เดลินิวส์ 13/6/2542
เชิญลายพระหัตถ์ พระสังฆราชสยบมารศาสนา!
'ธรรมกาย'
ป่วนประชุมใหญ่ เผยไม้ตาย-ปราบเดียรถีย์
มือกฎหมายมั่นใจ หากางเกงให้"ไชยบูลย์"ได้ ชี้มาตรา 147 ที่เป็นหมากตาย ฉ้อโกงทรัพย์ ความผิดหนัก แนะใช้ลายพระหัตถ์ สมเด็จพระสังฆราช เป็นหลักฐานเพิ่มด้วย เพราะชี้ความผิดชัดเจน ย้ำเจอคดีอาญาอย่างนี้ ต้องจับถอดจีวรทันที มท.2มั่นใจยุติแน่ เตรียมให้กรมที่ดิน ส่งข้อมูลเพิ่มหลักฐาน เล่นงานพระปลอม "วาสนา"ประชุม 25 นายตำรวจปราบเดียรถีย์ จันทร์นี้ดึง 2 นายพลตำรวจภาค 1 ร่วมทีมประสานข้อมูลที่มีอยู่ในมือ "อาคม"รับรายงาน เจ้าคณะปทุมฯเลิกสอบ ปาราชิก "ไชยบูลย์" เรื่องที่ดินแล้ว เหลือแต่อวดวิเศษกับสอนผิดเพี้ยน วัดฉาวประชุมเครียด ใช้กำลังกับนักข่าว แถม เอาเครื่อง ทำลาย เอกสารเข้าไปแล้ว ยังไม่วายดูดบุญ ทำรูปหล่อหลวงพ่อสด ขายอีกองค์ละ 2 หมื่นบาท หวังระดมเงิน 500 ล้าน แจกเจ้าอาวาส ทั่วประเทศ
การจัดการกับพระปลอม "นายไชยบูลย์ สุทธิผล"เป็นจริงขึ้นมา เมื่อกรมการศาสนาแจ้งความ ดำเนินคดีอาญา กับตำรวจ 3 ข้อหาคือการแจ้งความเท็จ ตามมาตรา137,เป็นเจ้าพนักงาน ยักยอกทรัพย์ตามมาตรา 147 และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัตหน้าที่โดยทุจรติ ตามมาตรา 157 และส่อเค้า อาจจะมีการจับถอด จีวรออกจากร่างได้เป็นผลสำเร็จ
จับถอดจีวรได้แน่
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์และอดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าข้อกล่าวหาของกรมการศาสนา มีทั้งโทษหนักและเบา โดยมาตรา 137 เบาสุดคือการแจ้งเท็จ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน แต่มาตรา 147 การเป็นเจ้าพนักงาน ยักยอกทรัพย์เป็นโทษหนักสุด จำคุกตั้งแต่ 5ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 2,000-40,000 บาท ส่วนมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำคุก 1-10 ปี
ทั้งหมดจึงอยู่ที่การสืบสวน ของพนักงานตำรวจ และอยู่ที่ดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนโดยหลัก ที่ปฏิบัติหากภิกษ ุต้องโทษคดีอาญา ที่โทษรุนแรง ก็จะไม่ให้ประกันตัว
นอกจากข้อมูล ที่กรมการศาสนาส่งให้แล้ว พนักงานสอบสวนสามารถ นำเอาลายพระหัตถ์ สมเด็จพระสังฆราช ที่เกี่ยวข้อง กับการถือครองที่ดิน มาใช้เป็นพยานหลักฐาน ที่มีน้ำหนักมากด้วย เพราะลายพระหัตถ ์ได้วินิจฉัยการยักยอก ที่ดินไว้แล้ว โดยทรงวินิจฉัย ถึงการไม่ยอมโอนที่ดินว่า ถือต้องปาราชิกฐานลักขโมย เป็นพระปลอม เป็นหน้าที่ ของผู้รักษา กฎหมายต้องถอดผ้ากาสาวพัตร์ออกจากตัว
"ยิ่งนานไปก็ยิ่งเห็น พฤติกรรม ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างเช่นอ้างว่าเอาที่ดินมาเพื่อเอาไปขายต่อ ถือเป็นการผูกมัดตัวเองอีก แสดงว่าได้เคยทำ ลักษณะนายหน้าค้าที่ดิน ตามพระธรรมวินัย ภิกษุไม่สามารถค้าที่ดิน เป็นนายหน้าได้เป็นเรืองธุรกิจ และส่อเค้าไปในทางเบียด มีผลประโยชน์ และอาจไม่ใช่ คนเดียวที่ทำแต่ทำหลายคน"
มท.2มั่นใจยุติปัญหา
นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหา วัดพระธรรมกาย ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชว่า ที่ผ่านมา ทางกระทรวงศึกษาธิกา ได้พยายามเจรจา เพื่อยุติปัญหาด้วยวิธีสันต ิมาตลอด แต่ก็ไม่ได้ผลจึงต้องใช้ กฏหมายอาญาเข้าดำเนินการ เนื่องจากการกระทำ เข้าข่ายผิดกฏหมายอาญา และการดำเนินการต้องใช ้ส่วนราชการหลายๆ ส่วน โดยเฉพาะกรมที่ดิน ที่ต้องออกมายืนยันให้ชัดเจน ว่าการกระทำเกี่ยวกับ เรื่องที่ดินนั้นผิดหรือถูก
"กระทรวงมหาดไทยนั้น พร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการในทางกฏหมาย และขณะนี้ได้มีการร้องทุกข์ กับตำรวจกองปราบแล้ว ขั้นตอนต่อไปตำรวจ ก็จะต้องสอบสวนไปตามขั้นตอน ทั้งการเรียกเจ้าอาวาส เข้ามาสอบสวน หากไม่มาก็ต้องออกหมายเรียก หมายจับต่อไป คาดว่า ปัญหาของวัดพระธรรมกาย คงจะจบลงด้วยดี เพราะทุกคนต้องอยู่ใต้กฏหมาย "
ด้านพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯและรมว.มหาดไทย กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องของตำรวจ ที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ตนไม่ได้มอบหมายอะไรเป็นพิเศษ ก็ทำตามกฎหมาย ตามหน้าที่กัน ไม่รู้กฎหมาย ว่าเข้าข่ายอะไรหรือไม่ จะไปรู้ว่ามาตรานั้นเป็นอย่างนั้น มาตรานี้เป็นอย่างน ี้ทุกเรื่องได้อย่างไร ส่วนการให้ประกันตัวหรือไม ่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ รัฐมนตรีจะไปให้ประกันได้อย่างไร แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเจ้าหน้าที่ต้องทำ อย่างรอบครอบ อยู่แล้วเพราะเป็นเรื่องที่ดังออกอย่างนี้
ที่ดินห้ามซื้อ-ขาย
นายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวว่ากระบวนการทั้งหมดอยู่ที่ตำรวจจะให้ประกันตัว หรือไม่ โดยเมื่อมีการร้องทุกข ์ต้องมีการสอบสวนมีองค์องประกอบเข้าความผิดจริงหรือไม่ ถ้าเห็นว่าคดีพอที่จะมีเค้า องค์ประกอบความผิด จะเรียกในฝ่าย ผู้ที่เป็นผู้ต้องหา มาสอบสวน หากไม่มาจะออกเป็นหมายจับ โดยเมื่อมาปรากฎตัว ตำรวจะแจ้งข้อกล่าวหา และจะเข้าสู่กระบวนการ ขอประกันตัว ซึ่งตามกฎหมายพ.ร.บ.คณะสงฆ์แล้ว ถ้าตำรวจไม่ให้ประกันตัวต้องสละสมณะเพศ
"พนักงานสอบสวน คงต้องจะพิจารณาประเด็นต่าง ๆ มาก อาทิ เช่นถ้าให้ประกันจะเกิดมวลชน ปลุกกระแส อาจเป็นการยุ่งเหยิง ต่อการสอบสวนหรือไม่ ก็อาจเป็นเหตุที่ไม่ให้ประกันได้ และจะต้องรายงานไปตาม เจ้าคณะปกครองของสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดเรื่อยไป "
ที่ดินทั้งหมดนั้น นายวันชัยกล่าวว่าถึงแม้การดำเนินคดี ยังไม่สิ้นสุดถึงแม้จะเป็นที่ดิน ในชื่อนายไชยบูลย์ก็ไม่สามารถนำไปจำหน่าย จ่าย โอนได้ เพราะได้มีการ ประกาศเจตนาไว้แล้วจะโอนให้วัด ตามกฎหมาย ถือเป็นการแสดงเจตนา ประกาศให้ที่ตกสาธารณ ประโยชน์มีผลสมบูรณ์แล้ว แม้ไม่ต้องจดทะเบียน ตามนิติกรรมก็ตาม ส่วนการดำเนินคด ีก็จะเป็นอีกเรื่องเพราะเป็นเรื่อง ที่นายไชยบูลย์ ได้ทำสำเร็จมาแล้วในการโอน ที่ดินเป็นของตัวเอง และถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ -ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ถือเป็นกรรมที่ทำสำเร็จ ต้องไปพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม จึงไม่เกี่ยวกับการประกาศโอนที่ดินภายหลัง
"ประเด็นที่น่าจะพิจารณา คือกรณีที่เอามาใส่ชื่อตัวเอง โดยอ้างเหตุผลว่าเพราะต้องการขาย หรือเอามาสร้างวัดใหม่ หรือสร้างธุดงคสถาน ความจริงแก้ไขได้ง่าย ๆ คือเอาโฉนดทั้งหมดมากอง ที่กรมการศาสนา และประกาศแยกแยะ ให้ชัดแปลงไหนจะเอาไว้ขาย ไว้สร้างเจดีย์แปลงไหนเอาไว้สร้างวัด แต่ที่ทำมาทั้งหมด สร้างความอึมครึมไม่ทราบตัวเอง หรือคนใกล้ชิด ไปมีพฤติกรรมอย่างใด กระบวนการตามกฎหมาย ไม่น่าห่วง แต่สิ่งที่จะตามมาน่าห่วงกว่า อาทิถ้าไม่ให้ประกันตัว ก็แสดงว่าต้อง มีการกักตัวไว้ ก็ไม่รู้ว่ากลุ่มคนต่าง ๆ จะออกมาอย่างไร รวมไปถึงหากให้ประกันตัวก็ยังไม่รู้อะไรจะตามมาอีก"
"วาสนา"ประชุมจันทร์นี้
สำหรับการสอบสวน ดำเนินคดีหลังที่กรมการศาสนาแจ้งความต่อกองปราบปรามแล้วนั้นพล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผู้บัญชาการสำนักงาน คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าชุด พนักงานสืบสวนจะเรียก ประชุมนัดแรกวันที่ 14 มิ.ย. เวลา 16.00น.ที่กองปราบปราม เพื่อหารือและแบ่งงานกันทำ โดยพนักงานสอบสวนที่อยู่ในชุดนี้จะมี 25 นาย โดยตั้ง ในรูปคณะกรรมการ ประกอบด้วยพล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัติ ผช.ผบช. ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,พ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ รองผบก.ป.,พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวส่องแสง ผกก.3ป. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.1ป., พ.ต.ท.ศุภพล อรุนสิทธิ รองผกก.3ป.,พ.ต.ท.จรุงวิทย์ คุมมา รอง ผกก.3ป.,พ.ต.ท.ระพีพงศ์ สุพรศรี รองผกก.3ป.,พ.ต.ต.พรศักดิ์ ทิพยารัตน์ สว.ผ.4.กก. 2 ป.,พ.ต.ท.สุรพล เอมบุตร สว.ผ5 กก.3ป., พ.ต.ต.ปิยะ เจริญสุข สว.ส.ผ5กก.3ป.,พ.ต.ต.ปิยะ เจริญสุข สว.ผ.ผ5กก.1ป.,พ.ต.ต.สราวุธ บุญศิริโยธิน สว.ส.สน.วังทองหลาง,ร.ต.อ.บุญญฤทธิ์ ศรีวิจิตร สว.ส.ผ2กก.3ป. พร้อมด้วยพนักงาน สอบสวนตำรวจภาค 1 เช่นพล.ต.ต.วิทูร ศิริพากย์,พล.ต.ต.ชุมพล มั่นหมาย ผู้ช่วยผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 1
ขณะนี้ได้มีการแจกเอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวข้อง ให้พนักงานสอบวนได้ศึกษารายละเอียดช่วงวันหยุด และการที่ตั้งในรูป คณะกรรมการเป็นไปตาม ข้อเสนอของพล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง ผบก.ป.ที่ทำบันทึกเสนอ เนื่องจากคดีดังกล่าว เกี่ยวกับที่ดิน ที่กระจายอยู่ตาม จังหวัดต่าง ๆ และการที่ดึงเอาพล.ต.ท.วาสนาและพล.ต.ต.ปานศิริเข้ามาด้านการสอบสวนอย่างมาก โดยตำรวจภาค 1 ที่ดึงเข้ามาเพราะมีข้อมูลมาก
ยุติสอบที่ดินทางสงฆ์
ขณะเดียวกันพระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมูลจินดาราม เจ้าคณะจังหวัดปทุมธาน ีกล่าวว่าจะรอการดำเนินคดีอาญาก่อน และงดให้ข่าวเกี่ยวกับ การพิจารณาคดีนิคหกรรม ขณะนี้ปิดเรื่องราว รับร้องทุกข์นายไชยบูลย์แล้ว ยังไม่ได้พิจารณาจะเปิด รับฟ้องเมื่อไหร่ กรณีไหนบ้าง และยังไม่ได้กำหนดเรียก ผู้ถูกกล่าวหามาฟังข้อกล่าวโทษ ร้องทุกข์ พระสุเมธาภรณ์ยังชี้ให้ด ูรูปตุ๊กตาลิง 3 ตัวที่ปิดปาก ปิดหู ปิดตา และมีตัวหนังสือใบ้ บอด หนวก พร้อมกับกล่าวว่าอุตส่าห์นำตุ๊กตามาตั้งให้ดู ช่วงนี้ขอนั่งปิดหู ปิดปาก ติดตาเสียบ้างจะได้สบาย นอกจากนั้นได้มีกำลังตำรวจ พร้อมเครื่องตรวจวัตถุระเบิด มาตรวจตราหลังเกิดข่าวการขู่วางระเบิด
ส่วนที่วัดบวรนิเวศ ประชาชนยังทยอยเดินทางมา ลงนามถวายพระพร สมเด็จพระสังฆราช ให้ทรงหายจากพระอ กาารประชวร อย่างไม่ขาดสาย และช่วงเช้าเวลา 7.30 น. สมเด็จพระสังฆราช เสด็จลงจากพระตำหนัก คอยท่าปราโมช์ เพื่อทรงเปลี่ยนพระอริยาบท และเสวยพระสุธารส มีประชาชน 20 คนร่วมเข้าเฝ้าถวายพระพร
นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ กล่วว่าแม้ กรมการศาสนาจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์แล้ว แต่การโอนทีดิ่น ต้องทำต่อไป เพราะได้แสดงเจตนาแต่แรกจะโอน เป็นไปตามมติมหาเถรสมาคม ที่ให้โอนที่ดินเป็นของวัด ทั่วประเทศ ส่วนกระบวนการศาลสงห ์ได้รัรบรายงานว่าพระสุเมธาภรณ ์คงไม่พิจารณาข้อกล่าวหา เกี่ยวกับเรื่องที่ดินแล้ว เพราะมีการกล่าวหาคดีอาญา แต่เรื่องอวดอุตริมนุสธรรม และบิดเบือนพระธรรม ยังดำเนินการต่อไป
"ผมจะหาโอกาส ไปกราบเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีในเร็ววันนี้ และจะเลยไปเยือนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายด้วย"
นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงว่า เรื่องการโอนที่ดินควรจะคืนให้วัด และเป็นหน้าที่กรมการศาสนาที่จะดำเนินการ
ให้ปัญจะออกโรงบ้าง
นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทาง การแก้ไขปัญหากรณ ีวัดพระธรรมกายว่า ที่ผ่านมาก็พอไปได้ แต่คนที่น่าจะลงมารับผิดชอบให้มากที่สุดคือนายปัญจะ เกษรทอง รมว.ศึกษาธิการ ไม่ใช่เป็น หน้าที่ ของนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการเพียงคนเดียว ที่ผ่านมาตอลดเวลา ที่มีปัญหาจะเห็นว่า รมว.ศึกษาธิการ ไม่ได้ให้ความเห็นเลย ทำเป็นลอยตัว อยู่เหนือปัญหาทั้งๆ ที่ตัวรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเองเป็นคนที่เข้าใจ ธรรมะมากกว่ารมช. ศึกษาธิการเสียอีก อายุก็มากกว่า ก็น่าที่จะอาราธนา นิมนต์ท่าน มาช่วยเทศน์ช่วยจัดการ หน่อยก็น่าจะเป็นการดี
นอกจากนั้นแกนหลัก ในการแก้ไขปัญหาคือกรมการศาสนา แต่นายพิภพ กาญจนะอธิบดีกรมการศาสนา กลับเป็นคนที่ไม่เข้าใจ พระธรรมวินัย ไม่รู้ปัญหาอย่างชัดเจน การจะทำให้การแก้ไขปัญหารวดเร็วขึ้นควรหาคนที่เข้าใจแนวทางแก้ปัญหา แตกฉานเรื่องที่เกี่ยวกับสงฆ์ เหมือนอย่างสมัยตนที่ทำกรณีเกี่ยวกับยันตระ ซึ่งสมัยนั้นนายพนม พงษ์ไพบูลย์ เป็นอธิบดี แต่ก็โดนโจมตีว่า แก้ปัญหาด้วยความล่าช้า ซึ่งการแก้ปัญหา ที่เกี่ยวกับสงฆ์นั้นไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย เพราะการทำให้คนที่เชื่อ ลุ่มหลงแล้ว กลับมาเข้าใจนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา
อดีตรมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญ คือวงการสงฆ์จะต้องมาทบทวนว่า ทำไมคนถึงหันหน้าไปหา วัดพระธรรมกาย ทั้งที่คำสอนนั้นเป็นเรื่องที่ผิดเพี้ยน ถึงเวลาหรือยัง ที่จะต้องเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้อง อย่างจริงจังรวมทั้งการปรับปรุง กฎหมายที่เกี่ยวกับสงฆ ์ให้สอดคล้องกับสังคมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยาก เพราะการปฎิบัติ เป็นเรื่องที่เคยชินกันมานาน
ประชุมเครียดแกนนำวัด
ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศจากวัดพระธรรมกายว่า บริเวณสำนักงานใหญ่มูลนิธิวัดพระธรรมกาย ยังคงมีญาติธรรม ที่ศรัทธาประมาณ 100 คน เดินทางมาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิที่ห้องปัญญา ซึ่งเป็นสถานที่ที่วัดจัดไว้ สำหรับนั่งสมาธ ิตามแนวทางวิชชาธรรมกาย โดยส่วนหนึ่งแยกไปถวายอาหารเพลพระภิกษุและบำเพ็ญศิลภาวนา ที่สภาธรรมกายสากล หลังคามุงจาก นอกจากน ี้ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีประดาแกนนำคนสำคัญของวัด ได้ทยอยเดินทางมาที่สำนักงานใหญ่ มูลนิธิวัดพระธรรมกาย อาทิ นายมานิต รัตนสุวรรณ ที่ปรึกษาวัดพระธรรมกาย นายวีระศักดิ์ ฮาดดา ไวยาวัจกร นายสมเกียรติ ศรลัมภ์ และนายสมหมาย ครสาคู ซึ่งส่วนใหญ่ปฏิเสธ ที่จะให้ข่าวสื่อมวลชนและได้มีการประชุมแกนนำสำคัญอย่างเคร่งเครียด
กระทั่งเวลา 14.00 น. ได้มีรถยนต์ส่วนบุคคล จำนวนหลายร้อยคันเดินทางมายัง สภาธรรมกายสากล หลังเก่าเป็นบุคคลระดับ แกนนำของผู้นำบุญกลุ่มต่างๆ ทั้งนี้มีการตรวจสอบรายชื่ออย่างเข้มงวดและมีการติดบัตรป้องกันบุคคลแปลกปลอมเข้ามาปะปน จากนั้นได้ทยอยมา จับกลุ่มวิจารณ์ถึงเรื่องนายไชยบูลย์แจ้งความกล่าวโทษ ที่บริเวณธุดงค์แก้ว ซึ่งทุกคนมีสีหน้า ที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ทางวัดพระธรรมกายได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่รู้จักมักคุ้นกับผู้สื่อข่าว ให้ทำการตรวจสอบ ผู้ที่มาชุมนุมเพื่อมิให้นักข่าวเล็ดรอดปะปนเข้ามาในที่ประชุม ภายหลังการตรวจสอบจนแน่ชัดแล้วว่าไม่มีผู้สื่อข่าวปลอมปนเข้ามา การประชุมจึงได้เริ่มขึ้น มีผู้เข้าร่วมประชุมราว 500 คน พร้อมด้วยแกนนำ คนสำคัญของวัด และยังมีพระสมชาย ฐานวุโฒ ผู้อำนวยการศูนย์เผยแพร่วัดพระธรรมกาย โดยมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้า ตลอดเวลามิให้ผู้สื่อข่าวเข้าใกล้หรือทำข่าว
ทำรูป"พ่อสด"ดูดบุญอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่การประชุมดำเนินอยู่นั้น ได้มีผู้นำบุญรายหนึ่งเห็นผู้สื่อข่าวที่สังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียง จึงได้เดินตรงเข้ามาหา นักข่าวดังกล่าว พร้อมฉุดกระชากนักข่าวให้ออกจากบริเวณนั้น ซึ่งอาการที่แสดงออกเต็มไปด้วย ความต่ำทราม และยังตระโกน ไล่นักข่าวอย่างป่าเถื่อน ว่า "ออกไป พวกเราไล่มันออกไป ไอ้พวกนักข่าวชั่ว มึงต้องเจอ นักเลงอย่างกู" นอกจากนี้ยังมีการ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ รปภ.ไล่นักข่าวและไม่อนุญาตให้นำรถเข้ามาจอด ซึ่งสร้างความงุนงงแก่สื่อมวลชน แขนงต่างๆเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการตอนรับนักข่าวด้วยความไมตรี
ผู้นำบุญที่เข้าประชุมด้วย รายหนึ่งเปิดเผยว่า การมาชุมนุมในวันนี้เป็นการชี้แจ้งเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความ ตระหนกกับเหตุการณ ์ที่เกิดขึ้น และยังห้ามมิให้มีการใช้ความรุนแรงหรือการเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากนี้ยังกำชับมิให้นำเรื่อง จากที่ประชุมไปเปิดเผยภายนอก ให้เก็บเป็นความลับ โดยทางวัดจะมีการแถลงข่าวในภายหลัง
สำหรับความรู้สึก ของญาติธรรมส่วนใหญ่ไม่แตกตื่นกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยนางชลิตา กลสัตย์โมต อายุ 43 ปี กล่าวว่าไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องทำ กับอดีตเจ้าอาวาสถึงขนาดนี้ เพราะไม่เคยทำอะไรเสียหาย ขณะที่นาง เรวดี รัตนกุล อายุ 50 ปีเห็นว่าไม่รู้สึกอะไร ยังคงยึดมั่น และศรัทธา นายไชยบูลย์เต็มร้อย แต่เมื่อเป็นเช่นนี้คงต้องต่อสู้คดีกันไป และว่าที่เกิดปัญหา อาจเป็นเรพาะลูกศิษย์บางคน ที่ไประดมดูดบุญมากเกิน
ในวันที่ 13 มิ.ย. วัดจะมีการแถลงข่าว และชี้แจงกับสานุศิาย์ของวัด โดยผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวัดมีการนำ เครื่องทำลายเอกสาร เข้าไปด้วย ซึ่งไม่ทราบเอาไปทำอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าว่า วัดพระธรรมกายได้ตั้งกองบุญคุ้มครองโลก โดยใครทำบุญ 2 หมื่นบาทจะได้รูปหล่อ หลวงพ่อสดรุ่นมารสยบ 1 องค์ ถ้าทำ 1พันบาท จะได้เหรียญปราบมาร 1 เหรียญ โดยจะระดมทุน 500 ล้านบาท เป็นกองบุญ"ค้ำจุนโลก" เพื่อแจก เจ้าอาวาสวัดทั่วประเทศ 2.5 หมื่นวัด โดยจะให้วัดละ 2 หมื่นบาท