page4

เดลินิวส์ 31/5/2542

ไชยบูลย์เทศน์ยํ้าธรรมกายสู่นิพพาน

พระปลอม ขึ้นเทศน์ตอกยํ้า วิชชาธรรมกายพาทัวร์นรกสวรรค์นิพพาน แถมจับมือญาติที่ตายแล้วได้สบาย ระบุ "ดูดทรัพย ์ปลอม" ระบาด อย่าไปซื้อหา เด็ดขาด 8 ส.ค. จัดงานบุญใหญ่อีกครั้งรำลึกวีรกรรม "ชีจันทร์ ขนนกยูง" ปัดปรมาณ ูไปตกญี่ปุ่น คดีฉ้อโกง ที่ดินสุพรรณฯ ส่อเค้าแท้ง เจ้าทุกข์ กบดานเงียบ พร้อมข่าวลือ รับทรัพย์ รอบใหม ่เรียบร้อย พระวัดฉาว ฟุ้งแค่ชี้แจง ข้อเท็จจริง เรื่อง ก็จบแล้ว ทุกฝ่าย ต้องการ สร้างอนุสรณ์ สถาน หลวงพ่อสด สภาทนายความ ชี้มีสิทธิ์จบ "สาลี่" ไม่เข้าข่ายให้ความช่วยเหลือ "เจิมศักดิ์" ท้า ขอจัดรายการ ตามหา แก่นธรรม ในวัดฉาวประกาศก้องไม่กลัวภัยมืด หวัง "ไชยบูลย์" โผล่หัว ชี้แจง เตือนสต ิอดีตเจ้าอาวาสฯ ทำตัวเป็น ปลาไหลใส่สเกตเจอคดีอาญาแน่ เผยแสดงเจตนารมณ์ว่าจะโอนแล้วต้องทำ

เป็นเวลา เกือบ 10 วันแล้วที่มีการยื่นคำฟ้องปาราชิกนายไชยบูลย์ สุทธิผล อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จาก นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา และนายสมพร เทพสิทธา ประธาน ยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ แต่ก็ยัง ไม่มีการพิจารณา ว่าคดีมีมูลฟ้องพอหรือไม่เพื่อเสนอต่อพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ท่ามกลาง ความสนใจ ของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ

เรี่ยไรไม่หยุดเงินไหลเข้าวัด

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 พ.ค. ผู้สื่อข่าว รายงานบรรยากาศที่วัดพระธรรมกาย ปทุมธานี ภายหลังจาก ที่เพิ่งเสร็จสิ้น งานใหญ่วันวิสาขบูชา และเปิดให ้สื่อมวลชน เข้าทำข่าวได้ แต่ก็ม ีเจ้าหน้าที่ ของวัด ประกบติด ตลอดเวลาว่า ค่อนข้างเงียบเหงา มีผู้มาปฏิบัติธรรม เพียง 3,000 คนเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจาก เพิ่งจะมี งานบุญใหญ่ "วิสาขบูชา" เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในเวลา 09.00 น. เจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ได้ออกมายัง สภาธรรมกายสากล จากนั้นได้นำ สวดมนต์ แก่ผู้มาปฏิบัติธรรม และมีการนั่งสมาธิ ตามปกติ โดย ตลอดเวลานั้น ไม่ได้มีการพูดถึง งานวันวิสาขบูชา ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย

ในส่วนของ สื่อมวลชนนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดพระธรรมกาย ยังคงปฏิบัต ิต่อสื่อมวลชน เช่นเดียวกับ เมื่อวันงาน วันวิสาขบูชา มีการติดตั้ง อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ในการส่งข่าว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแฟ็กซ์ เครื่องพิมพ์ดีด เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว ในเวลากลางวัน ได้มีการจัดอาหาร ให้สำหรับสื่อมวลชนด้วย ที่บริเวณหน้า สภาธรรมกายสากล ท่ามกลางผู้มาปฏิบัติธรรม

สำหรับช่วงบ่ายนั้น ผู้มาปฏิบัติธรรมได้ ทยอยกลับบ้านไปก่อนแล้ว ทำให้เหลือ ผู้อยู่ร่วมกิจกรรม ภาคบ่าย คือการหล่อ พระธรรมกาย ประจำตัว จำนวนไม่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้มี การแสดงธรรม โดยเจ้าอาวาส และรองเจ้าอาวาส แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม รายงานข่าว ระบุว่า มีผู้ปฏิบัติธรรม ได้บริจาคเงิน ให้แก่ วัดพระธรรมกาย เช่นเดิม แต่ก็จำนวนไม่มากนัก

เตือนมี "ดูดทรัพย์" ของปลอม

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นายไชยบูลย์ได้ออกมาเทศนาให้แก่ผู้ปฏิบัติธรรมอีกครั้งในเวลา 14.00 น. โดยได้กล่าวถึง วิชชาธรรมกาย ว่าหากสามารถ ที่จะศึกษา ได้อย่างแจ่มแจ้ง จะสามารถไปถึงนรก สวรรค์และนิพพานได้ จะไปจับมือ ถือแขนสัตว์นรก หรือญาติโยม พี่น้องที่ตายไปแล้วได้ ซึ่งเรื่องนี้ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ เคยสอนไว้ ถือเป็นเรื่องเหนือวิสัยแห่งการนึกคิด แม้แต่ในปัจจุบัน ก็ยังมีคนทำได้ถือเป็นเรื่องแปลกมหัศจรรย์ หากปฏิบัต ิอย่างถูกวิธี ในสิ่งที่เป็นความลับ หรือความเชื่อ ของเรา ก็ถูกเปิดเผย ออกมาเป็นความสว่าง เปิดม่าน แห่งรติกาล เพื่อให้แสงสว่างแก่โลก อย่าไปกลัวคนอื่น เขาจะว่างมงาย เพราะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ อาชีพพระ มีความจำเป็น ต้องพูดถึงเรื่องเหล่านี้ ต้องสอนให้คนรู้เรื่องของบาปบุญ จะต้องโยง ถึงเรื่อง นรกสวรรค ์ถ้าไม่พูดเรื่องนี้ ก็ไม่รู้จะพูดเรื่องไหน

นอกจากน ี้ยังได้กล่าวถึงเรื่องของพระมหาสิริราชธาตุว่ามีอาณุภาพมากมาย แต่ขณะน ี้ต้องระวัง มีคนทำเลียนแบบ และมีการ นำมาขาย ในหมู่ญาติโยม ใน ราคา 2,000 บาท ไปจนถึง 100,000 บาท อย่าไปซื้อ เพราะไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เว้นแต่จะ มีเงินเหลือเฟือ แต่ไม่อยากให ้ที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นที่ ปฏิบัติธรรมนี้ เป็นตลาด กลายเป็นพุทธพาณิชย์ ดังนั้น ก็ขอให้ช่วยกันด ูใครที่เขานำมาขายก็อย่าไปซื้อเขา และใคร ที่ทำอยู่ก็ขอให้เลิกเสีย

ส่งคนแทรกซึมเข้ามาตั้งแต่ปี 2513

นายไชยบูลย ์กล่าวต่อไปว่า มีคนสงสัยว่าตนเองจะคิดการใหญ่เป็นอันตรายต่อบ้านเมือง แต่ถ้า หายสงสัย เมื่อไหร่วันนั้น จะเป็นวันดี จะนิมนต์ พระเณร มาจากทั่วประเทศเพื่อให้ญาติโยมได้ทำบุญกัน สถานที่ สำหรับ การสร้างบารมีนั้น ขอให้ช่วยกัน รักษาไว้ พระเณร มาที่นี่เห็นญาติโยมกลับไปก็ชื่นใจ มีกลับไปไม่ถึง ติดอยู่ กลางทางบ้าง แต่จะไปติดอะไรก็ไม่รู้ไม่อยากพูด พระเรณ เหล่าน ี้อยากจะมาหา เนื้อนาบุญ แต่มาไม่ได้ เพราะมีคนห้าม ไม่ให้มา ขอยืนยัน วัตถุประสงค์แก่ผู้มาปฏิบัติธรรมด้วยว่า มีจุด มุ่งหมาย อยู่ 2 ประการคือ อยากจะไป ให้ถึงที่สุดแห่งธรรมในตัว ไม่ได้ต้องการไปรบรากับใคร และอีกอย่าง ก็คือ อยากจะ ให้ทุกคน เข้าถึง วิชชา ธรรมกาย ที่ต้องสร้างของใหญ่โตก็เพื่อให้ผู้มาปฏิบัติธรรมสบาย เงินที่เอามาสร้างก็เงินญาติโยม

"เอ๊ะ..แบบนี้แล้วหลวงพ่อเป็นคนดีมั้ย"

อดีตเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกายกล่าวต่อไปว่า เป็นที่ถูกจับตาจากทางราชการมาตั้งแต่ปี 2513 เพราะเขา มองว่า เป็นภัย ต่อสังคม เนื่องจากนิสิต นักศึกษา เข้ามาปฏิบัติธรรมและรวมตัวกันมาก เขาส่งคน เข้ามาดูแล บ่อยครั้ง บางครั้ง ก็ปลอมเป็นพระ อยู่ในกลุ่มพวกเรา บางครั้งก็เป็นอุบาสกอุบาสิกา เวลาถามว่า มาจากไหน ก็เลี่ยง ๆ ไม่ตอบ บางคน อยู่นานจนทนไม่ไหว ก็สึกออกไป ส่งคนอื่นกลับเข้ามาแทนหมุนเวียนอยู่อย่างนี้

นายไชยบูลย ์กล่าวต่อไปว่า มีคน มาเล่าให้ฟังว่า ได้คุยกับ ผู้สื่อข่าวบางคน บอกว่าที่ต้องเขียน ข่าวแบบนี้ เพราะ คนทั่วประเทศชอบ จึงต้องเห็นใจ สื่อมวลชนเพราะ กระแสชอบแบบไหนก็ต้องเขียนตามนั้น แต่กระแส ความคิดคนนั้น เปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น พวกเราต้องบอกสื่อทุกสื่อ เขียนจดหมาย หรือโทรฯไปก็ได้ ต้องช่วยกันนะ จะเป็นหมื่น เป็นแสนเป็นล้านทั่วประเทศเลยก็ได้ แต่ต้อง เขียนไปบ่อย ๆ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง พระเณร ก็เขียนได้ สื่อมวลชน จะได้ไม่มีข้ออ้าง

นอกจากนี้ นายไชยบูลย์ยังกล่าวอีกว่า ได้ยินว่าบางฉบับลงรูปตนแล้วสวมเสื้อสูทให้ด้วย อันนี้ไม่ว่ากัน เพราะ อยู่บน สภา ธรรมกายสากล มันหนาว แต่ที่สำคัญคือ เรื่องชื่อ เพราะตั้งแต ่บวชมา เริ่มลืมชื่อ ฆาราวาส ของตัวเองไปแล้ว แค่นึกถึง ก็รู้สึกเขิน เหมือนเดิน ในตลาดโดยไม่มีเสื้อผ้า มันอายถึงขนาดนั้น ชวยกันไป บอกหน่อยนะ ว่าอย่าเรียกว่านายไชยบูลย์เลย ขอให้เรียก ธัมมชโยเถอะ จะเติมคำ นำหน้าว่า นายมิสเตอร์ หรือแม้แต่ไอ้ก็ ไม่ว่า

อีกแล้ว 1 มิ.ย.หารือโอนที่ดิน

พระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กล่าวถึงเรื่อง การตั้งกองทุน ปกป้อง พระพุทธศาสนา และวิชชาธรรมกายว่า ขอยืนยันว่า ทางวัด ไม่ได้เป็น ผู้ดำเนินการ แต่ทราบว่า วัตถุประสงค ์ของการใช้เงิน ก้อนนี้มีกว้างๆ คงไม่ได้นำมาใช ้เพื่อวัดพระธรรมกายอย่างเดียว ทั้งน ี้อยากฝากให ้ตั้งข้อ สังเกต องค์กร พุทธที่ออกมา เคลื่อนไหวในตอนนี้ โดยเฉพาะ คณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา ที่ตั้งศูนย์เฉพาะกิจ กรณี ธัมมชโยขึ้น ซึ่งในส่วนของ ผู้ที่เป็นแกนนำ ที่ชื่อ นายปรีดา เรืองวิชาธร ขอให้ ตรวจสอบว่า เป็นชื่อจริง ของเจ้าตัวหรือไม่ เพราะเราตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นคนละคนกัน ตัวจริง ที่ใช้ชื่อนี้ เป็นผู้หญิง ทำอะไร อย่าคิดว่า คนอื่นเขาจะไม่รู้ เรื่องนี้ หากตำรวจ ตรวจสอบแล้ว พบว่าจริงก็สามารถ ตั้งข้อหา ใช้ชื่อปลอม ก่อความไม่สงบได้

ส่วนที่ นายไชยบูลย ์เชิญชวนญาติโยมให้มาร่วมกิจกรรมที่วัดในวันที่ 8 ส.ค.นั้น พระปลัดสุธรรมกล่าวว่า วันดังกล่าว เป็นวัน ระลึกถึง การทิ้ง ระเบิด ปรมาณู ที่ประเทศญี่ปุ่น ทางวัด ได้ร่วมกับ องค์กร พุทธศาสนิกสัมพันธ ์แห่งโลก และยุวพุทธสัมพันธ ์แห่งโลก เชิญชวน ญาติโยม มาร่วมรำลึกถึง สันติภาพ อีกทั้ง ยังเป็นวัน สมาธิโลกญาติโยม จะได้มาร่วมปฏิบัติธรรม ส่วนจะนิมนต์ พระเณรทั่วประเทศ มาด้วยห รือไม่ยังไม่ได ้สอบถามรายละเอียด

สำหรับ เรื่องระเบิด ปรมาณูนี้ทางวัดพระธรรมกายเคบระบุว่าจะต้องตกในประเทศไทยแต่แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง มีอิทธิฤทธิ์ปัดป้อง ภัยให้ไปตกในประเทศญี่ปุ่นได้

ด้าน นายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ตนและนายมานิต รัตนสุวรรณ จะเดินทางไป ที่กรมการศาสนา เพื่อหารือ เรื่องเงื่อนไข การโอนที่ดิน ที่มีชื่อ นายไชยบูลย์ถือครอง ให้เป็นของ วัดพระธรรมกาย

ร้องรับค่านายหน้าธรรมกาย

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ปทุม ธานีว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 08.00 น. ได้เห็นพระองค์หนึ่ง ซึ่งสอนพระปริยัติของวัดสว่างภพ มีพระปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งเป็นเจ้าอาวาส ได้เกณฑ ์พระภิกษุสามเณรจำนวน 95 รูปไปร่วมกิจกรรม งานวิสาขบูชา ของวัดพระธรรมกาย โดยที่ทางวัดได้จัดเตรียม รถบัส มารอรับ ประมาณ 4 คัน หลังจากท ี่เห็นเหตุการณ ์ได้นำความ ไปแจ้งให ้แก่ เจ้าอาวาสวัด ทราบแต่ปรากฏว่า เจ้าอาวาส วัดไม่อยู่ จึงได้เข้าไป สอบถาม และต่อว่าพฤติกรรมของพระรูปดังกล่าวว่าไม่เหมาะสม แต่ได้รับการ ตอบโต้ก ลับมาโดยบอกว่า ไม่ต้องมายุ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องของพระชื่อเสียงของพระ โยมไม่เกี่ยวข้องด้วย

ผู้ร้องเรียน กล่าวว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระรูปนี้เกณฑ์พระภิกษุสามเณรไปช่วยงานกิจกรรมต่าง ๆ ของวัด พระธรรมกาย โดยทุกครั้ง จะได้รับ ค่าตอบแทน จากวัดพระธรรมกาย ครั้งละ 3,000-4,000 บาท ในขณะท ี่พระภิกษุสามเณร ที่ไปร่วมเหล่านั้นจะได้รูปละ 1,000 บาท

สามเณร หลี่เจง แซ่ห้าว อยู่อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมปีที่ 6 และสามเณรวิโรจน์ แซ่ซ้ง อยู่อำเภอบัว จังหวัดน่าน เรียนอยู่ชั้น ม.2 เล่า ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า มาช่วยงาน ที่วัดพระธรรมกาย เป็นประจำ ทุกครั้ง ซึ่งทางวัด ก็จะดูแล เป็นอย่างด ีก่อนกลับ ก็จะให้พระภิกษ ุสามเณร ที่มาร่วมงานเข้าแถว เพื่อรับปัจจัย รูปละ 1,000 บาท โดยส่วนใหญ่ พระ-เณร ที่มาร่วมงาน จะอยู่ทางภาคเหนือเป็นชาวเขา ครั้งนี้ที่มา ก็เพราะพระจาก วัดสว่างภพ เป็นผู้จัดพามา อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ ทางวัด ได้หัก ค่าพาหนะ พระ-เณรเหล่าน ี้รูปละ 100 บาท

อำนาจเงินสลายคดีฉ้อโกงที่ดิน

พระสมชาย ฐานวุฑโฑ ผู้อำนวยการฝ่ายเผยแผ่วัดพระธรรมกาย เปิดเผยถึง เรื่องที่ดิน ที่ยังเป็นชื่อ นายไชยบูลย์ และยังไม่มี การโอน เป็นของวัดว่า ที่ดินทั้งหมด ขอยืนยันว่าเป็นการมอบให้เป็นปัจจัย เจ้าของที่ดินเดิม ไม่มี ความประสงค์ จะมอบให้วัด เป็นศรัทธาส่วนตัว แต่ให้ใช้ใน กิจกรรมเผยแผ่ศาสนา และใช้เป็นสถาน ที่ปฏิบัติธรรม เหตุที่ต้อง ใส่ชื่อนายไชยบูลย ์เป็นเจ้าของที่ดิน ก็เพื่อสะดวกในการดำเนินการ หากว่าใช้ชื่อวัด ก็จะเป็น ที่ธรณีสงฆ์ เมื่อจะนำไปใช้ ประโยชน์ก็จะต้องติดขัด เพราะจะต้อง ขออนุญาตทางมหาเถรฯ หากจะให้โอน ให้วัดก็ต้องถามเจ้าของที่ดินเดิม เพราะ เขาคงไม่แน่ใจว่า เจ้าอาวาส คนใหม่ จะทำตาม ประสงค์ ที่ผู้บริจาคต้องการหรือไม่

ส่วนกรณ ีที่มีการกล่าวหาฉ้อโกงที่ดินที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรีนั้น พระสมชายกล่าว ว่า เรื่องดังกล่าว เป็นเรื่อง เข้าใจผิดกัน เท่านั้น ข้อเท็จจริง ก็คือทางมูลนิธิธรรมกาย ต้องการก่อสร้างอนุสรณ์สถานหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในบริเวณดังกล่าว เนื่องจาก บริเวณนั้นหลวงพ่อสดเคยอยู่มาก่อน และหวัง ที่จะให้ญาติโยม บริเวณนั้นได้กราบไหว้ระลึกถึง ต่อเมื่อ มีการพูดคุย ทำความเข้าใจกัน เรื่องนี้ก็จบกันไป

นายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนายความ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการกรณีที่นางสาลี่ ได้ร้องเรียนให ้คณะกรรมการ ฝ่ายช่วยเหลือ ทางกฎหมาย สภาทนายความช่วยเหลือ โดยระบุว่า ถูกทางวัดพระธรรมกายฉ้อโกงที่ดินว่า หลังจากได้ พิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับจาก ทางฝ่าย นางสาลี่แล้ว นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความเห็นว่า จำเป็นต้อง ตรวจสอบ ข้อเท็จจริง เพิ่มเติม จากผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ชัดเจนก่อน จึงดำเนินการฟ้องร้องได้ มิฉะนั้น อาจจะมีปัญหา ภายหลัง ซึ่งจะทำให้สภาทนายความเสื่อมเสีย โดยเฉพาะกรณี ที่ทางวัดอ้างว่า ได้มีการจ่ายเงิน ให้นางสาลี่อย่างถูกต้องแล้ว ก็ต้องไปตรวจสอบ บัญชีธนาคารว่า มีหลักฐานในเรื่องนี้หรือไม่ รวมถึง ต้องตรวจสอบ กับเจ้าของที่ดินใกล้เคียงรายอื่น ๆ ด้วย

นอกจากนี้ ทางสภาทนายความ เองก็มีกฎเกณฑ์ว่า จะให้ความช่วยเหลือ ประชาชน ทางด้านกฎหมาย กรณีที่เป็นผู้ ยากไร้จริง ๆ และไม่ได้รับ ความเป็นธรรม ซึ่งตรงน ี้ก็ต้องตรวจสอบ ด้วยว่า นางสาลี่อยู่ในข่าย ผู้ยากไร้ หรือไม่ ถ้าไม่ใช ่ทางสภาทนายความ ก็คงดำเนินการ ให้ไม่ได้แม้ว่าจะมีหลักฐานชัดเจน อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ก่อน ทางคณะทำงาน ก็ได้เดินทางไป พบ นางสาลี่ที่บ้าน และทราบว่า นางสาลี่เองก็มี คณะทนายความ ในส่วนของตน อยู่ชุดหนึ่งด้วย ทั้งนี้ที่มีการมองกันว่า วัด อาจจะส่งคน ไปเจรจา จ่ายเงินให ้นางสาลี่ และอาจจะมีการเปลี่ยนใจไม่ฟ้องร้องทางคดีอาญานั้น นางสาล ี่และญาติ ๆ ไม่ได้มีการ กล่าวถึงเรื่องนี้กับทางคณะทำงานของสภาทนายความ

ชี้วัดฉาวตีความก.ม.อาญาผิด

นายวันชัย กล่าวถึงเรื่องที่วัดพระธรรมกายระบุว่า หาก นายไชยบูลย์ โอนที่ดิน เป็นชื่อวัด จะมีความผิด คดีอาญาว่า เป็นความเข้าใจ ที่คลาดเคลื่อน เพราะหากว่า นายไชยบูลย์มั่นใจว่าที่ดินนั้นได้มาโดยสุจริต ผู้บริจาค มอบให ้เป็นส่วนตัวแล้ว ก็ไม่ต้องกลัว ความผิดคดีอาญา แต่หากว่า ได้มาโดยไม่สุจริต ไม่ว่าจะ เก็บไว้เอง หรือโอนให้วัดก็มีความผิดอาญาอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายไชยบูลย์ ได้ประกาศแล้วว่า จะโอน ที่ดินทั้งหมด เป็นชื่อวัด จะมาหาเหตุอ้างไม่โอนที่ดินไม่ได้ และหลังจากนี้ หากยังบิดพลิ้วไม่โอนที่ดิน กรมการศาสนา สามารถเป็นผู้เสียหายฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาได้

นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการและผู้จัดรายการ"ตามหาแก่นธรรม" เปิดเผยถึง กรณีที่วัดพระธรรมกาย มีท่าทีต่อ สื่อมวลชน เปลี่ยนไปว่า โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่า วัดพระธรรมกาย ประเมินแล้วว่าตัวเองจะไปไม่รอด จึงต้องพยายาม ทำทุกอย่างหาพวก แม้จะต้องฝืนใจ มากก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องที่ดี พราะขณะนี้ ทุกอย่าง ควรเปิดเผยหมด แล้วสื่อมวลชนจะต้องเข้าไปตรวจสอบได้ ที่ผ่านมา วัดพระธรรมกาย แก้ไขปัญหา อย่าง ไม่ถูกต้องเหมือน กับพยายาม ปกปิด ข้อมูล บางอย่าง และได้พยายาม ประสานงาน เพื่อเข้าไป ดำเนินการ รายการ ตามหาแก่นธรรมในวัดพระธรรมกายหลายครั้งแต่ไม่ได้รับการตอบรับ

"ผมยืนยันว่า ฝ่ายจัดรายการพร้อมเสมอที่จะเข้าไปจัดรายการในวัดพระธรรมกาย และพร้อมที่ จะให้นายไชยบูลย ์ชี้แจง ถึงแม้ จะเป็นการ ชี้แจง ฝ่ายเดียวก็ตาม ขอท้าให้ วัดพระธรรมกาย เปิดโอกาสให้เข้าไปจัดรายการ โดยไม่ห่วงเรื่องความปลอดภัย"

วัดฉาวเอาคนไม่รู้เรื่องนิพพานมาอ้าง

นายกมล ศรีนอก เลขาธิการสมาคมศิษย์เก่ามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยกล่าวถึงกรณีที่พระสมชาย ฐานวุฑโฑ ผอ.ฝ่ายเผยแพร่ วัดพระธรรมกาย ยังยืนยันว่า นิพพานเป็นอัตตาโดยอ้างข้อความของนายสมภาร พรมทา ผอ.ศูนย์ศาสนศึกษา จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ที่ว่าในพระไตรปิฎก มีข้อความ ระบุว่า นิพพาน เป็นอนัตตา ที่เดียว ที่เหลือ เป็นคัมภีร์ บริวารและพระธรรมปิฎก ก็ยอมรับว่า คัมภีร์บริวารนั้น แต่งขึ้นใหม ่โดยพระเถระ รุ่นหลัง โดยระบุว่า เดิมคิดว่า ทางวัดพระ ธรรมกายคงจะได้อ่านหนังสือ "กรณีธรรมกาย" ซึ่งเขียน โดยพระธรรมปิฎกแล้ว แต่ที่ออกมาพูดเช่นนี้แสดงว่าไม่ได้สนใจ ไม่ได้อ่าน ดันทุรังดื้อดึง ไปค้นหา ผู้ที่มีแนวคิด ตรงกันว่า นิพพานเป็นอัตตามาอ้าง ตนรู้สึกสมเพช เหตุใดจึงไม่คำนึงถึงภูมิหลังของบุคคลที่นำมาอ้าง ซึ่งเปรียบไม่ได ้กับพระสังฆราช และพระธรรมปิฎก

ทั้งนี้ นายสมภารนั้น เดิมเป็นศิษย์เก่า มจร. เรียนศาสนาในแง่ปรัชญาแต่ไม่เข้าใจว่าศาสนาเป็นเรื่องของสัจจธรรม อีกทั้ง ชอบอ้างว่า ตัวเรียนจบจากจุฬาฯ ดีกว่า จบจาก มจร. ทั้งที่ปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษของ มจร. เพื่อรับเงินเดือน เพียงอย่างเดียว เป็นศิษย์ลืมครู นอกจากน ี้ครั้งหนึ่ง ยังเคยสร้างเรื่อง ให้เกิดกับ พระธรรมปิฎก ถึงขนาดทำให้ท่าน ต้องแสดงความรับผิดชอบ ลาออก จากตำแหน่งอธิการบดี มจร. ทั้งที่ไม่ใช่เรื่อง

สั่งปิดปากพระผู้บริหารมจร.

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า พระระดับผู้บริหาร มจร. ได้หารือ แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการ ดำเนินการ ของหน่วยงาน ราชการ ที่เกี่ยวข้อง กับกรณ ีปัญหาธรรมกาย โดยเฉพาะ กรมการศาสนา และมหาเถรฯ ซึ่งข้อหารือ ดังกล่าวนี้ ได้มีการนำเข้าสู่ วาระจรในการประชุมสภา มจร. โดยพระราชวรมุนี อธิการบดี มจร.ได้กล่าว ในที่ประชุม พร้อมนำหนังสือ ของนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาฯและนายนิพนธ์ บุญญภัทธโร รองเลขาธิการ นายกรัฐมนตรีคนละ 1 ฉบับมาแสดง โดยหนังสือ ดังกล่าว ต้องการให้มีการ ทบทวน บทบาทที่ผ่านมา และขอให้หยุด วิพากษ์วิจารณ์ กรณีปัญหาวัดพระธรรมกาย

ในการประชุม ครั้งนั้น ได้มีพระผู้บริหาร ชี้แจงถึงการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการแสดงให้ประชาชน ได้รับทราบ คำสอน ที่ถูกต้อง ตามพระธรรมวินัย เป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิด ความสับสน อีกทั้ง เป็นการกระทำ เพื่อปกป้อง พุทธศาสนา อย่างไรก็ตามอธิการบดี มจร.ได้ชี้แจง ที่ประชุมว่า ตลอด 7 เดือน ที่ผ่านมา มจร.ได้ชี้นำ จนกระทั่ง มีการนำไปสู่ กระบวนการนิคหกรรมแล้ว และต่อไป ต้องใช้เวลา จึงอยากให้หยุด วิพากษ์วิจารณ ์เพราะอาจจะ กระทบกระเทือน ต่อสถาบันได้ จึงสั่งห้ามพระทุกรูปให้ข่าว ยกเว้น พระศรีปริยัติโมลีเท่านั้น

แจงข้อหารือสมเด็จฯวัดชนะ

พระครูสาทร ธรรมนิเทศน์ เจ้าอาวาสวัดหนองสนม ศูนย์เผยแพร่พระพุทธศาสนา จ.ระยอง กล่าวถึง กรณีที่ วัดพระธรรมกาย ยืนยันว่า สิ่งที่คิดที่ทำอย ู่ถูกต้องว่า วัดพระธรรมกาย ไม่เกรงกลัวมติมหาเถรฯ เพราะ ใหญ่โต เสียแล้ว ใครที่ออกมา ชี้แจงสิ่งที่ถูกต้อง ก็มักจะเปลืองตัว ถูกหาว่าอิจฉา ก็ต้องรอดูว่า หน่วยงานที่ตรวจสอบ การปฏิบัติตาม มติมหาเถรฯ ของวัดพระธรรมกายจะดำเนินการอย่างไร

ในวันเดียวกันนี้ ที่วัดมูลจินดาราม พระปริยัติวโรปการ เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต และเจ้าคณะอำเภอธัญบุรี พระเลขานุการ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยถึง การหารือกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม และเจ้าคณะใหญ ่หนกลางเมื่อ วันฉลองพัดยศ พระสุเมธาภรณ์�เจ้าคณะจังหวัดว่า สมเด็จ พระมหาธีราจารย์ ได้สอบถาม ความคืบหน้า ในการดำเนินการ สอบสวนตาม กฎนิคหกรรมนายไชยบูลย์ว่า ขณะน ี้ได้มีโจทก์ มายื่นฟ้อง ทั้งหมดกี่ราย พร้อมสั่งกำชับ ให้อ่านสำนวน คำฟ้องให้ละเอียด ถี่ถ้วน เพื่อจะได้ไม่เกิด ความผิดพลาด ในการพิจารณา อย่างไรก็ตาม เรื่องอื่นๆนั้น ยังไม่อยากชี้แจง ในเวลานี้

พระพิศาลธรรมพาที (พระพยอม กัลยาโณ) ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้วกล่าวว่า เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ว่า เจ้าอาวาส ไม่ยอมคืน ที่ดินให้วัด ตรงตามข้อมูล ที่ทราบกันว่า ที่ดิน ที่ได้มา จากการที่กลุ่มบุคคล ได้เข้าหุ้นกัน กว้านซื้อ หากยอมโอน เป็นกรรมสิทธิ์ ของวัดก็ขาดทุนย่อยยับ ส่วนกรณี ที่ยังเชิดช ูวิชชาธรรมกายนั้น เป็นการ แสดงให้เห็น ชัดเจนว่า ต้องการประกาศ แยกตัว ไปเป็นนิกายใหม่ ทางที่ดีคือ ทำความเข้าใจ กับชาวพุทธ เพื่อเขา จะได้ฉลาดขึ้น จะเห็นว่า ในวันงานวิสาขบูชา มีผู้คนไปร่วม ไม่ตรงตามเป้าหมาย 100,000 คนแสดง ความศรัทธา กำลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด