าตัวตาย ไม่ใช้ปัญญา แต่ละคนต้องคิดกันเอาเอง
นอกจากนั้นนายอาคมกล่าวอีกว่า ได้รับรายงานจากนายพิภพว่าวัดพระธรรมกายยื่นฟ้องตน นายพิภพ และนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา และนายสำรวย สารัตถ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน มหาเถรสมาคม แต่ไม่ทราบฟ้องข้อหาอะไรน่าเป็นการฟ้องแก้เกี้ยวมากกว่า
นายพิภพกล่าวว่า ในบ่ายวันนี้ตนได้รับโทรศัพท ์จากคนของวัดพระธรรมกายว่า จะมีการฟ้องร้อง ก็ไม่ทราบข้อหาอะไร หากเป็นจริงต้องรอหมายศาล และถ้าฟ้องคงเป็นเรื่องที่ดิน ซึ่งไม่กังวลใจเพราะ ทุกอย่างทำตามขั้นตอน
ในวันเดียวกัน เวลา 08.00 น. นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังคณะเหลืองรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ทรงประชวรอยู่ตามกำหนดการเดิม แต่เมื่อเดินทางไปถึงวัดปรากฏว่า นายแพทย์สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์ในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ถวายการรักษาสมเด็จพระสังฆราชไม่อนุญาต ให้เข้าเฝ้าเนื่องจาก ยังทรงมีพระอาการอ่อนเพลีย สมควรที่พักผ่อน นายกรัฐมนตรีจึงได้ถวายเครื่องสักการะแด่พระเลขานุการ จากนั้นจึงเดินทางกลับ
ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.1ป. เปิดเผยว่าตนได้สอบปากคำ นายเชลียง หัวหน้านิติการกรมการศาสนาไปแล้วใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง แต่เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจะนำสำนวนการสอบให้พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ซึ่งรับผิด ชอบคดีดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนวนสอบทั้งหมด พ.ต.อ.ทวีได้รายงานให้พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง ผบก.ป.เพื่อพิจารณาระดับหนึ่งด้วย โดยพนักงานสอบสวนส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ดินตามจังหวัดต่าง ๆ และเอกสารที่นายเชลียงมามอบให้ภาย หลัง จะตรวจสอบอีกครั้งว่าเกี่ยวกับการดำเนินคดีที่แจ้งไว้หรือไม่
ทางด้าน พ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ รองผบก.ป. กล่าวว่าคณะทำงาน สืบสวนคดีดังกล่าว และคาดว่าอีกประมาณ 1 เดือนที่พล.ต.ท. วาสนา สั่งการให้ทำสำนวนให้เสร็จจะมีรายละเอียดมากขึ้น
ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.ท.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ผบช.สตม. กล่าวภายหลัง การรับเรื่องจากกลุ่มพุทธศาสนิกชนไทยที่ขอให้มีคำสั่งห้ามนายไชยบูลย์ออกนอกประเทศว่า ตนได้มีคำสั่งไปที่ด่าน ตรวจคนเข้าเมืองดอนเมือง และทุกด่านทั่วประเทศห้ามนายไชยบูลย์ออกนอกประเทศ รวมถึงยกเลิกหนังสือเดินทางของนายไชยบูลย์ตามมาตรา 57 อีกด้วย หลังจากมีการแจ้ง ดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์แล้ว
ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีกรมการศาสนาฟ้องนายไชยบูลย์ 3 ข้อหา ได้เรียกประชุมชุดพนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต ผบช.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก. 1 ป. และพ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผกก. 1 ป. พร้อมพนักงานสอบ สวนจำนวนหนึ่งเข้าร่วมประชุม
พล.ต.ท.วาสนากล่าวหลังการประชุมว่า เป็นการแบ่งงานแก่ชุดสอบสวนออกเป็น 4 สายคือ งานอำนวยการ งานสืบสวน งานสอบสวนและงานธุรการ และมอบหมายให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่รวบรวมหลักฐาน คดียักยอกทรัพย์เกี่ยวกับประเด็นที่ดิน ซึ่งกระจายอยู่ต่างจังหวัดเพิ่มเติม เพื่อทราบข้อเท็จจริงว่าได้มาอย่างไร โดยสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องในแต่ละแปลง และดูในเรื่องเอกสารต่าง ๆ ว่าเป็นที่ดินที่มอบให้ ด้วยความเต็มใจหรือเป็นการซื้อ-ขายมา
นอกจากนี้แล้วยังต้องให้ดูแลในคดีอื่นๆอีก 2 คดีคือแจ้งความเท็จและละเว้น ปฏิบัติหน้าที่ด้วยซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมหลักฐาน โดยจะใช้เวลาสักระยะแต่จะพยายามทำให้เร็วที่สุด จึงจะแจ้งข้อกล่าวหา นายไชยบูลย์ได้ผิดข้อหาอะไร หากว่าเป็นความผิดชัดเจน ก็ต้องจับกุม จากนั้นก็คงจะใช้พ.ร.บ.สงฆ์จับสึกได้
"ข้อหาที่กรมการศาสนา กล่าวหานั้นเป็นข้อหาหนักทั้งสิ้น โดยเฉพาะเป็นเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น มีโทษสูงสุดตามมาตรา 157 ให้จำคุกตลอดชีวิต อย่างไรก็ดีขณะนี้ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจ ตรวจคนเข้าเมืองแล้วว่า ห้ามไม่ให้นายไชยบูลย์ออกนอกประเทศ"
ด้านนายเชาว์ ศรีกมล สรรพากรจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่าตนได้ทำหนังสือ ถึงอธิบดีกรมสรรพากรรายงานผลการตรวจสอบการเสียภาษีอุปกรณ์สิ่งปลูกสร้างภายในวัด เพื่อชี้แจงกรณีที่ทางวัด ขัดคำสั่งของสนง.สรรพากรจังหวัดปทุมธานี เรื่องให้รายงานบริษัท ที่ประมูลก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างภายในวัดและร้านที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เพื่อที่ทางกรมสรรพากรจะได้ทำการตรวจสอบว่า มีการหลบเลี่ยงหรือจ่ายภาษีถูกต้องหรือไม่เนื่องจากการก่อสร้าง ภายวัดพระธรรมกายมีมูลค่านับหมื่นล้านบาท และตลอดระยะ 4-5 เดือนมานี้มีข่าวว่า บริษัทที่เข้าไปรับงานก่อสร้างของวัด น่าจะ มีการหลบเลี่ยงภาษี
เรื่องนี้ทางสรรพากรจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบภาษีย้อนหลังการก่อสร้างมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2542 และได้ส่งจดหมายเตือนให้คณะกรรมการวัดรับทราบมาไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งแล้ว และได้แจ้งให้ทราบ ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา แต่วัดก็ยังเพิกเฉย ไม่สนใจไยดี
การประเมินภาษีของบริษัทที่รับเหมาก่อสร้าง ภายในวัดพระธรรมกายนั้น เชื่อว่าน่าจะมีการหลบเลี่ยงภาษีเกิดขึ้น เรื่องนี้กรมสรรพากรทราบดีว่ามีบริษัทใดบ้าง
นายเชาว์กล่าวว่า บรรดาบริษัทผู้รับเหมานั้น ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนกิจการของญาติธรรม วัดพระธรรมกายนั่นเองเช่น บริษัทผู้รับเหมารายใหญ่ แม้ว่าตอนนี้ตนจะเข้าไปสอบภาษีไม่ได ้เพราะวัดไม่เซ็นรับรองเอกสารแต่ปัญหา ดังกล่าวได้โอนเรื่องให้กรมสรรพากรภาคเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบเองแล้ว ถ้าพบว่ามีการเลี่ยงภาษีบริษัทก่อสร้างและคณะกรรมการวัดจะถูกดำเนินคดีแน่
ส่วนนายชูชาติ ศิลปรัตน์ ทนายความเจ้าของสำนักกฎหมายศิลปนิติ ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายไชยบูลย์กับพรรครวม 5 คนคดีฉ้อโกงทรัพย์ 35 ล้านบาทและกระทำความผิดพ.ร.บ.เช็ค พ.ศ. 2534 ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ แต่ศาลยกฟ้องนั้น นายชูชาติกล่าวว่าจะอุทธรณ์ในสัปดาห์นี้
นอกจากนั้นนายชูชาติยืนยันว่า ได้รับการติดต่อจากนายผ่อง เล่งอี้ นางอรอนงค์ เปรมะสกุล พระเผด็จ ทัตตชีโว และ พระปลัดสุธรรม สุธัมโมเพื่อให้ช่วยเรื่องคดีและเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ของวัดพระธรรมกาย และนายไชยบูลย์จริง นอก จากนี้ยังยืนยันว่าจะมีการฟ้องร้องในคดีอาญาอีกหลายคดี รวมทั้งคดีแพ่งด้วย โดยทั้งหมดนี้เป็น การกระทำเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนเอง
"นายผ่องบอกว่าถ้าทำงานให้ครั้งนี้ ยังไม่ได้เงินอีกจะยอมตายไม่ขอมีชีวิตอยู่ ผมนึกว่านายผ่องเป็นลูกผู้ชายจึงเชื่อถือ และพร้อมออกรายการโทรทัศน์กับนายผ่องเพื่อพิสูจน์ อยากถามว่าถ้าไม่ได้เข้าไปช่วยวางแผน จะส่งทนายความไปร่วมเจรจา กับกรมการศาสนาทำไม และวัดได้นำข้อแนะนำไปใช้บางอย่าง อาทิ มีการเสนอขอให้ยืดเวลาโอนที่ดินจนกว่า จะสอบถามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคก่อน แต่นายมานิต รัตนสุวรรณ กลับขอให้ขยายเวลาจนกว่าการดำเนินคดีศาลสงฆ์จะยุติ ทำให้ถูกดำเนินคดีอาญาไป"
นายชูชาติกล่าวว่าขณะนี้ถือว่ากรมการศาสนา ได้ดำเนินการมาถูกทางแล้วที่แจ้งความดำเนินคดีกับทางกองปราบ เพราะถือว่าคดีนี้เป็นความอาญาแผ่นดินไม่สามารถที่จะยอมความได้ และอยู่ที่พนักงานสอบสวนที่อาจต้องมีคนติดคุก ไม่เพียงนายไชยบูลย์ รองเจ้าอาวาส และยังมีคณะกรรมการวัดด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย จะจัดประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ในหัวข้อ "ภัยที่เกิดแก่พระพุทธศาสนา" ในวันเสาร์ที่ 19 มิ.ย.นี้ โดยจะมีการอภิปรายรวมถึงประชุมกลุ่มย่อย ในหัวข้อภัยจากความเห็นผิดและประพฤติผิดจากพระวินัย,ภัยจากการด้อยคุณภาพ ของชาวพุทธและภัยจากความอ่อนแอของการปกครองและการบริหารคณะสงฆ์
ก่อนหน้านี้ที่วัดมูลจินดาราม เวลา 12.00 น. มีโทรศัพท์เข้ามาขู่วางระเบิด โดยเป็นการโทรศัพท์เข้ามาจาก ตู้สาธารณะในเขตกทม. ซึ่งมีการอัดเสียงไว้แล้ว ขณะที่การขู่โทรศัพท์ 4 ครั้งเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมาเป็นการโทรฯจากตู้สาธารณะในเขตคลองหลวง ทางด้านพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่าคงใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ ในการรวบรวมเอกสาร ส่งไปให้พระพรหมโมลีเจ้าคณะภาค 1 ตัดสินจะรับฟ้องหรือไม่
ต่อมาเวลา 17.30 น. พล.ต.ต.พิชิต ควร เตชะคุปต์ รองผบช.ภ. 1 เดินทางมาที่วัดมูลจินดารามเพื่อพบพระสุเมธาภรณ์ พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจค้นระเบิด โดยพล.ต.ต. พิชิตกล่าวว่ารู้ตัวคนที่โทรศัพท์มาขู่ระเบิดแล้ว โดยโทรฯมาจากบ้านแขวงสายไหม เขตบางเขน รามอินทรา โดยให้พ.ต.ท.นัฐพล ศุกระศร รอง ผกก.สส.สภ.อ.ธัญบุรี นำหมายศาลไปควบคุมตัว.
ต่อมา พ.ต.ท.นัฐพล ศุกระศร รอง ผกก. สส.สภ.อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นำหมายศาลเข้าประสานกับ พ.ต.ท.วินัย รุ่งรักสกุล สว.สส.สน. สายไหม เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 322 หมู่ 3 ซอยพหลโยธิน 54/1 แขวงวัดเกาะ เขตสายไหม ทั้งนี้เนื่องจากการตรวจสอบ หมายเลขโทรศัพท์ที่โทรฯ เข้ามาขู่วางระเบิดวัดมูลจินดาราม เพื่อไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกรณีของวัดพระธรรมกายนั้น เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของบ้านหลังดังกล่าว ดังนั้นจึงต้องนำตัวผู้ที่อยู่ในบ้าน มาสอบปากคำว่าผู้ใดเป็นผู้โทรศัพท์ไปขู่ที่วัดมูลจินดารามจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากซอยดังกล่าว มีซอยแยกเป็นจำนวนมากทำให้การค้นหาบ้าน เป็นไปอย่างยากลำบากจนกระทั่งมืดค่ำแล้ว.