เดลินิวส์ 14/6/2542
กองปราบรุกฆาตไชยบูลย์ห้ามเผ่นออกนอก
หวั่นเป็นยันตระสาวก
'ธรรมกาย'ตื่น ตร.ใหญ่ลุยตรวจพื้นที่วัด!
ตำรวจกองปราบฯ เตรียมประชุม สั่งห้ามปลาไหล "ไชยบูลย์"ออกนอกประเทศ เกรงประวัติศาสตร์ซํ้ารอยคดียันตระ หวั่นวัดสูญที่ดินมหาศาล ชุมนุมศิษย์ธรรมกายกร่อยหลังถูกดำเนินคดีอาญา เจ้าตัวเกลื่อนสีหน้าขึ้นเทศน์ชเลียร์ "ลูกแม่ถ้วน" คนดีที่หนึ่งเลย มั่นใจได้รับความยุติธรรม ขณะที่ยังสอนนิพพานเป็นอัตตาเช่นเดิม คณะกรรมการจัดการที่ดิน หลบหน้าสื่อมวลชน งดแถลงข่าวแจกเศษกระดาษ 5 แผ่น ชี้แจงความเป็นไป อ้างถูกกรมการศาสนารังแก ตำรวจภาค 1 เหยียบจมูกธรรมกาย หวิดเจอสกรัม สาวกผู้ต้องหานึกว่าจับลูกพี่สึกล้อมกรอบทันที กรมการศาสนาถวายรายงานเจ้าคณะปทุมฯ พร้อมเสนอให้ถอดถอน ออกจากตำแหน่ง "พระสุเมธาภรณ์" เตือนสติเดียรถีย์อย่าทะนงตน หลักฐานชัดเจนพ่ออาจฆ่าลูกได้
ที่วัดพระธรรมกาย เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 13 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ปฏิบัติธรรมเดินทางมาปฏิบัติธรรมราว 1,000 คน โดยก่อนหน้านี้ได้มีสื่อมวลชน จำนวนมากทยอยกันมาเพื่อรับฟังการแถลงข่าวของคณะกรรมการจัดการที่ดินของนายไชยบูลย์ สุทธิผล ผู้ถูกกล่าวหาคดียักยอกทรัพย์-แจ้งความเท็จ -ทุจริตต่อหน้าที่ ตามที่นายวีระศักดิ์ ฮาดดา ไวยาวัจกรวัดพระธรรมกายได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลาดังกล่าวกลับไม่มีการแถลงข่าวแต่อย่างใด คงมีเพียงเอกสารชี้แจงสื่อมวลชน ต่อการดำเนินการ ในเรื่องของการโอนที่ดิน มาเป็นของวัดจำนวน 5 แผ่นเท่านั้น
อ้างกรมการศาสนาเบี้ยว
เอกสารดังกล่าวระบุว่า โฉนดที่ดินที่นายไชยบูลย์ได้มานั้นมีอยู่ 2 ทางคือ มีผู้ศรัทธาถวายที่ดินให้กับมีผู้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินบริจาค ซึ่งถือว่าเป็นการได้มาโดยถูกต้อง ต่อมาเมื่อมีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำว่าควรจะโอนที่ดินทั้งหมดให้แก่วัด นายไชยบูลย์ก็ได้มีหนังสือแสดงเจตนา ที่จะมอบที่ดินจำนวนกว่า 1,747 ไร่ที่ให้แก่วัดตามนั้น กระทั่งมีการนัดหมายตกลงกันล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ก็ได้มีการประสานงาน กับนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนามาโดยตลอดตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่นายพิภพ พร้อมนายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการ สำนักงานพุทธมณฑลที่เดินทางมาหารือ กระทั่งวันรุ่งขึ้นได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา 3 คนมา ช่วยงานรวบรวมเอกสาร
จากนั้นทางคณะกรรมการฯก็ได้เตรียม ที่จะมายื่นโฉนดที่มีการรวบรวมเอกสารไว้เรียบร้อยแล้ว จำนวน 12 แปลง 304 ไร่ให้แก่กรมการศาสนาตามที่มีการนัดหมาย ตกลงไว้ แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันนัดหมาย เวลา 14.30 น. นายพิภพได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า ต้องการให้มีการนำโฉนดที่ดินทั้ง 1,747 ไร่มามอบให้กับกรมการศาสนา หากไม่เป็นไปตามนี้ไม่ต้องนำมามอบ ทำให้คณะกรรมการฯไม่สามารถ ที่จะดำเนินการตามความประสงค์ของกรมการศาสนาได้ จึงนำโฉนดเฉพาะที่ได้มีการเตรียมไว้นั้นมาคืน
โหมเรี่ยไรบุญเหมือนเคย
"ปรากฏว่านายพิภพไม่ยอมรับมอบ โดยไม่มีการชี้แจงเหตุผล ทำให้คณะกรรมการต้องนำโฉนดที่ดินนั้นไปมอบไว้ที่สารบรรณของกรมการศาสนา จากนั้นจึงได้มีการจัดแถลงข่าว โดยที่ไม่มีการพูดถึง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด แล้วต่อมากรมการศาสนาก็ไปแจ้งความดำเนินคดีถึง 3 ข้อหาหนัก ซึ่งถือว่าร้ายแรงเกินกว่าที่จะรับได้"
เอกสารระบุด้วยว่า เมื่อมีการแจ้งความ ดำเนินคดีนายไชยบูลย์ต่อกองปราบปราม ทางคณะกรรมการจะรอให้ข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นจากการสอบสวน ตามกระบวนการยุติธรรมปรากฏแก่สาธารณชนว่า ที่ดินที่ได้มานั้นเป็นไปโดยสุจริต เป็นการที่ญาติโยมมอบให้ด้วยศรัทธา ที่มีต่อนายไชยบูลย์ไม่ใช่วัดพระธรรมกาย และไม่ได้มีการนำเงินวัดไปจัดซื้อแต่อย่างใด เมื่อใดที่ความจริง เหล่านี้ปรากฏทางคณะกรรมการ และนายไชยบูลย์ก็จะยกโฉนดที่ดินทั้งหมดให้แก่วัดพระธรรมกายต่อไป
ส่วนบรรยากาศในด้านพิธีกรรมปกติ ของวัดพระธรรมกายนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีการบอกบุญแก่ผู้มาปฏิบัติธรรมตามปกติ โดยเฉพาะโครงการใหม่ "กองทุนค้ำจุนโลก" เพื่อ บูชาธรรมคุณยายจันทร์ ขนนกยูงและ "กองทุนธรรมทาน" เพื่อเผยแพร่หลักคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเผยแผ ่แนวทางปฏิบัติธรรมให้ทุกคนเข้าถึงวิชชาธรรมกาย ซึ่งกองทุนประเภทนี้ผู้ที่จะเข้าเป็นสมาชิก จะต้องเงินค่าสมาชิก 1,000 บาท จากนั้น จึงเริ่มสะสมบุญได ้ในสนนราคาเดือนละ 500 บาท ผู้ที่บริจาคร่วมกองทุนน ี้จะได้รับรูปหลวงพ่อสด นั่งสอนวิชชาธรรมกาย
ยังสอนนิพพานเป็นอัตตา
นอกจากนี้แล้วทางวัดยังประกาศเชิญชวน ให้ผู้มาปฏิบัติธรรม ร่วมบูชาพระมหาสิริราชธาตุรุ่นสีน้ำเงินด้วย กระทั่งเวลา 09.00 น. นายไชยบูลย์จึงได้เดินทางมายัง สภาธรรมกายสากล โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประมาณ 10 คนให้การอารักขา มีรถประกบด้านหลัง และรถมอเตอร์ไซค์อีกไม่ต่ำกว่า 4 คัน ตามประกบแบบไม่ให้ห่าง จากนั้นนายไชยบูลย์ได้ขึ้นเป็นประธานดำเนินพิธีกรรมปกติ โดยนำผู้ปฏิบัติธรรมสวดมนต์ และนั่งสมาธินานประมาณ 15 นาที
นายไชยบูลย์ได้กล่าวแก่ผู้มาปฏิบัติธรรมว่า ขอให้ทุกคน ทำใจให้นิ่งจะได้มีความสุขและหลุดพ้นจากทุกข์ทรมานเป็นเป้าหมายอันสูงสุด อย่าลังเลให้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ปัญหาภายนอกที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล็ก แต่ปัญหาภายในนั้นเป็นเรื่องใหญ่กว่า นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึง เรื่องนิพพานอีกเช่นเดิม โดยเลียบเคียงไม่ให้ ตรงประเด็นเท่าใดนัก โดยกล่าวว่า พระนิพพานเป็นอนัตตา การเข้า ถึงธรรมกายเราจะต้องถอดกาย ออกไปเป็นชั้น ๆ ให้เห็นกายภายใน ต่อไปเรื่อย ๆ เข้าถึงภายในที่ซ้อนกันหลายระดับชั้นจะเข้าถึงธรรมกาย พระ พุทธองค์จึงได้แบ่งกายภายใน ออกเป็น 2 ประเภท เรียกว่า ขันธ์ 5 และ ธรรมขันธ์ ขันธ์ 5 นั้นยังตกอยู่ในไตรลักษณ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง จ เชื่อจะได้รับ ความเป็นธรรม
"ส่วนกายภายในที่เรียกว่า ธรรมขันธ์นั้น พ้นแล้วจากไตรลักษณ์ คือพ้นจากความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นสิ่งที่คงที่ เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุข เป็นตัวสุขล้วน ๆ เพราะว่ามีตัวตนที่แท้จริง กายภายในที่เรียกว่า ขันธ์ 5 นั้นเริ่มที่กายมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่ กายที่ไม่เที่ยงคือกายภายในที่มีลักษณะ คล้ายตัวเราเป็นกายทิพย์ กายตัวตนและกายอรูปตน ทุกอย่างไม่เที่ยงเป็นอนัตตา ขันธ์ 5 จึงไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง พระพุทธเจ้า ทรงสอนไม่ให้ยึดมั่นในขันธ์ 5 ให้สละปล่อยวางไปตามลำดับจนถึงธรรมขันธ์"
นายไชยบูลย์ยังได้กล่าวถึง เรื่องการถูกดำเนินคดีร้ายแรง 3 ข้อหาหนักแก่ผู้มาปฏิบัติ ธรรมว่า เป็นปัญหาภายนอกขอให้ตั้งใจทำความดีกันไว้ อะไรที่ตั้งใจก็ขอให้ทำต่อไปให้ สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ส่วนคดีความที่ประสบอยู่ในเวลานี้เคยพูดมาครั้งหนึ่งแล้ว เรื่องที่ดินนั้นได้ยกให้วัดไปหมดแล้ว มีคณะกรรมการฯเป็นผ ู้ดำเนินการจัด การให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ใครจะเอาไปทำอะไรนั้น ไม่สนใจเพราะถือว่า ได้ยกให้ไปหมดแล้ว
นายไชยบูลย์กล่าวด้วยว่า เรื่องทั้งหมดนั้น ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของมัน เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างจะจบได้ด้วยปัญญาและการเจรจาพูดคุย และยังเชื่อมั่นใน ความบริสุทธิ์ยุติธรรมของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายชวน หลีกภัย นายกรัฐ มนตรี เป็นผู้มีหลักการ สู้เพื่อประชาธิปไตยและเพื่อประชาชน มายาวนาน เชื่อว่าจะให้ความยุติธรรมได้และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งยังเชื่อว่ามหาเถรสมาคมจะให้ความยุติธรรมดำเนินการไปตามพระธรรมวินัย เหมือนที่เคยปฏิบัติมาตลอด
ตำรวจภาค 1 หวิดโดนสกรัม
ในเวลา 12.00 น. พล.ต.ท.อนันต์ ภิรมย์แก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งราว 20 คนเศษได้เดินทางเข้ามาที่วัดพระธรรมกาย บริเวณหน้าสภาธรรมกายสากล สร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้มาปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกรงว่าเจ้าหน้าที่ ตำรวจนำกำลังเข้ามาจับกุมตัวนายไชยบูลย์ ทำให้มีผู้ปฏิบัตธรรมส่วนหนึ่งราว 30 คนกรูเข้ามาล้อมกลุ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ อย่างไรก็ตามผบช.ภ.1ได้กล่าวอธิบายให้แก่ผู้มาปฏิบัติ ธรรมเหล่านั้นว่ามาตรวจตรา ตามปกติและถือโอกาสมาเยี่ยม ผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย เพราะปัจจุบันมีเจ้าหน้าท ี่ตำรวจของ บชภ.1 มาร่วมรักษาการณ์เหตุร้ายภายในถึง 50 นาย รวมทั้งมีภารกิจ ด้านการข่าวของวัดพระธรรมกายด้วย
พล.ต.ท.อนันต์กล่าวว่า คดีที่กรมการศาสนาไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ ตำรวจกองปราบฯนั้นในส่วนของสำนักงานตำรวจภูธรภาค 1 ในฐานะเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบ และเคยติดตามดำเนินคดีวัดพระธรรมกายมาก่อน ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการ จนถึงระดับพนักงานสอบสวนเข้าไปร่วมแล้ว โดยได้มีการมอบหลักฐาน บางส่วนให้แก่ชุดสอบสวนของกองปราบฯด้วย จ มท.1ไม่หวั่นม็อบผู้นำบุญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ คณะของผบช.ภ.1 กำลังปฏิบัติหน้าที่ กลุ่มผู้สื่อข่าวได้เสนอให้ ผบช.ภ.1 นำคณะสื่อมวลชนเดินตรวจสถานที่ โดยรอบของวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะบางจุด ที่ที่ผ่านมานั้นทางวัดไม่ยอมให ้สื่อมวลชนย่างกรายเข้าไปถึง ซึ่งระหว่างนั้นเองเจ้าหน้าที่ ของวัดพระธรรมกายก็พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า ไม่สามารถให้เดินตรวจสอบภายในวัดได้ จะต้องขอนุญาต จากทางนายไชยบูลย์ก่อน ทำให้ พล.ต.ท.อนันต์ซึ่งได้ยินพอดี กล่าวด้วยเสียงดังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจะเดินไปตรวจตรงจุดไหนก็ได้ เดี๋ยวจะพาไปดู จากนั้นก็พาสื่อมวลชน เดินตรวจบริเวณ โดยรอบประมาณ 20 นาที โดยที่มีเจ้าหน้าที่ของวัดประกบติดตลอดเวลา
ที่บ้านพักสนามบินน้ำ เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่จะมีม็อบ เรื่องของวัดพระธรรมกายก่อตัวขึ้นมาอีกครั้งว่า เรื่องดังกล่าวได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรียบร้อยแล้วโดยมอบให้พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้มีการสั่งการอะไร เป็นพิเศษเพียงแต่บอกว่าให้ทำไปตามหน้าที่ ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านไปร้องเรียน หรือเข้าแจ้งความ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดี นายไชยบูลย์เพิ่มเติมนั้น ไม่ทราบและยังไม่มีใครรายงานมา ซึ่งถ้ามีเจ้าหน้าที่ก็ต้อง ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ของเขาเอง
ห้าม"ไชยบูลย์"ออกนอกประเทศ
พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า ในเวลา 16.00 น. จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการ สอบสวนคดีวัดพระธรรมกายชุดใหญ่ โดยมีพล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะทำงานทั้งหมดอาทิ พล.ต.ต.วาสนา เพิ่มลาภ พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัต ชุดสอบสวน ของกองปราบฯ เพื่อพิจารณาเอกสารหลักฐาน เนื่องจากคดีน ี้เป็นเรื่องใหญ่ต้องมีการ พิจารณากันอย่างรอบ คอบถี่ถ้วน ส่วนเรื่องการห้ามผู้ต้องหาคดีนี้ ออกนอกประเทศระหว่างถูกดำเนินคดีนั้น จะมีการพิจารณาในที่ประชุมด้วย รวมถึงการประชุมสรุปในทุกประเด็น โดยจะมีการแยกเอกสารหลักฐาน ออกเป็นชุดเพื่อง่ายต่อการสอบสวน และแจ้งข้อหาให้แก่นายไชยบูลย์ได้รับทราบ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมนั้นในเบื้องต้น จะมีการตรวจสอบว่ากรมการศาสนาแจ้งข้อหาใดกับนายไชยบูลย์บ้าง จากนั้นจึงจะให้ที่ประชุมตรวจสอบเอกสาร หลักฐานที่กรมการศาสนาส่งมอบให้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาพอควร ส่วนกรณีสั่งห้าม นายไชยบูลย์ออกนอกประเทศนั้น คงจะกระทำหลังจากที่มีการสรุปความผิดของนายไชยบูลย์และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาแล้ว จากนั้นก็จะให้ศาล สั่งระงับการเดินทางออกนอกประเทศต่อไป
รายงานข่าวระบุด้วยว่า หลังจากที่มีการแจ้งข้อหานายไชยบูลย์แล้ว น่าที่จะมีการสั่งการห้ามผู้ต้องหาออก นอกประเทศระหว่างดำเนินคดี เนื่องจากเหตุการณ์ ลักษณะนี้เคยมีบทเรียน แก่วงการพุทธศาสนาของไทยมาแล้ว อย่างกรณีของอดีต พระยันตระที่ถูกดำเนินคดีอาญา หลายคดี แต่เดินทางออกนอกประเทศไปได ้และยังไปเล่นวอลเลย์บอล ชายหาดที่สหรัฐอเมริกาอยู่ทุกวันนี้ โดยท ี่กระบวนการยุติธรรมไทยไม่สามารถนำตัวกลับมาดำเนินคดีได้ ดังนั้นคาดว่า จะมีการเสนอให้มีการร้องศาล สั่งห้ามออกนอกประเทศไว้ก่อน
เตือนสติธรรมกายอย่าทะนง
ส่วนที่วัดมูลจินดาราม พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอ่านเอกสารหลักฐาน ประกอบคำฟ้อง ของทั้งกรมการศาสนาและของนายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติไม่เสร็จ คงจ้องใช้เวลาอีกระยะ ยิ่งขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคด ีอาญาต่อตำรวจกองปราบฯ ก็คงต้องรอรายงานจาก กรมการศาสนาในเรื่องดังกล่าวนี้ มาประกอบการพิจารณา ซึ่งจะนำมามอบให้ในวันที่ 14 มิ.ย. นี้ ส่วนเมื่อยื่นรายงานแล้วจะประทับรับฟ้อง ตามกระบวนการ นิคหกรรมเลยหรือไม่ เพราะการกล่าวโทษคดีอาญาถือว่าชัดเจนที่สุดนั้น ก็คงต้องพิจารณาว่า จะสั่งปลดนายไชยบูลย์ออกจากตำแหน่ง ตามกฎมหาเถรฯ ฉบับที่ 24 ว่าด้วยการ ถอดถอนพระสังฆาธิการทันทีหรือไม่
"ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ยังหาโจทก์ที่แท้จริงไม่ได้ แต่ทุกอย่างก็ต้องพิจารณากันอย่างละเอียดรอบคอบ ก็อยากบอกกับทางนายไชยบูลย์ ที่มักจะเทศน์เสมอว่าเชื่อมั่นในมหาเถรฯ ที่ดูแลปกครอง เหมือนพ่อปกครองลูก อาตมาเองคิดว่าเขาคิดอย่างนั้นจริง แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เห็นข่าว พ่อฆ่าลูกในไส้มาแล้ว ดังนั้นหากมีหลักฐานชัดเจนพ่อก็อาจจะฆ่าลูกได้เหมือนกัน"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ท.อนันต์ ภิรมย์แก้ว ผบช.ภ.1 ได้เดินทางไปนมัสการพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุม ธานีและได้เข้าหารือกัน โดยใช้เวลาพอสมควร โดยที่ไม่ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าหารือกันในเรื่องใด
จี้รัฐบาลโดดลุยเต็มตัว
นายอำนวย สุวรรณคีรี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมเปิดเผยว่า คณะกรรมการของวัดพระธรรมกายนั้นหยุดเล่นละครได้แล้ว เรื่องทั้งหมดนั้นรอให้ฝ่ายบ้านเมือง พิสูจน์ให้ชัดเจนดีกว่าว่า ข้อเท็จจริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งถึงตรงนี้แล้วรัฐบาลน่าจะกระโดดลงมาอย่างเต็มตัว ต้องสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่า จะเป็นสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กรมการปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด เข้ามาประสานงาน เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏโดยเร็ว
พระพิศาลธรรมพาที หรือพระพยอม กัลยาโณ ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้วกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถือว่าเป็นความฉลาด ของพระผู้ใหญ่ที่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้ยืดเยื้อ จนสุกงอม ปัจจุบันประชา ชนเสื่อมศรัทธาวัดพระธรรมกายเป็นอย่างมาก ทำให้การแก้ไขเป็นไปโดยง่าย เวลานี้ฝ่ายการเมือง จะต้องเลือกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้คดีนี้ยุติโดยเร็ว และเพื่อระงับ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก ถ้าเลือกฝ่ายนายไชยบูลย์ ไม่ใช่เพียงแต่วัดพระธรรมกายจะเสื่อมศรัทธาหนักเท่านั้น แต่รัฐบาล ก็จะพลอยโดนไปด้วยเช่นกัน
จวกธรรมกายดีแต่พูดไม่ทำ
นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงเอกสารชี้แจงของวัดพระธรรมกายกรณีการโอนที่ดินว่า หากว่ากรมการศาสนาผิดสัญญาจริง ขอให้คณะกรรมการจัดการที่ดินทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรมาจะให้ความเป็นธรรมในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว คงไม่มีใครสั่งการนายไชยบูลย์ให้โอนที่ดินจำนวนเท่านั้นเท่านี้ได้ แต่ทางนายไชยบูลย์ได้แสดงเจตนา ในหนังสือที่มอบให้กรมการศาสนาเองว่าจะยกที่ดินให้แก่วัดทั้งหมด และที่ประชุมมหาเถรฯก็มีมติให้โอนที่ดินทั้งหมด ด้วยเช่นกัน ทั้งยังมีการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ด้วย และเวลาก็ผ่านมา เดือนเศษแล้วแต่ก็ไม่มีการดำเนินการใด ๆ และถ้ามีการแสดงเจตนาว่า จะดำเนินการโอนที่ดินคืนวัดทั้งหมดจริง จะต้องไปแจ้งความดำเนินคดีทำไม
"วัดพระธรรมกาย มีที่ปรึกษามากเกินไป และหากมีเจตนาจะคืนที่ดินทั้งหมดจริง ก็ควรเอาโฉนดทั้งหมดและหนังสือมอบอำนาจ มาให้ที่กรมการศาสนา ที่ผ่านมาเห็นได้แต่พูดว่าแสดงเจตนาแต่ไม่เห็นมีการดำเนินการ อย่างไรก็ตามในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ผมจะไปกราบนมัสการ พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ เพื่อถามความคืบหน้าในการดำเนินการด้านนิคหกรรม เห็นว่าปิดรับเรื่องร้องเรียนไปสัปดาห์กว่าแล้ว แต่ไม่ใช่เป็นการไปกดดันท่าน อยากจะถามท่านว่าติดขัดตรงไหนเท่านั้น หากไม่ติดขัดอะไร ก็น่าจะรับฟ้องและนำเรื่องเข้ากระบวนการศาลสงฆ์เสียที"
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าวัดพระธรรมกาย ตั้งกองทุนค้ำจุนโลก โดยตั้งเป้าว่า จะใช้เงินประมาณ 500 ล้านบาท และจะมอบให้วัดต่าง ๆ ทั่วประเทศวัดละ 2.5 หมื่นบาทนั้น นายอาคมกล่าวว่า เป็นสิทธิของวัด และไม่อยากมองว่าพระจะถูกซื้อด้วยปัจจัยได้ แต่ขอให้วัดพระธรรมกาย ดูข้อจำกัดตัวเอง และกฎมหาเถรฯด้วย