page4

เดลินิวส์ 16/6/2542

ทนายแฉลึกลํ้าสีกากับไชยบูลย์ ปรนเปรอซื้อรถหรูบึ่งขึ้นดอย

จับตา สางปัญหาธรรมกายขั้นเด็ดขาด "ชูชาติ ศิลปรัตน์"ทนายดัง ไม่ถอยเดินหน้าฟ้อง "ไชยบูลย์"ต่อศาลสงฆ ์ถลกผ้าเหลืองอีก แฉแหลก สัมพันธ์ลึกลํ้า กับ"สีกา ป." ได้มรดกมหาศาล แต่กลับนำเงินมาปรน เปรอซื้อรถหร ูเลกซัสถวาย เคยตะบึงขึ้นดอยไปด้วยกัน แต่กลับเบี้ยว ค่าทนายดื้อ ๆ ยัน "ทัตตชีโว-สุธัมโม" 2 พระแกนนำ วัดฉาวยังยอมรับ ต่อหน้าว่าเป็นเรื่องจริง ถามสัจจะคุณธรรมพระอยู่ ที่ไหน ส่วนการฟ้อง คดีอาญาฉ้อโกง 35 ล้านที่ศาลสั่งยกฟ้อง จะยื่นอุทธรณ์ใน 3 วัน สาวกวัดฉาวพูดไม่ตรงกัน "ผ่อง" โต้ไม่เคยจ้างเป็นลูกศิษย์ วัดจุ้นจ้าน เสนอตัวไปทำกันเองจนยุ่ง ขณะที่ "มานิต" ย้ำเป็นเรื่องกองทุน ที่อดีตอธิบดีป่าไม้ ดูแล "ชวน" เข้าเฝ้าพระสังฆราช สาวกวัดฉาว เดินสายหาเจ้าอาวาสรับเงินรูปละ 20,000 แล้ว เจ้าคณะปทุมฯ ส่งให้พระพรหมโมลีชี้ขาด จะรับฟ้องพร้อมปลด พ้นตำแหน่งในคราวเดียวกัน

จากกรณีที่นายชูชีพ ศิลปรัตน์ ทนายความ ชื่อดัง เจ้าของสำนักงานทนายความศิลปนิติกับพวกรวม 12 คน ยื่นฟ้องนายไชยบูลย์, พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว), นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้, นางอรอนงค์ เปรมะสกุล และนายขจรศักดิ์ สมประเสริฐสุข ในข้อหาฉ้อโกง และกระทำผิด พ.ร.บ.เช็ค โดยคำบรรยายฟ้องสรุปได้ว่าจำเลยทั้ง 5 ได้ให้โจทก์เข้าแก้ต่างคดีทั้งในศาลและนอกศาลเพื่อแก้ปัญหาให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 และวางแผนต่อสู้คดีมาตลอด โดย กำหนดค่าจ้าง 35 ล้านบาท แต่กลับมีการระงับ การสั่งจ่ายเงินตามเช็คที่ได้มอบให้มานั้น

ยกฟ้องโกง 35 ล้าน

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าว รายงานจากศาลแขวงพระนครเหนือ ถนนรัชดา ภิเษกว่า นายชยุตม์ ประภากมล ได้พิเคราะห์คำฟ้องของโจทก์ และเห็นว่า การจ้างว่าความตามที่โจกท์ฟ้องนั้น เป็นการจ้างทำของ มิใช่การจ้างแรง งานจึงไม่ใช่การฉ้อโกงงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 344 ให้พิพากษายกฟ้อง ส่วนความผิด พ.ร.บ.เช็ค มีนายขจรศักดิ์ จำเลยที่ 5 เป็นผู้ลงนาม แต่เพียงคนเดียว ส่วนจำเลยที่ 1-4 มิใช่ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลัง จึงไม่มีความผิดตามข้อหานี้ พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1-4 ในข้อหานี้ส่วนนายขจรศักดิ์มิได้มีภูมิลำเนา ในเขตอำนาจศาลนี้ และมูลคดีคือสถานที่ ซึ่งธนาคารพาณิชย์ซึ่งปฏิเสธการสั่งจ่ายเงิน ตั้งอยู่ ก็มิได้อยู่ในเขตอำนาจศาลนี้เช่นกัน จึงไม่รับฟ้อง และจำหน่ายคด ีใ นส่วนของจำเลยที่ 5 ด้วย

ด้านนายปรีชา ศรีเจริญ หนึ่งในคณะทนายความ ที่ยื่นฟ้องเปิดเผยว่า พวกตนเพิ่งทราบคำสั่งศาล คิดว่าคงยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลใน 2-3 วันนี้ และที่ศาลเห็นว่าค่าจ้างในการให้คำปรึกษา ด้านกฎหมายหรือการต่อสู้คดี เป็นการจ้างทำของนั้น พวกตนมีความเห็นแตกต่างกัน ส่วนเรื่องความผิด พ.ร.บ.เช็ค ศาลเห็นว่า ฟ้องผิดอำนาจศาล เพราะธนาคาร ที่สั่งจ่ายตั้งอยู่ที่สาขาถนนวิทยุ เขตลุมพินี ทำให้ต้องไปใหม่ที่ศาลแขวงพระนครใต้ เรื่องนี้ถือเป็น ข้อต่อสู้ทางกฎหมาย ที่จะต่อสู้ต่อไป

ฟ้องซ้ำต่อศาลสงฆ์

ส่วนนายชูชาติ ศิลปรัตน์ ทนายความ เจ้าของสำนักกฎหมายศิลปนิติ เปิดเผยว่า ตนจะดำเนินการฟ้องร้อง นายไชยบูลย์ต่อไปโดยจะฟ้องร้อง ตามกฎนิคหกรรม เพราะกฎหมายทางสงฆ์ ละเอียดและเข้มงวดกว่ากฎหมายทางโลก โดยตนได้รู้จักและมีความสัมพันธ์ กับวัดพระธรรมกาย มาตั้งแต่ปี 2531 เมื่อวัดมีปัญหากับชาวนา ที่เช่าที่ดินเดิม ซึ่งวัดพระธรรมกายไปซื้อที่ดินมาเพื่อสร้างธุดงคสถาน

ช่วงนั้นนายชูชาติ เข้าไปเป็นผู้แทนของวัด จนสามารถ เจรจาตกลงกับชาวนาได้ก่อนที่จะมีปัญหาความรุนแรงมากกว่าเดิม หลังจากหมดปัญหา เรื่องที่ดินกับชาวนานายชูชาต ิกล่าวว่านายไชยบูลย์ก็ติดต่อให้ว่าความคดีมรดกกับสีกาคนหนึ่งของวัด ที่สามีตาย และเกิดการฟ้องร้อง ระหว่างภรรยาหลวง และสีกาผู้นั้นที่เป็นภรรยาน้อย ซึ่งว่าความให้จนสีกาผู้นี้ชนะคดีความ โดยมีการตกลงค่าจ้างกันที่ 35 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า หลังจากสิ้นสุดคดี สีกาคนน ี้ก็เบี้ยวไม่ยอมจ่ายเงิน

ระหว่างนั้นนายชูชาติกล่าวว่า ได้ไปขอพบ นายไชยบูลย์ และนัดหมายล่วงหน้าแต่ต้องไปรอถึง 2 ชั่วโมง แต่พอพบหน้า นายไชยบูลย ์กลับแสดงความไม่พอใจ ที่มาหาในเรื่องนี้ ซึ่งทำให้นายชูชาติลากลับไปและไม่ไปวัดอีกเลย

"สีกาคนนี้ได้เอาเงินมรดก ที่ได้ไปปรน เปรอเจ้าอาวาส ซื้อรถหรูเลกซัส พากันขับขึ้นบนดอย แต่กลับไม่ยอมจ่าย ค่าทนายความให้ผม โดยเมื่อผมว่าความให ้ชนะคดีทางภรรยาหลวงกับพี่ชายผู้ตาย เจ้าของกองมรดกก็มาติดต่อ ขอเจรจาเรื่องทรัพย์สินเพราะ ไม่ต้องการเป็นคดีความอีก ก็ได้ส่วนแบ่งจากมรดกมหาศาล และเมื่อมาถึงค่าทนายทางเจ้าอาวาสก็บอกว่าอย่าให้สีกาคนนี้เดือดร้อน เรียกกันตามเห็นสมควร แต่สุดท้าย บาทเดียวก็ไม่จ่ายผม แถมเอาทนายความวัดมาอีก จะจ่ายให้ 4.5 ล้านบาท ผมไม่เอาเพราะจะได้พูดเต็มปากว่าคุยเบี้ยว คุณรู้ว่า ตกลงอย่างไร ผมรู้ ลูกน้องผมรู้"

ไม่ยืนยันฟ้องเสพเมถุน ??

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การฟ้องร้อง ตามศาลสงฆ์จะข้อหาใด โดยเฉพาะจะเป็นการปาราชิกข้อ 3 คือการเสพเมถุนหรือไม่ นายชูชาติกล่าวว่าไม่ขอตอบ

นายชูชาติยังกล่าวอีกว่า หลังจากวัดพระ ธรรมกายเกิดปัญหาครั้งล่าสุด นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้เข้ามาหา เพื่อขอให้ช่วยเหลือ และมานั่งฟุบกับโต๊ะ ร่ำไห้ขอให้ช่วยเหลือ เพราะชีวิตนายผ่องมีแต่วัดพระธรรมกาย ขนาดให้ลูกชาย บวชไม่สึกที่วัดไปคนหนึ่งแล้ว ถ้าวัดเป็นอะไรไปนายผ่องอยู่ไม่ได้แน่ แต่ครั้งแรกไม่มีการรับปากจะช่วย และให้นายไชยบูลย์มาติดต่อเอง สุดท้ายนายไชยบูลย์ไม่มา ก็มีพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้า อาวาสวัดกับพระสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกายพร้อมศิษย์มาหาที่สำนักงาน

แต่ก่อนที่จะตกลงช่วยเหลือวัด นายชูชาติกล่าวว่า ได้ถามพระเผด็จกับพระสุธรรมเรื่องสีกาสนิท ที่ได้เงินมรดกแล้ว เอาไปปรนเปรอ นายไชยบูลย์จริงไหม ซึ่งได้รับคำตอบว่าจริง ตนก็บอกว่า ผู้หญิงคนนี้โกงเงินค่าทนายไป 35 ล้านบาท เรื่องอะไรจะต้องไปช่วยเหลือ สุดท้ายจึงตกลงจะใช้การว่าจ้าง แทนการขอความช่วยเหลือ จึงเป็นที่มาของเงินค่าทนาย ที่เรียกร้องไปเท่ากับเงินก้อนเดิม ที่เคยถูกโกง วัดต้องการให้แก้ไขปัญหา การที่นายไชยบูลย์ถูกฟ้องร้อง ทั้งคดีอาญา และทางศาลสงฆ์ รวมถึง มีข้อเสนอให้ฟ้องร้องสื่อมวลชนด้วย

"เรียกว่าหมดปัญญาแล้วถึงมาหาผม โดยผมได้ให้ข้อแนะนำต่าง ๆ ไป จากนั้นมีการจ่ายเช็คให้ผม 5 ล้านบาท และก็มาอายัดเช็คที่จ่าย นอกจากนั้น ยังไปฟ้องศาล สั่งอายัดเช็ค หาว่ามีการขโมยไปอีก ผมอยากถามว่าคุณธรรมพระ อยู่ตรงไหน เท่าที่รู้นายผ่องยังไปตั้ง กองทุนพิทักษ ์วิชชาธรรมกาย เอาเงินมาใช ้เพื่อกิจการนี้ด้วย "

นายชูชาติกล่าวว่าการว่า จ้างที่ทำกัน ถึงแม้ไม่มีการทำสัญญา แต่การตกลงด้วยวาจาถือว่าครบถ้วนแล้ว เพราะได้มีการส่ง เจ้าหน้าที่ ของสำนักงานทนายความ ออกไปทำงาน รวมถึงเคยเดินทางไปกรมการศาสนาเพื่อขอผ่อนผันการโอนที่ดิน โดยต้องรอคำตอบจาก ผู้บริจาคก่อนด้วย ก่อนเกิดปัญหา ได้มีการส่ง "สีกาตุ้ย" เข้ามาขอประนีประนอม จะให้เงิน 5 ล้านบาท แต่ไม่ตกลงกัน และอยากถามหาสัจจะ กับคุณธรรมของคน ที่เรียกตัวว่าสมณะอยู่ตรงไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีนายไชยบูลย์กับสีกาผู้นี้ในรายงานของกรรมาธิการการศาสนาเคยรายงานว่ามีสีกา 6 คน เกี่ยวพันกับนายไชยบูลย์ โดย 1 ในนั้นมีสีกา ป. เคยขึ้นรถด้วยกันขึ้นไปที่ธุดงคสถาน ล้านนาสุเทพ-ปุย จ.เชียงใหม่ ในช่วงวันที่ 17-28 ธ.ค. 2539 และยังบริจาค รถยนต์เลกซัส 2 คัน สีน้ำตาล และสีทอง ให้กับนายไชยบูลย์ด้วย

"ผ่อง" โต้ไม่จริง

นายผ่อง เล่งอี้ ประธานกองทุนคุ้มครองศาสนา มูลนิธิวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่ากรณีนายชูชาติยื่นฟ้องนั้น ขอยืนยันวัดไม่เคยไปลงนามว่า จ้างทนายความ กลุ่มของนายชูชาติ และนายชูชาติเคยมีการร่างสัญญาให้พวกตนดู พร้อมเรียกเงิน 35 ล้านบาท แต่ไม่ตกลงเพราะเงิน จำนวนมากจะเอาที่ไหนมาให้ นายชูชาติคงเห็นว่า วัดกำลังทุกข์ยากหนีร้อนไปพึ่งเย็น พอมีปัญหาก็ขู่ใหญ่ ผู้นำทนายความกลุ่มนี้เข้ามา คือนางอรอนงค์ เปรมะสกุล ผู้มาทำบุญ กับวัดไม่เกี่ยวกับวัด และนางอรอนงค์เป็นผู้ที่ใจร้อน ไปลงนามในสัญญาไว้ก่อน ส่วนเช็คที่สั่งจ่ายไป 5 ล้านบาท ก็ไม่ใช่ของวัด เป็นของใครไม่ร ู้ที่ไปเจรจากับนายชูชาติด้วย

"คุณชูชาติพอดูเช็คก็ดึงไปเลย เจ้าของเช็คก็ไปอายัดไว้ และยื่นเงื่อนไขให้เอาคืนมา มีคดีความกันต้องไปฟ้องศาล และไม่ได้นำข้อแนะนำ ของนายชูชาติไปดำเนินการ แต่เป็นความคิดคณะกรรมการวัดเอง และกำลังหารือกันเพื่อ ดำเนินการกับนายชูชาติ ที่ทำให้วัดและผมเสียหาย"

นายผ่องกล่าวอีกว่า เหตุที่เกิดขึ้นกับวัดพระธรรมกายตอนนี้ มันก็เหมือนกับคนเมื่อทำดีแล้วไม่ได้ดี ก็ต้องหันไปทำอย่างอื่น ที่ตรงข้ามกับความดีกันบ้าง ขอประกาศไว้เลยว่า ทุกคนยอมไม่ได้ และขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าจะสู้ทุกวิถีทาง เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ขอสู้ตาย เพื่อจะรักษา วัดพระธรรมกายเอาไว้ ปัญหาของวัดธรรมกาย เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก เพราะเป็นเรื่องของ ความเชื่อความศรัทธา ศิษย์วัดทุกคนต่างมีความผูกพัน กับวัดพระธรรมกายมาก บางคนทุ่มทั้งชีวิตเพื่อสร้างวัดพระธรรมกาย สร้างความดี แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีการกล่าวหาว่า คนพวกนี้เป็นพวกนอกรีต นับถือ ลัทธิอะไรไปโน่น เมื่อจิตใจ มันถูกกระทบกระเทือน มากก็ต้องหาทางออกที่ยังไม่ระเบิดออกมา เพราะทุกคนยังอดกลั่นไว้ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง มันกลั่นไว้ไม่ไหว ก็ต้องระเบิดออกมา ซึ่งเมื่อวันนั้นตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านเมืองมันจะเป็นอย่างไร

ขณะเดียวกันนายชูชาติ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่านายผ่องโกหก เพราะได้มาพบด้วยตัวเอง บอกว่าถ้าโกงค่าจ้างจะไม่มีชีวิตอยู่ในโลก และเช็คที่สั่งจ่าย นายผ่องเอามาให้เอง เป็นของนายขจรศักดิ์ สมประเสริฐ ผู้รักษาเงินของวัด และนายผ่อง มานั่งเฝ้าตนตลอดสัปดาห์ คนในวัดนี้ไม่มีคุณธรรม พระและคนไม่มีสัจจะ ส่วนการที่ศาล สั่งไม่รับฟ้อง ครั้งนี้จะอุทธรณ์และฎีกาต่อไป"

"พิภพ" จะเผ่นหนี

ส่วนนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยว่า จะหยุดพูดเรื่องวัดพระธรรมกายแล้ว โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่านายพิภพ ทำหนังสือถึง นายปัญจะ เกสรทอง รมว.ศึกษาธิการ และนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการเพื่อขออนุญาตเดินทาง ไปดูการสอนธรรมศึกษาที่รัฐวอชิงตันวันที่ 15-27 มิ.ย.นี้ แต่นายอาคมไม่อนุมัติ และมอบให้นายบุรี แก้วเล็ก ผู้อำนวยการกองการศาสนาศึกษาไปแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองปราบปราม ส่งชุดสำรวจออกไปตรวจสอบ ที่ดินทั้งหมดที่กรมการศาสนา ใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้อง นายไชยบูลย์แล้วว่า ใครเป็นเจ้าของแต่ละแปลง นอกจากนั้น พ.ต.อ. สมพงษ์�คงเพชรศักดิ์ รอง ผบก.ป., พ.ต.ท.ศุภพล อรุณสิทธิ์ รอง ผก.3ป. และ พ.ต.ท.ระพีพงษ์ สุภรศรี รอง ผกก.3ป. เรียก นายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้ากลุ่มนิติกรรมกรมการศาสนา และเจ้าหน้า ที่อีก 2 คน เดินทางมาให้ปากคำสอบสวนเพิ่ม โดยนายเชลียงกล่าวว่า ได้นำข้อมูล เอกสารเพิ่มเติม มาให้พนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง จากการตรวจสอบยังพบอีกว่านายไชยบูลย์ที่มีที่ ดินที่มากกว่า การแจ้งไว้ประมาณ 16 จังหวัด และก็ได้ตรวจสอบต่อไปมีอยู่ที่ใดบ้าง

ขณะเดียวกันสำหรับการใหญ่ ของวัดพระ ธรรมกายอีกงานคือการแจกเงินเจ้าอาวาสทั่วประเทศในวันที่ 22 ส.ค.นี้ โดยให้วัดละ 2 หมื่นบาท ปรากฏว่า ได้เกิดการระดมกว้าน หาเจ้าอาวาสมาร่วมงาน โดยพระครูสุพจน์ วราภรณ์ เจ้าคณะตำบลวัดละมุด อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม กล่าวว่าอาตมาได้รับการติดต่อ จากศูนย์กัลยาณมิตร นครปฐมให้ไปรับเงินที่จะแจก ในรูปผ้าป่า แต่ไม่ได้รับปาก คนที่ติดต่ออาจเห็นว่าสิ่งก่อสร้าง ของวัดละมุดทรุดโทรม เข้าใจว่าต้องการเงินมาบูรณะก็ได้ แต่จะไม่ไปรับแน่นอน หากไปต้องตกเป็นข่าว และเมื่อปลายเดือน พ.ค. ที่วัดพระธรรมกายจัดงาน ก็มีรถมารับถึงที่แต่ไม่มีพระไป เพราะวัดนี้มีพระแก่ ๆ ไม่กี่รูป และคาดว่าคงมีการติด ต่อไปหลายแห่ง แต่ไม่มีใครกล้าไป

"ชวน" เข้าเฝ้าด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก วัดบวรนิเวศว่าในวันที่ 16 มิ.ย. เวลา 08.00 น. นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีที่เพิ่งกลับมาจาก ประเทศฟิลิปปินส ์เดินทางเข้าเฝ้า สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกด้วย

นายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนาย ความกล่าวว่าในสัปดาห์นี้จะเร่งดำเนินการคดีนางสาลี่ เพ็ชร์ชูดี ชาวนาสุพรรณบุรี กับนางกนกวรรณ เลิศตระกูลพิทักษ์� ที่ยื่นฟ้องนายไชยบูลย์ให้เสร็จ

ส่วนที่วัดมูลจินดารามนั้น ผู้สื่อข่าวราย งานว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.อ.ธัญบุรี จำนวน กว่า 10 นายคงเฝ้าอารักขาพระสุเมธาภรณ์ เจ้า คณะจังหวัดปทุมธานีอย่างเข้มงวด ภายหลังจากที่มีชายลึกลับโทรศัพท ์ขู่วางระเบิดหากไม่เลิกยุ่งเรื่องของ วัดพระธรรมกาย นอกจาก กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ยังมีการนำกล้องวีดิโอ วงจรปิดมาติดตั้ง เพื่อบันทึกภาพผู้เดินทางเข้าพบพระสุเมธาภรณ์ด้วย

ให้พระพรหมโมลีตัดสิน

เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ กล่าวว่า การดำเนินการ เรื่องที่ดินนั้นยุติลงแล้วเนื่องจากมีการแจ้งความคดีอาญา ส่วนเรื่องนิคหกรรมนั้นขณะน ี้พิจารณาไม่แล้วเสร็จ คาดว่า จะเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้แน่นอน แต่จะประทับรับฟ้องหรือไม่นั้น คงจะไม่พิจารณาตัดสินเองเพื่อความละเอียดรอบ คอบ โดยจะทำเป็นรายงานสรุป เสนอต่อคณะผู้พิจารณาชั้นต้น ที่ประกอบด้วยเจ้าคณะภาค 1 รองเจ้าคณะภาค 1 และเจ้าคณะจังหวัด เพื่อให้ร่วมกันพิจารณา

ในเรื่องของการถอดถอน ออกจากตำแหน่งนั้น ก็คงจะไม่พิจารณาเองอีกเช่นกัน จะดำเนินการแบบเดียวกับ การพิจารณาเรื่องนิคหกรรม โดยให้คณะ ผู้พิจารณาชั้นต้นเป็นผู้พิจารณา เมื่อมีการประทับรับฟ้องแล้ว ก็จะพิจารณาถอดถอน ในคราวเดียวกัน สำหรับเหตุที่ต้องใช้เวลา ในการพิจารณานาน ก็เนื่องจากว่าขณะนี้ยังไม่มีโจทก์ ผู้เสียหายแท้จริง มีเพียงผู้กล่าวโทษ ถ้าจะให้เรื่องจบ กระบวนการสงฆ ์โดยเร็วต้องให้มีโจทก์ที่แท้จริง คือต้องเป็นพระ ที่จำพรรษา อยู่ในวัดพระธรรมกาย

นายมานิต รัตนสุวรรณ ที่ปรึกษาวัดพระธรรมกายกล่าวว่า การจ้างนายชูชาติเป็นการดำเนินงาน ของคณะกรรมการ กองทุนคุ้มครอง พระพุทธศาสนา ไม่เกี่ยวกับวัด และวัดไม่เกี่ยวกับการขู่ระเบิดวัดมูลจินดาราม.