หนูน้อยวัย 10 ขวบ จูงมือน้องสาววัย 5 ขวบ ขอเป็นโจทก์ฟ้อง"ไชยบูลย์"เป็นเหยื่อบาปบริสุทธิ์ แม่หลงลมไปทำบุญหมดเงินกว่า 2 แสน ถูกกล่อมโรคร้ายหาย ร่ำรวยทันตาเห็น ยกเอาหนังสือโม้สรรพคุณ "พระดูดทรัพย์" ขึ้นมาตุ๋น ขนาดไม่มีเงินสดก็ให้ผ่อนบุญเป็นรายเดือน แต่ทำแล้วยังเจ็บไข้เหมือนเก่า แถมกิจการย่ำแย่ ไม่มีเงินค่าเทอมต้องให้ลูกลาออกมาเรียนโรงเรียนวัด กินข้าวกับไข่ต้มจิ้มน้ำปลาทุกวัน พอไปขอเงินคืนกลับถูกไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ครอบครัวร้าวฉานพ่อหมางเมิน แม่ป่วยซ้ำเป็นโรคซึมเศร้า ร้องเจ้าคณะปทุมฯ-สภาทนายให้ช่วย ก่อภาพสะเทือนใจกอดคอร้องไห้ครวญขอเงินคืนให้คุณแม่จะได้ไปใช้หนี้ "เลขาฯอาคม" ระบุโอนที่ดินยืดเยื้อเกิดจากผลประโยชน์เหล่าสาวกไปซื้อที่ดินดักหน้าหวังผุดคอนโดฯ แบ่งที่ดินขายให้ผู้มาปฏิบัติธรรม ถ้าโอนให้วัดมีหวังเจ๊ง

ท่ามกลางความพยายามสะสางปัญหาพระปลอม "นายไชยบูลย์ สุทธิผล" ที่ต้องปาราชิกขาดจากความเป็นพระไปแล้วตามลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช แต่นายไชยบูลย์ยังสร้างรอยด่างพร้อย ความเศร้าหมองให้กับพระศาสนาไม่รู้จบ ล่าสุดได้มีการเปิดเผยตีแผ่ขบวนการสูบบุญของธรรมกายได้สร้างปัญหาความร้าวฉานให้กับครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง และเด็กน้อยวัย 10 ขวบและ 5 ขวบต้องมาเป็นผู้รับผลกรรม

หนูน้อย 10 ขวบ ฟ้องไชยบูลย์

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา "เดลินิวส์" ได้รับการร้องเรียนเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจจากพฤติกรรมสูบบุญ สูบเลือด สูบเนื้อ ของนายไชยบูลย์ และวัดพระธรรมกาย โดย ด.ญ.กัลยา เลิศตระกูลพิทักษ์ หรือน้องจ๊ะเอ๋ นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนทานสัมฤทธิ์วิทยา ติดต่อร้องเรียน ขอความช่วยเหลือเนื่องจากครอบครัวประสบปัญหาหนักจากการทำบุญกับวัดแห่งนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านเลขที่ 69/755 หมู่ 8 ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี สภาพเป็นตึกแถว 4 ชั้น ริมถนน เป็นร้านรับซ่อม แอร์รถยนต์ ชื่อวีอาร์แอร์ และได้พบกับ ด.ญ.กัลยา หรือน้องจ๊ะเอ๋ วัย 10 ขวบ และ ด.ญ.นันทิยา เลิศตระกูลพิทักษ์ หรือน้องจ๊ะจ๋า วัย 5 ขวบ นักเรียนอนุบาล 2 ที่เป็นน้องสาว วิ่งออกมาเปิดรับผู้สื่อข่าว

น้องจ๊ะเอ๋ นำผู้สื่อข่าวเข้านั่งในบ้านและเริ่มเล่าถึงสภาพปัญหาของครอบครัวว่า ขณะนี้พ่อของตนเพิกเฉยกับนางกนกวรรณ เลิศตระกูลพิทักษ์ ผู้เป็นแม่สาเหตุเพราะแม่นำเงินไปทำบุญกับวัดพระธรรมกายถึง 205,000 บาท ต่อมา ครอบครัว เกิดความเดือดร้อน อย่างหนักเพราะไม่มีเงิน กิจการซ่อมแอร์รถยนต์ย่ำแย่ตามสภาพเศรษฐกิจ สุดท้าย แม่ก็คิดมาก กลายเป็นโรค เศร้าซึมไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยจา และมีอาการไข้บ่อย ๆ

น้องจ๊ะเอ ๋เล่าต่อว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้แม่ของหนูต้องสูญเสียเงินก้อนโตก็เนื่องจากแม่ป่วยออด ๆ แอด ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ และได้มีผู้นำบุญ จากวัดพระธรรมกายชื่อนางนิภา ผ่อนผัน มาชักชวนให้ไปทำบุญไว้กับวัดพระธรรมกาย โดยชักจูงว่า หากนำเงิน ไปทำบุญสร้าง พระประจำตัวที่วัดพระธรรมกาย เพื่อระดมเงินไว้ก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์จำนวน 30,000 บาท จะได้พระ มหาสิริราชธาตุ มาพกติดตัว จะช่วยให้โรคร้ายที่เป็นอยู่หายขาด โดยมีคนพกพระติดตัวแล้วรอดพ้นจากโรคร้ายมาหลายคนแล้ว

"เขายังบอกกับคุณแม่ของหนูด้วยว่า ไม่แค่โรคจะหายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ชีวิตดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา มีฐานะร่ำรวยขึ้น เพราะ พระมหาสิริราชธาตุมีอานุภาพดูดทรัพย์ หนูไม่รู้ว่าดูดอย่างไร ตอนนั้น คุณแม่ของหน ูเชื่อจึงได้ทำบุญ สร้างมหาธรรมกาย เจดีย์เป็นเงิน 30,000 บาท หลังจากทำบุญไปแล้วคุณแม่ก็พาหนูกับน้องจ๊ะจ๋าเข้าวัดด้วย" น้องจ๊ะเอ๋เล่าพร้อม ๆ กับที่น้องจ๊ะจ๋าพยักหน้ายืนยันอยู่ข้าง ๆ

น้องจ๊ะเอ๋ เล่าต่อด้วยน้ำเสียงใส ซื่อว่าผู้นำบุญ คนเดิมหลังจาก ได้เงินไปแล้ว ก็แวะเวียนมาชักชวนนางกนกวรรณให้ทำบุญเพิ่มขึ้นอีกเป็นประจำ โดยบอกแม่ ว่าทำบุญมากปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเร็ว และเพิ่มขึ้น เป็นเท่าทวีคูณ ตามไปด้วย ซึ่งมารดา ก็ได้ทำบุญ ตามคำแนะนำ เป็นประจำ ทุกเดือน

ไถขนาดให้ผ่อนส่งได้

แต่มาระยะหลัง ครอบครัวเริ่มรายได้ลดลง ไม่มีเงินก้อนทำบุญ ทางผู้นำบุญก็เสนอให้มีการผ่อนส่งเป็นรายเดือนได้ น้องจ๊ะเอ๋ เล่าว่าแม ่ก็ตกลง ผ่อนบุญอีก โดยทุกสิ้นเดือนผู้นำบุญจะมาตาม ทวงถามและรับเงินไป ก่อนมาจะมีการโทรฯ มาล่วงหน้าทุกวันกระทั่งวันมารับเงิน จนถึงขณะนี้ ได้บริจาคเงินทำบุญกับวัดพระธรรมกายไปทั้งสิ้น 205,000 บาท ได้รับพระมหาสิริราชธาตุจากวัดรวม 9 องค์

หลังจากเล่าจบ เด็กหญิงจ๊ะเอ๋ก็ได้วิ่งปรื๋อไปที่โต๊ะทำงานที่อยู่ข้าง ๆ โดยได้เอาใบอนุโมทนาบัตรจำนวน 27 ใบมาแสดง ขณะเดียวกัน น้องจ๊ะจ๋า ก็กำพระดูดทรัพย์ 9 องค์ไว้ในมือ 2 ข้าง และวิ่งเอามาให้ผู้สื่อข่าวดูเป็นประจักษ์พยาน

น้องจ๊ะเอ๋ กล่าวว่า หลังจากทำบุญไป ที่บ้านก็ไม่ได้ดีขึ้น มิหนำซ้ำยังเดือดร้อนอีก และหนูต้องการที่จะขอเงินคืน ตอนน ี้ทางบ้านฐานะ ย่ำแย่ รายได้ไม่พอ ใช‰จ่าย ต้องกินข้าวกับไข่ต้มจิ้มน้ำปลาทุกวัน มารดาก็มาป่วยซ้ำอีก

"หนูเรียนอยู่ ป.6 กับน้องจ๊ะจ‹าเรียนอนุบาล 2 ก็ต้องออกจากโรงเรียนเดิมที่เป็นโรงเรียนราษฎร์ เพราะค้างค่าเรียนและค่าอาหารกลางวัน 4 หมื่นบาท และต้องย้ายมาเรียนโรงเรียนวัด ส่วนหนี้เก่าคุณแม่ก็ขอผ่อนผันไว้ก่อน"

น้องจ๊ะเอ ๋เล่าอีกว่าเคยไปเป็นเพื่อนคุณแม่ขอเข้าพบพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เพื่อร้องขอให้ช่วยแต่ก็ไม่ได้พบ

ถูกไล่เหมือนหมู-หมา

ด้านนางกนกวรรณ ผู้เป็นมารดาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หลังจากฟังการเล่าเรื่องจากลูกสาวก็ถึงกับนิ่งอึ้ง หลังจากนั้นนางกนกวรรณค่อย ๆ ข่มใจลงและเล่าว่า ต้นเหตุเคราะห์กรรมที่ต้องไปทำบุญสูญเงินแสนเกิดขึ้นจากการที่ตนป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากรักษาตัวกับแพทย์แผนปัจจุบันหมดเงินไปมากแล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหาย จึงได้หันมารักษาด้วยไสยศาสตร์ จากนั้นจึงมาพบกับนางนิภาผู้นำบุญของวัดพระธรรมกาย โดยนางนิภาอ้างว่ามีคนที่ทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัว และได้พระมหาสิริราชธาตุไว้บูชา ก็ประสบโชคดีและโรคภัยไข้เจ็บขนาดที่ว่าแพทย์วินิจฉัยว่าไม่รอด กลับหายจากโรคร้ายด้วยการสวดบูชาพระดูดทรัพย์ จึงได้เกิดความสนใจที่จะได้พระดูดทรัพย์ไว้รักษาตัว พร้อมทั้งจะได้มีเงินทองมาก ๆจนร่ำรวย

"ยอมรับเลยว่าหวังเป็นอย่างมาก เพราะได้รับหนังสืออานุภาพที่มีเนื้อหาอวดอ้างจากคนที่ได้พระดูดทรัพย์ไปครอบครองแล้วโชคดีทันตาเห็น ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำว่าควรสร้างพระประจำตัวเก็บไว้ภายในมหาธรรมกายเจดีย์ โดยต้องใช้เงินทำบุญ 30,000 บาท"

หลังจากสร้างพระประจำตัวตามคำแนะนำของผู้นำบุญแล้ว นางกนกวรรณกล่าวว่าอาการเจ็บป่วยก็ยังไม่ทุเลาแถมยังเป็นหนักขึ้นอีก ประกอบกับอาชีพของสามีเป็นช่างซ่อมแอร์รถยนต์ กลับประสบปัญหามีลูกค้ามารับบริการน้อยลง ไม่มีโชคเหมือนที่อวดอ้างเลยแม้แต่นิดเดียว ขณะนั้นก็ได้รับคำแนะนำให้ทำบุญเพิ่มแรงบุญจึงได้ทำต่อไปจนเสียเงินเป็นแสน ๆ เมื่อถึงที่สุดแล้วเห็นว่าไม่น่าจะเป็นอย่างที่อ้างตนได้เดินทางไปขอเงินคืนจากทางวัดพระธรรมกาย

ปรากฏว่าทางวัดได้ให้เจรจากับนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ สาวกคนสำคัญของวัดพระธรรมกาย แต่ได้รับการปฏิเสธที่จะนำเงินมาคืน พร้อมให้เหตุผลว่าไม่มีวัดไหนที่คนเอาเงินไปทำบุญแล้วมาขอคืนได้ และกล่าวอ้างว่าวัดพระธรรมกายไม่เคยได้รับเงินทำบุญจากนางกนกวรรณเลย ทั้ง ๆ ที่มีใบอนุโมทนามาแสดงให้ดูด้วย อย่างไรก็ตามนางกนกวรรณกล่าวว่าเรื่องของตนนี้เมื่อมีข่าวออกไประยะแรก วัดอ้างว่าจะให้ก้อนหนึ่ง และให้ลงนามรับ แต่ไม่ได้ให้จริง ขณะนี้ครอบครัว ลำบากจะขอเงินคืนทั้งหมดดีกว่า

เมื่อนางกนกวรรณ เล่ามาถึงช่วงนี้ก็ปล่อยโฮขึ้นมาด้วยความเสียใจท่ามกลางลูก ๆ ทั้งสองคนที่นั่งขนาบข้าง ซึ่งน้องจ๊ะเอ๋ ได้ใช้ชายเสื้อยืด ที่สวมใส่อยู่ ขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผู้เป็นแม่ พร้อมกล่าวปลอบขึ้นมาว่า "แม่ไม่ต้องร้องไห้หรอกถ้าเขาไม่สงสารเรา ๆ ก็ต้องทน" จากนั้น หันมากล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า "วัดพระธรรมกายสงสารคุณแม่หนูด้วย ขอให้คืนเงิน ให้คุณแม่จะได้ มาใช้ให้กับโรงเรียน "ภาพที่สะเทือนใจ เหล่านี้ทำเอาผู้สื่อข่าวที่แม้จะเป็นผู้ชายที่ผ่านโลกผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆมามากก็อดที่จะน้ำตาซึมด้วยความสงสารไม่ได้ นอกจากนี้ น้องจ๊ะเอ๋กล่าวว่าคุณครูที่โรงเรียนได้แนะนำให้ไปร้องเรียนกับพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อขอความ เมตาสงสาร จากพระสุเมธาภรณ์ และให้ไปขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความ เพื่อหาทางช่วยครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งน้องจ๊ะเอ๋ ไปไม่ถูกและยังไม่รู้จะไปอย่างไร

ทางนายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนายความกล่าวว่าตนได้รับคำร้องเรียนจากหนูจ๊ะเอ๋และจ๊ะจ๋าแล้วที่โทรศัพท์ติดต่อมาเอง และได้นัดพบกัน ในวันอังคารที่ 8 มิ.ย. นี้เพื่อตรวจสอบเอกสาร

โอนที่ติดกลุ่มนายทุน

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ เลขานุการรมช.ศึกษาธิการ เปิดเผย "เดลินิวส์" ว่าปัญหา การโอนที่ดิน ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่ง เกิดจากปัญหา กลุ่มผลประโยชน์ ที่ไปแวดล้อมวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะการเข้าไปซื้อที่ดินรอบวัด รวมไปถึงที่ดิน ที่นายไชยบูลย์ เป็นเจ้าของ ในจังหวัดต่าง ๆ

"เท่าที่ได้รับทราบ ข้อมูลก่อนที่จะมีการไปซื้อที่ดินของธรรมกายจะมีคนใกล้ชิดและลูกศิษย์ไปซื้อที่ดินดักหน้าไว้ก่อน จากนั้น ธรรมกาย เข้าไปซื้อ ทีหลัง ที่ดินที่คนใกล้ชิดพวกนี้ไปซื้อมาจะนำมาจัดสรรขาย อาทิ เป็นที่ดินจัดสรร เป็นคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็น ผลประโยชน์ ที่มาจากวัด"

นายชินวรณ์กล่าวอีกว่าเดิมการทำธุรกิจแอบอิงกับธรรมกายจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล เพราะมีลูกค้า แน่นอนคือพวก ลูกศิษย์วัด ที่มีเป็นหมื่น และมีฐานะดี โดยจะมีการโฆษณาโครงการว่าเป็นโครงการเฉพาะของคนที่มีศีลธรรม ไม่มีโจรขโมย

หากมีการ โอนที่ดินให้วัดปัญหาจะเกิดขึ้นทันที เพราะการนำที่ดินของวัดไปดำเนินการจะต้องผ่านขั้นตอนมาก โดยเฉพาะ ต้องผ่านการ พิจารณาของมหาเถรฯ ก่อนด้วย หรือการซื้อ-ขาย เปลี่ยนมือต้องผ่านการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

แฉ 5 โครงการที่ดิน

ผู้สื่อข่าว รายงานว่าปัญหาเรื่องกลุ่มผลประโยชน์ไปพัวพันกับวัดพระธรรมกายนี้ กรรมาธิการการศาสนา ได้ทำรายงาน สรุปว่านอกจาก ชื่อนายไชยบูลย์ ที่เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินทั่วประเทศแล้ว ยังมีสาวกคนสนิท และมีชื่อบริษัท เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย เข้าไปครอบครอง ที่ดินบริเวณใกล้เคียงถึง 404 แปลง เนื้อที่กว่า 2 พันไร่ อาทิ ที่ดินที่ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ของสีกาสนิท

ที่ดิน หลายแปลงได้มีการพัฒนาเป็นโครงการจัดสรรและขายให้กับสาวกของวัดเท่าที่ตรวจสอบมีถึง 5 โครงการ โดยโครงการแรก ตั้งที่พระนครศรีอยุธยา เป็นที่ดินจัดสรรกว่า 2 พันไร่ จุดขายคือเป็นดินแดนของคนดี มีศีลธรรม มารวมกันอยู่ที่นี่ และมีการ โฆษณาการ ขายในหนังสือ ของวัดและใช้กัลยาณมิตรของวัดเป็นคนขายที่ดินด้วย

โครงการที่ 2 เป็นเมืองมหาวิทยาลัย เมืองแห่งความรู้ประกอบด้วยอาคารมหาวิทยาลัย หอพัก และจะเป็น ศูนยŒกลางการ สอนความรู‰ ทางพุทธศาสนา โดยขายเป็นที่ดินเปล่า แต่ขณะนี้ไม่มีการก่อสร้างตามที่อวดอ้างไว้

โครงการที่ 3 เป็นโครงการจัดสรรที่ดินใกล้ ๆ กับวัดพระธรรมกาย และต่อมา ได้ขายที่ดิน บางส่วนให้กับ คนสนิทของวัด เพื่อทำโครงการ คอนโดมิเนียม โครงการที่ 4 และ 5 เป็นโครงการ สร้างคอนโดมิเนียมขายในที่ดินติดกับมูลนิธิธรรมกายหรือวัดพระธรรมกาย โดยที่ดินเดิม เป็นพื้นที่ของวัด แต่ภายหลังวางแผนสร้างคอนโดมิเนียมจึงมีการขายที่ดินและแจ้งว่าเป็นที่ดินบุคคลภายนอก จากนั้น มีการซื้ออีกครั้ง

โครงการ จัดสรรที่ดินหลายแปลงได้มีการระบุว่านายไชยบูลย์เข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ส่งอุบาสก ของวัดพระธรรมกาย ที่ปราวนาตัว จะรับใช้เฉพาะ นายไชยบูลย์เท่านั้นไปก่อตั้งบริษัทพัฒนาที่ดินจัดสรรที่ดินขายด้วย ปัจจุบันอุบาสก เหล่านี้บวชเป็นพระระดับในของวัด รายงานข่าว จากศิษย์วัดพระธรรมกายเปิดเผยว่า การจัดสรรที่ดินยุคแรกนั้นเกิดขึ้นมาเพื่อระดมเงินสำหรับการนำไปซื้อที่ดิน 2,000 ไร่เพื่อขยาย อาณาจักรของธรรมกายในช่วงปี 2528-2529 โดยเป้าหมายขายให้ศิษย์ธรรมกาย และนำเงินมาให้นายไชยบูลย์ซื้อที่ดิน จากนั้นได้มีการ ขยายเครือข่ายธุรกิจออกไปอีกหลายชนิดแต่สุดล้มเหลว

พ.อ. (พิเศษ) ทองขาว รอดพ่วงพันธุ์ เลขาธิการสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า ที่ดินของ นายไชยบูลย์นั้น มีแนวโน้มว่ากลุ่มผลประโยชน์ร่วมลงขันเพื่อซื้อที่ดินเก็บไว้พัฒนา และใช้ชื่อนายไชยบูลย์ การโอนให้วัด จึงจะทำให้เกิดปัญหา จ พระพยอมระบุใกล้เจ๊ง พระพิศาลธรรมพาทีหรือพระพยอม กัลยาโณ ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้า กรณีปัญหาวัดพระธรรมกายว่าได้ผ่านมาถึงจุดสำคัญ ทั้งนี้ถ้าเปรียบวัดพระธรรมกายเสมือนกับร่างกายมนุษย์ ก็เท่ากับว่า เหลือแต่ลำตัวแล้ว ส่วนที่เป็นแขนขาได้ถูกตัดทิ้งจนหมดสิ้น เห็นได้จากผู้ที่เคยปฏิบัติธรรมลดน้อยถอยลงอย่างมาก ที่เหลืออยู่น ี้เป็นส่วนน้อยนิดที่สามารถจำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม ๆ แรกเป็นกลุ่มที่ติดสุขนิมิตที่ได้เห็น กลุ่มที่สองเป็นพวกที่กลัวเสียหน้า และกลุ่มสุดท้าย ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญของวัดพระธรรมกาย กลุ่มนี้เป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่มีการนำเม็ดเงินมาลงทุนทำกิจกรรมร่วมกัน

"เวลาน ี้มีลูกศิษย์มาเล่าให้ฟังว่าสาวกวัดพระธรรมกายเริ่มส่งเสียงโอดโอยกันแล้ว โดยสังคมส่วนใหญ ่ไม่ยอมรับ และกลายเป็น ตัวประหลาด ของสังคม เวลาเดินไปไหนมักพบเจอสายตาของผู้คนมองด้วยสายตาแปลก ๆ การคบหาก็ลดความสนิทสนมลงไปมาก ซึ่งเท่ากับว่า กระแสสังคมเริ่มที่จะกดดันวัดพระธรรมกายมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ยามใดที่ผลประโยชน ์หมดสิ้นกลุ่ม ที่เป็นตัวจักร สำคัญก็จะสลายตัวไปเอง"

ประธาน มูลนิธิวัดสวนแก้วกล่าวด้วยว่า มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงมาก ที่การแก้ไข ปัญหาวัด พระธรรมกาย อาจจบลงจากการ ถูกสังคมกดดัน เมื่อใดก็ตามที่สาวกวัดพระธรรมกายอดทนต่อกระแสกดดันไม่ไหว ก็จะถอยห่างออกจากวัดไปเรื่อย ๆ สุดท้าย อาจ ไม่ต้องรอ กฎนิคหกรรมก็เป็นได้ เพราะสังคมพุทธบริษัทรู้แจ้งเห็นจริงแล้วว่า สิ่งที่ได้ยิน ได้ฟังมา ก่อนเข้าวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่ของจริง โดยของจริง ได้เริ่มปรากฏชัดแจ้งว่าสิ่งใดเป็นพุทธเถรวาสหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ไม่เชื่อว่าพุทธศาสนาจะล้มสลายเพราะการล้มล้างวัดพระธรรมกาย แต่ตรงกันข้ามหลังจากสะสางปัญหาของวัดนี้แล้ว ศาสนาพุทธ กลับจะยิ่งเข้มแข็งขึ้น เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมานี้ทำให้ชาวพุทธสนใจพระธรรมวินัยและศึกษาเรียนรู้พระธรรมมากขึ้น ตอนนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าจะเอาเสียงส่วนใหญ่ หรือคิดได้คะแนนสองสามหมื่นจากวัดพระธรรมกาย

นายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ เปิดเผยว่าในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ตนจะเดินทางไปยังวัดมูลจินดาราม เพื่อถวาย หลักฐาน ข้อมูลเพิ่มเติมกับพระสุเมธาภรณŒ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในคำฟ้องกล่าวหานายไชยบูลย์ต้องปาราชิก อาทิ การถอดเทป คำสอน ที่ผิดเพี้ยน จัดเป็นหมวดหมู่มากยิ่งขึ้น การสอนนิพพานเป็นอัตตาแม้จะมีคำสั่งมหาเถรฯ ไปแล้ว โดยจะมีการ ลงนาม ชื่อผู้ทอดเทป เพื่อเป็นหลักฐานด้วย และมีเอกสารบางอย่างที่วัดพระธรรมกายนำตราสัญลักษณ์ 72 พรรษา ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้ในเอกสารเชิญชวนญาติโยมเรี่ยไร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง

นอกจากนั้น ประเด็นสำคัญคือการกราบนมัสการสอบถามเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ว่าจะรับคำฟ้องเมื่อไหร่ เพราะเหตุใดจึงช้านัก ขณะน ี้ทางโลกคือกระทรวงศึกษาธิการจะฟ้องร้องนายไชยบูลย์คดีอาญา แต่ศาลสงฆ์ไม่ก้าวหน้า และการ พิจารณาหลักฐาน คำฟ้อง มีมูล หรือไม่มีมูลไม่น่าจะใช้เวลานาน

ผู้สื่อข่าว รายงานว่าสำหรับตราสัญลักษณ์ 72 พรรษา ที่วัดพระธรรมกาย นำไปใช ้โดยไม่ได้รับการ ขออนุญาตคือเอกสาร งานบวช อุบาสกแก้ว และมีการเรี่ยไรเงินหาเจ้าภาพด้วย

ล้วงตับ "อาคม"

ผู้สื่อข่าว รายงานอีกถึงกรณีเมื่อเย็นวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผˆานมา เวลา 16.50 น. มีกลุ่มคน เรียกตัวว่า กลุ่มคณะมหาเปรียญธรรม ได้ทำหนังสือ ถึงนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ และสำนักงานเลขานุการรัฐมนตรีรับเรื่องไว้โดยมีการลงเลขรับด้วยแต่ยังไม่มีการเสนอนายอาคม ปรากฏว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้นำข้อความในหนังสือเผยแพร่ไปทั่ว โดยข้อความ ดังกล่าวจาบจ้วง ลายพระหัตถ์ สมเด็จพระสังฆราช ว่าผิดกฎหมาย และเกิดอุกฤษโทษทางพระวินัย ใบปลิวทั้งหมดทำมาจากแก๊งนรกสนับสนุนธรรมกาย เนื่องจาก มีข้อความ เหมือนกับใบปลิว ฉบับอื่น ๆ มิหนำซ้ำตัวหนังสือที่พิมพ์ยังใช้ตัวอักษรเหมือนกันด้วยโดยไม่เปลี่ยนแปลง

นอกจากนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือหนังสือที่ ก๊วนนรกนี้ส่งถึงนายอาคม ก็สูญหายไป โดยได้นำออกไปด้วย และที่ยื่นหนังสือ ก็เพียง ต้องการหมายเลข รับของสำนักงานเลขานุการรัฐมนตรีไปเผยแพร่ทำนองให้เห็นว่านายอาคมรับเรื่องไว้แล้วเท่านั้น

อ้างอวดอุตริ มส. ยอมรับแล้ว

พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่าวันนี้ไม่มีผู้ใดมายื่นฟ้องทั้งที่นัดพระบานเย็น ชินวโร ไว้แล้ว และจะปิดรับเรื่องราวร้องทุกข์ในวันที่ 9 มิ.ย. นี้ เพื่อรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ถ้าข้อไหนผิดจะประทับรับฟ้องต่อไป ขณะนี้มีเวลาพักผ่อนเพียงวันละ 4 ชั่วโมง จำวัดเวลาตีหนึ่งตื่นตีสี่ ต้องต้อนรับทุกคน รวมถึงสื่อมวลชน การตรวจสอบเอกสารล่าช้าลง และเท่าที่มีการพิจารณาคำฟ้องแล้วกรณีนางสาลี่ เพ็ชร์ชูดี คงฟ้องไม่ได้ แต่จะกันผู้เสียหายมาเป็นพยานในคำฟ้องของผู้กล่าวหารายอื่น ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ในรูปคดี

นายมานิต รัตนสุวรรณ ที่ปรึกษามูลนิธิธรรมกายกล่าวว่าการโอนที่ดินนั้นมหาเถรฯ ยังไม่มีคำสั่งออกมาให้พระทั่วประเทศปฏิบัติ การถือครองคงเป็นไปตามปกติ ส่วนการจะใช้กฎมหาเถรฯ ฉบับที่ 21 และ 24 มาสึกหรือถอดถอนจากเจ้าอาวาสออกไปก่อนคนที่เข้าวัดพระธรรมกายยังเชื่อความบริสุทธิ์ของเจ้าอาวาส สำหรับการฟ้องนิคหกรรมมี 2 ข้อหาคือเรื่องอวดอุตริมนุสธรรม เรื่องนี้เคยเข้าสู่การพิจารณาของมหาเถรฯ แล้วถือว่ายุติ ส่วนเรื่องที่ดินต้องดูเจตนารมณ์กันในศาลสงฆ์ เรื่องการลงนิคหกรรมกับการผิดจริยาเป็นคนละเรื่อง แต่มีความพยายามโยงเข้ามาเหมือนกรณียันตระ ซึ่งดูกฎหมายแล้วไม่ใช่ และไม่กังวลเลยหากต่อสู้กันในศาลสงฆ์ทั้ง 3 ศาล และในวันที่ 6 มิ.ย. นายมานิตจะแถลงข่าวเรื่องที่ดินด้วย จ สังฆราชตรวจพระอาการ

เมื่อเวลา 11.30 น. สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกเสด็จไปที่โรงพยาบาลจุฬาฯ จนกระทั่งเวลา 16.00 น. นอ.น.พ.เพิ่มยศ โกศลพันธุ์ รอง ผอ.ฝ่ายวิชการ รพ.จุฬาฯ แถลงพระอาการว่าแพทย์ตรวจระบบขับถ่ายปัสสาวะ และอื่น ๆ พระอาการสมบูรณ์ทุกอย่าง หากยังตรวจไม่เสร็จอาจจะต้องทรงพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน

ล่าสุดเวลา 20.25 น. แพทย์ที่ถวายการรักษาพระอาการสมเด็จพระสังฆราช ก็ได้ลงมติว่าพระอาการปกติไม่จำเป็นต้องทรงอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาล.