พระปลอม ยะโสโอหัง เทศน์เหน็บแนมพระเถระผู้ใหญ่ตลอด สอนนิพพานเป็นอายตนนิพพานเหมือนเดิม อ้างอายุมากแล้ว เลยเผลอพูด ประกาศชัด พร้อมแลกชีวิตหากจับสึก ปลุกระดมสาวกให้ออกมาปกป้องตนเอง ออกเล่ห์มาธุดงค ์ร่วมใจตะวันกล้า อวดอ้าง อุตริมนุสสธรรม ซ้ำอีก ยันอัศจรรย์ตะวันแก้วของจริง เผยพระวัดอื่น ร้องเรียน ประชาชน ไม่ใส่บาตร เพราะสื่อฯโจมตีศาสนา และปั้นเรื่อง ไม่จริง ให้คนอ่าน "ผ่อง เล่งอี้" ออกหน้า ประกาศตั้งกองทุน ปราบมารเชิญชวนญาติ โยมชักจูงผู้อื่นมาแห่บริจาคเงินเยอะๆ สาวกวัดฉาว เร่ติดสินบนทั่ว "พระสุเมธาภรณ ์-พระปริยัติวโรปการ"อิดหนาระอาใจ ให้เอากลับไปบอกรับไม่ได้ พระครูเมืองระยอง หวั่นยกคำฟ้อง กรมการศาสนา เผยอ่อนแถมไม่ฟ้องอวดอุตริฯ ทั้งที่คุยว่ามีฌาณ ต้องปาราชิกแน่นอนแล้ว

หลังจากที่ นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการและนางสาลี่ เพช็ร์ชูดี ได้ยื่นฟ้อง นายไชยบูลย์ สุทธิผล อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต่อพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี วึ่งได้มีการ ลงนามรับฟ้องไปแล้ว กระทั่งมีการ ข่มขู่ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีจนต้องมีการย้ายกุฎิหนีนั้น

อ้างเผลอสอนนิพพานเป็นอัตตา

ผู้สื่อข่าว รายงานจากวัดพระธรรมกายว่า เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ยังคงมีผู้คน เดินทาง มาที่วัด พระธรรมกาย เพื่อปฏิบัติธรรม อย่างเช่นเคย โดยไม่สนใจกระแสข่าวการฟ้องนายไชยบูลย์ และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสฯ ที่เกิดขึ้น ในเวลาน ี้แต่อย่างใด โดย มีมาที่วัดจำนวนกว่า 5,000 คน รวมทั้งนายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ และแกนนำศิษย์วัดพระธรรมกาย

หลังจาก นายไชยบูลย์ นำสวดมนต์และนั่งสมาธิตามปกติที่ปฏิบัติกันทุกวันอาทิตย์อยู่แล้ว นายไชยบูลย์ ที่ยังคงห่มผ้าเหลือง ฝืนพระบัญชา สมเด็จพระสังฆราชนั้นได้ขึ้นเทศนาแก่ญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรมว่า บัดนี้ถึงเว ลาธรรมกาย และเวลาปฏิบัติธรรม ให้เข้าถึง พระธรรมกายที่มีอยู่ในทุกคน สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งไม่มีอีกแล้ว เราได้ ช่วยสร้างกันมา ได้สร้าง สภาธรรมกายสากล หลังคามุงจาก บรรจุคน ได้หมื่นกว่าคน อาทิตย์ต้นเดือน ก็บูชาข้าวพระ นำเครื่องไทยธรรม ไปถวายพระพุทธเจ้าในอายตนนิพพาน

"แต่เดี๋ยวนี้ คำว่า อายตนนิพพานเขาห้ามพูด หลวงพ่อก็ไม่รู้จะทำยังไง หากว่า ในที่นี้มีผู้มาดูแล ไม่ให้หลวงพ่อ พูดก้ไม่รู้ จะทำยังไง เพราะคุ้นเคย มาตั้งแต่ก่อนบวช ตั้งแต่ครั้งที่เคยไปปฏิบัติธรรมที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จะมีตัวตน หรือไม่มีตัวตนก็แล้วแต่เถอะ เพราะฉะนั้น อย่าได้เอาผิดเอาโทษเลยหากว่าเผลอพูดไป เป็นพระไม่พูด เรื่องนิพพาน ก้ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ โดยส่วนตัว จะพูดให้ร้ายใคร ป้ายสีใครทำไม่เป็น เพราะไม่ได้ฝึกฝน ไม่ได้ร่ำเรียนมาตอนนี้อายุ 55 ปี ถ้าพูดหลงๆลืมๆพูดถึงนิพพานก็อย่าถือโทษกัน เพราะใจ มันจะไปทางนั้น อยู่เรื่อย"

ประกาศยอมตายไม่ยอมสึก

นายไชยบูลย ์ยังกล่าวต่อไปว่า สภาธรรมกาย หลังเก่ามันล้นออกมา ก็สร้างขยายออกมาที่น ี่และมาอาศัยที่นี่ ปฏิบัติธรรมกันไป สร้างความดี ให้สังคมบังเกิดขึ้น เพราะเราดีคนเดียวไม่ได้ ถ้าเราดีคนเดียว เดี๋ยวคนอื่น มันก็ เบียดเบียนเรา อย่างที่เรา กำลังเจอกันอยู่ทุกวันนี้ อย่าห่วง อย่ากังวลอย่างมาก เขาก้ทำได้แค่ เอาออกจาก ตำแหน่ง เจ้าอาวาส แต่ก็ยังมีคนอื่นอีกเยอะแยะ หรือจะจับสึก ก็คงไม่สึกจะขอยอมตายคนเดียวมันก็แค่นั้นเอง ไม่ต้องเป็นห่วง มันเป็นเรื่อง ส่วนตัว สมมติว่า เป็นอะไรไป ก็อย่าละทิ้ง การปฏิบัติธรรม ฝากวัดพระธรรมกาย ยายชีจันทร์ ขนนกยูง และวิชชาธรรมกาย สู้โลกกันต่อไป เพราะเขา มุ่งมาที่ตนเอง เพัยงคนเดียว กลัวว่าตนเอง จะเป็นศูนย์อำนาจใหม่ เป็นศาสดาลัทธิใหม่

นอกจากน ี้ยังได้เล่าถึงเรื่องชาวซิมบับเวว่าเขาเข้าถึงดวงธรรมกาย โดยที่เขาทำเฉยๆไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วก็พบพระภายใน พบหลวงพ่อสด อยู่ในกายทั้งๆที่เขาไม่รู้จักหลวงพ่อสดเขาบอกว่ามีไผที่มุมปาก เมื่อลืมตาด ูก็ตรงกับภาพถ่าย ของหลวงพ่อสด ธรรมกายนั้น มีอยู่ ในตัวตนทุกคน ทุกชาติ ทุกศาสนา เพราะฉะนั้น หากถุกบีบบังคับ ให้เป็นไปตามที่เขาอยากให้เป็นก็ขอฝากวัด

"พระพุทธเจ้า ตรัสว่าคนพาลนะมีปัญญาทราม แม้นกระทำความชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึกตัว เหมือนถูกไฟไหม้เท่านั้น ก็ถูกกิเลส ครอบงำ ทำให้เป็นคน เขลสเบาปัญญากว่าจะมารู้สึกตัวก็สายไปแล้ว มีเรื่องจริงอยู่เรื่องหนึ่ง นาง เรวดี เป็นคน มีความตระหนี่ ชอบว่า ร้ายพระภิกษุ นางเรวดีเป็นภรรยาของนันทิยะ ผู้เลื่อมใสในพุทธศาสนา ครั้งหนึ่ง นันทิยะ ได้สร้าง ศาลาจตุรมิตรหลังใหญ่ พร้อมด้วย อุปกรณ ์อำนวยความสะดวก วิจิตรตระการตา มีความสูง 12 โยช ต่อมาวันหนึ่ง นันทิยะต้องไปค้าขายต่างเมืองหลายวัน ได้ให้นางเรวดี ทำบุญแทน นางเรวดีได้เอาอา หาร ที่บริโภคเหลือแล้ว ใส่บาตรพระ เมื่อพระรับมาแล้วเห็นว่าเป็นอาหารเหลือเดน ไม่ควร แก่การฉัน จึงได้เอาออก เมื่อนางเรวดี เห็นดังนั้นจึงได้บริภาสด่าพระ เมื่อนางเสียชีวิตไปแล้วได้ตกระกำลำบากถึง 1,000 ปีในขุมนรก"

ย้ำอัศจรรย์ตะวันแก้วเรื่องจริง

นายไชยบูลย์ กล่าวต่อไปอีกว่า ขอยืนยันไว้ ณ ที่นี้ว่าพวกเราทุกคนรักพระพุทธศาสนา ปฏิบัติธรรมด้วยความเต็มใจ พวกเราทั้งหมด ขอน้อม ถวายความด ีและบุญกุศลถวายแด่สมเด็จพระสังฆราชได้หายจากอาการประชวร เพื่อพิทักษ ์รักษาความถูกต้อง ในพระพุทธ ศาสนาต่อไป ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา จะมีการมอบถ้วย พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ แก่พระภิษุสามเณร ที่ชนะเลิศ การตอบปัญหาธรรมะ จากหนังสือ พระแท ้เมื่อวันคุ้มครองโลก ก็ขอให้ญาติโยม มากันเยอะๆเพื่อเป็นกำลังใจแก่พระภิกษุเหล่านั้น

ส่วนงาน ก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์และมหาวิหารพระมงคลเทพมุนีนั้น นายไชยบูลย ์กล่าวว่า จะมีการก่อสร้างกันต่อไป แต่สิ่งที่เรา ต้องห่วง และปกป้อง ก็คือสมเด็จพระสังฆราช อย่าให้ใคร มาว่าร้ายจาบจ้วง ช่วยไปตักเตือน ไม่ว่าจะเป็นสื่อใดหรือบุคคลใดก็ตาม และก็ต้องปกป้อง มหาเถรสมาคมด้วย การโจมตี ว่าร้ายนั้นเริ่มต้น จากเรื่องอัศจรรย์ตะวันแก้ว 24 ต.ค.2541 เรื่องมาทั้งๆท ี่เป็นเรื่อง ที่เกิดขึ้นจริง แต่ก็ถูกโจมต ีบิดเบือนไปว่าร้าย วัดพระธรรมกายยังไม่มีปัญหา แต่ก็กระทบไปถึงสังฆมณฑล มีหลายวัด ร้องเรียนมาว่า พระเณร จะอดตายกันแล้ว ญาติโยมไม่ค่อยออกมาใส่บาตรกัน เพราะว่าสับสนกับข่าวที่สื่อมวลชนกระพือออกไป เพราะฉะนั้น ใครตักเตือนสื่อได ้ก็ตักเตือนกันไป มันเป็นบาป ทำให้พระอื่นๆเดือดร้อน ต้องช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ในช่วงบ่ายซึ่งไม่มีพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว พิธีกร ของวัดได้จัดรายการ ให้ผู้นำบุญ ขึ้นมา วิพากษ์วิจารณ ์และชี้แจง เรื่องโฉนดที่ดิน ที่นายไชยบูลย์นำชื่อตนเองไปใส่ไว้เป็นเจ้าของโฉนด และยังไม่ยอม โอนคืน ให้แก่วัด พระธรรมกาย โดยอ้างว่า ต้องรอฟัง ความเห็น จากเจ้าของเดิมก่อน ซึ่งในรายการนี้มีนายผ่อง เล่งอี้ อดีต อธิบดีกรมการศาสนาร่วมอยู่ด้วย

สาวกเอกตั้งกองทุนปราบมาร

โดยนายผ่อง ได้ขึ้นมากล่าวถึงการจัดตั้งกลุ่มขุนพลกล้าตะวันและบรรยายเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น ในลักษณะ ปลุกระดม ขอเสียงสนับสนุน ซึ่งก็มีเสียงปรบมือ สอดรับตลอดเวลา อาทิประกาศว่านายไชยบูลย์เป็นคนดี เห็นมา ตั้งแต่ยังไม่ได้ บวชเรียน เป็นพระ ก็ปฏิบัติธรรมเรื่อยมา ดังนั้น ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันปกป้อง โดยส่วนตัวแล้วจะขอปกป้องด้วยชีวิต เพราะนายไชยบูลย ์เป็นคนดี ที่ผ่านมา นายไชยบูลย ์พยายามบอกว่า ไม่ควรตอบโต้ แต่วันน ี้เหตุการณ์มันเลยเถิดไปแล้ว ไม่ตอบโต้คงเป็นไปไม่ได้

"เราจะจัดตั้ง กองทุนขึ้นมา เรียกว่ากองทุนปราบมาร ผมจะเป็นประธานกองทุนเอง เพื่อนำไปใช้ประ โยชน์ ในการปราบ มารศาสนา และตั้งแต่ วันที่ 24-31 พ.ค.นี้จะเป็นสัปดาห์วันวิสาขบูชา ตามที่หลวงพ่อได้แจ้งให้ทราบ ก็ขอให้ทุกคน ไปบอกต่อๆกันให้มากันมากๆ มาเยอะๆ มาแสดงพลังกัน"

สำหรับ การก่อสร้างของวัดนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนใหญ่ได้หยุดการก่อสร้างลงไปหมดแล้ว โดยอ้างว่า ระยะนี้ฝนตกหนัก ส่วนบรรยากาศ ที่หน้าวัดนั้น ทางวัด ยังคงจัดเจ้าหน้าที่รักษา ความปลอดภัย คอยตรวจตรา อย่างเข้มแข็ง สื่อมวลชน ที่จะเข้ามาทำข่าว ในบริเวณวัด ยังคงถูกเข้มงวดเช่นเดิม ต้องมีการลงทะเบียน และมีเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัยติดตามคอยประกบอยู่ตลอดเวลา ขณะที่มีเจ้าหน้าที่ ตำรวจชุดปราบจลาจล จากกองบังคับการ จังหวัดปทุมธานีจำนวนกว่า 80 นาย ผลัดเปลี่ยนเวร ตรวจตรา อยู่หน้าวัดตลอด 24 ชั่วโมงด้วย

ส่งสาวกติดสินบนเจ้าคณะจังหวัด

ส่วน ที่วัดมูลจินดาราม ซึ่งมีพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. ได้มีรถต ู้ยี่ห้อโตโยต้า 2 คันสีบรอนซ์ คันแรกทะเบียน 6 ฝ 1214 กรุงเทพมหานคร ส่วนอีกคัน ทะเบียน อย 6903 กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รถโฟล์คตู้สีบอรนซ์เช่นกัน ทะเบียน6 ฝ 2445 รถเบนซ์รุ่น อี 220 สีบรอนซ์ ทะเบียน 5 ศ 7223 มาที่วัด โดยมี ผู้เดินทางมาด้วยราว 40 คนทั้งหมด บอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ และผู้ปฏิบัติธรรม ของวัดพระธรรมกาย ได้นำเอาเครื่องไทยทาน เช่นกาแฟ นม โอวัลติน ขนมปัง แอปเปิ้ล และอาหารแห้ง อีกจำนวนหนึ่งประมาณ 2 ถาดใหญ่มาถวายให้กับพระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาส วัดมูลจินดาราม และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ผู้รับคำฟ้องนายไชยบูลย์

นายชูชาติ รัตนจงเกียรติ ชมรมผู้รักการปฏิบัติธรรมวัดพระธรรมกาย 1 ในจำนวนผู้เดินทางมาเปิดเผยว่า มาทำบุญ ด้วยใจบริสุทธิ์ ที่ถวาย ก็เพื่อเป็นการให้กำลังใจกับเจ้าคณะจังหวัดฯ ไม่มีเหตุผลอื่นใด โดยได้บอกแก่ พระสุเมธาภรณ์ว่า ไม่ต้องติดมากว่า เป็นการ ติดสินบน เป็นเพียงการ ให้กำลังใจ ในการทำงาน ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เท่านั้น และวัดพระธรรมกายก้ไม่ได้สั่งการมาด้วย

ด้าน พระสุเมธาภรณ์กล่าวว่า ของที่นำมาให้ครั้งนี้คงรับไว้ไม่ได้ เพราะได้เคย บอกกล่าวไว้ ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะไม่มีการรับ ของกำนัลจากทางวัดพระธรรมกายหรือเครื่องสังฆทานใดๆก็ตาม ทุกวันนี้ได้ทำหน้าที่ที่มีอยู่เท่านั้น ทำในสิ่งท ี่ถูกต้องเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้ชาวพุทธในประเทศไทยและทั่วโลก ตามแนวคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะถือว่า เป็นหนึ่งในสาวก พระองค์ท่าน เป็นหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติจะไม่เอนเอียงแก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะยึดติด กับความถูกต้อง และต้องให ้สังคม ยอมรับได้ด้วย เตรียมเรียกเดียรถียร์รับข้อกล่าวหา สำหรับเรื่องการ เรียกนายไชยบูลย์ และพระเผด็จ ทัตตชีโว มารับข้อกล่าวหานั้น พระสุเมธาภรณ์ กล่าวว่า จะต้องมารับฟัง ข้อกล่าวหา ที่วัด มูลจินดารามนี้เท่านั้น ถึงแม้จะม ีสมณศักดิ์ที่สูงกว่า เจ้าคณะจังหวัดก็ตามที แต่ในทางปกครองนั้น ถือว่า เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ส่วนในวันที่ จะเรียกมานั้น อาจจะมี ม็อบต่างๆ ทั้งกลุ่มสนับสนุน วัดพระธรรมกาย และกลุ่มท ี่ต่อต้าน ต้องการให้มีการชำระความผิดกับทั้ง 2 นั้นคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา คงจะให ้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยรักษาการณ์

"จะเรียก มารับข้อกล่าวหาในวันไหนนั้น ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ คงจะต้องรอดูคำฟ้องของนายสมพร เทพสิทธา ประธาน ยุวธิกสมาคมแห่งชาติ ที่ติดต่อมาแล้วว่าจะมายื่นคำฟ้องในวันที่ 26 พ.ค.นี้อีกคณะหนึ่งก่อน จะได้ดำเนินการ ไปพร้อมๆกัน นอกจากน ี้ก็ยังมีคน โทรศัพท์มาหาที่วัดบอกว่าจะมายื่นคำฟ้องนายไชยบูลย์ด้วยอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็ได ้บอกไปว่า ทุกคนมีสิทธิ์ ที่จะฟ้องได้ทั้งนั้น ขอให้มีข้อมูล หลักฐานถุกต้องเพียงพอเท่านั้น"

ส่วยว่อนเมืองปทุมฯคดีมีมูลสึก

พระปริยัติวโรปการ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีกล่าวว่า ไม่ใช่ครั้งแรก ที่คนของวัดพระธรรมกาย นำเครื่องไทยทานมาถวาย เพราะก่อนหน้าน ี้ก็ได้โทรศัพท์ติดต่อมายังตนเองที่วัดเขียนเขตมาแล้ว โดยบอกว่า จะมาให้กำลังใจ และจะเอาไทยทาน มาเยี่ยมเช่นกัน แต่ตนเอง ได้บอกปัดไปว่า ไม่ควรมาเข้าพบ หรือจะมาหารือ เรื่องใดๆในเวลานี้ เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง

พระปริยัติวโรปการ กล่าวต่อไปว่า หากเจ้าคณะจังหวัดสำนวนคำฟ้องนายไชยบูลย์และพระเผด็จ ทัตตชีโว ที่นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแล้ว เห็นว่า มีมูลความผิดจริง ทั้งทางด้านพระธรรมวินัย และจริยา ก็สามารถ ที่จะสั่งการ โดยตรง ผ่านไปยังเจ้าคณะอำเภอต่อไปยังเจ้าคณะตำบล สั่งพัก ตำแหน่งเจ้าอาวาส และรองเจ้าอาวาสได้ ส่วนจะให้พระรูปใด มาดำรงตำแหน่ง รักษาการนั้น ก็เป็นเรื่องของ เจ้าคณะตำบล จะพิจารณา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจได้จัดตำรวจ มาช่วยอารักขา เจ้าคณะจังหวัดอย่างเข้มแข็ง โดยในขณะนี้มีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวน 5 คนวนเวียน อยู่บริเวณกุฏิ พระสุเมธาภรณ ์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยพ.ต.ท.ณัฐพล ศุภระศร รองผู้กำกับ สืบสวนสอบสวนสภ.อ.ธัญบุรีกล่าวว่า ได้จัดกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ มาคอยอารักขา พระสุเมธาภรณ์ อย่างเข้มแข็ง ตามคำสั่ง ของผู้บังคับบัญชาแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะคอยติดตาม พระสุเมธาภรณ ์ไปทุกที่ ไม่ว่าจะไปตามกิจนิมนต์หรือไม่ เพื่อความปลอดภัย ของพระสุเมธาภรณ์เอง

ต่อมาเวลา 14.00 น. ได้มีพิธีหล่อพระธรรมกายประจำตัวที่วัดพระธรรมกาย นายไชยบูลย์ได้ออกมาพูดอีกครั้งว่า เรื่องที่ดินนั้น หากถามว่า อยากได้หรือไม่ ขอบอกเลยว่าอยากได้ทุกหมู่บ้านในประเทศไทย แต่ไม่ใช่เอามา ซื้อขายกัน อยากให้เป็น ที่ปฏิบัติธรรม ของทุกหมู่บ้าน เพราะคนที่ไม่สะดวกเดินทางมาวัดพระธรรมกายจะได้ใช้ปฏิบัติธรรม อย่างไรก็ตาม ที่ดินที่มีคน เอามาบริจาค ก็จะรับไว้ และให้เจ้าหน้าที่ คอยดูแล วันหนึ่ง หากมีทีมมีทุน ก็จะใช้ให้เกิดประโยชน ์ในการเผยแผ่ธรรมะ

มติมหาเถรฯทำสังฆมณฑลวุ่น

นายไชยบูลย ์บอกแก่ผู้มาปฏิบัติธรรมด้วยว่า เมื่อทางราชการรู้สึกกังวลอยากให้โอนที่ดินที่มีอยู่เป็นชื่อวัด ก็จะยอมทำให ้แต่ปัญหา จนขณะนี้ ก็ยังไม่หมด จะปลดออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสอีก เท่านั้น ยังไม่พอจะจับสึก ติดคุกตารางอีก ตอนน ี้ก็เลยมาศึกษาว่า ชีวิตในคุกตารางนั้น เขาใช้กันอย่างไร ถ้าวันหนึ่ง ต้องเข้าไปอยู่ จะได้ทำตัวถูก สิ่งที่ออกมาเป็นกฎมาบังคับในเรื่องที่ดินนั้น จะทำให้ สังฆมณฑล เดือดร้อน พระที่มีสมบัติ ต้องโอนให้แก่วัดทั้งหมด

"บางองค ์บวชมา 10 พรรษา โยมแม่จะเอาที่ดินมาถวายเพื่อให้ไว้เป็นสมบัติยามสึกออกไป ต่อมาพระรูปนั้น นำที่ดิน ไปจำนอง เอาเงินมาจ้างคร ูสอนโรงเรียนพระปริยัติธรรม เมื่อบังคับให้โอนที่ดินให้วัดก็จะเกิดผลกระทบทั้งสังฆทณฑล จะมาบังคับให้ คืนคนเดียว ก็จะขัดต่อ กฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายแพ่ง เพราะในกฎหมาย ไม่ได้ห้าม ไม่ให้พระมีที่ดิน ซึ่งถ้าจะแก้ก ฎหมายแพ่ง ก็ต้องแก้ รัฐธรรมนูญด้วย มันน่าแปลกขณะนี้ปัญหาที่ดินยังไม่จบ แต่กลับมี คนนำที่ดินมาบริจาคให้อีก ซึ่งก้ได้บอกไปว่ายังไม่รับ รับมาแล้ว อาจจะเกิดปัญหา ปวดหัวตัวร้อน ยังไม่จบสักที"

นายไชยบูลย์กล่าวด้วยว่า หากได้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสอีกครั้ง ใครเอาที่ดินมาบริจาคก็จะรับเพื่อทำเป็นที่ปฏิบัติธรรม ส่วนเรื่องที่ระบุว่า ทำให้พระสงฆ์แตกแยกนั้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน มีเจตนา แค่รวบรวมพระสงฆ์เท่านั้น จนเดี๋ยวนี้ วัดพระธรรมกาย มีพระ มากที่สุดในประเทศไทย ในวันคุ้มครองโลกก็มีพระประมาณ 1 แสนรูป ถ้ายังอยู่ต่อไปได้ก็จะรวบรวมพระสงฆ์อีก ขณะนี้ กำลังน้ำหนักลดลง เผื่อว่าจะมีคนมาอุ้มจะได้อุ้มไปได้สะดวก แต่ถ้าม ีคนมาจับสึก จะไม่ยอมสึกขอยอมตายในผ้าเหลือง

สั่งระดมแสนคนป้องธรรมกาย

นายไชยบูลย์อีกว่า ถ้ายังอยู่ต่อไปได้จะรวบรวมพระทั้งในและต่างประเทศมาปฏิบัติธรรม ขอยืนยันว่าไม่เคยคิดแยกลัทธินิกาย บางครั้ง เคยฟุ้งซ่านอยากรวบรวมธรรมยุติกับมหานิกายด้วยซ้ำ คนอื่นเขาคิดว่าอยากตั้งตนเป็นใหญ่ ที่ผ่านมา รู้ตัวว่า ถูกจับตา ดูมาตลอดตั้งแต่ 14 ต.ค. มีการส่งคนมาแทรกซึมในวัด ถ้าผิดจริงคงสึกไปนานแล้ว ส่วนพิธีกรรม ที่ทุกคน จะคุยกัน ในช่วงบ่ายนั้น ขอให้ปรึกษากับพระเณรว่าจะจัดงานกันอย่างไร จะปกป้องวิชชาธรมกายด้วยวิธีไหน แต่อย่าให ้ใครไปจาบจ้าง สมเด็จพระสังฆราช

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อถึงเวลา 15.00 น. วึ่งเป็นเวลานัดหมายประชุมเรื่องการจัดชุมนุมคน 1 แสนคนเพื่อปกป้องวัดพระธรรมกาย ปรากฎว่า ญาติโยมบางส่วนได้ทะยอยเดินทางกลับ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่วัดได้ประกาศชักชวนญาติโยมว่า ในช่วง 7 วันนี้ ขอให้ทุกคน มาร่วมธุดงค์รวมใจกล้าตะวัน ใครอยู่ครบ 7 วันจะมีรางวัลให้ด้วย ส่วนทีมผู้นำบุญทั้ง 11 ทีมจะเปิดตลอดทั้ง 7 วัน

ชี้"ไชยบูลย์"คุยมีฌาณต้องปาราชิก

ส่วนบรรยากาศ ที่ตำหนักเพชร วัดบวรนิเวศวิหารนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีพุทธศาสนิกชน ทุกสาขาอาชีพ มาร่วมลงนาม ถวายพระพร สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งในจำนวนนี้ มีนายดิเรก เจริญผล อดีตรมช.คมนาคมรวมอยู่ด้วย โดยนายดิเรกกล่าวว่า เป็นศิษย์วัดบวรฯบวชเรียนที่นี่ มีสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ เดินทางมา เพื่อถวายพระพรให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ เพื่อเป็นหลักชัยของพุทธศาสนิกชนชาวไทย ส่วนที่เกี่ยวกับ วัดพระธรรมกายนั้น เราทุกคนเป็นกำลังใจให้พระองค์อยู่แล้ว ซึ่งหากทุกคนเข้าใจในพระวินิจฉัยของพระองค์ก็ต้องรับไปปฏิบัติ และไม่ใช่เพียง ลายพระหัตถ์เท่านั้น แต่เป็นคำสั่งสอนของพระองค์ทั้งหมด

ด้านพระครูสาครธรรมนิเทศน์ ประธานศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา จ.ระยอง เจ้าอาวาสวัดหนองโสน อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งเดินทางมา ร่วมลงนามกล่าวว่า ตั้งใจมาถวายพระพรสมเด็จพระสังฆราชซึ่งเปรียบเสมือนองค์บิดาของคณะสงฆ์ทั่วประเทศ ส่วนกรณีที่ พระสงฆ์ ออกมาวิจารณ์ วัดพระธรรมกายอยู่ในขณะนี้นั้น คิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะเป็นการ แสดงความคิดเห็น เพื่อสร้างสรรค์พุทธศาสนา ให้มั่นคงต่อไป อย่างไรก็ตามไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของสงฆ์บางกลุ่มในลักษณะการก่อม็อบ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สมควร

สำหรับการดำเนินการ ของกรมการศาสนาต่อกรณีวัดพระธรรมกายนั้นล่าช้ามาก การยื่นฟ้องนายไชย บูลย์ และพระเผด็จ ทัตตชีโว ก็ยังมีอีก หลายประเด็นที่ไม่ได้กล่าวถึง โดยเฉพาะ การอวดอุตริมนุสสธรรม ที่เป็นประเด็นสำคัญ สามารถจะมัดตัว ทั้งสองคน ได้มีความผิด ขั้นปาราชิก การอวดอ้างว่า สามารถพาญาติโยม ขึ้นไปถวายข้าว พระพุทธเจ้า บนอายตนนิพพานนั้น ความจริงแล้วไม่มี เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างเท่านั้น การระบุว่านิพพานเป็นอัตตาแสดงว่าคนพูดเคยไปนิพพานมาแล้ว ฉะนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เป็นการอวดอ้างว่าตนเองได้ฌาณ ซึ่งตรงกับพระธรรมวินัยเรื่องการอวดอุตริมนุสสธรรม ข้อที่ 4 ไม่จำเป็นต้องสึก เพราะปาราชิกไปแล้ว

หวั่นยกฟ้องคำร้องกรมศาสนา

พระครูสาครธรรมนิเทศน์กล่าวอีกว่า คำฟ้องของกรมการศาสนาเขียนในลักษณะที่ยกฟ้องได้ เชื่อว่าอีกไม่นานก็ยกฟ้อง ขณะน ี้ก็ได้แต่หวัง การฟ้องของนายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมฯ ที่จะยื่นในวันที่ 26 พ.ค. เพราะเป็นคำฟ้อง ที่ปราศจากแรงกดดัน ไม่เหมือนคำฟ้องของกรมการศาสนาที่มีแรงกดดันจากมหาเถรฯที่ต้องการอุ้มนายไชยบูลย์ น.ส.พัชนี ตันฑานุช อายุ 52 ปี กล่าวว่า ได้ยินเรื่อง การถวายข้าวพระพุทธเจ้า ในอายตนนิพาน ของวัดพระธรรมกาย และนำมาเปรียบเทียบ กับพระไตรปิฎกแล้ว เห็นว่าไม่ถูกต้อง และยังได้คิดต่อไปอีกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้อดอยากทำไมต้องไปถวายข้าวด้วย และการที่อ้างอย่างนี้ แสดงว่าเป็นพระอรหันต์หรืออย่างไรทำไมไปถวายข้าวพระพุทธเจ้าได้ นอกจากนี้ เคยมีคนของ วัดพระธรรมกาย มาเรี่ยไรบ่อยคครั้ง ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่นานไปก็ยังมาเรี่ยไรอีกจึงรู้สึกว่าทำไมจึงไม่รู้จักพอ กรณีนายไชยบูลย์นั้น ลายพระหัตถ์ ของสมเด็จพระสังฆราชชี้ชัดอยู่แล้ว คงไม่ต้องกล่าวอะไรอีก

นายอุดม ศุภสินธุ์ กรรมการสภาทนายความฝ่ายช่วยเหลือประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ศิษย์วัดพระธรรมกายออกมาระบุว่ากรณีนางสาลี่ เพ็ชร์ชูดี รับเงินค่าที่ดินไปแล้วและมีหลักฐานนั้นว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในการรวบรวมและพิจารณาของทั้งสองฝ่าย เพราะเงินที่ ทางฝ่ายวัดพระธรรมกาย ระบุว่ารับเป็นงวดๆนั้น ยังไม่แน่ชัด และไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นค่าอะไร ต้องรอให้ นางสาล ี่เป็นผู้ยืนยันเรื่องนี้ ด้วยตนเอง เพราะที่ผ่านมา หลังจากที่ นางสาลี่ออกมาให้ข้อมูล กับทางสภาทนายความ ส่วนใหญ่ ญาติพี่น้อง มาให้ข้อมูลแทน ไม่เคยเดินทางมาด้วยตนเองเลย อย่างไรก็ตามได้นัดให้นางสาลี่เดินทางมายืนยันเรื่องเงินและข้อมูลอื่นๆ ในวันที่ 25 พ.ค.นี้ เพื่อที่จะประมวลเรื่องนี้ได้

เตือนสติยึดหลักพระธรรมวินัย

ด้านพระธรรมปิฏก (ป.ต.ประยุตโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวศสกวัน ได้กล่าวบรรยายธรรม กับพระธรรมฑูตที่ดินทางมานมัสการที่วัดว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้หลักการชัดเจน แต่มีคนพูดว่า พระพุทธเจ้า สอนว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ทำให้ความหมายที่แท้จริงผิดไป พุทธศาสนาอยู่ได้ด้วยหลักการของตัวเอง ต้องรู้ว่าจะเอาอะไรเป็นมาตรฐาน สำหรับชาวพุทธนั้น ยึดเอาพระไตรปิฏกเป็นมาตรฐานสากลและมีคำภีร์อื่นๆประกอบ อย่าเอาความคิด ของตัวเอง เป็นหลักการ เหมือนศาสนาอื่น มันจะยุ่ง ปัจจุบันเรื่องความสับสนทำให้เกิดปัญหาพูดกันอย่างโน้นอย่างนี้ก็ยังสับสนกันไปใหญ่ ความจริง เป็นเรื่องง่ายๆ หากเรายึดเอาหลักการพระธรรมวินัยตามพระไตรปิฏกทุกอย่างก็จะเรียบร้อย

"ปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะนี้หากเป็นบ้านเมืองอื่นคงมีการฆ่ากันตายแล้ว แต่ไทยเรา เป็นเมืองพุทธ จึงไม่มีการฆ่ากัน อาจจะเถียงกัน ด้วยวาจา ซึ่งก็อาจจะรุนแรงบ้างแต่ต้องพูดกันด้วยเหตุผล คุมอารมณ์กันให้ได้ อาตมาเข้าใจด ีว่าในความรู้สึก ของทุกคน ก็กระทบกระเทือนใจ รักพระศาสนา แต่หากรักจริงก็ต้องนำเอาพระธรรมวินัยเป็นตัวตัดสิน อย่าเฉไฉไปเป็นอย่างอื่น ปัญหาที่เกิด ความสับสน อยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะไม่ได้นำพระธรรมวินัยมาเป็นหลักในการตัดสินปัญหา เมื่อไม่มีขั้นตอนดังกล่าว จึงทำให้เกิด ความยุ่งยาก มีเรื่องอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งการเงิน ผลประโยชน์ ธุรกิจและการเมือง พูดกันกว้าง กันออกไปทั้งท ี่ประเด็นพระธรรมวินัยก็ยังไม่มีการตัดสินให้ชัดเจน"

พระธรรมปิฏกกล่าวต่อไปว่า คนที่ติดตามเรื่องนี้ มีอยู่ไม่น้อย หวาดระแวงนักการเมือง ถึงกับด่าว่า นักการเมืองว่า เข้าข้างกันหรืออะไรทำนองนี้ บางส่วนก็เกิดความคลางแคลงใจคณะสงฆ์และมหาเถรสมาคม เมื่อเป็นอย่างนี้ ปัญหาก็เกิดขึ้น อีกฝ่าย ก็ลุกขึ้นมาตอบโต้ เสร็จแล้วความแตกแยกก็ตามมา ความจริง การแก้ไขเรื่องนี้ ไม่ยากขึ้นอยู่ กับเจตนา ในการรักษา พระธรรมวินัยว่า มีอยู่ในบุคคลนั้น หรือไม่ ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญและหากคิดจะทำก็สามารถทำได้เพราะพระธรรมวินัยเป็นสิ่งที่ชัดเจน

รู้ไม่จริงระวังทำลายพุทธศาสนา

สำหรับนักการเมือง ที่เข้ามาแก้ปัญหานี้นั้นมีความเข้าใจเรื่องหลักพระธรรมวินัยมากน้อยแค่ไหน มีความเข้าใจต่อสถาบันสงฆ์มากน้อยแค่ไหน หากไม่มีหรือมีไม่ดีพอก็จะเกิดปัญหาซ้ำซ้อน เป็นการซ้ำเติมปัญหาให้หนักเข้าไปอีก จุดสำคัญ คือต้องแก้ที่จุดเริ่มต้นให้ได้อย่ารีรอชักช้า ส่วนการเอา กฏหมายรัฐธรรมนูญ เข้ามาเกี่ยวข้อง กับปัญหา ของวัดพระธรรมกายนั้น กฏหมายรัฐธรรมนูญ เป็นกฏหมาย คุ้มครองศาสนา แต่ถ้านำมาใช้ไม่ถูกเรื่อง ก็เท่ากับ เป็นการแทรกแซงคณะสงฆ์ จะทำให้เกิดความขัดแย้งแทนที่จะมาใช้เพื่อคุ้มครอง กลับกลายเป็นปัญหาสร้างความแตกแยก หากนักการเมือง ที่ไม่รู้เรื่องนำมาใช้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็จะกลายเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา

ต่อมาเวลา 14.00 น.วันเดียวกันที่ตำหนักเพ็ชร คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ภริยาพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้นำฝ่ายค้าน ได้เดินทางมา ร่วมลงนาม ถวายพระพรสมเด็จพระสังฆราช จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ว่า เดินทางมา เป็นตัวแทน ของพล.อ.ชวลิตและพรรคความหวังใหม่ เมื่อทราบว่าสมเด็จพระสังฆราชทรงประชวรก็เป็นห่วง พระองค์เป็นหลักสำคัญ ของพุทธศาสนา และศาสนาพุทธก็เป็นศาสนาที่ยอมรับกันทั่วโลก เชื่อว่าศาสนาพุทธนั้น มีความเป็นปึกแผ่น มานานหลายพันปี จะไม่มีวัน เสื่อมสลายไปจากความเชื่อมั่นในความเป็นพุทธศาสนิกชน เรื่องนี้ ขอให้ทุกคนช่วยกัน ทำนุบำรุง พระพุทธศาสนา และเห็นว่า เรื่องนี้ควรจะจบได้แล้ว เพราะสมเด็จพระสังฆราชท่านอายุมากแล้ว ไม่ควรมีเรื่องอะไรมารับกวนพระทัย

นายธงทอง จันทราศุข อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า หลังจากวันที่ 23 พ.ค.ไปแล้ว จะมีการรวบรวม รายชื่อของ ผู้ที่มาร่วมลงนามถวายพระพรเสนอแด่สมเด็จพระสังฆราช แต่ประชาชนก็ยังสามารถที่จะลงนามถวายพระพรต่อไปได้ โดยจะย้ายจาก ตำหนักเพชรมาอยู่ที่บริเวรหน้าคณะเหลืองรังษี สำหรับสมุดลงนามที่ผ่านมานั้นมีทั้งสิ้น 24 เล่มๆละประมาร 300 ชื่อ คาดว่า มีผู้มารว่มลงชื่อ ถวายพระพรแล้วทั้งสิ้น 7,000-8,000 คน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มาร่วมลงชื่อทั้งหมดนั้น จะไม่มีการประกาสว่า เป็นหน่วยงานไหนบ้า งแต่อย่างใด เพราะไม่ใช่สาระสำคัญของการมาถวายพระพร

แจงไม่ฟ้องอุตริฯพิสูจน์ยาก

นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนาเปิดเผยว่า ได้ปรึกษา กับพระเถระชั้นผู้ใหญ่หลายรูป ซึ่งก็แนะนำว่า ไม่ควรหยิบเรื่อง ของการอวดอุตริมนุสสธรรมมาเป็นประเด็นฟ้อง เนื่องจากเป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก เพราะว่า การฟ้องอวดอ้างอุตริฯว่า สามารถนั่งสมาธิ ถอดธรรมกายถวายข้าวพระพุทธเจ้าในอายตนนิพพานนั้น ผู้ที่จะมาสอบต้องนั่งสมาธิเป็นด้วย ไม่เช่นนั้น นายไชยบูลย์ จะนำมาเป็นข้ออ้างว่าไม่นั่งสมาธิจะไม่สามารถรู้เรื่องเหล่านี้ได้ ในสมัยพุทธกาลนั้น พระพุทธเจ้า สามารถพิสูจน์ได ้เพราะมีความรู้ ความสามารถ แต่ปัจจุบันจะหาใครสอบเรื่องนี้

ส่วนข้อหา ที่ยื่นคำฟ้องไปนั้นโดยเฉพาะบิดเบือนคำสอน เชื่อว่ามีความผิดแน่นอน และได้ระบุด้วยว่า มีการกระทละเมิด เป็นอาจิร ก็สามารถจับสึก ได้ทันที แต่กรณีนี้เมื่อจับสึกแล้วยังสามารถบวชได้อีก อย่างไรก็ตาม ข้อหาลักทรัพย์ ที่ได้ยื่นฟ้องไปนั้น ก็สามารถ ต้องปาราชิกเช่นกัน โดยไม่สามารถกลับมาบวชได้อีก แต่ถ้านายสมพร เทพสิทธาเห็นว่า ประเด็นใด ยังไม่ครอบคลุม ก็สามารถยื่นฟ้องเพิ่มเติม ต่อเจ้าคณะจังหวัดได้

นายมาณพกล่าวด้วยว่า คำฟ้อง ที่ได้ส่งให้ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธาน ีมีหลักฐาน และมีมูลที่จะเอาผิด กับอดีตเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ได้แน่นอน 100% และขอเพียงแต่ให้มีการรับฟ้องเท่านั้น ซึ่งถ้าคิดว่า หลักฐานมีไม่เพียงพอ กรมการศาสนา จะหาหลักฐานเพิ่มเติมให้อีก

สับ"พิภพ"ไร้ความรับผิดชอบ

นายทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึง กรณีวัดพระธรรมกาย ใช้วิธีสร้างมวลชนว่า เป็นธรรมดา ที่วัดจะต้องดิ้นรนให้ถึงที่สุด อย่างเช่น กรณีระดมพระเณร ทั่วประเทศ มาให้กำลังใจ พระสมเด็จในสายมหานิกายบางรูป ซึ่งการทำเช่นนี้ เป็นการเบี่ยงเบน ประเด็น ให้สังคมเข้าใจว่า เกิดความขัดแย้ง ในด้านนิกายสงฆ์คือระหว่างธรรมยุตนิกายกับมหานิกาย ทั้งที่ทุกฝ่าย ควรจะออกมา ร่วมกันปกป้อง พุทธศาสนามากกว่า เมื่อเกิดอลัชชีขึ้นก็ต้องช่วยกันกำจัดอลัชชี

"ดูเหมือนว่า กรมการศาสนาและวัดพระธรรมกายจะร่วมมือกันทำให้เรื่องมันยืดเยื้อออกไป เพราะให ้ประชาชน เบื่อหน่าย และเลิกติดตาม เป็นการทำสงครามยืดเยื้อ การที่อธิบดีกรมการศาสนา ไม่ได้ลงนาม คำฟ้องกล่าวโทษ นายไชยบูลย์ และพระเผด็จ ทัตตชีโวนั้น แสดงว่าอธิบดีกรมการศาสนากำลังกระทำผิด ฝ่าฝืนมติมหาเถรฯ แม้จะมีการอ้างว่า กฎมหาเถรฯฉบับที่ 11 ไม่เปิดโอกาสให้ นิติบุคคลฟ้องร้องก็ตาม แต่อธิบดี กรมการศาสนา ควรแสดง ความรับผิดชอบ ในฐานะส่วนบุคคล กล่าวโทษ ฟ้องร้องมากกว่าให้ตัวแทนดำเนินการ"

นายทวีวัฒน ์กล่าวด้วยว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการปฏิรูปคณะสงฆ์ โดยการร่างพ.ร.บ. คณะสงฆ์ใหม่ ให้ประชาชน ได้เข้าไปมีส่วนร่วม โดยอาจจะจำลองแบบจากการร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาที่ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อระดมความคิด จากทุกฝ่าย หลังจากนั้น ก็ให้มีการจัดทำ ประชาพิจารณ ์ไม่ใช่ปล่อยให ้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ร่างกันเองจะมีปัญหา ทูล"สังฆราช"จี้ทวนมติมหาเถรฯ

นายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า กรณีท ี่นายไชยบูลย์ประกาศว่า จะยอมตายในผ้าเหลืองนั้นรับฟังไม่ได้ คิดว่าคงพูดไปอย่างนั้นเอง เมื่อมีคำตัดสินออกมา ก็ต้องยอมรับ เหมือนกรณีสันติอโศกและยันตระที่ต้องยอมรับศาลสูงสุดของพระ และกรณียิ่งร้ายแรง กว่า เพราะทำลายพุทธศาสนา โดยตรง พร้อมกันนี้นายสมพรยังยืนยันว่าจะเดินทางไปยื่นฟ้องนายไชยบูลย์ในวันที่ 26 พ.ค.ตามเดิม แม้ว่าทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีจะเร่งให้ยื่นเร็วๆก็ตาม เนื่องจาก ต้องพิจารณา หลักฐานอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้มีการยกฟ้อง ซึ่งจะฟ้องในทุกประเด็นรวมทั้งการอวดอุตริมนุสสธรรม

ทั้งนี้ หลังจาก ได้เห็นคำฟ้องของนายมาณพแล้วมีโทษน้อยมาก เหมือนจะช่วยกัน จะไม่ไว้ใจกรมการศาสนาแล้ว การกล่าวอ้างว่า นายมาณพต้องเป็นผู้ยื่นฟ้องเองแทนกรมฯเพราะเป็นกฎมหาเถรฯก็ไม่เป็นความจริง กรมการศาสนา เป็นนิติบุคคล สามารถฟ้องได้ แถมจะมีนำหนักกว่าบุคคลธรรมดาด้วย สำหรับคำฟ้อง ของตนก็จะฟ้อง ในนามสภายุวพุทธิกสมาคมฯ ทั้งนี้ไม่อยากมองว่า การที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธาน ีเร่งรัดมา เพราะต้องการให ้หลักฐานอ่อนจะได้ยกฟ้อง ดังนั้นเมื่อยื่นฟ้องแล้วก็ขอให้เร่งพิจารณาอย่าให้ยืดเยื้อเป็นปีๆก็แล้วกัน

นายสมพร กล่าวต่อไปว่า ในทางพฤตินัยขณะนี้นายไชยบูลย์พ้นจากความเป็นพระแล้ว การที่ยื่นฟ้อง ก็เพื่อทำตาม ขั้นตอนนิตินัย อย่างไรก็ตามจะทำหนังสือกราบทูลสมเด็จพระสังฆราชขอให้มหาเถรฯทบทวนมติวันที่ 10 พ.ค. เมื่อมีการ ร้องเรียนแล้วถ้าเห็นว่ามีหลักฐานเพียงพอก็ลงมติเลยไม่ต้องใช้กฎนิคหกรรม ซึ่งถ้าเสนอเอง ผ่านกรมการศาสนา ทางอธิบดีอาจไม่เอาเรื่องบรรจุในวาระการประชุม ดังนั้น จึงต้องอาศัย พระกรุณา ของสมเด็จพระสังฆราช มีบัญชาให้กรมการศาสนานำเข้าสู่การพิจารณาของมหาเถรฯ

นอกจากนี้ นายสมพรยังกล่าวอีกว่า การที่นายอำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักงานพุทธมณฑล กล่าวว่า มีขบวนการ บ่อนทำลายพระพุทธศาสนานั้น ถ้าจะบอกว่า พวกตนดำเนินการเรื่องนี้ เพราะรับเงิน ต่างชาติ ก็หาหลักฐาน มาให้ชัดเจน รู้สึกสงสารอธิบดีกรมการศาสนาที่มีคนพวกนี้แวดล้อม ระวัง คนรอบข้าง จะนำความเดือดร้อนมาให้

"ผมเป็นคน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เคยเป็นอธิบดีมาก่อน เป็นวุฒิสมาชิก และสภายุวพุทธิกสมาคมฯ ก็อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ ผมจะไปรับเงินต่างชาติได้อย่างไร พูดพล่อยๆมาพูดว่ามีขบวนการก็ต้องมีผมรวมอยู่ด้วย การที่คุณอำนาจพูดอย่างนี้จะไม่ให้ผมสงสัยได้อย่างไรว่าช่วยเหลือวัดพระธรรมกาย ผมเองสงสารอธิบดีกรมการศาสนาที่ไม่กล้ารับผิดชอบลงนามฟ้องเอง และเห็นใจที่ต้องพึ่งลูกน้อง เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ".