เดลินิวส์ 12/6/2542
''ไชยบูลย์'เกมนายกฯเชือดนิ่มแจ้งจับแล้ว! กองปราบฯทำคดี 3 กระทง โทษหนักพิภพคุยดิ้นไม่หลุดขับพ้น'เจ้าอาวาส'
ล้างคุกรอ ปลาไหล"ไชยบูลย์"ได้กรมศาสนาแจ้งกองปราบฯดำเนินคดีแล้ว 3 ข้อหา"แจ้งเท็จ-ยักยอก-ทุจริตต่อหน้าที่" มั่นใจหลักฐาน มีน้ำหนัก เอาผิดเดียรถีย์ได้แน่ "ตูมตาม" เผยเจ้าคณะใหญ่หนกลาง "สมเด็จพระมหาธีราจารย์" ไฟเขียวให้แจ้งจับ มีข้อมูล มีข้อเท็จจริง ต้องทำ กองปราบฯ รับลูกสอบสวนทันที สนง.ตำรวจตั้ง "วาสนา เพิ่มลาภ" คุมคดี ชี้มีสิทธิ์ถูกจับสึกและไม่ได้ประกันตัว สาวก ยังห้าวไม่เลิก "มานิต" บอกไม่ใส่ใจคดีจิ๊บจ๊อยขอประกันตัวได้สู้ได้แน่ เย้ยกรมการศาสนามีหลักฐานพอหรือเปล่าเท่านั้น เลขา ครม. แนะ 5 มาตรการ ขจัดเดียรถีย์ให้สิ้นซาก มีทั้งปลด สอบย้อนหลัง ตรวจทรัพย์สิน ฯลฯ "ชวน" สาวไส้ "มานิต" ทำธุรกิจคู่กับวัด
ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 11 มิ.ย. นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึง การเข้าแจ้งความ ดำเนินคดีอาญา นายไชยบูลย์ สุทธิผล อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า กรณีเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งได้ไป กราบนมัสการ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และได้รับเมตตาแนะนำว่าหากมีเหตุผล มีข้อมูล มีข้อเท็จจริงที่จำเป็นต้องทำ และจะเป็นการ ยุติปัญหา เรื่องที่ดินได้ ก็ขอให้ดำเนินการไปตามเหตุผล
"ตูมตาม" สั่งแจ้ง 3 ข้อหา
ดังนั้น เพื่อให้ การปกครองคณะสงฆ์ดำเนินไปด้วยความสงบเรียบร้อยในกรอบของกฎหมาย ในฐานะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งบังคับบัญชา กรมการศาสนา จึงสั่งการตามกฎหมายให้กรมการศาสนาดำเนินการกล่าวโทษนายไชยบูลย์ในความผิด 3 ข้อหาคือ แจ้งความเท็จ ต่อเจ้าพนักงาน เป็นเจ้าพนักงาน เบียดบังยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 147 และ 157 และหากการสอบสวนมีหลักฐานว่ามีกรรมการวัดคนใดร่วมสนับสนุนนายไชยบูลย์ก่อนหรือขณะกระทำผิด ให้กรมการศาสนา กล่าวโทษ บุคคลเหล่านั้นด้วย ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 147, 157 และ 86
นอกจากนี้ ให้กรมการศาสนา ทำหนังสือรายงานพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 กรณีที่นายไชยบูลย์ส่งมอบที่ดินเพียง 300 ไร่ ไม่ยอมโอน ที่ดิน ที่เหลืออีก 1,400 ไร่ ทั้งที่ได้กล่าววาจาและมีหนังสือแจ้งต่อหน้าพระพรหมโมลีเจ้าคณะภาคผู้ปกครองและมหาเถรฯ ไว้แล้ว อันเป็นการละเมิด พระธรรมวินัย ในข้อกล่าวเท็จ และฝ่าฝืนคำสั่งทางปกครองคณะสงฆ์ของมหาเถรฯอย่างชัดแจ้ง ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 25, 26
"ทั้ง 2 ประการน ี้ให้อธิบดีกรมการศาสนารับผิดชอบดำเนินการให้เป็นไปโดยถูก ต้อง รวดเร็ว และให้ความร่วมมือ ให้ข้อเท็จจริง ในการสืบสวนสอบสวน และส่งมอบพยานหลักฐานต่าง ๆ กับพนักงานสอบสวนด้วย"
มั่นใจหลักฐานมัดแน่นพอ
นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนากล่าวว่า กรมการศาสนาได้พยายามแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกายทุกวิถีทาง และเพื่อให้เกิด ความเรียบร้อย ก็ได้พยายามประนีประนอมและเป็นกลางมาตลอด แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากนายไชยบูลย์ ดังนั้นเพื่อทำความจริง ให้กระจ่างในเรื่องที่ดิน กรมการศาสนาจึงจำเป็นต้องร้องทุกข์กล่าวโทษนายไชยบูลย์ โดยจะมอบหมายให้นายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้ากลุ่มนิติกร กรมการศาสนาไปกล่าวโทษที่กองปราบปรามฯ โดยใช้ชื่อตนเองเป็นผู้กล่าวโทษ
"เวลานี้ กรมการศาสนาได้ดำเนินการ ตามคำสั่งของรมช.ศึกษาฯในเรื่องกล่าวโทษนายไชยบูลย์แล้ว แต่ในทางกฎหมายแล้ว ยังถือว่านายไชยบูลย์ ไม่มีความผิด ขึ้นอยู่กับว่าตำรวจและอัยการจะพิจารณา อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า เอกสารหลักฐาน ที่นำไปมอบให้พนักงานสอบสวนนั้น มีน้ำหนักพอ ที่จะเอาผิด กับนายไชยบูลย์ได้ จากนี้ก็คงต้องรอว่ารมช.ศึกษาฯจะสั่งการอย่างไรต่อไป"
ด้านนายวิษณุ เครืองาม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงความไม่คืบหน้าในการโอนที่ดินคืนวัดพระธรรมกายว่า เรื่องนี้กรมการศาสนา จะต้องเร่งดำเนินการ เพราะอำนาจของฝ่ายบ้านเมืองที่จะเข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้กระทำได้โดยง่าย ส่วนเรื่องสึกหรือการกระทำผิด ทางพระธรรมวินัยนั้น เป็นเรื่องทางสงฆ์พิจารณาดำเนินการ ฝ่ายบ้านเมืองคงเข้าไปก้าวก่ายดำเนินการอะไรไม่ได้ เรื่องการโอนที่ดินนั้น จะไปบังคับพระ ให้เร่งดำเนินการ ก็คงทำไม่ได้ แต่ต้องเจรจาให้มีการโอนให้วัดทันที ที่ผ่านมานายไชยบูลย์ยอมโอนที่ดิน 300 ไร่เศษนั้นไม่เพียงพอ ดังนั้นการแจ้งความ ดำเนินคดีจึงเป็นมาตรการเร่งให้มีการดำเนินการที่เร็วขึ้น
แนะ 5 วิธีขจัดเดียรถีย์
"ขณะนี้ต้องเร่งดำเนินการ แก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว คงไม่ใช่เพื่อจะกลบเรื่องอื่น ๆ ต้องแยกกันทำคนละเรื่อง ปัญหาที่ดิน อยู่ในอำนาจของฝ่ายบ้านเมือง หากไม่ดำเนินการเรื่องนี้คงถูกประชาชนตำหนิ รัฐบาลคุมกรมที่ดิน สามารถตรวจสอบได้ว่า มีโฉนด ที่ดินแปลงไหนบ้าง ชื่อใครบ้างอยู่ที่ไหน รับมาแบบไหน เสียค่าธรรมเนียมอย่างไร เรื่องอย่างนี้ตรวจสอบไม่ยาก เรื่องที่ดินนั้นถือเป็น 1 ใน 5 คดีที่ต้องทำไปพร้อม ๆ กัน"
ต่อข้อถามที่ว่า มาตรการ ที่ได้เสนอให้มหาเถรสมาคมดำเนินการกับนายไชยบูลย์นั้น เลขาธิการครม. กล่าวว่า การแก้ไขปัญหา วัดพระธรรมกาย ที่ได้เสนอแนะ มหาเถรฯนั้นมี 5 มาตรการคือ 1.เป็นมาตรการทางพระธรรมวินัย เป็นเรื่องศาลสงฆ์ พิจารณาคด ีตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ 11 และฉบับที่ 21 ควบคู่กันไป 2.มาตรการทางกฎหมาย ถ้ามีข้อมูลหลักฐานให้แจ้งความดำเนินคดี
3.มาตรการ ทางทรัพย์สิน อะไรที่สามารถเร่งให้มีการโอนที่ดินให้วัดก็ให้ดำเนินการ โดยเฉพาะรายที่มีความตั้งใจบริจาคให้วัด หรือเป็นการเอาเงิน มูลนิธิไปซื้อมา หรือได้ที่ดินนั้นมาอย่างไร ก็ตาม 4.มาตรการด้านการปกครอง มีลักษณะเดียวกันกับ ทางโลก คือให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พ้นจากหน้าที่ ระหว่างที่มี การสอบสวน ดังนั้นต้องมีการปลดออกจากตำแหน่งและแต่งตั้งผู้อื่นรักษาการเจ้าอาวาสชั่วคราว ถือเป็นการดำเนินการตามปกต ิไม่ใช่เรื่องเสียหาย น่าอดสูแต่อย่างใด และ 5.มาตรการทางการบริหาร ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบวัดพระธรรมกายทั้งระบบ คล้ายกับศปร. คือเข้าไปตรวจสอบว่าวัดพระธรรมกายตั้งขึ้นมามีวัตถุประสงค์อะไร คำสอนเป็นอย่างไร ที่ว่านิพพานเป็นอัตตานั้นสอนจริงหรือไม่ กรรมการชุดนี้ต้อ ง ตรวจสอบให้ชัดเจน
ย้ำพระนายหน้าค้าที่ดิน
"นอกจากนี้ คณะกรรมการ ชุดนี้ยังต้องตรวจสอบว่าสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ทำไม ใน 10 ปีที่ผ่านมามีประชาชน ร้องเรียนเรื่องวัดพระธรรมกาย ขยายอาณาเขต ไปทับที่ ราษฎรมีการขับไล่มีเรื่องราวมากมาย แต่ไม่เคยมีใครตรวจสอบ จึงควรที่จะต้องตรวจสอบเรื่องน ี้เพื่อเสนอต่อมหาเถรฯ และคณะรัฐมนตรี โดยทั้ง 5 มาตรการนี้ จะต้องดำเนินการไปพร้อมกัน และต้องให้มีกำหนดเวลาด้วยไม่ควรทิ้งเนิ่นนานจนเกินไป กรรมการจะต้องแต่งตั้ง โดยสมเด็จพระสังฆราช แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนเอาเร็วทันใจคงไม่ได้ ขณะเดียวกันการดำเนินการ อะไรต้องคิดถึงสิทธิเสรีภาพ ของอีกฝ่ายหนึ่งด้วยกับขบวนการการดำเนินการที่มีอยู่"
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า การที่จะมาอ้างว่าต้องการบริจาคเงินให้แก่พระ แต่เมื่อไม่มีเงิน ก็มอบโฉนดที่ดินให้แทน เพื่อให้พระนำเอาที่ดินนั้น ไปขายนำเงินมาเข้าวัด หากเป็นอย่างนั้นพระก็จะกลายเป็นนายหน้าค้าที่ดิน แต่อีกแง่การมอบที่ดินให้พระเขาต้องการให้ไปสร้างวัดที่ต่างจังหวัด หากมอบที่ดินให้วัด ตามกฎหมายเอาไปทำอะไรไม่ได้ เพราะตามกฎหมายจะตั้งชื่อวัดซ้ำกันไม่ได้แม้แต่เป็นที่ของวัดเองก็ตาม
พนักงานสอบสวนจับสึกได้
ส่วนที่สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต. ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผู้บังคับการกองคดีและโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า ในการดำเนินคดี นายไชยบูลย์นั้นจะต้องมีการร้องทุกข ์กล่าวโทษทางพนักงานสอบสวนก็จะรวบรวมหลักฐานตามที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษว่ามีการ กระทำความผิด ตามที่มีการแจ้งความไว้หรือไม่ หากคำร้องทุกข์มีมูลที่จะดำเนินคดีได้ก็จะต้องนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนั้นจึงเรียก ผู้ถูกกล่าวหามา ดำเนินการสอบสวน แล้วค่อยพิจารณากันว่าจะให้มีการประกันตัวหรือไม่
"กรณีของนายไชยบูลย์ ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดได้ชัดเจนว่า หากจะประกันต้องใช้หลักทรัพย์เท่าใด เพราะยังไม่ทราบข้อกล่าวหา ในการกระทำความผิด นอกจากนี้ผู้ต้องหาเป็นพระ ตามหลักพ.ร.บ.คณะสงฆ์เมื่อถูกจับกุมดำเนินคดีอาญาแล้ว พนักงานสอบสวนเห็นสมควร ไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว และเจ้าอาวาสวัดนั้นไม่มารับตัวไปควบคุม เมื่อเป็นเช่นนั้นพนักงานสอบสวนก็สามารถที่จะสึกพระรูปนั้นได้"
แจ้งผบก.ป.จับ "ไชยบูลย์"
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่กองปราบปรามฯ นายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้ากลุ่มนิติกร กรมการศาสนา ซึ่งได้รับมอบหน้าท ี่ให้เป็นตัวแทนกรมการศาสนา ได้เดินทางเข้าพบพล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บังคับการกองปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดี กับนายไชยบูลย์หลังจาก ที่ไม่ยอมโอนที่ดินทั้งหมด 1,747 ไร่ให้แก่วัดพระธรรมกายใน 3 ข้อหาคือ แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตามมาตรา 137 เป็นเจ้าพนักงาน เบียดบังยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 147 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 โดยได้มีการนำเอกสารหลักฐาน ทั้งหมดจำนวน 526 แผ่นมามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
ภายหลังการแจ้งความ นายเชลียงกล่าวว่า รายละเอียดต่าง ๆ นั้นอยู่ระหว่างการให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน ส่วนข้อกล่าวหานั้น ก็เป็นไปตามคำสั่งของนายอาคม คือดำเนินคดีใน 3 ข้อหา เอกสารที่ได้นำมายื่นนั้นก็เป็นเอกสารเกี่ยวกับการโอนที่ดินจำนวน 1,747 ไร่ รวมทั้งโฉนดที่ดินที่มีการ นำมามอบให้กรมการศาสนาเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.จำนวน 304 ไร่ ซึ่งยังไม่ได้มีการยื่นคำขอโอนแต่อย่างใด
ด้านพล.ต.ต.อัศวินกล่าวว่า คดีนี้ในเบื้องต้นก็ต้องมีการสอบสวนปากคำของผู้ร้องเรียน พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ทั้งหมดที่นำมามอบ ให้พนักงานสอบสวน และจะรายงานผลให้แก่ผู้บังคับบัญชาทราบ ส่วนในกรณีนี้คาดว่า จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน ขึ้นมาชุดหนึ่งจากหลายหน่วยงาน ต้องขึ้นอยู่กับว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะเห็นชอบหรือไม่ อย่างไร ก็ตามในเรื่องระยะเวลา ในการดำเนินการสอบสวนนั้น ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบเอกสารหลักฐานก่อนที่จะชี้ชัดว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่โดยส่วนตัว จะเร่งรัดเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น โดยเร็วที่สุด และในการตรวจสอบหลักฐานนั้นหากพบว่ามีความผิดในข้อหาอื่นด้วยก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติมในทันที
ตั้ง "วาสนา" คุมสอบสวน
รายงานแจ้งว่า หลังจากที่พล.ต.ต.อัศวินได้รับเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษแล้วได้สั่งการให้พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผกก. 3 ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม รองผกก. 3 ป. และ พ.ต.ท.พรศักดิ์ พิทยารัตน์ สว.ผ.4 กก. 2 ป. ไปดำเนินการสอบสวนตัวแทนกรมการศาสนาทันที เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีตรวจสอบหลักฐานเอกสารทั้งหมดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อที่จะสามารถดำเนินการในขั้นตอนต่อไปคือการเรียกผู้ต้องหามาสอบสวนและแจ้งข้อหาให้ทราบ
พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผกก. 3 ป. เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เตรียมตั้งชุดสอบสวนแล้ว โดยหัวหน้าชุดสอบสวนนั้นได้แก่ พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.สง.ก.ตร.) ส่วนการที่จะให้มีการประกันตัวนายไชยบูลย์หรือไม่นั้นคงต้องมีการพิจารณากันอย่างรอบคอบ โดยยึดจากหลักฐานเอกสารที่มีอยู่ จะไม่ทำตามกระแสเรียกร้องอย่างเด็ดขาด
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเสร็จสิ้น พร้อมตรวจสอบหลักฐานว่าคดีมีมูล ทางกรมการศาสนาจะมีหนังสือไปยังพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ดำเนินการตามกฎมหาเถรฯ ฉบับที่ 24 ให้ปลดเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายออกจากตำแหน่งก่อน เนื่องจากละเมิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างชัดเจน และให้แต่งตั้งพระสังฆาธิการรูปอื่นเข้ามารักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสไว้ก่อน โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการยื่นหนังสือได้ภายในวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย.นี้
ไม่สะเทือนประกันตัวได้
ด้านนายวีระศักดิ์ ฮาดดา ไวยาวัจกรวัดพระธรรมกายกล่าวว่า ในส่วนของนายไชยบูลย์นั้นคงจะไม่ทำอะไร เพราะต้องดูก่อนว่าข้อเท็จจริงในการฟ้องร้องนั้นเป็นอย่างไร ทางนายไชยบูลย์คงจะไปห้ามไม่ให้นายอาคม เอ่งฉ้วนไม่ให้ฟ้องร้องได้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมานั้นทางคณะกรรมการที่ดินของนายไชยบูลย์ได้ดำเนินการตามข้อตกลงทุกอย่าง บอกให้โอนก็โอน แต่ในหนังสือคำขาดที่กรมการศาสนาทำมาให้นั้นไม่ได้ระบุว่าจะต้องโอนทั้งหมด 1,747 ไร่ในทีเดียวกัน เมื่อมีการแจ้งความดำเนินคดีก็เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ทางนายไชยบูลย์ก็คงจะเรียกกรรมการมาหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายมานิต รัตนสุวรรณ กรรมการวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ทางเราได้เตรียมตัวในเรื่องนี้ไว้แล้ว เมื่อกรมการศาสนาเข้าแจ้งความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดูว่าเอกสารหลักฐานน่าเชื่อถือหรือไม่ ถ้าตำรวจเห็นว่ามีมูลก็อาจจะแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งเราก็จะขอประกันตัว ในหลักการจะต้องให้ประกันเพราะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ เราเป็นบุคคลมีชื่อเสียง มีหลักทรัพย์พร้อม และจากกระบวนการนี้ก็จะนำไปสู่อัยการและสู่ชั้นศาลตามปกติ ส่วนกรณีที่อาจจะมีการให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายสละสมณเพศก่อน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการกลั่นแกล้ง โดยหลักกฎหมายทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสิน ถ้าจะให้สึกก่อนก็เท่ากับประหารก่อนที่จะพิจารณา
ลากไส้ "มานิต" ไม่รู้กี่ขด
นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการและนักจัดรายการ ได้กล่าวในรายการเพื่อบ้านเพื่อเมืองทางวิทยุเอฟ เอ็ม 97 เมกะเฮิรตซ์ว่า ปัญหาการโอนที่ดินคืนวัดนั้นต้องดูที่เจตนาของกลุ่มนายไชยบูลย์ที่ผ่านพฤติกรรมต่าง ๆ ก็ชี้ชัดเจตนาดีอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร แต่ขณะนี้ยังมีข้อสงสัยในเรื่องของที่ดินหลายแปลงที่ระบุว่ายังโอนให้ไม่ได้ เช่นที่พิจิตรกว่า 156 ไร่นั้น มีหนังสือสัญญาซื้อขายและโอนมอบจากนายชาญวิทย์ เปรมกมล ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2534 และที่ดินที่จังหวัดเพชรบูรณ์อีก 16 แปลงกว่า 410 ไร่ ซึ่งมีลักษณะเดียวกัน ข้ออ้างว่าต้องรอถามเจ้าของเดิมจึงฟังไม่ขึ้น
"ยังเป็นเจ้าของอุทยานแห่งชาติจังหวัดเลย ที่ดินที่ผาหมากดูด ภูเรือชาเล่ย์ มีการพัฒนาพื้นที่เป็นรีสอร์ท และสถานปฏิบัติธรรม มีกลุ่มกัลยาณมิตรคนสำคัญเป็นผู้ถือครอง เรื่องบริจาคที่ดินให้นายไชยบูลย์นั้นตรวจสอบไม่ยาก หากใบอนุโมทนาบัตรลงว่ามอบให้วัดแล้วจะสามารถนำมาหักภาษีได้ แต่ถ้าเป็นชื่อนายไชยบูลย์ทำเช่นนั้นไม่ได้ นายอาคมน่าจะให้กรมสรรพากรตรวจสอบจุดนี้ แล้วนำมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติมได้"
ในกรณีของนายมานิตนั้น นายเจิมศักดิ์กล่าวว่า รู้กันอยู่ว่าเป็นนักโฆษณาประชาสัมพันธ์มืออาชีพ เป็นนักธุรกิจเต็มตัว มีผลประโยชน์ร่วมอยู่กับวัดพระธรรมกาย ที่ผ่านมานั้นมีการนำโครงการพัฒนาที่ดินกับธุรกิจการค้าเข้ามาเกี่ยว โยงกับวัดพระธรรมกายตลอด อาทิ โครงการบัณฑิตนคร ของบริษัทดูแว็คซ์ ประกาศขายโครงการในรูปแบบไดเร็คเซลส์ โครงการยูนิเวอร์ซิตี้วิลเลจ ซึ่งเป็นโครงการเมืองมหาวิทยาลัย โครงการตะวันธรรมตะวันทอง ส่วนโครงการเมืองแก้วมณีนั้นเป็นโครงการสร้างคอนโดมิเนียมขายให้แก่ผู้มาปฏิบัติธรรมที่เลื่อมใสวัด มีนายมานิตเป็นประธานโครงการ มีการโฆษณาว่าเป็นของวัด แต่ตอนหลังก็มากันออกจากพื้นที่ของวัด แล้วแจ้งให้บุคคลทั่วไปทราบว่าเป็นที่ดินของบุคคลภายนอก
เตือนธรรมกายอย่าบิดเบือน
นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหาวัดพระธรรมกายว่า เป็นเรื่องของพระธรรมวินัยที่มหาเถรฯจะต้องพิจารณา ส่วนเรื่องการโอนที่ดินนั้นก็ต้องการให้เป็นไปตามลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชฉบับแรกที่ระบุว่า โดยส่วนที่ไม่ใช่เป็นการลงโทษ เป็นการทำที่ถูกต้อง คือต้องมอบสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะที่เป็นพระให้แก่วัดทันที และทางมหาเถรฯก็มีมติให้นำไปดำเนินการให้ถูกต้องทั้งทางกฎหมายและพระธรรมวินัย แต่ที่ทางนายไชยบูลย์มอบให้โอนที่ดินนั้นมีเพียง 304 ไร่ ส่วนเหลืออยู่จึงอยากให้โอนให้เร็วที่สุด
ส่วนที่มีการข่มขู่สื่อมวลชนที่ทำข่าวนี้ นายชวนกล่าวว่า ทุกคนทำตามหน้าที่ก็ต้องได้รับการคุ้มกัน ใครคิดว่าอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยก็ขอให้บอกเจ้าหน้าที่ สำหรับที่มองกันว่าปัญหาทรัพย์สินขิงวัดเป็นช่องโหว่ของกฎหมายนั้น ขอยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ การโอนที่ดินเป็นมติของมหาเถรฯที่ระบุชัดเจนว่าจะดำเนินการกับวัดทั่วไปทั้งประเทศ ส่วนการดำเนินการฟ้องร้องคดีอาญานายไชยบูลย์ฐานยักยอกทรัพย์นั้นเป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้ หากมีการกล่าวหาแล้วกรมการศาสนาผู้กล่าวหาก็จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงออกมาเอง เรื่องนี้ไม่มีใครต้องการให้เรื่องยืดเยื้อ แต่ประเทศประชาธิปไตยจะต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์จะให้ไปปฏิบัติอย่างระบอบเผด็จการคงทำไม่ได้
นายชวนยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทนายมานิต รัตนสุวรรณด้วยว่า ทราบมาว่าบุคคลนี้เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับนายพิจิตต รัตตกุล ผู้ว่าฯ กทม.ในการหาเสียงเลือกตั้ง และมีโครงการคอนโดมิเนียมอยู่หลังวัดพระธรรมกาย ซึ่งก่อนหน้านี้วัดพระธรรมกายได้มีการโฆษณาขายว่าเป็นของวัดด้วย