page4

เดลินิวส์ 9/5/2542

'อาคม'ฟ้องปาราชิก 207องค์กรให้เลิก'ธรรมกาย' คาดคนนับหมื่นร่วมขับเเหลือบไชยบูลย์

วัดสวนแก้วรับ ชาวพุทธนับหมื่นแสดงพลังขับ"ไชยบูลย์"พุทธสมาคม 207 องค์กรทั่วประเทศ ถวายหนังสือสนับสนุนลายพระหัตถ์ จี้มหาเถรฯ-รัฐบาล เร่งถอดผ้าเหลือง ยึดทรัพย์คืนจากพระปลอม พร้อมเผาทิ้งตำรา "ธรรมกาย" เลิกสอน เพ่งลูกแก้วทั่วประเทศ เป็นมรดกบาปทำลายศาสนา แม้หลวงพ่อสด ก็เลิกปฏิบัติช่วงปลายชีวิต กรมศาสนา ประกาศสอบต่อ เจ้าสำนักฉาวเอาเงินบริจาคไปซื้อที่ ตีตกเงื่อนไข การโอนที่ดิน 1,700 ไร่ให้วัด "วรรณรัตน์" ตั้งกองรักษาการป้องกันภายใน คุ้มกันพระสังฆราช หน่วยปราบจลาจล พร้อมรับมือม็อบจันทร์นี้ ประเมินผลมหาเถรฯ แค่เปิดช่องฟันตามกฎนิคหกรรม "อาคม" ลั่นคำเป็นโจทก ์ยื่นฟ้องปาราชิกอวดวิเศษแทนชาวพุทธ แก๊งนรกก่อกวนอีก ออกใบปลิวต่างชาติให้เงินล้มธรรมกาย เหลือเชื่อเนื้อหาบางส่วน บังเอิญสอดคล้องกับคำกล่าวพระระดับนำของวัด

การจัดการกับพระปลอมนายไชยบูลย์ สุทธิผล หรืออดีตพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีลายพระหัตถ์วินิจฉัยตาม พระธรรมวินัยแล้วว่าต้องปาราชิกในข้อหาลักทรัพย์แล้วนั้น แม้จะมีการบรรจุวาระเข้าที่ประชุมหาเถรสมาคม (มส.) ในวันที่ 10 พ.ค. นี้ เพื่อดำเนินการ ขั้นตอนการถอดผ้าเหลือง แต่เชื่อว่าเรื่องทั้งหมดยังคงไม่ยุติ และต้องผ่านกระบวนการฟ้องร้องตามกฎนิคหกรรม ที่ใช้สอบสวนพระ ที่ละเมิดพระธรรมวินัย ขณะเดียวกัน ก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวของชาวพุทธ อย่างต่อเนื่องในการสนับสนุนลายพระหัตถ์ขับพระปลอม ออกจากศาสนา

คนนับหมื่นขับไชยบูลย์

เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตำรวจ สภ.อ.บางใหญ่ ส่งกำลังเจ้าหน้าที่มาหารือกับกรรมการวัด เพื่อเตรียมอารักขา ป้องกันการปลอดภัยระหว่างการประกอบพิธีบัพพาชนียกรรม ขับนายไชยบูลย์ ออกจากศาสนาพุทธในวันที่ 9 พ.ค.นี้ นอกจากนั้น ตลอดทั้งวันมีประชาชนจำนวนมากโทรศัพท์และส่งโทรสารจะมาร่วมพิธีไม่ต่ำกว่า 3 พันคน ตำรวจได้ขอความร่วมมือ กรรมการวัดว่าขอให้นำ เอกสารที่ประชาชนส่งมาให้ตำรวจเพื่อตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มไหนบ้าง นอกจากนั้นวัดยังเตรียมพื้นที่บริเวณลานหินโค้ง และคาดว่า จะมีคนนับหมื่นมาร่วมงาน

พระพิศาลธรรมพาที หรือพระพยอม กัลยาโณ ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้วกล่วว่า ได้ประสานงานกับองค์กรพุทธต่าง ๆ ที่แสดงเจตจำนง เข้าร่วมพิธีประกาศนียกรรมที่จะมีขึ้น โดยวัดสวนแก้วจะทำหน้าที่ อำนวยความสะดวกและเตรียมสถานที่ โดยตั้งเวทีที่ลานหินโค้ง เมื่อพิธีเริ่มพระวิศาโร ในฐานะประธานใหญ่จะประกอบ พิธีเชิญชวนประชาชน มาประชุมพร้อมกัน พร้อมนำลายพระหัตถ ์สมเด็จพระสังฆราชมาอ่านเพื่อ ขอเสียงสนับสนุนว่าสมควรดำเนินการกับวัดพระ ธรรมกายตามลายพระหัตถ์หรือไม่ สุดท้ายจะสอบ ถามว่า จะยอมรับความเป็นสงฆ์ของเจ้าอาวาสวัดธรรมกายอีกหรือไม่ โดยจะนำมติดังกล่าว เสนอคณะสงฆ์และมหาเถรฯต่อไป มั่นใจว่า ประชาชนจะมาไม่ต่ำกว่า 4 พันคน และแม้จะไม่มากเท่าคนของวัดพระธรรมกาย แต่ก็มาเพราะศรัทธา

"ล่าสุด มีโทรศัพท์มาขู่อาตมาว่ารู้ไหมธรรมกายฆ่าคนมากี่คน อาตมาก็เฉย ๆ ส่วนการโอนที่ดิน ของเจ้าอาวาสให้วัดเชื่อว่าทำเพื่อลดกระแส คงไม่จบเพราะการขโมย แม้คืนทรัพย์มาแล้วก็เป็นขโมยอยู่ดี"

สำหรับ พิธีบัพพาชนียกรรมภิกษุเป็นการทำเพื่อใช้มติสงฆ์ขับพระที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัยออกจากศาสนา เป็นการคว่ำบาตร ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร ์เคยเกิดขึ้นครั้งเดียวคือกรณีสันติอโศก โดยสงฆ์ผู้เข้าข่ายถูกประกาศนียกรรมนั้น ต้องมีพฤติกรรมที่ชาวโลกติเตียน ประพฤติร้าย ประพฤติเลวทราม เป็นข่าวเซ็งแซ่ หรือภิกษุผู้เล่นคะนอง อนาจาร ลบล้างพระบัญญัติและมิจฉาชีพ

เลิกสอนมรดกบาป"ธรรมกาย"

ในวันเดียวกัน เวลา 16.00 น. ที่วัดบวรนิเวศพุทธสมาคม 207 องค์กร ทำหนังสือกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช แสดงความซาบซึ้ง และความกตัญญูกตเวที รวมถึงแสดงความสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้ดำเนินการ ตามพระวินิจฉัยกรณีวัดพระธรรมกาย และขอให้มหาเถรฯ และรัฐบาลสนองงานตามพระวินิจฉัยใน 3 ประเด็น

ประเด็นแรก คือเรื่องคำสอนที่มีพระวินิจฉัยว่าความบิดเบือนพระธรรมคำทรงสอน โดยกล่าวหาพระไตรปิฎกบกพร่อง ทำสงฆ์ให้แตกแยกเป็นสอง เป็นการ ทำลายพระพุทธศาสนา เป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนักนั้น การปฏิบัติ ให้เป็นรูปธรรม คือจะต้องยกเลิกการสอนวิชชาธรรมกายทั้งหมด ทุกรูปแบบ และทุกหนแห่งทั่วประเทศ เพราะความบิดเบือน พระธรรมคำทรงสอน โดยกล่าวหา พระไตรปิฎก บกพร่องเป็นทิฏฐิพื้นฐานทั้งหมดของวิชชาธรรมกาย เนื่องจากวิชชานี้ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎกเลย แต่หลวงพ่อสด จันทสโร วัดปากน้ำ ได้คิดค้น วิชชาอย่างมีระบบ เป็นเอกลักษณ์�ต่างจากพระไตรปิฎกอย่างชัดเจนและถึงราก โดยอ้างว่าวิชชานี้หายไปตั้งแต่ พ.ศ. 500 และเพิ่งค้นคว้า คืนมาได้ และมอบให้รักษากันต่อไป จึงถือว่าวิชชาธรรมกายเป็นสัทธรรมปฏิรูป หรือการทำให้พระธรรมผิดเพี้ยน ปัจจุบัน ได้มีการศึกษาวิชชาธรรมกาย อยู่หลายวัด ทั้งที่มีพยานเอกสาร และพยานบุคคลได้ระบุชัด หลวงพ่อสดได้เลิกการปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกาย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2548 แต่ลูกศิษย์ไม่ยอมเลิก

ฉะนั้น มหาเถรฯ ต้องเลิกวิชชาธรรมกายไม่ให้ศึกษา ปฏิบัติ และเผยแพร่อีกต่อไปในทั่วประเทศ ทั้งให้ทำลายสื่อเผยแพร่ทุกรูปแบบ เพราะตราบใด ที่มีอยู่ถือว่า เป็นมรดกบาป เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งทิฏฐิของวิชชาธรรมกายที่ต้องบิดเบือนพระพุทธธรรม และกล่าวหาพระไตร ปิฎกบกพร่องอยู่ตราบนั้น ซึ่งจะส่งผล เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาทำให้สงฆ์แตกแยก โดยในมาตรา 15 ตรี (4) ในพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ระบุไว้ว่า มหาเถรฯมีอำนาจหน้าที่รักษาพระธรรมวินัย ของพระพุทธศาสนา

ประเด็นที่ 2 คือ การวินิจฉัยเรื่องการโอนสมบัติของนายไชยบูลย์ให้วัดทันที มหาเถรฯ และรัฐบาลต้องติดตามสมบัติทั้งหมด ของนายไชยบูลย์ที่ได้ระหว่างเป็นพระคืนให้วัดโดยจริง ครบถ้วนและรวดเร็ว

เร่งปลดผ้าเหลือง"ไชยบูลย์"

ประเด็นที่ 3 คือพระวินิจฉัยว่า นายไชยบูลย์เป็นพระปลอม ปาราชิกไปเนื่องจากการนำเงินบริจาคไปซื้อที่ดินเป็นของตัวเองนั้น พุทธสมาคมขอให้รัฐบาล และมหาเถรฯเร่งจัดการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในการถอดผ้าเหลืองจากตัวนายไชยบูลย์

นอกจากนั้น วัดพระธรรมกายเคยตอบรับการปรับปรุงแก้ไขของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2542 แต่นายไชยบูลย์ตระบัดสัตย์ ไม่เคยปฏิบัติตาม คำแนะนำทั้ง 4 ข้อเลย มิหนำซ้ำยังฝ่าฝืนร้ายแรงทุกข้อ เช่น การใช้หนังสือ "พระแท้" ซึ่งเป็นสัทธรรมปฏิรูป หรือการทำพระธรรม ผิดเพี้ยนเป็นตำราหลัก ให้พระเณรที่นิมนต์มาจากทั่วประเทศมาตอบปัญหาชิงเงินรางวัลในวันที่ 22 เม.ย. ในงานวันเกิดของนายไชยบูลย์ และการอวดอุตริ มนุสธรรมพาญาติโยมไปถวายข้าวพระพุทธเจ้าบนอายตนนิพพาน และการเรี่ยไรทุกรูปแบบ ทุกสื่อทั่วประเทศ

มหาเถรฯ และรัฐบาล ต้องรีบดำเนินการโดยด่วนที่สุดเพื่อถอดผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากตัวนายไชยบูลย์ ผู้เป็นพระปลอม ซึ่งพระพุทธเจ้า เปรียบพระผู้ต้องอาบัติปาราชิกเป็นตาลยอดด้วน ไม่มีทางเจริญงอกงามได้อีกในความเป็นพระไปตลอดชีวิต และการต้อง อาบัติปาราชิกต้องขาดจากการเป็นพระทันที ไม่ต้องมีใครเป็นโจทก์เลย

ขณะนี้ เครือข่ายองค์กรทางพระพุทธศาสนา การสังคมสงเคราะห์ และการพัฒนากำลังขยายจำนวนองค์กรเครือข่ายไปทั่วประเทศ เพื่อดำเนินการ อย่างเป็นรูปธรรมในการระดม พุทธบริษัททั่วประเทศ แสดงความเห็นสนับสนุน เต็มที่ให้มหาเถรฯและรัฐบาลสนอง พระวินิจฉัยเกี่ยวกับกรณีธรรมกายทุกประเด็น

หน่วยปราบจลาจรพร้อมอารักขา

ทางด้านพ.ต.ท.เพทาย พรล้วนประเสริฐ สวป.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยว่า พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผบช.น. สั่งการให้ตำรวจชนะสงคราม ถวายการอารักขา ในลักษณะรูปแบบของกองรักษาการณ์ภายใน บริเวณข้างพระตำหนัก เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. รูปแบบ ของกองกำลังจะมีวิทยุคลื่นความถี่สูง รายงานให้ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า และศูนย์วิทยุรามาได้ และมีเจ้าหน้าที่ในการลงประจำวัน มีตำรวจ ประจำกองรักษาการ แบ่งเป็น ชั้นสัญญาบัตร 1 นาย ชั้นประทวนในเครื่องแบบ 5 นาย สายสืบนอกเครื่องแบบ 4 นาย และนายทหาร ของศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ ศรภ. 4 นาย

นอกจากนั้น ในการประชุมมหาเถรฯวันที่ 10 พ.ค. ตำรวจและศรภ.จะคุ้มกันสมเด็จพระสังฆราช ตลอดทางที่จะเสด็จ เพื่ออารักขา ป้องกันความวุ่นวาย และจะมีเจ้าหน้าที่คอยอารักขาทุกชั้นอย่างหนาแน่น ส่วนที่เป็นห่วงว่าจะมีการเผชิญหน้าทั้งฝ่ายต่อต้านและสนับสนุน ก็จะกันทั้ง 2 กลุ่มไว้ที่จอดรถพระประเทียบ ถ้ามีมากเกินไป ก็จะใช้สนามบาสฯ โรงเรียนวัดบวรแทน หากสถานการณ์รุนแรง จะใช้กำลังตำรวจปราบจลาจลมาเสริม ส่วนการถวายการอารักขากรรมการมหาเถรฯ จะเริ่มตั้งแต่ ที่พระเถระนำรถมาจอดเทียบจนถึงหน้าห้องประชุม

คาดมส.เปิดช่องฟ้องนิคหกรรม

ทางด้าน รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เท่าที่ประเมินเบื้องต้นคาดว่าการประชุมมหาเถรฯ ในวันที่ 10 พ.ค. คงไม่มีการตัดสิน ให้ถอดผ้าเหลืองนายไชยบูลย์ทันที แต่จะออกมาในรูปให้เรื่องการดำเนินการข้อหาปาราชิกเข้ากระบวนการสอบสวนของสงฆ์ นั่นหมายความว่า จะต้องเข้าสู่กฎนิคหกรรม โดยจะต้องมีโจทก์ฟ้องร้องเพื่อให้มีการสอบสวนความผิดเหมือนอย่างกรณีของอดีตพระยันตระ ซึ่งจะต้อง มีมติเกี่ยวกับการปาราชิกออกมาก่อน เพื่อให้สามารถ ยื่นฟ้องได้ สำหรับท่าทีของกระทรวงศึกษาธิการก็คือจะมีการยื่นฟ้องนายไชยบูลย์แน่ เพราะต้องทำ ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ระบุชัดต้องสนองลาย พระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช โดยประเด็นที่จะยื่นฟ้องคือเรื่องการสอนผิดเพี้ยน บิดเบือนพระธรรมคำสอน ซึ่งตรงกับลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราชฉบับแรกและฉบับที่ 2 ที่กล่าวว่าเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้สงฆ์แตกแยก เป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนัก

ก่อนหน้าน ี้กระทรวงศึกษาธิการเคยตั้งกรรมการพิจารณาปัญหาธรรมกายหลายครั้ง นับตั้งแต่ชุดของกรมการศาสนา และของกระทรวง ศึกษาธิการ ที่ระบุชัดว่าคำสอนของวัดผิดเพี้ยน บิดเบือนพระไตรปิฎก ล่าสุดแม้มีมติมหาเถรฯออกมาให้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย แต่วัดพระธรรมกาย ยังนำหนังสือ "พระแท้" ออกมาเป็นหนังสืออ่านประกอบการตอบปัญหาธรรมะ ในงานวันเกิดปีที่ 55 ของนายไชยบูลย์ โดนคณะทำงาน ของกระทรวงศึกษาธิการทำรายงานเสนอแล้วว่าคำสอนของวัดพระธรรมกายโดยเฉพาะในหนังสือพระแท้ ที่ใช้ในการตอบปัญหาธรรมะ ในงานวันเกิดพระไชยบูลย์ ขัดกับหลักศาสนาอย่างชัดเจน

หลักฐานคำสอนเพี้ยนชัดเจน

สำหรับ ำสอนผิดเพี้ยนมี 4 ประเด็น หลัก คือ 1. การสอนเรื่องธรรมกาย โดยอ้างว่าพระพุทธเจ้าทรงค้นพบ แต่สูญหายไปจนมีการค้นพบใหม่ ซึ่งปรากฏว่า เป็นการสอนผิดเพี้ยนจากพระไตรปิฎกที่ในพุทธเถรวาท ไม่ถือธรรมกายเป็นเรื่องสำคัญ 2. เรื่องปฐมมรรค ที่วัดพระธรรมกาย บัญญัติศัพท์ขึ้นมาเอง และอธิบายให้สับสนโดยอ้างว่าเป็นดวงใสอยู่กลางกาย และจะเป็นทางเข้าสู่ การบรรลุธรรมขั้นพระอรหันต์

3. เรื่องอายตนนิพพาน ว่าเป็นที่อย ู่ของพระนิพพาน เป็นสถานที่ โดยจะดูดธรรมกายเข้าไปสู่ในนั้น เมื่อพระพุทธเจ้าดับขันธ์ปรินิพพาน ก็ถูกอายตนนิพพานดูดเข้าไป ซึ่งโดยแท้ที่จริงคำว่าอายตนนิพพานไม่มีในภาษาบาลีอยู่เลย ไม่มีในพระพุทธศาสนา และถ้าเห็นแก่พระธรรมวินัย ไม่ประสงค์ จะทำให้กระทบกระเทือนต่อหลักของพระพุทธศาสนา และเป็นความตรงไปตรงมา ก็น่าจะบอกว่าคำน ี้คิดค้นขึ้นมาเองแต่เพื่อถูกต้องแท้จริง เมื่อเป็นพระก็ต้องสอนให้ตรงตามพระธรรมวินัย

4. เรื่องบาป ย่อมชำระล้างได้ด้วยบุญ ที่สอนว่า เมื่อผู้ได้ก่อกรรมทำบาป หากสำนึกผิดก็จะต้องรีบล้างบาป โดยการหยุดทำบาป และสร้างบุญแทน เมื่อสั่งสมบุญ มากขึ้น ๆ วิบากแห่งกรรมชั่วย่อมตามมาไม่ทัน การพูดเช่นนี้จะไปเหมือนกับศาสนาอื่นที่ล้างบาปได้ ซึ่งจะทำให ้ผู้ทำบาปไม่เกรงกลัวความชั่ว ไม่มีในศาสนาพุทธ

"อาคม" ย้ำเป็นโจทก์ฟ้องปาราชิก

ส่วนนายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยืนยันว่าตนจะสั่งการให้ กรมการศาสนาเป็นโจทก์รวบรวมข้อมูลและ ยื่นฟ้องเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ในข้อหาอวดอุตริมนุสสธรรมแน่นอน หลังจากการประชุมมหาเถรฯมีมติแน่ชัดออกมาแล้ว ในวันที่ 10 พ.ค.

ที่ จ.ฉะเชิงเทรา นายชวน หลีกภัย นายก รัฐมนตรี ให้สัมภาณณ์แสดงเชื่อมั่นว่านายอาคมไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย และการที่มีข่าว ติดสินบน 150 ล้านบาท ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาเช่นนี้ ส่วนที่นายอาคมมาพบเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ก็เพื่อรายงาน ความคืบหน้า ในส่วนกรมการศาสนา ได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว และคงมีข้อยุติใน เร็ว ๆ นี้ ส่วนที่หลายฝ่ายเกรงว่าการประชุมมหาเถรฯ ในวันที่ 10 พ.ค.จะล่ม นายชวนกล่าวว่า ตนไม่เชื่อจะเป็นเช่นนั้น เพราะมหาถรฯ ก็เป็นผู้ใหญ่ คงพยายามแก้ไขปัญหาให้เร็วสุด จ

สอบต่อ"ไชยบูลย์"เอาเงินไปซื้อที่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันนี้ได้มีการ เตรียมพร้อมงานสำคัญอีกประการคือการโอน ที่ดินของนายไชยบูลย์ให้วัดพระธรรมกายที่กำหนด ไว้ในวันที่ 10 พ.ค.นี้

นายมาณพ ผลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับ 9 กรมการศาสนา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินเจ้าอาวาสวัดพระ ธรรมกาย กล่าวว่า ในข้อกฎหมายเรื่องการจัดประโยชน์การใช้ที่ดินของวัด ตลอดจนกฎมหาเถรสมาคมในเรื่องนี้ กำหนดไว้ชัดเจนว่า ที่ดินซึ่งเป็นสมบัติของวัด หากมีการนำมาจัดประโยชน์จะต้องเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยหากทำสัญญานิติกรรมต่ำกว่า 3 ปี เจ้าอาวาส มีเอกสิทธิ์ ที่จะดำเนินการได้ แต่หากเกินกว่านั้นต้องผ่าน ขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาศาสนสมบัติกลางประจำ (พศป.) และต้องเสนอต่อ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีไป ดังนั้นเงื่อนไขที่วัดพระธรรมกายได้ตกลงกับตัวแทนกระทรวงศึกษาฯ ที่ต้องการให ้ระบุเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ดิน แต่ละแปลงที่เจ้าอาวาสจะโอนให้วัดนั้นจึงไม่สามารถทำได้

"ข้อเสนอ ที่วัดพระธรรมกายเสนอมานั้น ถือว่าตกไปตามกฎหมาย ทางเจ้าอาวาสวัดพระ ธรรมกายเร่งโอนที่ดินเป็นของวัดในวันที่ 9 พ.ค. นั้น เพราะต้องการลดกระแส ที่สำคัญทางวัดคงไม่แน่ใจว่าการประชุมมหาเถรสมาคมที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 พ.ค. จะมีมติรับรองลายพระหัตถ์หรือไม่ เพราะหากที่ประชุมรับรอง ก็แสดงให้เห็นชัดว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมีความผิด เพราะมหาเถรสมาคมเคยมีมติให้เจ้าคณะภาค 1 รับไปดำเนินการ ให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายคืนที่ดินให้เป็นของวัดไปครั้งหนึ่งแล้ว"

ในส่วน ของคณะกรรมการติดตามการ คืนทรัพย์สินของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่กระทรวงศึกษาฯ แต่งตั้งขึ้นนั้น ความจริง จะเป็นตัวจักร สำคัญในการตรวจสอบทรัพย์สินส่วน อื่น ๆ ของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายด้วย โดยเฉพาะ จะต้องตรวจสอบสิ่งที่สำคัญ ที่สื่อมวลชน เสนอข่าวมาตลอดเวลา อาทิได้นำเงินบริจาคของญาติโยมมาซื้อที่ดินเหล่านี้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด มิฉะนั้น การตรวจสอบ อาจถูกมองว่าไม่โปร่งใสเพราะไม่ครอบคลุม รวมทั้งการนำเงินที่ประชาชนบริจาคไปถ่ายเทในการตั้งบริษัทหรือประกอบธุรกิจอื่น ๆ ด้วยหรือไม่

ศิษย์เอกบอกสื่อมวลชนตัวดี

ด้านนายมานิต รัตนสุวรรณ ศิษย์เอก ของวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า เรื่องการเจรจา ในการโอนที่ดินของเจ้าอาวาสวัด ให้เป็นสมบัติของวัด ตนไม่ทราบรายละเอียด เชื่อว่านายอาคมในฐานะผู้เจรจาฝ่ายกระทรวงศึกษาฯ คงแถลงในรายละเอียดทั้งหมด จำนวนที่ดินที่จะคืน 1,700 ไร่โดยประชาชน ได้ถวายให้ท่านเจ้าอาวาสโดยตรง ความจริงตามกฎหมายไม่มีความจำเป็นต้องโอนกลับมาให้เป็นของวัดก็ได้ แต่ก็ไม่อยากให้มีปัญหา เพราะที่ดินเหล่านี้ก็ไม่ได้สนใจอะไร และเจ้าอาวาส ประกาศตัวเองว่า จะถือบวชตลอดชีวิตไปทั้งหมด ก็จะต้องตกเป็นของวัดในที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของทางวัดพระ ธรรมกายเองคิดว่าหากมอบที่ดินแล้วปัญหาจะจบสิ้นลงหรือไม่ นายมานิต กล่าวว่า อยากจะถามกลับ ไปยังสื่อมวลชนมากกว่า เพราะปัญหาทั้งหมด เป็นของสื่อมวลชน และความจริงน่าจะยุติได้แล้ว ส่วนกรณีที่ ทางคณะกรรมการ ตรวจสอบทรัพย์สินที่ รมช.ศึกษาฯ ตั้งขึ้น ออกมาระบุว่าจะต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินอื่นของเจ้าอาวาสนอกเหนือจากที่ดินนั้น นายมานิต ระบุว่า ความจริง วัดเป็นนิติบุคคลกรมการศาสนาไม่น่าจะมีอำนาจในการเข้ามาล้วงลูกมากขนาดนั้น ปัญหาในเรื่องพระ ก็ต้องเป็นความตัดสินใจ ของมหาเถรสมาคม และที่ได้ดำเนินการคืนที่ดินก็ทำตามคำสั่งของคณะสงฆ์เท่านั้น

แก๊งนรกก่อกวนอีก

ขณะเดียวกัน แก๊งนรกสนับสนุนธรรมกายได้ออกใบปลิว 2 ฉบับ ๆ แรกเป็นใบปลิวระบุว่าลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราชน่าจะเกิดจาก คนใกล้ชิด ทำขึ้นมา และเป็นการทำให้กระแส มารมาทำลายศาสนาพุทธ โดยโทษปาราชิกคือโทษประหารทางธรรม หากไม่มีการสอบสวน ไม่เปิดโอกาส ให้ไปชี้แจง ถือว่าขาดเมตตาและความยุติธรรม ซึ่งสำนวนการทำใบปลิวเหมือนกับใบ ปลิวฉบับอื่น ๆ

นอกจากนั้น ยังมีจดหมายอีกฉบับมีเนื้อ ความว่า ศาสนาอื่นให้เงินล้มธรรมกายที่เป็นองค์กร เดียวที่จะเป็นอันตรายต่อศาสนาอื่น โดยระบุว่า คนที่มาเล่นงาน วัดพระธรรมกายคือพวกที่ได้เงินทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต), พระมหาบุญถึง ชุตินธโร, พระพยอม กัลยาโน รวมถึงผู้สื่อข่าว ทุกแขนง และลากเอานายเด่น โต๊ะมีนา ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนามาเล่นงานด้วย ว่าได้เงินไปแล้วแต่ไม่แสดงผลงาน

ผู้สื่อข่าว รายงานว่าคำพูดในจดหมายนรกฉบับนี้ บางส่วนไปสอดคล้องกับความหมายในคำเทศนาของพระสมชาย ฐานวุฑโฒ ผู้อำนวยการ ฝ่ายเผยแพร่ วัดพระธรรมายโดยบังเอิญ ที่กล่าวกับผู้นำบุญไว้ว่าองค์กรพุทธบริหารงานอ่อนแอที่สุด ความหวัง อาจจะมีในวัดพระธรรมกาย ที่จะฟื้นฟูพุทธศาสนาในโลก

ผู้สื่อข่าว รายงานถึงอาการสมเด็จพระสังฆราชด้วยว่า แพทย์ที่ถวายการรักษา ยังไม่อนุญาตให้ญาติโยม เข้าเฝ้าเพื่อให้พระอาการ หายทันการประชุมมหาเถรฯ วันที่ 10 พ.ค.นี้ แต่ได้มีการนำสมุดเยี่ยมพระอาการมาตั้งไว้ที่หน้าตำหนักคอยท่าปราโมท ซึ่งมีญาติโยมมาลงชื่อ อาทิ นายศักดิ์ เตชาชาญ ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี, พล.ร.ต.จิต ณ นคร, ม.ล.จรพรรณ จิดาภาคย์ ซึ่งผู้ลงชื่อในสมุดเยี่ยมแสดงความห่วงใยพระอาการ และสนับสนุน ให้กำลังใจพระองค์ที่ทรงมีลายพระหัตถ์กรณีวัดพระธรรมกาย