เดลินิวส์ 16/12/2541

ส.ศิวรักษ์จวกธรรมกายขี้โว

"ธรรมกาย"เคลื่อนไหว แจกใบปลิวว่อนทั่วเมืองเรียกร้องสื่อมวลชนให้หยุดใส่ร้ายวัด คุยผลงานเพียบขนาดยูเอ็นยังต้องเชิญเข้าเป็นสมาชิกสาขาสันติภาพ ส.ศิวรักษืโต้ทันควันของดีเขาไม่อวดอ้างกัน เผยเป็นเหตุการณ์ปกติยูเอ็นต้องการให้องค์กรแถบเอเชียเข้าเป็นสมาชิก อดีตลูกศิษย์เอกธรรมกาย ระบุชัดยายจันทร์ ขนนกยูงเป็นโรคสมองเสื่อม ถูกเจ้าอาวาสบงการทุกรูปแบบ ชี้ "ธัมมชโย"กับหลวงพ่อทัตตชีโวยืนกันคนละฟาก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ว่า เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่จากธุดงคสถานล้านนา ซึ่งเป็นสถานปฏิบัติธรรมของวัดพระธรรมกายสาขาเชียงใหม่ ได้นำใบปลิวแถลง การณ์ออกจากจ่ายประชาชน สื่อมวลชนและหน่วยงานของทางราชการ
สาระสำคัญโดยสรุปในแถลงการณ์ดังกล่าวนี้ระบุว่า วัดพระธรรมกายได้พยายามเผยแพร่หลักธรรมมะแก่พุทธศาสนิกชนมาโดยตลอด โดยมีการดำเนินโครงการต่างๆเพื่ออบรมเยาวชนและประชาชนให้เข้ามาศึกษาและใฝ่หาธรรมะมากขึ้น ผลงานของวัดเป็นที่ได้รับการชื่นชมจนกระทั่งองค์การสหประชาชาติเชิญให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในสาจาสันติภาพ และได้รับการทาบทามให้เป็นผู้จัดงานสันติภาพโลกในปี 2543
ในใบปลิวยังยืนยันในเรื่องของอภินิหารปาฏิหารย์พระมงคลเทพมุนีหรือหลวงพ่อสด ที่เกิดขึ้นบนท้อง ฟ้าเหนือวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานีว่าเป็นเหตุการณ์จริงที่มีผู้คนจำนวนมากได้เห็นเหตุการณ์ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องบาป บุญ คุณ โทษตามแนวทางของพระพุทธเจ้า ซึ่งแตกต่างไปจากสิ่งที่สื่อมวลชนถือปฏิบัติคือเสนอข่าวเรื่องของความมหัศจรรย์ในเรื่องหมูมี 6 ขา ต้นไม้วิเศษให้โชคลาภ ผู้คนพากันไปกราบไหว้ขอหวย งมงายกับการเล่ยหวยอันเป็นหนทางแห่งอบายมุข
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและนักเขียนวิพากษ์สังคมชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ธุดงค์สถานล้านนาออกแถลงการณ์ว่าได้รับเชิญจากองค์การสหประชาชาติ ให้เข้าร่วมเป็นสมา ชิกสาขาสันติภาพว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรเลย มีองค์กรพัฒนาเอกชนมากมายซึ่งยูเอ็นเองก็มีนโยบายที่จะให้องค์กรพัฒนาเอกชนประเทศแถบเอเซียเข้าเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น แทนที่จะมีแต่องค์กรพัฒนาเอกชนแต่เฉพาะยุโรปและอเมริกา
"ไม่อยากให้เข้าใจว่าการได้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติเป็นเรื่องยาก ต้องเข้าใจด้วยว่าวัดพระธรรมกายเป็นกลุ่มเดียวที่มีคณะสงฆ์ไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษได้มากกว่าวัดอื่นก็เท่านั้น ยูเอ็นก็ไม่ได้ฉลาดไปทุกเรื่องซึ่งมีหน่วยงานต่างๆในความรับผิดชอบนับหลายพันหน่วย จึงมีความสำคัญแตกต่างกันไปไม่ใช่สำคัญทุกเรื่อง อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ให้ใครก็ได้มาสมัครเป็นสมาชิกทั้งที่มีบทบาทน้อยนิด แต่เอาไปตีปีกว่าเป็นความสำเร็จที่เป็นสมาชิกได้"
ส.ศิวรักษ์กล่าวว่า ประเด็นสำคัญก็คือ ความพยายามนำเอาเรื่องเข้าเป็นสมาชิกของวัดพระธรรมกายมาอวดอ้างเป็นกลยุทธการโฆษณาธรรมดามาก เพราะเข้าใจผิดคิดว่าคนไทยโง่ไม่รู้เรื่องของยูเอ็น ซึ่งเป้าหมายของการนำเรื่องนี้ออกมาโฆษณาก็ไม่มีอะไรพิเศษไปจากเดิมคือต้องการหาเงิน เพราะจุดเด่นของวัดนี้เด่นในเรื่องของการหาของมาขาย
สิ่งที่เป็นห่วงกันในกรณีที่วัดพระธรรมกายนำเรื่องของปาฏิหารย์ไปเผยแผ่กับชาวโลกนั้น เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะประชาชนของประเทศที่พัฒนาแล้วมองเรื่องปาฏิหารย์เป็นเรื่องการไม่พัฒนา จึงไม่น่าเป็นห่วงชาวต่างประเทศที่หลอกได้ก็หลอกได้ไม่นาน พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ตำหนิเรื่องปาฏิหารย์ เพราะเป็นเรื่องที่คนเล่นปาหี่ก็ทำได้
"บอกทางวัดด้วยว่าผมไปประชุมกับยูเอ็นระดับสำคัญมาตั้งนาน ยังไม่เคยต้องไปบอกให้ใครเขาต้องมารับรู้ เดียวทางวัดจะหาว่าไม่รู้จริงเอาไปโฆษณาอีก กล้าท้าว่าวัดพระธรรมกายไม่มีทางทำได้คือสามองค์กรที่ตนเป็นสมาชิกอยู่คือ อีโดซอก เอฟเอโอ ยูนิเซฟ อย่างนี้ถึงจะนำมาตีปีกได้ว่าเป็นเกียรติ"
ในวันเดียวกันนายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยว่า นายยงยุทธ อุตมา รองอธิบดีกรมการศาสนาได้รายงานว่าได้เดินทางไปพบพระพรหมโมฬี เจ้าคณะภาค 1 ที่วัดยานนาวาแล้ว เพื่อถามความคืบหน้าในการดำเนินการพิจารณาสืบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ซึ่งเจ้าคณะภาค 1 บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงกำลังดำเนินการอยู่ คิดว่าเรื่องนี้คงต้องให้เวลากับเจ้าคณะภาค 1 สักระยะและเมื่อผลออกมาเช่นไรกรมการศาสนาก็จะต้องสนองนโยบาย แต่ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องแก้ไข อย่างไรก็ตามทางกรมการศาสนาก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาช่วยดูด้วย โดยจะประกอบไปด้วยตัวแทนจากวัดพระธรรมกายและมหาเถระสมาคมเข้าร่วมพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งไม่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆให้ข่าวเกี่ยวกับกรณีวัดพระธรรมกาย เพราะเห็นว่าควรปล่อยให้เรื่องนี้เป็นไปตามขั้นตอน เพราะถ้ามีการพูดหรือวพากษ์วิจารณ์กันมากอาจจะเกิดความไขว้เขวได้
พระมโน เมตฺตานนฺโท ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการพระพุทธศาสนาในสำนักงานเลขาธิการใหญ่ องค์การสัมนาศาสนา อดีตศิษย์เอกที่มีความสนิทสนมและรู้ใจเป็นที่โปรดปรานของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ธัมมชโย)เปิดเผยว่า เมื่อ 25 ปีที่แล้ววัดพระธรรมกายเป็นวัดที่มีความอบอุ่น มียายจันทร์ ขนนกยูงเป็นหลักของวัดเป็นคนเตือนสติหลวงพ่อธัมมชโยให้มักน้อย สันโดษ อย่าขยายอาณาเขตหรือพื้นที่ให้มากนัก เพราะแค่ต้องการให้มีการนั่งสมาธิเท่านั้น ไม่ได้มีการประกอบกิจสงฆ์อื่นๆ
แต่ปรากฎว่าหลวงพ่อธัมมชโยกลับขยายวัดมากขึ้นหลังสิ่งอำนวยความสะดวกเริ่มเข้ามา มีการซื้อที่ดินขยายวัด 1,000 ไร่ โดยอ้างว่ามีเสียงดังรบกวนจากวัดใกล้เคียงทำให้ไม่มีสมาธิในการนั่ง นึกว่าจะดีแต่ไม่เป็นดังที่คาด เพราะมีการกว้านซื้อเพิ่มจากชาวบ้านชาวนาจนเกิดข้อพิพาทกันเป็น 2,600 ไร่ มีการซื้อที่ดินต่างจังหวัดมากมายอย่างเช่น ที่เชียงใหม่ 4,000 ไร่ ,ศรีสะเกษ 8,000 ไร่ และที่ตามอุทยานแห่งชาติอีกเยอะแยะที่ภูกระดึง มักจะไปเจาะตั้งศูนย์เรี่ยไรเงินทำบุญในจังหวัดที่มีคนรวย
"มันเกิดขึ้นหลังจากที่ยายจันทร์อายุมากขึ้นเป็นโรคอัลไซเมอร์ จึงไม่สามารถตักเตือนเจ้าอาวาสได้ แถมยังต้องตกเป็นหุ่นเชิดให้อีกด้วย เจ้าอาวาสสั่งให้พูดอะไรก็พูดตามที่ต้องการ สอนคุณยายให้พูดว่ายายรู้ทั้งหมดยายเห็นทั้งหมดอะไรทำนองนี้ ยายจันทร์กลายเป็นสัญญาลักษณ์ของวัด เป็นหุ่นเชิดในการหาเงินให้เจ้าอาวาส"
นอกจากนี้แล้วยังมีการดำเนินการทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งเห็นแล้วสลดใจมากเช่นโครงการตะวันธรรมและโครงการอะไรต่อมิอะไรอีกมาก ซึ่งมีนายผ่อง เล่งอี้เป็นคนเสนอ โครงการสวนป่าคือให้มีการเวนคืนที่บริเวณล้อมรอบวัดพระธรรมกายจากนั้นก็ปลูกป่าโดยรอบ ด้วยการใช้เงินของโครงการราชภัฎ
พระมโนกล่าวด้วยว่า ในวัดพระธรรมกายเองนั้นก็ไม่มีความสามัคคีเท่าที่ควร โดยเฉพาะพระราชภาวนาวิสุทธิ์กับพระภาวนาวิริยคุณ(ทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้นก็ไม่ลงรอยกัน ที่ผ่านมานั้นรองเจ้าอาวาสเคยบ่นเสมอว่า เจ้าอาวาสทำอะไรแล้วไม่ค่อยรับผิดชอบ รองเจ้าอาวาสต้องออกมารับหน้าแทบทุกเรื่อง