เดลินิวส์ 8/6/2542
ไชยบูลย์ถอดจีวรเส้นตาย 10 มิ.ย.
รัฐบาล ส่งสัญญาณจับมือกระชากผ้าเหลืองจากร่าง "ไชยบูลย์" ในคดีทางโลก "อาคม" ยัน 10 มิ.ย. ไม่โอนที่ดินให้ไปคุยกับตำรวจแทน รับลูก รมว.ยุติธรรมชี้ช่องให้กรมศาสนาฟัน 2 ข้อหาฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์-ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปัดข้อเสนอ ไม่ยอมให ้ตัวแทน เข้าพบ เหลนหลวงพ่อสดประกาศแจ้งความจับซ้ำอีกถูกฮุบที่ดิน ส่งมอบกำลังใจ "จ๊ะจ๋า" หนูน้อย คนกล้าล้นหลาม ที่ออกมาทวงเงิน ให้กับแม่ที่ถูกเดียรถีย์สูบบุญครวญพ่อต้องขายรถเอาเงินมาซื้อข้าวกิน เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ ระบุเห็นใจ แต่ทำอะไร ไม่ได้ เผยกรมศาสนาย่องเงียบยื่นหลักฐานฟ้องศาลสงฆ์เพิ่มอุดช่องโหว่คำฟ้องเดิม พร้อมเพิ่มเติมข้อหาอวดวิเศษ มหาวิทยาลัยสงฆ์ "มหาจุฬาฯ" ถูกครอบงำแล้ว ด้วยเหตุผู้บริหารแอบช่วยวัดฉาวมาตลอด
การสางเสี้ยนศาสนา "นายไชยบูลย์ สุทธิผล" อดีตเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ที่ต้องปาราชิก ขาดจากความเป็นพระ ไปแล้วตามลาย พระหัตถ์ สมเด็จพระสังฆราช ทำท่าจะมีการเร่งดำเนินการทางโลก เพื่อถอดผ้าเหลืองออกจากร่าง โดยเฉพาะ การขีดเส้นตาย หากไม่โอนที่ดิน ที่นายไชยบูลย์ถือครอง ให้วัดภายในวันที่ 10 มิ.ย. จะถูกแจ้งความดำเนินคดีอาญา
เดินตามรมว.ยุติธรรม
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ผู้ช่วยเลขานุการรมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ สั่งการให้ กรมการศาสนา ไปดำเนินการ ใน 2 เรื่องคือ 1. ดำเนินการตามข้อเสนอของนายสุทัศน์ เงินหมื่น รมว. ยุติธรรม ที่จะเสนอให้ ดำเนินคดี นายไชยบูลย์ ตามข้อกฎหมาย ของทางโลก ได้แล้ว และ 2. ให้หารือ เป็นการด่วน ไปยังสำนัก อัยการสูงสุด เกี่ยวกับการดำเนินคดี กับนายไชยบูลย์ว่า จะใช้กฎหมายใด และนำข้อเสนอ ของนายสุทัศน ์ไปพิจารณาด้วยโดยเมื่อได้ข้อหารือแล้วให้ดำเนินการโดยทันที
สำหรับ ข้อเสนอของนายสุทัศน์คือให้กรมการศาสนาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องใน 2 ข้อหาก่อน โดยข้อหาแรกเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ โดยใช้ ประ มวลกฎหมาย อาญามาตรา 147 ข้อหาที่ 2 คือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามมาตรา 157 นอกจากนั้น สามารถฟ้องร้อง ข้อหา ยักยอกทรัพย ์ตามมาตรา 352 โดยกรมการศาสนา ยื่นคำร้องต่อศาล ขอตั้งตัวแทน ขึ้นมาฟ้องร้อง แต่การยักยอกทรัพย ์เป็นความที่ยินยอมกันได้ และไม่น่า จะเร่งดำเนินการ ส่วนการแจ้งความเท็จตามมาตรา 137 อาจไม่เข้าข่ายที่จะดำเนินการได้
นายชินวรณ ์กล่าวอีกว่าจะไม่มีการหารือ ใด ๆ อีกแล้วกับวัดหรือตัวแทน ต้องโอนที่ดิน ให้แล้วเสร็จไม่เช่นนั้น ก็ถือเป็นหน้าที่ ของตำรวจ ที่จะมาจัดการ กรมการศาสนา จะต้องเป็นโจทก์แจ้ง ความดำเนินคดีอาญา แต่หากนายไชยบูลย์จะเดิน ทางมาเจรจาเอง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่จะไม่มีการ พูดคุยกับตัวแทน อย่างเด็ดขาด
ไม่โอนออกหมายจับ
ส่วนนายอาคมกล่าวว่า การกำหนดให้นายไชยบูลย์โอนที่ดินคืนอย่าถือว่าเป็นเรื่องข่มขู่ แต่ได้ให้เวลามานานพอสมควรแล้ว ต้องพูดกัน ตามข้อกฎหมาย หากจะต่อสู้ก็ต้องไปคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ที่ผ่านมาก็ได้พยายามประนีประนอมให้มากแล้ว ก็น่าจะพูดกันง่าย ๆ แต่กลับใช้ วิธีแต่งตั้งตัวแทนมาเจรจาตลอด เมื่อมีการเบี้ยว และประกาศจะต่อสู้ก็ให้ไปสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเมื่อตำรวจ รับแจ้งข้อกล่าวหา นายไชยบูลย์ ก็จะเป็นผู้ต้องหาต้องถูกเรียกมาสอบสวน ถ้าไม่มาก็จะถูกหมายจับทันที
"วันที่ 10 มิ.ย. นี้จะให้กรมการศาสนาแจ้งความแน่หากไม่มีการโอนที่ดินให้เสร็จสิ้น อย่าบอกว่าคือเส้นตายเลย เอาเป็นว่า ทุกอย่างต้องเรียบร้อย ถ้าไม่โอนก็ไปคุยกับตำรวจ ที่ผ่านมาก็ไม่อยากใช้กฎหมายบังคับพระ แต่เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องต้องดำเนินการ ขณะน ี้รองอธิบดีกรมการศาสนาก็แจ้งมาแล้วว่าได้ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย 3 เรื่องคือ แจ้งเท็จ ยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานประพฤติมิชอบ"
ขู่จัดการเด็ดขาด
นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กำลังรอคำตอบ จากสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าจะดำเนินคดีอาญาใน 3 ประเด็นคือ ฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้หรือไม่ ซึ่งรายละเอียดเปิดเผยไม่ได้ จนถึงขณะน ี้ยังไม่ได้รับการติดต่อ จากนายไชยบูลย์ และหากว่ายังพยายาม ยืดเยื้อต่อไปอีกก็จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
สำหรับขั้นตอน การนิคหกรรมนั้นก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะถือว่าเป็นคนละส่วนกันกับการดำเนินการตามกฎหมาย ในส่วนของ การนิคห กรรมนั้น กรมการศาสนาพร้อมที่จะสนองงานเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีตลอดเวลา โดยได้ส่งเจ้า หน้าที่สังฆการ ไปรอรับสนองงาน ที่วัดอยู่แล้ว
นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาเปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการวัดพระธรรมกายจะขอเข้าพบนายอาคม ก่อนวันที่ 10 มิ.ย. นั้น ถือเป็นเรื่อง สมควรอย่างยิ่งจะได้มีการปรึกษาหารือกัน และทางกรมจะรับเป็นผู้ประสานงานให้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบอะไรได้
ย่องเงียบเพิ่มหลักฐาน
นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กท.พรรคประชาธิปัตย์ อดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่าในส่วนข้อกฎ หมาย ทุกอย่างชัดเจน และต้องรอเพียงข้อเท็จจริงที่จะนำมาประมวลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายอาญา หรือพูดกันง่าย ๆ คือต้องหา พยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดี เช่น เอกสาร โฉนด การนำสืบถึง ที่มาของที่ดิน อาทิ กรณีเอาเงินไปซื้อเป็นเงินของใคร และได้มาระหว่างเป็นพระหรือสมบัติเก่า เพราะการเอาเงินวัดไปซื้อเป็นความผิด และถ้าเอาเงินวัดไปซื้อทุกอย่างก็ต้องเป็นของวัด
"ผมคิดว่า ข้อเสนอของ รมว.สุทัศน์เป็นต้องดูข้อกฎหมายรอบคอบแล้ว และผมก็เห็นว่า กรมการศาสนา สามารถเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องได้ในข้อหา พนักงานยักยอกทรัพย์ และพนักงานปฏิบัติโดยมิชอบ ผมไม่เคยหวัง เรื่องจะโอนที่ดิน ให้วัดเพียงว่า เรื่องที่ดินทำให้เห็นว่า มีเจตนาแบบไหน พฤติกรรมชัดขึ้นทุกวัน เชื่อว่าในการประชุม ครม. วันที่ 8 มิ.ย. นี้ รมว.สุทัศน์ กับ รมช.อาคม จะคุยกั นเรื่องข้อกฎหมาย"
ขณะเดียวกัน รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา สั่งการให้นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ เดินทางไป เพิ่มนำหลักฐาน การยื่นฟ้อง นายไชยบูลย์เพิ่มเติม จากเดิมที่นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนาไปยื่นฟ้องไว้ เนื่อง จากคำฟ้องของนายมาณพอ่อน โดยฟ้องแค ่เรื่อง 2 เรื่องคือเรื่องที่ดินกับการสอนที่บิดเบือน ตามสำนวนอาจทำอะไรไม่ได้ เพราะในเรื่องที่ดินถ้อย คำยื่นฟ้อง อาจตีความได้ว่า ฟ้องเพียงโฉนดเดียวคือโฉนดเลขที่ 15502 มีที่ดินเพียง 1 ไร่ และคำบรรยายฟ้องก็ผิดเพราะระบุว่าเป็นที่ดินที่ "บริจาคให้" กับวัดแต่นายไชยบูลย์โอนไปเป็นของตัวเอง แต่หลักฐานปรากฏชัดว่าที่ดินผืนดังกล่าวเป็น การ "ซื้อ-ขาย" ไม่ใช่การบริจาค และไม่ได้มีการ ยักยอกเหมือนคำฟ้องของนายมาณพ เท่ากับว่าคำฟ้องผิดข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องคำสอน บิดเบือนคำสอน ตามคำฟ้องเสนอ ความผิดที่ชัดเจนแค่การสั่งให้เลิกสอน ตักเตือนซึ่งเป็นความผิดเล็กน้อย
สำหรับ การเพิ่มหลักฐานของนายเริงฤทธิ์ จะเพิ่มเรื่องที่ดิน นอกจากนั้นจะเพิ่มข้อหาอวดอุตริมนุสธรรมด้วย ซึ่งในคำฟ้อง ของนายมาณพไม่มี
ยอมรับเพิ่มอวดอุตริ
พระปริยัติวโรปการ พระเลขานุการเจ้า คณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า นายเริงฤทธ ิ์ยื่นหลักฐานเพิ่มเติมจริง ในเรื่องที่ดิน และการอวดอุตริมนุสธรรม แต่ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องในฐานะโจกท์ แต่เป็นพยาน ด้านข้อมูลมีเอกสาร ที่เป็นประโยชน ์ต่อการพิจารณาคดี ที่มีการยื่นมาแล้ว ถือเป็นพยานร่วมที่จะเรียกมาให้ปากคำ ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะปิดการรับฟ้อง ร้อง ในรอบแรก เพราะจะต้องพิจารณาคำฟ้องทั้ง หมดที่ยื่นมาแล้ว โดยหลังจากนั้นหากมีมูลจะแจ้งให้ทราบความผิด โดยให้เวลา 7 วัน 15 วัน
ส่วนนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนา กล่าวว่า การยื่นฟ้อง ของตนสมบูรณ ์โดยเฉพาะเรื่องที่ดิน มีนัยครอบคลุม โฉนดหมดเลย แต่ยกตัวอย่างที่ดินที่ปทุมธานี และให้เจ้าคณะปทุมธานีเป็นผู้ไปเจาะสืบเรื่องตามคำ ฟ้องเอาเอง โดยฟ้อง ความผิดลักทรัพย์ 25 ประ เภท และการที่นายเริงฤทธิ์ไปพบเจ้าคณะปทุมธานีก็แค่เอาหลักฐานไปเพิ่ม ระหว่างนี้ เจ้าคณะปทุมธานี สามารถใช้กฎมหาเถรฯ ฉบับที่ 24 ปลดจากการเป็นเจ้าอาวาสได้ เพราะขัดคำสั่งเรื่องโอนที่ดิน ถ้าเจ้าคณะจังหวัดไม่ทำ เจ้าคณะภาค 1 สามารถถอด การเป็นเจ้าคณะจังหวัดได้ เนื่องจากหย่อนความสามารถ
อย่างไรก็ตาม ในแง่การฟ้อง คดีทางโลก ต้องพิจารณาให ้เนื่องจากถ้ากรมการศาสนา ไปเป็นโจทก์ฟ้อง นายไชยบูลย์จะเข้า กฎนิคหกรรมข้อ 35 ที่ว่า หากระหว่างการพิจารณาของศาลสงฆ์ หากเกิดการ ฟ้องร้องทางโลก และเรื่องเข้าสู่ศาลโลก คดีทางศาลสงฆ ์จะยุติถือว่า เข้าทางวัดพระธรรมกาย
เห็นใจหนูน้อยเหยื่อสูบบุญ
พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดมูลจินดาราม กล่าวว่า กำลังพิจารณาคำยื่นฟ้องทั้งหมด ขอให้ผู้ที่ จะมากล่าวหาเพิ่มเติมหยุดก่อน จะได้มีเวลาตรวจสอบเอกสารเสียที หากยังมายื่น กันไม่หยุดก็จะไม่มี เวลาตรวจสอบเรื่องราวที่ยื่นมาก่อนหน้านี้อย่างจริงจัง
สำหรับกรณี นางกนกวรรณ เลิศตระกูลพิทักษ์ ที่เข้าร้องเรียน พร้อมบุตรสาว คือน้องจ๊ะเอ๋และน้องจ๊ะจ๋า ว่าถูกหลอก ให้ทำบุญ กับวัดพระธรรมกายกว่า 2 แสนบาทนั้น ไม่น่าจะเอาผิดได้ เพราะเป็นการสมยอมไม่มีการขู่บังคับ จะว่าถูกหลอก ก็คงไม่ได้ เพราะมีความเชื่อความศรัทธาอยากจะเช่าพระมหาสิริราชธาตุไปบูชาเอง
"อาตมา เห็นใจลูกสาว 2 คน ที่รับเคราะห์กรรมตามมารดา ไม่รู้จะช่วยได้ อย่างไรยิ่งได้ยินข่าวว่า ถูกขู่ด้วย ยิ่งไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร อาตมาไม่ ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้แต่เวทนา ส่วนกรณีนางสาลี่ เพ็ชร์ชูดี จากสุพรรณบุรี ที่ร้องเรียน ถูกยักยอกที่ดินนางสาลี่ยังพูดไม่ชัดเจนยังแบ่งรับแบ่งสู้ ต้องสอบปากคำใหม่อีกครั้ง ส่วนที่เป็นโจทย์ยื่นฟ้องจริง ๆ นั้นเวลาน ี้ยังไม่มี มีเพียงการกล่าวหาเท่านั้น ในส่วนของทางโลกก็ยังดูท่าทีอยู่ว่าจะจัด การอย่างไร ทางสงฆ์เอง ยังเหมาว่า มีความผิดไม่ได้เพราะจะไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ต้องรอให้เรียกตัว มาสอบปากคำก่อน ถึงจะรู้ว่า จะทำอย่างไร ต่อไป ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ แต่ไม่ใช่ความลับแน"
ให้กำลังใจหนูคนกล้า
ทางด้าน ด.ญ.กัลยา เลิศตระกูลพิทักษ์ หรือน้องจ๊ะเอ๋ หนูน้อยวัย 10 ขวบ ที่หาญกล้าออกมา ทวงความ ยุติธรรมให้กับ มารดาที่ตก เป็นเหยื่อถูกวัดพระธรรมกายสูบบุญกล่าวว่า ตนและน้องสาว ด.ญ.นันทิยา หรือน้องจ๊ะจ๋า ได้ไปเรียนหนังสือ ตามปกติ คุณครูหลายคนได้แสดงความปรารถนาดี และจะเป็นกำลังใจให้ได้เงินคืนกลับมาเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน ที่ได้ดูรายการข่าว ทางโทรทัศน์ ก็มาถามว่าเป็นดาราโทรทัศน์แล้วหรือ ซึ่งก็ได้อธิบายให้เข้าใจ ทุกคน ก็อวยพรให้ได้เงิน กลับคืนโดยเร็ว และได้ขออนุญาตจากคุณครูหยุดเรียนหนึ่งวัน เพื่อที่จะเดินทาง ไปกับคุณแม่ ให้ทางสภาทนายความช่วยเหลือ อยากได้เงินคืน เพราะจะเอาไปให้เป็นค่าเล่าเรียนและค่าอาหารที่ติดค้างโรงเรียนเก่า ซึ่งตอนน ี้ที่บ้านขายรถไปแล้ว เพื่อจะได้มีเงินซื้อกับข้าว
ด้าน นางกนกวรรณ เลิศตระกูลพิทักษ์ มารดาของน้องจะเอ๋และจ๊ะจ๋า กล่าวว่า การที่นายมานิต รัตนสุวรรณ ที่ปรึกษา มูลนิธิวัดพระธรรมกาย ระบุว่าจะไม่ให้เงินคืนเพราะจะเป็นแบบอย่างกับคนอื่น ๆ แต่ถ้ามาขอความช่วยเหลือก็ยินดี แต่ต้องมา คุยกันก่อนนั้น หากเรื่องนี้เป็นจริง ก็พร้อมที่จะไปเจรจา และในวันที่ 8 มิ.ย. ตนกับลูก ๆ นัดกับนายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการ สภาทนายความ โดยมีหนทางใดที่พอจะทำให้ได้รับเงินคืนก็พร้อมที่จะทำ ไม่อยากให้ลูกต้องลำบาก ต้องการได้เงินคืน ไปฝากธนาคารเป็นทุนการศึกษาของลูก
เหลนหลวงพ่อสดฟ้องอาญา
ทางด้านนายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการ สภาทนายความ ให้สัมภาษณ์ว่านางกนกวรรณต้องนำหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทั้งหมด พร้อมถ่ายสำเนา บัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านมามอบให้สภาทนายความ ส่วนเรื่องหลักเกณฑ์ ที่ต้องเป็นคนยากไร ้และไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น เรื่องความยากจน เบื้องต้นพอเชื่อได้ว่า จนลงแล้วและพอจะเชื่อได้ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอดูรายละเอียดก่อน
นายธานี มีแก้วน้อย เหลนหลวงพ่อสด จันทสโร ผู้คิดค้าน วิชชาธรรมกาย เปิดเผยว่าตนตกลง จะฟ้องนายไชยบูลย์ และวัดพระธรรมกายอย่างแน่นอน และมีเอกสารหลักฐานพร้อม โดยจะฟ้องร้องคดี ทางโลก หลังจากที่เคยให้โอกาสวัดแล้วจนถึงสิ้นเดือน พ.ค. ที่ตระกูลของตนถูกฉ้อโกงที่ดินมรดก จะบริจาคให้วัด แต่กลับไปทำสัญญาเป็นอย่างอื่น และมีหลักฐานเป็นพินัยกรรมที่ไปค้นพบมา
ทางด้านนายกมล ศรีนอก เลขาธิการสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ระดับสูง มจร. สอบถามว่าสมาคมมีจุดยืนอย่างไรในปัญหาธรรมกาย ตนตอบไป ต้องการรักษาพระธรรมวินัย โดยแทน ที่ มจร. จะเป็นผู้นำทางสังคมกลับห้ามผู้บริหาร วิพากษ์วิจารณ ์ปัญหานี้ เพราะม ีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเอื้อเฟื้อธรรมกายมานาน จึงไม่กล้าแสดงออก
ส่วนนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการและผู้ดำเนินรายการวิทยุ โทรทัศน์ เปิดเผยว่า มจร. กำลังย้อนกลับไปเป็นโรงเรียนทั้งที่เป็นสถาบันสูงสุดของสงฆ์ในการชี้ถูกผิดแก่สังคม แต่ไม่ทำเลย ทั้งปิดกันพระที่ออกมาปกป้องพระศาสนา น่าเสียดายกลับไปถูกกรมการศาสนาควบ คุมทำให้ชาวพุทธข้องใจบทบาทมาก และน่าจะทบทวนเสียใหม่ให้เป็นที่พึ่งกับทุกคนและให้พระนิสิตที่จบจากสถาบันแห่งนี้มีความภาคภูมิใจ.