แฉอธิบดี กรมศาสนาตกหลุมพราง "ไชยบูลย์" แล้ว ไปลงนาม รับรองแผน การยื้อโอนที่ดินธรรมกาย จนกว่า กระบวนการ ศาลสงฆ์จะสิ้นสุดแล้ว มีผลทางกฎหมายทันที ขัดมติ ครม.ชัดที่ต้องการให้เร่งโอนที่ดินไม่ใช่ผ่อนผันให้ แถมปิดช่อง ฟ้องเดียรถีย์ สภาทนายความ ซัดพระปลอม กลัวถูกสึก ด้วยเสียที่ดินด้วย เลยตีความ กฎหมายผิด ส่อ เจตนา ไม่สุจริต "อาคม" ระบุใกล้จนตรอกสู้ทุกรูปแบบอาจถึงขั้นตั้งลัทธิใหม่ อัยการชี้ช่อง ต้องปลด จากเจ้าอาวาสก่อน แล้วถึงให้ สมภารใหม่เข้าไปฟ้องแทน เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ ขอ 2 วันพิจารณาคำฟ้องรับหรือไม่ เร่ง กรมการศาสนา ส่งข้อมูลเรื่องโอนที่ดินโดยด่วน หากยึกยักเป็นปลาไหลละเมิดจริยาพระสังฆาธิการปลดทันที เสนอ กรมการศาสนา หารือ อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ไล่ส่งเดียรถีย์พ้นพุทธศาสนา การสางเสี้ยนศาสนาพระปลอม "นายไชยบูลย์ สุทธิผล " ที่พ้น จากความ เป็นพระไปแล้วตามลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราช ทำท่าจะประสบปัญหา โดยเฉพาะ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมากรมการศาสนาไปตกหลุมพรางเข้าเต็มเปา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

ตกหลุมพราง "ไชยบูลย์"

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กท. พรรคประชาธิปัตย์ และนักกฎหมาย กล่าวถึง บันทึก การหารือ เกี่ยวกับการโอน ที่ดินวัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็น การไม่สมควรอย่างมากที่นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา และคณะลงนามในบันทึกฉบับดังกล่าวนี้ร่วมกับตัวแทนวัดพระธรรมกาย เพราะเท่ากับว่า เป็นการยินยอม พร้อมใจและเห็นด้วยกับการบ่ายเบี่ยงไม่โอนที่ดินคืนให้แก่วัดพระธรรมกาย นอกจากน ี้ยังเป็นการฝืน มติคณะรัฐมนตร ีที่ได้กำชับให้เร่งรัดการโอนที่ดินให้เสร็จโดยเร็วด้วย

"ผมไม่ทราบ เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมอธิบดีกรมการศาสนาจะต้องไปลงนามในบันทึกฉบับนี้ด้วย จะว่าท่าน ไม่รู้กฎหมาย ก็ไม่ได้เพราะคณะที่ลงนามนั้นเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ทั้งหัวหน้ากลุ่มนิติการ ผอ.สำนักงาน ศาสนสมบัติ รวมอยู่ด้วย หากดูหนังสือของวัดพระธรรมกายที่มีถึงอธิบดีกรมการศาสนาโดยพระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วย เจ้าอาวาสฯ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.นั้น เจตนาชัดเจนอยู่แล้วว่าจะไม่ยอมโอนที่ดินคืนให้วัด การลงนาม ของกรมการศาสนา จึงเป็นการยอมรับข้อเสนอทั้งหมดของวัดพระธรรมกาย"

นายปรีชา กล่าวต่อไปว่า การจะโอนที่ดินหลังกระบวนการนิคหกรรมนั้นก็ไม่มีกำหนดว่าจะเป็นเมื่อใด เพราะไม่รู้ว่า กระบวนการนี้ จะใช้เวลาเท่าใด หนังสือฉบับนี้ กลายเป็นเอกสาร ทางราชการ ซึ่งทางวัด จะหยิบยกมา เป็นข้ออ้าง ในเรื่องการโอน ที่ดินได้โดยตลอด หรือแม้แต่การดำเนินคดีทางอาญาก็จะเป็นเรื่องที่กระทำได้ยาก ที่สำคัญ ก็คือไม่เข้าใจว่า ทำไมอธิบดีกรมการศาสนาไม่เข้าไปเจรจากับนายไชยบูลย์ตัวจักรสำคัญของเรื่องนี้ด้วยตนเอง ทำไมต้อง เจรจากับตัวแทนของวัดที่ไม่มีหนังสือรับรองออกมาแต่อย่างใด

สำหรับบันทึก การหารือเกี่ยวกับการโอนที่ดินวัดพระธรรมกายนั้น มีสาระสำคัญระบุว่า ตามที่ทางวัด พระธรรมกาย ได้นัดหมายว่า จะส่งแผนการโอนที่ดินให้กรมการศาสนาในวันที่ 30 พ.ค.2542 นั้น วันนี้ นายมานิต รัตนสุวรรณ และนายวีระศักด์ ฮาดดา ผู้แทนของนายไชยบูลย์ ได้มายื่นหนังสือต่อกรมการศาสนาว่า นายไชยบูลย์ ยังคงยืนยัน เจตนารมณ ์ที่จะโอนที่ดินให้แก่วัดพระธรรมกาย โดยได้มอบอำนาจให้พระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วย เจ้าอาวาสฯ เป็นผู้รับมอบ อำนาจดำเนินการโอนที่ดินและกรมการศาสนาเป็นผู้ประสานงาน ติดตาม กำกับดูแล เร่งรัด การโอนที่ดิน ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยที่ขณะนี้ได้มีการยื่นฟ้องอธิกรณ์ตามกฎนิคหกรรมแก่นายไชยบูลย์ การดำเนินการ โอนที่ดินดังกล่าว ทางผู้แทนเสนอให้ดำเนินการตามกระบวนการของศาลสงฆ์ยุติก่อน แล้วจะโอน ที่ดินให้วัด พระธรรมกายให้เสร็จสิ้นทันที

แนะหารืออัยการสูงสุด

นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา เปิดเผยว่า การที่กรมการศาสนา จะไปเป็น โจทก์ยื่นฟ้อง นายไชยบูลย ์ข้อหายักยอกทรัพย์นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งจากนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาฯ คงต้องรอให้มี คำสั่งอย่างเป็น ทางการก่อน และก็ไม่แน่ใจว่าอธิบดีกรมการศาสนาจะดำเนินการตามนั้นหรือไม่ ที่จริง กรมการศาสนา ควรจะไปหารือกับสำนักงานอัยการสูงสุดว่ากรมฯสามารถเป็นโจทก์ยื่นฟ้องได้หรือไม่ เพราะ มีหลักฐาน ข้อมูลพร้อมแล้ว หากสำนักงาน อัยการสูงสุด พิจารณาแล้ว เห็นว่า สามารถกระทำได้ก็จะดำเนินการทันที

"ผมเตรียม ข้อมูลไว้หมดแล้ว และการยื่นฟ้องนั้นผมระบุเลยว่าผิดอย่างไร ผิดมาตราไหน ถ้าเข้าสู่ศาลแล้ว รับรองว่าเ รื่องจะยุติทันที ถ้า นายไชยบูลย์ แก้ข้อกล่าวหา ได้ก็ถือว่ารอด ถ้าตอบไม่ได้ก็เสร็จ เรื่องนี้รัฐบาล ควรจะมีการตั้ง คณะกรรมการขึ้นมาศึกษาเรื่องวัดพระธรรมกายให้เป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อในอนาคต จะได้ไม่เกิด เหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นมาอีก"

แฉจนตรอกตั้งลัทธิใหม่

ส่วน นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการที่มีการอ้างเหตุผล การไม่คืนที่ดิน ว่าเพราะกำลัง ฟ้องร้อง ตามกฎนิคหกรรม และจะโอน เมื่อกระบวนการ ศาลสงฆ์สิ้นสุดแล้วนั้น ก็จะให้นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญ พิเศษ กรมการศาสนา เป็นตัวแทน นำข้อมูล ที่ไม่ยอมโอน ที่ดินเสนอต่อ เจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานี เข้าไป อยู่ในข่าย การยื่นฟ้องด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาชัดจะไม่โอน ขณะเดียวกัน จะรายงานพระพรหมโมลีเจ้าคณะภาค 1 ด้วย

"นายมาณพ ต้องทำ 2 เรื่องคือนำเรื่องนี้ไปเพิ่มเป็นข้อกล่าวหาจากเจตนาจะยักยอกเป็นยักยอก และต้องไป สอบถาม เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ ว่าจะรับฟ้องเมื่อไหร่ เวลานี้ ไม่ต้องรอใครมาฟ้องอีกแล้ว ท่านสามารถ รับฟ้องก่อน แล้วค่อยไต่สวน ภายหลัง ส่วนการฟ้องร้องตามกฎหมายต้องให้ไปพิจารณารายละเอียด"

ตามปกติ หนังสือที่วัดส่งมาให้กรมการศาสนาจะมีเจ้าอาวาสหรือรองเจ้าอาวาสลงนาม แต่หนังสือ เรื่องที่ดิน ล่าสุดลงนาม โดยคณะกรรมการ ของวัดที่ตั้งขึ้น ซึ่งไม่ถูกต้อง และต้องพิจารณา ในประเด็น การหลีกเลี่ยง ข้อกฎหมายหรือไม่ ขณะนี้ วัดพระธรรมกาย แสดงท่าทีเหมือนใกล้จนตรอก พร้อมจะสู้รวมถึงไปตั้งลัทธิใหม่

ทางด้าน นายมาณพ กล่าวว่าจะไม่ไปฟ้องเพิ่มเติม เพราะจะเป็นการฟ้องซ้ำ แต่จะนำหลักฐานไปมอบเพิ่มเติม คำยื่นฟ้องเดิม ที่ระบุถึงการลักทรัพย์ก็ครอบคลุมการลักทรัพย์ที่ระบุไว้ทางธรรมทั้งหมด 25 แบบ เพียงแค่มี เจตนาลักทรัพย ์ก็ขาดจากความเป็นพระไปแล้ว ที่ปรากฏหลักฐานชัดเจนคือเรื่องที่ดินที่ใช้ชื่อตัวเอง ต้องพิสูจน ์เอาเงินจากที่ไหนมา เป็นเงินวัด หรือเป็นเงินลูกศิษย์ ก็ต้องดูอีกว่ามีเจตนาเลี่ยงภาษีหรือไม่ การซื้อ ในนามของตัวเอง ก็แสดงเจตนาแล้ว

ส่วนการ จะฟ้องคดีทางโลก ต้องให้อัยการสูงสุด ตีความก่อนว่ ากรมการศาสนา สามารถ เป็นเจ้าทุกข ์ยื่นฟ้องได้หรือไม่ ในฐานะ ผู้เสียหาย เพราะตามกฎหมาย สงฆ์หากมอบที่ดิน ให้วัดก็เป็น ศาสนาสมบัติกลาง ที่กรมการศาสนาจะต้องเข้าไปดูแล

กลัวสึกที่ดินก็หลุดด้วย

นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนากล่าวว่า ตนมอบหมาย ให้คณะทำงาน ประมวลข้อติดขัด ปัญหา การโอน ที่ดินเพื่อ รายงานต่อเจ้าคณะปทุมฯ และพระพรหมโมลี คาดว่าคงเสร็จในวันที่ 3 มิ.ย. และยังจะ ถวาย คำแนะนำ ด้วยว่าจะให้ กรมการศาสนาสนองงานอะไร ส่วนจะเสนอที่ประชุมมหาเถรฯทันการประชุมในวันที่ 3 มิ.ย.หรือไม่ ต้องรอดูขั้นตอน การรวบรวมข้อมูลก่อนหรือพระพรหมโมลีจะเสนอเข้าไปเอง นอกจากนั้น การท ี่ตนลงนาม หนังสือข้อตกลง กับวัดพระธรรมกาย เป็นเพียงข้อหารือไม่ใช่ข้อตกลง และตั้งแต ่เกิดปัญหามา นายพิภพกล่าวว่า ยังไม่เคยพบนายไชยบูลย์เลย

นายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนาย ความ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ไม่ยอมโอนที่ดินแสดงถึงความไม่สุจริตใจ เพราะถ้า มีความสุจริตแล้ว จะโอนไปก็ยังเป็นผู้สุจริต การที่ไปตีความ กฎหมายว่า ต้องรอให้กระบวนการ ศาลสงฆ์ไม่มีเหตุผล รับฟังได้ ผิดทั้งข้อกฎหมาย และพระธรรมวินัย เมื่อประกาศแล้วกลับไม่โอน กฎนิคหกรรม กับการผิดกฎหมาย คนละเรื่อง และกรมการศาสนาเอง ก็ไม่ต้องไปลงนามอะไรอีกแล้ว แค่รับทราบ และดำเนินการ ให้เป็นไปตามเจตนานี้

"ทั้งหมด จะทำให ้เห็นถึงการเข้าข้างตัวเอง คนจะมองได้ว่ากลัวจะถูกสึกด้วย ที่ดินก็หลุดด้วย และการบอกว่า จะโอน หลังกระบวนการ ศาลสงฆ์เสร็จก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ รวมไปถึงหากสั่งสึกไปก่อนที่ดินก็จะติดตัวไปด้วย "

ฟ้อง "ไชยบูลย์" ฉ้อโกงยาก

นายกุลพล พลวัน อัยการพิเศษฝ่ายแผน การช่วยเหลือทางกฎหมาย กล่าวว่า กรมการศาสนา และวัด ต่างก็เป็นนิติบุคคล การที่กรมการศาสนา จะฟ้อง นายไชยบูลย์ไม่โอนที่ดินคืนให้วัดนั้นคงกระทำไม่ได้ เว้นแต่ นายไชยบูลย ์ถูกสอบอธิกรณ์และมีการใช้กฎมหาเถรฯ ฉบับที่ 24 ให้ปลดออกจากตำแหน่ง ผู้ที่มารักษาการแทน จะเป็นผู้ยื่นฟ้อง แทนวัดพระธรรมกายเท่านั้น ส่วนการ พิสูจน์ว่า ผู้บริจาค ต้องการมอบ ที่ดินให้วัดหรือ ให้นายไชยบูลย์นั้น ต้องมีการสืบพยาน ย้อนหลังแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่กระทำได้ยากก็ตาม

นายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ แถลงภายหลัง การประชุม คณะกรรมาธิการ ว่าได้เชิญอธิบดีกรมการศาสนามาชี้แจง โดยเฉพาะเรื่องการโอนที่ดินให้ได้ข้อยุติ และรวบรวมปัญหา อุปสรรคว่าทำไมถึงทำไม่ได้ มีเจตนาจะไม่ปฏิบัติตามเพื่อเสนอให้เจ้า คณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าคณะภาค 1 และกรรมการมหาเถรฯ ต่อไป รวมทั้งมอบให้กรมการศาสนาไปรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกล่าวหาว่ามีอะไรบ้างและมีความคืบหน้าอย่างไร เพราะขณะนี้มีผู้ฟ้องร้องถึง 4 ราย มีข้อกล่าวหา แตกต่างกัน จึงอยากให้เกิดความชัดเจนในการติดตาม

นอกจากนั้น น.ส.พูนสุข โลหะโชติ ส.ส. น่าน พรรคชาติไทย แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า วัดพระธรรมกาย มีการ แจกเงิน ให้พระ-เณรจากวัดพวงพยอม ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน รูปละ 1,000 บาทเพื่อเกณฑ์ ให้มา ร่วมกิจกรรม งานวันวิสาข บูชาที่ผ่านมา และนายอรรถสิทธิ์ ทรัพยสิทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคความหวังใหม่ แจ้งให ้ทราบว่า ที่นครพนม ก็มีพฤติกรรมเช่นนี้ คณะกรรมาธิ การจึงให้กรมการศาสนาไปสอบถามว่าทำไมวัดต่าง ๆ จึงไม่เชื่อฟัง หนังสือของ กรมการศาสนาที่ขอร้องไม่ให้พระเณรมาร่วมชุมนุม

คำฟ้องกรมศาสนาอ่อน

รายงาน ข่าวจากกรรมาธิการเปิดเผยอีกว่านายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ และที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการ ตั้งข้อสังเกตถึงคำฟ้องตามกฎนิคหกรรมของนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้ตรวจราชการ กรมการศาสนา ในประเด็นการยักยอกที่ดินของนายไชยบูลย์น่าจะเป็นคำฟ้องที่อ่อนไป ผิดจากข้อเท็จจริง เพราะไป กล่าวหา ว่านายไชยบูลย์ยักยอกที่ดินที่ประชาชนบริจาคเพียง 1 แปลง มีเนื้อที่ 1 ไร่ โฉนดเลขที่ 15002 ทั้งที่ข้อเท็จจริง จากกรมที่ดินมีหลักฐานชัดนาย ไชยบูลย์ไปซื้อที่ดินใช้ชื่อตัวเองหราอยู่หลังโฉนด

ข้อมูล จากกรมที่ดินแจ้งว่านายไชยบูลย์มีที่ดิน 1,741 ไร่ และใช้ชื่อตัวเองถือครองเกือบ 1 พันไร่โดยการซื้อมาทั้งสิ้น และ เป็นที่น่า สงสัยเอาเงินที่ไหนซื้อ และการที่นายไชยบูลย์ไม่โอนที่ดินถือว่าขัดต่อมติมหาเถรฯเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ให้วัด ปฏิบัติตามมติมหาเถรฯ และมหาเถรฯก็เคยมีมติเรื่องการโอนที่ดินด้วย เท่ากับมีพฤติกรรม ชัด ไม่ทำตาม ลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช และมติมหาเถรฯ สามารถสั่งสึกได้ทันทีตามมาตรา 15 ตรี ของพ.ร.บ. คณะสงฆ์ และยังมีกรณีความผิดอื่นอาทิการยืนยันนิพพานเป็นอัตตา การอวดอิทธิ ฤทธิ์ปาฏิหาริย์ตะวันแก้วมีจริง

ที่ประชุม ยังนำเทปบันทึกรายการที่พระสมชาย ฐานวุฒโฑ และคณะศิษย์วัดพระธรรมกายไปเปิดด้วย และมีความเห็นว่า แนวทางของวัดผิดหลักคำสอนของศาสนาพุทธและมอบเทปให้กรมการศาสนาไปพิจารณาแล้ว

แจ้งดำเนินคดีพระพยอม

เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกันที่ กองปราบปรามฯ ได้มีกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมจากวัดพระธรรมกายประมาณ 20 คน นำโดย นายสำเนา ปั้นสิทธิ์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 195/12 ซอยสยามธรณี ถนนคู้บอน แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน เดินทางเข้าร้องเรียนต่อพ.ต.ท.ระพีพงษ์ สุพรศรี รองผกก. 3 ป. เพื่อกล่าวโทษพระพิศาลธรรมพาที หรือพระพยอม กัลยาโณ ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว ในข้อหาหมิ่นประมาทอดีตสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2542 ขณะที่ถูกเชิญไปออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ข้อความ ดังกล่าวนั้น มีความผิด ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา

ขณะเดียวกัน คณะทำงานฝ่ายประชาสัม พันธ์มูลนิธิธรรมกาย แจ้งว่าตามที่มีการรายงานข่าว จาก สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่าวัดวาง 6 ยุทธศาสตร์สร้างความแตกแยกในสังคม วัดขอปฏิเสธเรื่องน ี้ไม่เป็นความจริงและไม่เป็นธรรมกับวัด ตลอดเวลา 29 ปีที่ผ่านมาที่วัดได้ดำเนินกิจกรรมตามหน้าที่อย่างเต็มกำลัง และมีกิจกรรม ส่งเสริมให้ประชาชนสมัครสมานสามัคคีมีความจงรักต่อสถาบันหลักของชาติมาตลอด โดยวัดทำหนังสือ ถามไปยังสมช.และสื่อมวลชน ที่รายงานข่าวแล้วด้วย

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯและรมว.มหาดไทยกล่าวว่า เรื่องที่ดิน สภ.อ.เมืองปทุมธาน ีต้องดูแล เรื่องข้อกฎหมายด้วย หากมีพบความผิดหรือมีคนแจ้งความดำเนินคดีนายไชยบูลย์ หากพบความผิด และเห็นว่า ไม่ควรประกันตัว ก็ต้องถูกจับสึกทันที หากได้รับการประกันตัวก็ว่ากันใหม่

ขัดมติมหาเถรฯต้องปลด

ที่วัดมูลจินดาราม เมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีชาวบ้าน จากอำเภอคลองหลวง จำนวน 15 คนขอเข้าพบพระ สุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี โดยทั้งหมด ระบุว่าเป็น ตัวแทนของ พระบานเย็น ดวงระยศเพื่อยื่นข้อกล่าวหานายไชยบูลย์ในข้อหาฉ้อโกงที่ดิน แต่ทาง พระสุเมธาภรณ ์ไม่ได้รับหนังสือ คำฟ้องดังกล่าว เนื่องจากว่าพระบานเย็นไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจมา และบอกว่า ให้กลับไป ทำมา ภายใน 2 วัน หลังจากนั้นจะไม่รับคำฟ้อง และจะเริ่มเข้าสู่ กระบวนการ พิจารณาคำฟ้องนายไชยบูลย์ทันที

พระสุเมธาภรณ์ กล่าวถึงเรื่องการเลื่อนโอนที่ดินออกไปจนกว่ากระบวนการนิคหกรรมจะเสร็จสิ้นว่า พอจะทราบข่าว บ้างแล้ว แต่ขณะนี้คงจะต้องรอรายละเอียดเรื่องการเจรจาจากกรมการศาสนาก่อน ถ้ากรมการศาสนา รีบนำเอกสารมาให้และพิจารณาเสนอมาให้ด้วย ก็จะส่งผลให้เรื่องนี้พิจารณาง่ายขึ้น คือหาก ไม่ยอมโอนที่ดิน คืนให้วัดก็ต้องให้ออกจากตำแหน่งไปก่อน เพราะมีระเบียบเรื่องละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ โดยเฉพาะ ในเรื่องของการขัดคำสั่งคณะสงฆ์ สามารถปลดได้ทันที

"ขณะนี้กรมการศาสนาเสนอเอกสารมาบ้างแล้วบางส่วน แต่ยังอ่านไม่ครบจึงไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรได้ จะรับฟ้อง หรือไม่ขอเวลาอีก 2 วันเมื่อครบกำหนดก็จะดำเนินการพิจารณาทันที แต่ขณะนี้ ยังบอกไม่ได้ว่า พระรูปไหน จะอยู่ในคณะผู้พิจารณา"

เจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานีระบุด้วยว่า เคยพบกับพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสฯมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังเคยเตือนว่า วัดพระธรรมกายดูไม่เหมือนวัด ไม่มีลักษณะใดบอกว่าเป็นวัด โบสถ์ก็ไม่เหมือนโบสถ์ ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา มีการบริจาคเงินคราวละมาก ๆ ก็เคยแนะให้เอาไปสร้างโรงเรียน ให้แก่เด็ก พระเผด็จ ก็รับปาก แต่จนป่านนี้ ก็ไม่เคยทำสักที

ด่ายับ "องครักษ์พิทักษ์มารศาสนา"

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ที่อาคาร สว.ธรรม นิเวศ วัดบวรนิเวศวิหาร ยังคงมีผู้มาลงนาม ถวายพระพรสมเด็จพระสังฆราชตลอดทั้งวัน ในจำนวนนี้ทั้งคณะครู-นักเรียนจากมูลนิธิสอนคนตาบอด และคณะนายทหาร จากกรมพลาธิการกว่า 200 นาย ต่อมาเวลา 15.00 น. น.พ.สมพงษ์ สุวรรณวลัยกร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะด้าน โรงพยาบาลจุฬาฯ ได้เดินทางมา ที่คณะเหลืองรังษี เพื่อถวายการ ตรวจปริมาณ น้ำตาลในเส้นเลือด แต่ไม่ได้เข้า ถวายการตรวจ เนื่องจากได้รับแจ้ง จากเจ้าหน้าที่ สมเด็จพระสังฆราชทรงบรรทมอยู่

พระมหาสะท้าน จิตตวโร ผู้สนองงานในสมเด็จพระสังฆราชเปิดเผยว่า สมเด็จพระสังฆราช ยังคงมีพระอาการ อ่อนเพลีย ต้องการพักผ่อน จึงต้องงด การปฏิบัติศาสนกิจ และเลื่อนการอนุญาต ให้บุคคล และคณะบุคคล เข้าเฝ้า ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ส่วนการประชุมมหาเถรสมาคมในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ พระองค์ไม่ได้ทรงรับสั่งใดๆ แต่เชื่อว่า คงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้

พระพิศาลธรรมพาที หรือพระพยอม กัลยาโณ ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว กล่าวถึง กรณีที่นายไชยบูลย ์ยังไม่ยอม โอนที่ดิน ที่ถือครองอยู่ว่า เป็นเล่ห์เหลี่ยม แสดงความปลิ้นปล้อน และการที่นายมานิต รัตนสุวรรณ ออกมาแก้ต่างแทนก็แสดงถึงความเป็น "องครักษ์พิทักษ์ไชยบูลย์" หรือ "องครักษ์พิทักษ ์มารศาสนา"

ส่วนที่มีข่าวว่า เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีเรียกไปตำหนิกรณีออกมาวิพากษ์วิจารณ์มหาเถรฯ จาบจ้วง สมเด็จ พระสังฆราชนั้น ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง การเข้าพบ เจ้าคณะจังหวัด ก็เพื่อยืนยัน ถึงการแสดง ความคิดเห็นที่ผ่านมา และได้ลงนาม ในหนังสือยืนยัน ว่าหากจาบจ้วง สมเด็จพระสังฆราช จริงจะยินยอม ให้จับสึกได้ทันที.