page4

เดลินิวส์ 25/5/2542

คุ้มกันพระพยอม-ธรรมปิฎกข่าวรั่วมือปืนรับงาน เสฐียรพงษ์-เจิมศักดิ์ชีวิตตกอยู่ในอันตราย

ส่งมือปืน ปองร้าย 4 บุคคลสำคัญ"พระธรรมปิฎก-พระพยอม-เสฐียรพงษ์-เจิมศักดิ์"ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้วบอกรู้แล้ว ตำรวจเต็มวัด จะไปไหน ขอคุ้มกัน 2 คันรถ ส่วนราชบัณฑิต ยังไม่รู้ตัวแต่ยอมรับ มีสายสืบสะกดรอยตลอด พระสุพรรณฯ โผล่แจ้ง กองปราบฯ อ้างลายพระหัตถ์ปลอม ประสานงาน กับการยื่นหนังสือถึงนายกฯ ให้สอบ เคลื่อนไหว เหมือนใบปลิว หนุนรับ กระแส ปลุกม็อบ "ลาตาย" แสนคน หมอประดิษฐ์ชี้ งานนี้ พูดซ้ำรอย "ยันตระ" โฆษกรัฐบาลยืนยัน "ชวน" เคยได้รับ ลายพระหัตถ์จากประมุขสงฆ์ เจ้าคณะปทุมฯ เบรกถ้าก่อกวน จะปลดจาก เจ้าอาวาสทันที พูดชัดคำฟ้องมีมูล จะผิดข้อไหน ย่อมรู้แก่ใจตัวเอง สำนักราชเลขาธิการชี้แจงไม่เคยพระราชทานรางวัลใด ๆ ให้กิจกรรมธรรมกาย มีแต่พระราชทาน โล่ให้ชมรม พุทธศาสตร์สากลฯ ส่วน "ธัมมชโย" เคยทำหนังสือในนามมูลนิธิ ขอพระราชทาน ผ้าเฉวียงบ่า แต่เห็นว่า ไม่สมควร ที่จะพระราชทาน ประชุมมหาเถรฯ ไม่มีอะไรใหม่ ยกเว้นยุติแผนตั้งอนุกรรมการล้างลายพระหัตถ์พระสังฆราช

ความเคลื่อนไหว ในการจัดการเสี้ยนศาสนา "ไชยบูลย์ สุทธิผล" อดีตพระธัมมชโย ปรากฏสัญญาณความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะ นายไชยบูลย ์ประกาศระดมสาวก 1 แสนคน มาที่วัดตั้งแต่วันนี้ไปถึงในวันที่ 29 พ.ค.นี้ เป็นการแสดงพลัง และมาร่วม แจกรางวัล พระ-เณรที่ชนะประกวดตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า จ ย้ำหลักฐานความผิดชัด

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่วัดมูลจินดาราม จ.ปทุมธานี พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยถึง กรณีที่วัดพระธรรมกาย ระดมศิษย์ 1 แสนคน มารวมกัน ที่วัดพระธรรมกาย ในวันที่ 29 พ.ค. เพื่อกดดันการพิจารณาโทษนายไชยบูลย์ว่า ทุกอย่าง ต้องพิจารณา จากความถูกต้อง ถ้าตัดสินออกมา ขัดกับความเป็นจริง หรือเบี่ยงเบน เป็นอย่างอื่นนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เท่าที่เป็นอยู่นี้ ไม่เห็นว่า มีอะไรมากดดันให้การตัดสินเบี่ยงเบน

"ที่จริงแล้ว คนที่รู้ตัวว่า ทำสิ่งที่ผิดในข้อใดบ้าง เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดีกว่าคนอื่นทั้งหมด และต้องยอมรับ เพราะรู้อยู่แล้วว่า ตนเองผิด ในข้อใดบ้าง ต้องยอมรับ ด้วย หากชี้ประเด็นความผิด คงไม่ใช้เวลา อะไรมากมายนัก เท่าที่พิจารณา คำฟ้องมีมูล ของความผิด ชัดเจน แต่หากดำเนินการ ตามกฎนิคหกรรม ต้องใช้เวลาเป็นปี"

ขณะนี้ สำนวนทั้งหมดได้ขอให้พระปริยัติวโรปการพิจารณาเอกสารอย่างละเอียดอยู่ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่จะดูว่า เรื่องผิดจริยา พระสังฆาธิการ หรือไม่เป็นอันดับแรก เพื่อนำเอามา เป็นประเด็น สั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาส

ปลดแน่ถ้าขนม็อบกดดัน

พระสุเมธาภรณ์ กล่าวต่อไปว่า ในเรื่องวัดเกณฑ์คนมาเป็นแสนคนนั้นถือว่าเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง จะทำให้ สถานการณ์ ที่เป็นอยู่ในเวลาน ี้เลวร้ายลงไปอีก เวลานี้ที่คิดกันอยู่ และร่วมปรึกษากัน หากมีการรวมตัวกันจริง ก็จะสามารถใช้ กฎมหาเถรฯ ฉบับที่ 24 หากเห็นว่า จะทำให้เสื่อมเสีย แก่คณะสงฆ์ ทำให้สงฆ์เกิดการแตกแยก และจะสั่งการทันที โดยไม่รีรอ หากมีเหตุการณ์เช่นนั้น เกิดขึ้น แต่ไม่เชื่อว่า นายไชยบูลย์จะทำเช่นนี้เพราะมีความคิดอ่านดีมีความรู้เป็นเลิศคนหนึ่ง ต้องรู้ว่า อะไรควรอะไรไม่ควร

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า สำหรับการระดมสานุศิษย์ 1 แสนคนมาในงานวันที่ 29 พ.ค.นี้ทางวัด พระธรรมกาย โดยนายไชยบูลย์ และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส ได้พยายามชี้ชวนว่า ให้มาร่วมงาน โดยจะมีการมอบ รางวัลโล่พระราชทาน ให้ภิกษ ุและสามเณร ที่ชนะเลิศ การตอบปัญหา ธรรมะทางก้าวหน้า ที่วัดพระธรรมกายจัดขึ้น ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่าความจริง ไม่ได้พระราชทาน ให้วัดพระธรรมกาย แต่พระราชทาน ให้กับ ชรมพุทธศาสตร์สากล ในอุปถัมภ ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) เจ้าอาวาส วัดปากน้ำ ที่เป็นพระอุปัชฌาย์ ของนายไชยบูลย์

โล่พระราชทานชมรมพุทธศาสตร์

เรื่องดังกล่าว หม่อมหลวงพีระพงศ์ เกษมศรี ราชเลขาธิการ ชี้แจงข้อมูลดังกล่าวตามหนังสือสำนักราชเลขาธิการ ที่รล 0004/6947 ลงวันที่ 18 พ.ค. 2542 ว่า โล่รางวัลชนะเลิศในการตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้านั้นเริ่มแรก นายชัยสิทธิ์ สุวรรณวรางกูล ประธาน ชมรมพุทธศาสตร ์และประเพณี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ ขอพระราชทาน จาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 1 โล่ ซึ่งจัดขึ้นในงานนิทรรศการ "ทางก้าวหน้า" ครั้งที่ 3 ณ ศาลาพระเกี้ยว จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ร่วมกับชมรมพุทธศาสตร์อีก 8 สถาบัน เมื่อ 13-18 พฤศจิกายน 2527 โดยคณะกรรมการ จัดงานฯ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ในการจัดสร้างโล่ และจากนั้นได้มีการดำเนินการเรื่อยมาจนมาถึงในนามชมรมพุทธศาสตร์สากลฯ

สำหรับปี 2542 น.พ.พรชัย พิญญพงษ์ ประธานชมรมพุทธศาสตร์สากล ในอุปถัมภ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ทำหนังสือที่ ชพส./ท18/031 ถึง สำนักราชเลขาธิการ ลงวันที่ 15 มีนาคม 2542 ขอพระราชทาน โล่รางวัลชนะเลิศจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพิ่มเติม 1 โล่ สำหรับถวาย แด่พระภิกษุที่ชนะเลิศ การตอบปัญหาธรรมะ ทางก้าวหน้า โดยการตอบปัญหา ธรรมะประเภท พระภิกษ ุจะจัดขึ้น ในปี 2542 เป็นปีแรก และคณะกรรมการ จัดงานฯจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง การขอพระราชทานในปี 2542 เมื่อความทราบ ฝ่าละอองธุลีพระบาท โปรดเกล้าฯ พระราชทานตามที่ขอ

ไม่พระราชทานผ้าเฉวียงให้

ส่วนกิจกรรม วัดพระธรรมกายที่เคยขอพระราชทานคือโครงการบวชอุบาสกแล้วระหว่างวันที่ 29-31 มกราคม 2542 โดย พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ประธานมูลนิธิธรรมกายได้มีลิขิตถึงสำนักราชเลขาธิการที่มธก. 1260/64.1 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2541 ขอพระราชทานผ้าเฉวียงบ่า สำนักราชเลขาธิการ ได้ขอให้ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแล้ว เห็นว่า ยังไม่เป็นการ สมควรที่จะพระราชทาน ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว

ธรรมกายจัดร่วมชมรมพุทธศาสตร์

ผู้สื่อข่าว รายงานด้วยว่า การจัดตอบปัญหาธรรมะ ทางก้าวหน้านี้วัดพระธรรมกาย ได้จัดร่วมกับมูลนิธิธรรมกายและชมรมพุทธศาสตร์สากล มีพระเผด็จ รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน โดยพระเผด็จ ได้กล่าวในฐานะ เป็นประธาน ในการสอบครั้งนั้นว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ พระ-เณรก็ได้รับผลกระทบ วัดพระธรรมกาย ทนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได ้จำเป็นต้องออกมา ระดมทุนสนับสนุน โดยญาติโยมร่วมกันทำบุญผ่านทางวัด เรื่องนี้ทราบถึงเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระองค์ท่านทรงปีติยินดีที่พระภิกษุ-สามเณรใฝ่ศึกษาเรียนรู้ธรรมะ เพื่อที่จะได้เป็นพระแท้ ทรงมีพระเมตตา โปรดเกล้าฯ พระราชทานโล่รางวัลไปเป็นเกียรติประวัติวงศ์ตระกูลและวัด

การจัดงาน ตอบปัญหาธรรมะครั้งนี้วัดพระธรรมกายพยายามทำให้เกิดภาพว่าเป็นงานที่จัดโดยวัด อาทิ การออกเรี่ยไร บุญตั้งกองทุนธรรมะ คุ้มครองโลกสำหรับแจกทุนการศึกษาพระ-เณรที่เข้ามาตอบปัญหา

สั่งมือปืนเล็งเป้า 4 แกนนำ

รายงานข่าว ของหน่วยข่าวทางทหารแจ้งว่า ปัญหากรณีวัดพระธรรมกายส่อเค้าว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยได้พบข้อมูล มีการปรึกษาร่วมกัน ของกลุ่มผลประโยชน์ และสาวกได้มอบหมายให้มีการประสานกับนายทหารอิทธิพลกลุ่มหนึ่ง เพื่อจัดหามือปืน มาจัดการ กับบุคคลที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สร้างผลกระทบต่อวัดพระธรรมกาย อาทิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นาย เสฐียรพงษ์ วรรณปก พระพิศาลธรรมพาที (พระพยอม กัลยาโณ) ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัณ โดยให้เร่งดำเนินการ จัดการบุคคลเหล่านี้ก่อนวันวิสาขบูชา 29 พ.ค. โดยในที่ประชุมมีการกล่าวกันว่า เมื่อเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ถึงคราวต้องพัง ก็ต้องให้พังกันหมด

ทางด้านพระพยอม กล่าวว่า อาตมาทราบข่าวดังกล่าวแล้วและตำรวจก็ได้มาอยู่อารักขาในวัดเต็มไปหมด "เมื่อคืน มีคนโทรฯ มาถามเด็กว่า อาตมานอนตรงไหน และมีข่าวจะเล่นงานพระธรรมปิฎกก่อนวิสาขบูชา เป็นสภาพจนตรอก ตอนนี้เข้มงวดมาก อาตมา จะไปเทศน์ที่ไหน ตำรวจขอคุ้มกันไป 2 คันรถ จะสังเกตได้ว่าเริ่มมีการเทศน์ ร่ำลา ให้คนเห็นว่าจะตายแล้ว อย่างคด ียันตระก็ออกมา พูดอย่างนี้ ว่าจะลาตายให้คนเห็นใจ ตอนนี้ต้องรอดูวันที่ 29 พ.ค.จะมีพระไปเท่าไหร่ ถ้าไปเป็นหมื่นก็ต้องคิดมาก เพราะถือว่า แตกแยกกันครั้งยิ่งใหญ่ อยากถามว่ารัฐบาลทำอะไรบ้างในการปกป้องรักษาพระศาสนา"

พระพยอม กล่าวอีกว่า ขณะนี้สภาพเหมือนกับสุนัขจนตรอก ปลุกกระแส โดยทุกฝ่ายต้องลงมาแก้ปัญหาป้องกันการสูญเสีย เพราะอาจ มีความรุนแรง และคนที่ศรัทธาอาจพร้อมจะพลีชีวิตได้ โดยขั้นแรกต้องปลดจากเจ้าอาวาสก่อนเพื่อไม่ให้มาปลุกระดมมวลชนได้ ตัวนายไชยบูลย์ ใกล้ถึงจุดจบแล้ว

เสฐียรพงษ์ย้ำมีคนสะกดรอย

รายงานข่าว จากกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า นายปัญจะ เกสรทอง รมว.ศึกษาธิการ เตรียมที่จะมีคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการ ศึกษาปัญหา และปรับปรุงการปกครองคณะสงฆ์แล้ว โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน มีรองปลัดกระทรวงฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่ทางด้านศาสนาและอธิบดีกรมการศาสนาเป็นรองประธาน มีรองอธิบด ีกรมการศาสนา เป็นกรรมการและเลขานุการ นอกจากนี้ยังประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่เป็นฝ่ายสงฆ ์และฆราวาสร่วมเป็นกรรมการ และผู้ ช่วยเลขานุการอีกจำนวน 22 คน อีกทั้งยังมีพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) เจ้าอาวาส วัดญาณเวศกวัน นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาฯ และนายสุชีพ ปุญญานุภาพ เป็นที่ปรึกษา

สำหรับบทบาท ของคณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงระบบการปกครองคณะสงฆ์ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน พิจารณาและให้ข้อเสนอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครอง และอุปถัมภ์ พระพุทธศาสนา ดำเนินการในเรื่องอื่น ๆ ที่ รมว.ศึกษาฯมอบหมาย และแต่งตั้งคณะกรรมการ อนุกรรมการ หรือคณะทำงาน ตามท ี่เห็นสมควร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้เดินทางไปวัดญาณเวศกวัน และมีผู้สื่อข่าวติดตามไปทำข่าว แต่ไม่ได้รับอนุญาต ให้เข้าวัด โดยระบุว่าเป็นการประชุมโครงสร้างในอนาคตไม่เกี่ยวกับกรณีธรรมกาย

ส่วนนายเสฐียรพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบข่าวการลอบทำร้าย แต่เมื่อ 2-3 วันก่อนมีคนมา สอบถาม ความเคลื่อนไหว ของตนว่า ไปไหนบ้าง อยู่ที่ไหนบ้าง โดยสอบถามทั้งที่ทำงานและ ยุวพุทธิกสมาคม ทั้งหมด ได้มีการถ่ายรูป คนที่มาสอบถาม เก็บไว้หมดแล้ว

ขณะเดียวกันพ.ต.อ.ลัทธสัญญา เทียนสมภาร ผกก.สภอ.บางใหญ่ กล่าวว่า ที่ต้องไป อารักขาพระพยอม เพราะสถานการณ์ธรรมกาย อยู่ในขั้นรุนแรง แม้แต่แค่ลมพัดตำรวจก็ตกใจแล้ว การเพิ่มกำลังพลเพื่อความปลอดภัย แต่ยังไม่มีอะไร และต้องหาข่าวตลอดเวลา

แจ้งนายกฯสอบลายพระหัตถ์

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. นายหัสสชัย ไตรโภคสมบัติ อยู่สวนพุทธเกษตร เลขที่ 84 หมู่ที่ 11 ต.เขาดิน อ.เดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นศิษย์วัดพระธรรมกายได้นำจดหมายร้องเรียนนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีลายพระหัตถ์ สมเด็จพระสังฆราช และสื่อ ที่เสนอข่าว ทำลายศรัทธาพุทธศาสนิกชน

สาระสำคัญ ของหนังสือร้องเรียนดังกล่าวระบุว่า กรณีลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 5 ฉบับนั้น ทำให้ประชาชน เกิดความสับสนเคลือบแคลงสงสัย เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อพุทธศาสนาและมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นผลมาจาก การตีความขยายความ ของสื่อมวลชนทำให้เกิดสังฆเภท ระหว่างคณะสงฆ์มหานิกายและคณะสงฆ์ธรรมยุต โดยมีวัดพระธรรมกาย เป็นจุดเริ่มต้น นายกรัฐมนตรีจึงสมควรตั้งคณะกรรมการที่เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่และบุคคลผู้มีฆราวาสธรรม สอบสวน คณะทำงาน ของกองงานเลขา นุการในสมเด็จพระสังฆราชว่าใครเป็นผู้ร่าง ผู้พิมพ์และผู้เสนอให้ลงพระนาม นอกจากนี้พระราชมงคลรัตนมุนี ผู้ปฏิบัติงาน ในเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้เข้าเฝ้าให้ลงพระนามหรือมีรับสั่งให้ดำเนินการจากพระโอษฐ์ และม.ล.จิตติ นพวงศ์ มีหน้าที่อะไร ในคณะสงฆ์วัดบวรนิเวศวิหาร และกองงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช จะฟ้องนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาฯ และพระพิพิธธรรมสุนทร ให้เร่งฟ้องความจริงจะได้ปรากฏ

หนังสือฉบับดังกล่าว ระบุด้วยว่า นายหัสสชัยได้อดข้าวประท้วงความไม่ชอบมาพากลดังกล่าวนี้มาเป็นเวลา 13 วันแล้ว ขณะนี้ อยู่ในความดูแล ของแพทย์ โรงพยาบาลสงฆ์ และจะอดต่อไป จนกว่านายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนความจริงให้ปรากฏ

แต่จากการ ตรวจสอบพบว่านายหัสสชัยป่วยเป็นโรคเบาหวาน หัวใจ และเข้าโรงพยาบาลสงฆ์มา 3 วัน โดยกินน้ำผึ้งแทนข้าว ขณะนี้ ออกจาก โรงพยาบาลไปแล้ว ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีก่อนนายหัสสชัยเคยประท้วงที่กทม. จะกระโดดตึกมาแล้ว เพื่อประท้วง เรื่องประมูลงาน กทม.

พระสุพรรณฯมาอีกแล้ว

ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองปราบ ปราม พระครูธรรมธร (วันชัย ถาวโร) เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณ บุรี พร้อมลูกศิษย์ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพ.ต.ท.สืบศักดิ์ ชวาลวิวัฒน์ รอง ผกก.1 ป. ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีผู้ปลอมแปลงลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช พร้อมนำเอกสารลายพระหัตถ์มาแสดงไว้เป็นหลักฐาน

พระครูธรรมธร กล่าวว่า ลายพระหัตถ์เชื่อได้ว่าจะไม่ใช่ของจริง เนื่องจากได้มีการ ตรวจสอบลายมือ ที่ลงนามในเอกสาร ทุกฉบับนั้น ไม่เหมือนกันน่าจะมีผู้ปลอมแปลง นอกจากนี้แล้ว หนังสือที่ออกจาก กองงานเลขานุการ สมเด็จพระสังฆราช ต้องมีลงเลขส่งหนังสือ พร้อมทั้งระบุถึงสถานที่และบุคคลที่ส่งถึง แต่ทุกฉบับไม่มี

"ในกองงานเลขาฯ สมเด็จพระสังฆราชนั้นมี ม.ล.จิตติ นพวงศ์และพระราชธรรมนิเทศ เป็นผู้มีอำนาจกว้างขวาง ในหมู่สงฆ์และกองงานเลขาฯ น่าจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี อาตมา จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ บ้านเมืองสอบสวนเรื่องนี้ และดำเนินคดีกับผู้ปลอมลายพระหัตถ์ "

พระครูธรรมธร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องหารือกับพระผู้ใหญ่ แต่ได้พูดคุย และหารือกับพระลูกวัดแล้ว เห็นว่า เกิดความไม่เป็นธรรม แก่วัดพระธรรมกายจึงได้ดำเนินการ ส่วนกิจกรรมของวัดพระธรรมกายในวันที่ 29 พ.ค.นั้นจะส่งพระเณร ไปร่วมหรือไม ่ก็ขึ้นอยู่กับมติของพระลูกวัดว่าจะเห็นเป็นอย่างไร

ขณะเดียวกัน ได้มีใบปลิวนรกสนับสนุนแก๊งธรรมกายโดยนำไปแจกจ่ายกันไปทั่ว รวมถึงในวัดพระธรรมกาย โดยใบแรก โจมตีลายพระหัตถ์ ว่าเป็นของปลอม และขัดแย้งกฎหมายในเรื่องการโอนที่ดิน ซึ่งสอดคล้อง กับข้อความ ที่นายไชยบูลย์ไ ด้กล่าวต่อหน้าสาวก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าการให้โอนที่ดินขัดกฎหมาย นอกจากนั้นยังมีใบปลิวใบที่ 2 โจมตีว่า ปัญหาธรรมกาย เกิดขึ้นเพราะสงฆ์ธรรมยุตเปิดศึกกับสงฆ์มหานิกาย และสอดคล้อง กับการเคลื่อนไหว ของสาวกและบุคคลที่เกี่ยวข้องในขณะนี้

ยัน "ชวน" รับลายพระหัตถ์กับมือ

นายอรรคพล สรสุชาติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พระครูธรรมธรวันชัย เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ไปแจ้งความ ที่กองปราบปราม โดยระบุว่าลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายเป็นของปลอมว่า เท่าที่ทราบนายชวน หลีกภัย นายก รัฐมนตรี เคยเข้าเฝ้าและได้รับลายพระหัตถ์ด้วยตนเองเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ซึ่งเป็นฉบับแรก จากนั้น ก็มีอีกหลายฉบับตามมา ซึ่งกรมการศาสนาก็นำเข้าหารือในที่ประชุมมหาเถรฯทุกครั้ง ในแต่ละครั้งก็มีการพิสูจน์หลักฐานตรงนี้ เรื่องนี้ ถ้าจะตรวจสอบ ก็ทำได้ไม่ยากเพราะมีหลักฐานอยู่ สำหรับกรณีจะเป็นลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชเองหรือไม่ เท่าที่ทราบ จะมีสำนักเลขาฯ เป็นผู้สนองงานคล้ายกับนายกรัฐมนตรีที่มีสำนักเลขาธิการนายกฯ ไม่จำเป็นต้องเป็นลายพระหัตถ์แท้ ๆ ของพระองค์

เมื่อเวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.วัชรพงษ์ อัมราพิทักษ์ สารวัตรแผนก 5 กองกำกำกับการ 1 เดินทางคณะเหลืองรังษี วัดบวรนิเวศ ได้รับถือหนังสือของพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.5 ป. เพื่อขอหนังสือ ยืนยันหรือหนังสือ รับรองพระวินิจฉัย ของสมเด็จพระสังฆราช เพื่อยืนยันเป็นของจริง ปรากฎฏมีการนัดให้มาในวันที่ 25 พ.ค. แทน เพราะพระราชรัตนมงคล เลขานุการ ฝ่ายพระภิกษุ และนายทินกร รัตนกุสุมภ์ เลขานุการฝ่ายคฤหัสถ์ไม่อยู่ โดยม.ล. จิตติ ศิษย์ห้องกระจก กล่าวว่าการ ที่กองปราบปราม มาที่วัดขอคำยืนยัน ลายพระหัตถ์เป็นเรื่องไม่ควร เพราะดูหมิ่นสมเด็จพระสังฆราช เนื่องจากหลักความจริง การลงนามพระนาม กับมือและต้องลงพระนาม รับรอง เป็นการดูถูกไม่ให้เกียรติกัน อย่าดึงท่านมายุ่งเกี่ยวอีก หากฟ้องขอให้ฟ้องศิษย์ห้องกระจกได้เลย ยินดีรับฟ้อง และจะฟ้องกลับ ถ้าเห็นว่าฟ้องแล้วสามารถแจ้งจับพวกนี้ได้

เสธ.หนั่น ย้ำต้องตัดนิ้วร้ายทิ้ง

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า อยากขอร้องพระเณรให้หยุดการเคลื่อนไหวก่อม็อบเหมือนประชาชน เพราะพระ มีศีลบังคับอยู่ ส่วนกรณีคำพูด ที่ท้าทายโดยตลอดของนายไชยบูลย์นั้น คงจะให้ทำผิดกฎหมายไม่ได้ พระองค์ไหนทำไม่ถูกต้องก็ต้องเอาออกไป เพราะคำสั่งสอน และพระพุทธศาสนา ต้องอยู่ คู่กับประเทศ สำหรับมาตรการที่จะดูแลให้รัดกุมกว่านี้ต้องเป็นหน้าที่ของกรมการศาสนา ซึ่งจะเป็นผู้เสนอแนะในการแก้ไขกฎหมายและมาตรการควบคุมต่าง ๆ

นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานียังรอให้มีผู้ไปร้องเรียนกรณีวัดพระธรรมกายเพิ่มเติมอยู่ จากนั้น ตนจะไปนมัสการ ท่านเพื่อสอบถามว่า ต้องการให ้กรมการศาสนา สนองงานอะไรบ้างเพื่อให้การพิจารณารวดเร็ว ทั้งนี้ อยากทำความเข้าใจเกี่ยวกับข่าวสารที่ประชาชนได้รับ เนื่องจากมีผู้ออกมาพูดกันมาก เช่น นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ออกมาพูดว่าไม่ต้องใช้กฎนิคหกรรมให้จับธัมมชโยสึกได้เลยเพราะผิดชัดเจน ซึ่งทำให้ประชาชนเกลียดรัฐบาลและกรมการศาสนา นายเสฐียรพงษ์ พูดไปโดยไม่ต้องรับผิดชอบ นายเสฐียรพงษ์ เป็นใครไม่รู้ แต่ตนเป็นรัฐมนตรีพูดอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าอะไรผิดกฎหมายจะถูกฟ้องได้

ก่อนหน้านี้ นายวิษณุ เครืองาม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เคยเข้าไปชี้แจงเรื่องกฎหมายในที่ประชุมมหาเถรฯ ซึ่งที่ประชุมมีมติชัดเจนให้ดำเนินการตามกฎนิคหกรรม ส่วนกรณีที่ พระสงฆ ์ออกมาเคลื่อนไหวแสดงความคิดเห็นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ได้ให้กรมการศาสนาทำหนังสือเวียนไปยังเจ้าคณะจังหวัดทั่วประเทศว่าไม่ควรออกมาเคลื่อนไหวในตอนนี้ โดยจะทำในลักษณะ ขอความร่วมมือเพื่อไม่ให้ประชาชนมองว่าพระสงฆ์ก็เกิดความแตกแยกเหมือนกัน

พล.ต.ต.คงเดช ชูศรี ผบก.น.1กล่าวว่า ถ้ามีม็อบ วัดพระธรรมกายก็ไม่หนักใจ เพราะมีการเตรียมกำลังเป็นพิเศษ โดยมีกองกำลังการป้องกันและปราบปรามการจลาจล (ปจ.) 4 กองร้อย รวม 600 นาย รอคำสั่งที่วังปารุส บชน. คิวด่าคงไม่มีใครล้ำเส้น แต่ต้องการยื้อเวลาให้นานสุด แต่ในที่สุดจะแพ้เสียงมหาชน ขึ้นอยู่กับประชาชนศรัทธาใคร อยากฝากเตือน กลุ่มม็อบว่า ทำอะไร ให้คิดถึงพระพุทธศาสนาบ้าง

เติ้ง ให้จบ ธรรมกาย โดยเร็ว

สำหรับบรรยากาศ ที่วัดบวรนิเวศวิหารนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 8.00 น. ปรากฏว่า ยังคงมีประชาช นและบุคคลสำคัญ ทางการเมืองเมือง เดินทางมาร่วมลงนาม ถวายพระพร อย่างต่อเนื่อง อาทิ นายบรรหาร�ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมช.ศึกษาฯ นายประภัตร โพธสุธน รมช. มหาดไทย นายจองชัย เที่ยงธรรม รมช.แรงงาน และสวัสดิการสังคม และน.พ.เดชา สุขารมณ์ รมช.สาธารณสุข

นายบรรหาร กล่าวถึงปัญหากรณีวัดพระธรรมกายว่า เรื่องนี้ต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้ เคยเสนอเรื่องนี้ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาแล้ว แต่วิธีการที่จะดำเนินการใด ๆ ให้รวดเร็ว จะต้องมีหลักฐาน ที่ชัดเจน เรื่องน ี้มันมีระเบียบอยู่แล้ว ในกรณีนี้ต้องทำให้มีความรวดเร็วขึ้น ส่วนเรื่องการโอนที่ดินเป็นชื่อวัดนั้นต้องไปดูว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน ต้องทำให้รวดเร็ว ฉับพลัน เพื่อให้ประชาชน ได้เห็นว่าได้ทำตรงนี้แล้ว

ส่วนเรื่องอาการ ประชวรของสมเด็จพระสังฆราชนั้น น.พ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์ประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเปิดเผยว่า พระอาการทุกอย่างเป็นปกติดีแล้ว ไม่จำเป็น ต้องถวายพระโอสถอีก ทรงมีสุขภาพแข็งแรง คณะแพทย์ก็ไม่จำเป็นต้องถวายการรักษาต่อไปแล้ว สามารถเปลี่ยนพระอิริยาบถได้ต่อเนื่อง แต่เนื่องจากพระองค์ชราภาพมาก อยากให้พักผ่อนให้มาก ๆ ไม่อยากให้มีเรื่องใดมากระทบกระเทือนจิตใจ

"ไชยบูลย์" ซ้ำคำ ยันตระ

ด้าน น.พ.ประดิษฐ์ เจริญไทยทวี อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามพระวินิจฉัยของสมเด็จพระสังฆราช ไม่อยากพูดอะไร มากไปกว่าน ี้เพราะจะเกิดเหต ุไม่บังควร ตอนนี้ลูก ๆ ขาดสำนึกของการเป็นพุทธศาสนิกชน เท่าที่ได้พูดคุยกับนักศึกษาก็ยังมีการติดตามข่าววัดพระธรรมกาย มีการจับกลุ่ม วิพากษ์วิจารณ์ ปัญหาของวัด มีการวิเคราะห์และสรุปว่า กรรมการมหาเถรฯและพระเถระชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้ดำรงตนอยู่ด้วยความฟุ้งเฟ้อ ส่วนกรณีที่ นายไชยบูลย์ ประกาศตายคาผ้าเหลือง ไม่ยอมสึกเหมือนกับที่อดีตพระยันตระเคยพูดเอาไว้ เช่นเดียวกับเรื่องการเกณฑ์ม็อบมาเพื่อแสดงพลังว่ายังมีผู้เลื่อมใสอยู่

ญาติธรรมเข้าวัด 2 พัน

ผู้สื่อข่าว รายงานจากวัดพระธรรมกายว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมาตลอดทั้งวันได้มีญาติธรรมเดินทางเข้าไปภายในวัดประมาณ 2,000 คน นอกจากนี้ ยังมีรถบรรทุก เสบียงอาหาร เข้าไปเลี้ยงคนด้วย ทั้งนี้ทางวัดได้ระดมคนให้มารวมตัวกันที่วัดโดยอ้างว่าให้มาปฏิบัติธรรมในช่วงสัปดาห์วันวิสาขบูชา

ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.พิชิต ควรเตชะคุปต์ รอง ผบช.ภ.1 ได้เดินทางมาที่วัดพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจลจำนวน 100 นาย เพื่อเข้า ตรวจตรา รักษาความสงบ ภายในวัด และมีการตรวจรถทุกคันที่วิ่งเข้า-ออกด้วย โดยพล.ต.ต.พิชิตเปิดเผยว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ ระดมกำลังกองร้อย ควบคุมฝูงชน เตรียมให้พร้อม เพื่อป้องกันเหตุร้าย โดยทางการข่าวทราบมาว่าอาจจะมีผู้ลักลอบนำอาวุธมาก่อเหตุร้าย ซึ่งได้มีการใช้เครื่องมือตรวจสอบหาอาวุธและเครื่องมือพิเศษอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังได้ประสานกับ กำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจตระเวนชายแดนและมีตำรวจสุนัข 191 เข้ามาเสริมด้วย

ส่วนกรณีที่ ทางวัดได้ระดมทุนที่เรียกว่ากองทุนปราบมารนั้น ทางตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.อ.คลองหลวง ตำรวจสันติบาล สืบสวนภาค สืบสวนจังหวัด ได้ดำเนินการ ด้านการข่าว และประสานข้อมูลในทางลับอยู่แล้ว

ในช่วงเย็นบรรยากาศของวัดคึกคักขึ้นทันที โดยมีรถยนต์จำนวนมากวิ่งเข้าวัด

ตร.งดฝึกธรรมกายถูกด่า"เนรคุณ"

พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา เปิดเผยว่า ตนเคยส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจไปฝึก ที่วัดพระธรรมกาย ตามโครงการพัฒนา คุณภาพชีวิตเพื่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจแต่ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับวัด เพียงเพื่ออบรม นายตำรวจให้มีคุณธรรม และละเว้นกิเลส โดยเน้นทางจิตใจ ได้ฝึกสมาธิไ ม่ว่าจะเป็นวิธีการใด แต่คงไม่ถึงขนาดเห็นดวงแก้วหรือตะวันแก้วซึ่งเรื่องนั้นเป็นเพียงนิมิตที่สร้างขึ้นมา การอบรมเริ่มเมื่อต้นปี 2541 โดยทางวัดพระธรรมกาย เป็นผู้เสนอ ที่จะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ซึ่งจะตกราวคนละ 2,500 บาท ทางกองบัญชาการได้รับงบประมาณในส่วนนี้น้อย ซึ่งวัดพระธรรมกายมีศักยภาพพร้อม แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ที่เห็นว่า มีการเบี่ยงเบน หลักการของพุทธศาสนา ก็ถอยออกมาปล่อยให้สังคมตรวจสอบ ต่อมาก็ได้รับรายงานจากผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมว่า วัดเน้นการสร้างภาพมากกว่าเน้นทฤษฎีและการปฏิบัติ

"เมื่อถอน โครงการออกมา ก็ได้รับการต่อว่าจากทางวัด โดยกล่าวหาว่าเนรคุณวัด มีทั้งจดหมาย โทรศัพท์มาต่อว่า แต่ก็ได้ชี้แจงไปว่า เรื่องนี้ไม่ได้เนรคุณวัด เพราะเป็นเรื่องที่ทำตามหน้าที่ การนำตำรวจ เข้าไปฝึกก็ทำตามหน้าที่ พระก็ให้การอบรม ตามหน้าที่ ไม่ใช่เรื่องบุญคุณ และเราก็ไม่ได้เจาะจงที่จะนำตำรวจไปฝึกที่วัดใดวัดหนึ่ง วัดพระธรรมกาย เองเคยส่งคน มาบอกผมว่า ให้ช่วยพูดกับสื่อมวลชนหยุดโจมตีวัด ผมก็ได้บอกไปว่าถ้าสิ่งที่สื่อมวลชนพูดไม่จริง ก็ให้เอาความจริงสู้ ที่สำคัญ มันอยู่ตรงนี้เรามีของแท้ ของจริงหรือเปล่า ไม่ใช่สื่อมวลชน เขาออกมาพูดแล้วจะไปบอกเขาว่าห้ามพูด"

ประชุมมหาเถรฯ คึกคัก

สำหรับ การประชุมมหาเถรฯ ที่ตำหนัก เพ็ชร วัดบวรนิเวศฯนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 13.30 น. ว่า มีการประชุมวาระปกติคาดว่า ประเด็นสำคัญ อยู่การจัดตั้ง คณะอนุกรรมการ เพื่อสะสางปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ เป็นประธานการประชุมแทนสมเด็จพระสังฆราชที่ยังทรงประชวร โดยกรรมการมหาเถรฯ ที่เข้าร่วมประชุมนั้นมามากกว่าทุกครั้ง อาทิ พระอุดมญาณโมลี วัดสัมพันธวงศ์ฯ สมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม พระวิสุทธิบดี วัดสุทัศน์เทพวราราม พระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตรฯ พระพรหมโมลี วัดยานนาวา พระธรรมปัญญาจารย์ วัดมกุฏกษัตริย์ฯ เป็นต้น ส่วนพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าร่วมประชุมได้แก่ พระพรหมจริยาจารย์ วัดเบญจมบพิตร

ไม่ตั้งอนุกก.ติดตามวัดฉาว

เมื่อเวลา 17.00 น. นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาและพระครูศรีวรนาถ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ ์ราชวิทยาลัย ในฐานะโฆษกมหาเถรฯ ฝ่ายคณะสงฆ์ ได้แถลงผลการประชุมมหาเถรฯ โดยนายพิภพกล่าวว่า การประชุมครั้งน ี้ไม่มีประเด็น ของวัดพระ ธรรมกายเข้าที่ประชุม เนื่องจากปัญหาของวัดพระธรรมกายกำลังนำเข้าสู่กระบวนการนิคหกรรม จะต้องรอผล การพิจารณาของคณะสงฆ์

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมได้มีการพูดถึงมติมหาเถรฯ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งมีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อติดตามดูแลว่า วัดพระธรรมกายปฏิบัติตามมติมหาเถรฯหรือไม่ ปรากฏว่า มีกรรมการมหาเถรฯ รูปหนึ่งเสนอว่า ขณะนี้ปัญหาวัดพระธรรมกาย กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลสงฆ์ เนื่องจาก มีผู้กล่าวโทษ จนกลายเป็นการต้องอธิกรณ์ ดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายควรจะพักไว้ก่อน จนกว่า การพิจารณา ต้องอธิกรณ์จะสิ้นสุด จึงจะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามผลอีกครั้ง

พระครูศรีวรนาถกล่าวว่า การจัดชุมนุมศิษย์ในวันวิสาขบูชานั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะวัดไหนก็มีพิธีทางศาสนาด้วยกันทั้งนั้น หากจัดงาน ด้วยความบริสุทธิ์ใจก็คงไม่มีปัญหาอะไร คงจะไม่ใช่การชุมนุมเพื่อกดดันคณะสงฆ์ เว้นแต่จะมีคนมองไปในทางอื่น แต่เจ้าคณะจังหวัด เองก็บอกแล้วว่าจะให้ความเป็นธรรม มีความเป็นกลางอย่างเต็มที่ เมื่อมีการฟ้องร้อง เกิดขึ้นแล้ว จึงอยากให้โอกาส คณะสงฆ์พิจารณาเรื่องนี้ เท่าที่ทราบ ขณะนี้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีก็เร่งอ่านสำนวนคำฟ้องอย่างเต็มที่แล้ว

ต่อข้อถามที่ว่า นายไชยบูลย์ประกาศไม่ยอมสึกยอมตายคาผ้าเหลือง ขณะที่การพิจารณาต้องอธิกรณ์กำลังเริ่มขึ้นนั้น พระครูศรีวรนาถกล่าวว่า ตอนนี้ใครจะมาจับสึกคงไม่ได้ เพราะกระบวนการ ตัดสินความผิด ยังไม่มีการพิสูจน ์ออกมาแน่นอนว่า ผิดหรือไม่ อีกทั้งมีสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นราช การที่จะสึกต้องทำหนังสือขอ กราบบังคมทูลลาสึก และจะต้องมีพระบรมราชา นุญาตด้วย

ตร.อารักขาพระธรรมปิฎก

ผู้สื่อข่าว รายงานจากวัดญาณเวศกวัน ว่าในเวลา 20.30 น. ได้มีสายตรวจ 191 มาตระเวนและอารักขาพระธรรมปิฎก ท่ามกลาง ข่าวการลอบทำร้าย และในช่วงเวลา 21.00 น. ได้มีนายตำรวจ สภ.อ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม นอกเครื่อง แบบอีก 10 นาย ได้เดินทางมา ยังวัด

พระครูปลัดปิฎกวัฒน์ พระเลขาพระธรรมปิฎกกล่าวว่าทราบข่าวเรื่องการลอบทำร้ายเช่นกัน แต่เชื่อว่าจะเป็นการขู่ เพราะชาวพุทธ มีบุญกุศล ไม่น่าจะมีความรุนแรง ถ้ายึดพระธรรมวินัยเป็นหลักใจ โลภ โกรธหลงน่าจะลดลง ถ้าเผื่อทุกคนทำตามหน้าที่ ก็ไม่ต้องกลัว ถ้ากลัวจะสมใจคนที่ปล่อยข่าว ไม่ได้สะทกสะท้าน แต่ก็ไม่ประมาท

ขณะเดียวกัน ได้มีรายงานข่าวอีกกระแสระบุว่าข่าวที่ออกมาอาจเป็นแค่การขู่ เพราะสถาน การณ์ขณะน ี้หากมีการปองร้าย บุคคลที่ออกมา วิจารณ์วัดพระธรรมกาย ก็จะทำให้สังคมโกรธวัดพระธรรมกายมากขึ้น และไม่เป็นประโยชน์กับวัด หรืออาจเป็นการ ปล่อยข่าวเพื่อสร้างสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งก็ได้